จากความเดิมตอนที่แล้ว
หญิงม่ายครอบครัวหนึ่งได้ยินข่าวมาว่า มีคนพบเจอผีปุ๊กกะโล่กแล้วได้ทรัพย์สมบัติมากมาย นางจึงวานให้ลูกสาวไปเฝ้าตูบ(กระท่อมกลางนา) เพื่อที่หวังจะได้สมบัติมา และผลสุดท้ายลูกสาวของเธอได้ถูก ผีชนิดนี้ทำร้ายจนเสียชีวิตภายในที่สุด
หญิงม่ายเมื่อเห็นสภาพศพลูกสาว เธอกับร้องไห้ต่อลูกสาวของตน พร่างบ่นในใจว่า "กูบอกฮื้ออู้ดีๆกับมัน อีห่าซากค่อน"
( ฉันบอกให้เธอพูดกับเขาดีๆ อีเวร) และแล้วหญิงสาวลุกขึ้นพร่าเตะศพลูกสาวของตนอย่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
เธอตัดสิ้นใจทิ้งศพลูกสาวไว้ ปลอ่ยให้มันเน่า เธอคิดในใจ ก็สมควรแล้วนิ ไม่เชื่อกูเอง และแล้วหญิงสาวก็ได้แต่งงานมีครอบครัวใหม่ และมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แต่แล้วครอบครัวนี้ก็ได้เสียพ่อที่พวกเขารักไป เขาได้รับรู้ถึงเรื่องราวของแม่ที่เล่าเรื่องผีเฒ่ากลางทุ่งนาให้ฟังแต่เขากลับไม่เชื่อ วันหนึ่งแม่ของเด็กชาย บอกว่าคืนนี้แม่จะไปเฝ้ากระท่อมเดี้ยวก็กลับมาแล้ว อยู่ดูแลตัวเองให้ดีนะ ว่าแล้วแม่ของเด็กชายก็จากไปทิ้งให้เด็กชายอยู่บ้านคนเดียวตามลำพัง
หญิงสาวเดินอย่างไม่คิดชีวิตว่าจะต้องเจอกันอะไร เมื่อเธอมายืนอยู่ ณ กระท่อม นึกถึงเรื่องราววันเก่าๆก็อดที่จะร่ำไห้ไม่ได้ พร่างบ่นในใจว่า "ลูกญิงกูต๋ายไปคนแล้ว ซู่จะเอาหยังแถม" หญิงสาวเฝ้ารอ รอ และก็รอ เผื่อที่จะล้างแค้นกับมันที่กล้าทำลูกของเธอ และแล้วเธอก็ได้ยินเสียงปริศนาดังขึ้นว่า "โก้ง โก้ง สาวนอนโต้งนอนนา บ่หลับเตื่อกา" (สาวที่มานอนเฝ้านา ทำไมหลับดึกจังเลย) หญิงสาวได้ยินดังนั้นถึงกับของขึ้น ไอ้เฒ่าคนนั้นมาแล้ว ว่าแล้วหญิงสาวก็เปิดประตูออกไป เธอไม่ตกใจ เธอไม่กลัว เพราะในขณะนี้ ในหัวเธอมีแต่ความแค้นเท่านั้น "หยังบ่หลับเตี้ย มีหยัง" (ยังไม่ง่วง มีอะไร) ชายชราถามว่า "โก้งเปี๊ยะเป๋นโก้งสัง" (กระโหลกที่ใช้ทำเปี๊ยะนั้นทำด้วยอะไร) หญิงสาวนิ่งเงียบ ชายชราชี้ไปที่หลักเปี๊ยะถามว่า "หลักเปี๊ยะเป๋นหลักสัง" (หลักของเปี๊ยะทำด้วยอะไร) ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเขาก็ถามต่อไปๆ แต่หญิงสาวกลับนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ ชายชราพูดขึ้นว่า "อีล้าเป๋นหยังก็ บ่ปากบ่จ๋า ก่อ" (หนูเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไหมไม่พูดไม่จาละ) หญิงสาวได้ยินดังนั้นถึงกับเก็บกดความแค้นไม่ไหว พร่างถืดมีดสับกระโหลกชายชรา เลือดสีแดงไหลทะลัก พร้อมการจากลาตำนานชายชรากลางทุ่ง หญิงสาวเตะศพชายชราดังกล่าว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอถึงกับร้องไห้เมื่อเห็นหน้าของลูกสาวคนแรกลอยมา "คิงมายะลูกฮายะหยัง คิงฮุ้จักฮาน้อยไป บ้าห่าผีกิน" (มาทำลูกกูทำไม รู้จักกูน้อยไปเสียแล้ว ไอ้สัสนรก) เธอเดินออกไปตามทางลูกรังเพื่อที่จะกลับบ้าน แต่แล้วเธอก็หมดแรง พอตื่นขึ้นมาอีกที่เธออยู่ภายในกระท่อมกลางนาอีกครั้ง หญิงสาววิ่งไปเปิดประตูแต่เปิดไม่ออก ทั้งๆที่ประตูคลุมด้วยหญ้ากกบางๆ กลับเเข็งแรงมาก แล้วอยู่ๆเสียงอันโหยหวยก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ''โก้ง โก้ง สาวนอนโต้งนอนนา จะหนีไปตั้งแดนิ'' (สาวที่มานอนเฝ้านา จะหนีไปไหนเนี่ย) การกลับมาของชายชรา หญิงสาวถึงกับผงะ จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเธอสับหัวมันเละขนาดนั้น "พั้งเตีย ฮีบไปตั้งแดเตีย มาฟังอีป้อแต๊กปินนี่ก่อน'' (อย่าพึ่งไป จะรีบไปไหน มาพังพ่อดีดพิณก่อน) ชายชรายืนอยู่ตรงหน้าหยิงสาวกล่าวอย่างใจเย็น
''ฟังฮื้อง่าวกะไอ้ เปิดแม่เดียวนี้ คิงเปิดฮื้อฮาแม่เดียวนี้'' (ฟังให้โง่สิ กูบอกให้เปิด เปิดเดี้ยวนี้) ''พั้งเตีย แอ๊ะ! โก้งเปี๊ยะนี้เอาหัวอีล้าดีกว่า'' (อย่ารีบร้อน แอ๊ะ ตัวโครงพิณเอาหัวหนูดีกว่า) "หลักเปี๊ยะเอานิ้วอีล้าท่าจะเหมาะ" (หลักพิณเอานิ้วหนูดีกว่า) ''เลาเปี๊ยะเอาขี้ข้างอีกล้าท่าจะเปิ้ง'' (เลาพิณเอากระดูกหนูดีกว่า) "เปิดฮื้อฮาเดี้ยวนี้" (เปิดให้กูเดี้ยวนี้) หญิงสาวกล่าวขัดจังหวะ ชายชราได้ยินดังนั้น วิ่งเข้าไปกระชากศรีษะหญิงสาวอย่างแรกจนหัวขาดสะบั้น ดึงสายพิณออก ร้อยเข้าไปที่จมูก ผ่านทะลุถึงตาที่พร้อมจะถลอนออกมา แต่สยอดสยองที่สุดคือ เขากระชากปากของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายออก จากนั้นงักปากอย่างรุนแรงจนรอยต่อขากรรไกรล่างปากขาดสะบั้นออกจากกัน ชายชรายยกศรีษะอันแน่นิ่งของเธอ พร้อมกับกระซิบข้างๆหูว่า ''ปากมันนะ หัดอู้ฮื้อมันดีๆ อีห่าปันตาย'' (ควรพูดให้มันดีๆหน่อย อีสัสนรก) ชายชราสั่งสอนเธอ ราวกับคราวที่เธอได้สั่งสอนลูกสาวของเธอในครั้งก่อน ร่างชายชราได้หายไปพร้อมกับพิณเปี๊ยที่คู่ใจ พร้อมกับถืดศรีษะของหญิงสาวไปด้วย ทิ้งให้เหลือแต่ร่างอันไร้วิญญาณที่นอนแน่นิ่งอยู่ในกระท่อมแห่งนั้น เด็กชายนอนเฝ้ารอคอยผู้เป็นแม่ภายในห้องนอน เฝ้ามองดูที่หน้าต่าง แต่ก็ไร้ซึ่งเงาหัวของผู้เป็นแม่ แล้วอยู่ๆเขาก็เห็นร่างชายชราเดินมายังบ้านเขา แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าบ้าน พลันเงยขึ้นไปยังหน้าต่าง แล้วขว้างศรีษะของผู้เป็นแม่ ขว้างผ่านกระจกจนแตกมายังห้องของเด็กน้อย หัวของผู้เป็นแม่พูดขึ้นมาว่า ''จ่วยแม่จิ๋ม'' (ช่วยแม่ด้วย) เด็กน้อยถึงกับเข่าอ่อน เข้าไปกอดศรีษะของแม่พร่ำร้องไห้ แม่ครับ ''เฮาจะอยู่โตยกัน เปิ้ลจะบ่หนีไปไหน'' (แม่ครับ เราจะอยู่ด้วยกัน ผมจะไม่ไปไหน)
ชายชราร้องเพลงอันโหยหวนอย่างไพเราะ ''โก้ง โก้ง ดีสะดูบ้าน้อยง่าว แม่มันตายเหียละ'' (สงสารเด็กน้อยเหลือเกิน แม่ตายเสียแล้ว) และเดินลับไปในทุ่งนาในที่สุด
ตำนานชายแก่กลางทุ่งนาในยามรัตติกาล 2
หญิงม่ายครอบครัวหนึ่งได้ยินข่าวมาว่า มีคนพบเจอผีปุ๊กกะโล่กแล้วได้ทรัพย์สมบัติมากมาย นางจึงวานให้ลูกสาวไปเฝ้าตูบ(กระท่อมกลางนา) เพื่อที่หวังจะได้สมบัติมา และผลสุดท้ายลูกสาวของเธอได้ถูก ผีชนิดนี้ทำร้ายจนเสียชีวิตภายในที่สุด
หญิงม่ายเมื่อเห็นสภาพศพลูกสาว เธอกับร้องไห้ต่อลูกสาวของตน พร่างบ่นในใจว่า "กูบอกฮื้ออู้ดีๆกับมัน อีห่าซากค่อน"
( ฉันบอกให้เธอพูดกับเขาดีๆ อีเวร) และแล้วหญิงสาวลุกขึ้นพร่าเตะศพลูกสาวของตนอย่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
เธอตัดสิ้นใจทิ้งศพลูกสาวไว้ ปลอ่ยให้มันเน่า เธอคิดในใจ ก็สมควรแล้วนิ ไม่เชื่อกูเอง และแล้วหญิงสาวก็ได้แต่งงานมีครอบครัวใหม่ และมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แต่แล้วครอบครัวนี้ก็ได้เสียพ่อที่พวกเขารักไป เขาได้รับรู้ถึงเรื่องราวของแม่ที่เล่าเรื่องผีเฒ่ากลางทุ่งนาให้ฟังแต่เขากลับไม่เชื่อ วันหนึ่งแม่ของเด็กชาย บอกว่าคืนนี้แม่จะไปเฝ้ากระท่อมเดี้ยวก็กลับมาแล้ว อยู่ดูแลตัวเองให้ดีนะ ว่าแล้วแม่ของเด็กชายก็จากไปทิ้งให้เด็กชายอยู่บ้านคนเดียวตามลำพัง
หญิงสาวเดินอย่างไม่คิดชีวิตว่าจะต้องเจอกันอะไร เมื่อเธอมายืนอยู่ ณ กระท่อม นึกถึงเรื่องราววันเก่าๆก็อดที่จะร่ำไห้ไม่ได้ พร่างบ่นในใจว่า "ลูกญิงกูต๋ายไปคนแล้ว ซู่จะเอาหยังแถม" หญิงสาวเฝ้ารอ รอ และก็รอ เผื่อที่จะล้างแค้นกับมันที่กล้าทำลูกของเธอ และแล้วเธอก็ได้ยินเสียงปริศนาดังขึ้นว่า "โก้ง โก้ง สาวนอนโต้งนอนนา บ่หลับเตื่อกา" (สาวที่มานอนเฝ้านา ทำไมหลับดึกจังเลย) หญิงสาวได้ยินดังนั้นถึงกับของขึ้น ไอ้เฒ่าคนนั้นมาแล้ว ว่าแล้วหญิงสาวก็เปิดประตูออกไป เธอไม่ตกใจ เธอไม่กลัว เพราะในขณะนี้ ในหัวเธอมีแต่ความแค้นเท่านั้น "หยังบ่หลับเตี้ย มีหยัง" (ยังไม่ง่วง มีอะไร) ชายชราถามว่า "โก้งเปี๊ยะเป๋นโก้งสัง" (กระโหลกที่ใช้ทำเปี๊ยะนั้นทำด้วยอะไร) หญิงสาวนิ่งเงียบ ชายชราชี้ไปที่หลักเปี๊ยะถามว่า "หลักเปี๊ยะเป๋นหลักสัง" (หลักของเปี๊ยะทำด้วยอะไร) ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเขาก็ถามต่อไปๆ แต่หญิงสาวกลับนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ ชายชราพูดขึ้นว่า "อีล้าเป๋นหยังก็ บ่ปากบ่จ๋า ก่อ" (หนูเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไหมไม่พูดไม่จาละ) หญิงสาวได้ยินดังนั้นถึงกับเก็บกดความแค้นไม่ไหว พร่างถืดมีดสับกระโหลกชายชรา เลือดสีแดงไหลทะลัก พร้อมการจากลาตำนานชายชรากลางทุ่ง หญิงสาวเตะศพชายชราดังกล่าว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอถึงกับร้องไห้เมื่อเห็นหน้าของลูกสาวคนแรกลอยมา "คิงมายะลูกฮายะหยัง คิงฮุ้จักฮาน้อยไป บ้าห่าผีกิน" (มาทำลูกกูทำไม รู้จักกูน้อยไปเสียแล้ว ไอ้สัสนรก) เธอเดินออกไปตามทางลูกรังเพื่อที่จะกลับบ้าน แต่แล้วเธอก็หมดแรง พอตื่นขึ้นมาอีกที่เธออยู่ภายในกระท่อมกลางนาอีกครั้ง หญิงสาววิ่งไปเปิดประตูแต่เปิดไม่ออก ทั้งๆที่ประตูคลุมด้วยหญ้ากกบางๆ กลับเเข็งแรงมาก แล้วอยู่ๆเสียงอันโหยหวยก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ''โก้ง โก้ง สาวนอนโต้งนอนนา จะหนีไปตั้งแดนิ'' (สาวที่มานอนเฝ้านา จะหนีไปไหนเนี่ย) การกลับมาของชายชรา หญิงสาวถึงกับผงะ จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเธอสับหัวมันเละขนาดนั้น "พั้งเตีย ฮีบไปตั้งแดเตีย มาฟังอีป้อแต๊กปินนี่ก่อน'' (อย่าพึ่งไป จะรีบไปไหน มาพังพ่อดีดพิณก่อน) ชายชรายืนอยู่ตรงหน้าหยิงสาวกล่าวอย่างใจเย็น
''ฟังฮื้อง่าวกะไอ้ เปิดแม่เดียวนี้ คิงเปิดฮื้อฮาแม่เดียวนี้'' (ฟังให้โง่สิ กูบอกให้เปิด เปิดเดี้ยวนี้) ''พั้งเตีย แอ๊ะ! โก้งเปี๊ยะนี้เอาหัวอีล้าดีกว่า'' (อย่ารีบร้อน แอ๊ะ ตัวโครงพิณเอาหัวหนูดีกว่า) "หลักเปี๊ยะเอานิ้วอีล้าท่าจะเหมาะ" (หลักพิณเอานิ้วหนูดีกว่า) ''เลาเปี๊ยะเอาขี้ข้างอีกล้าท่าจะเปิ้ง'' (เลาพิณเอากระดูกหนูดีกว่า) "เปิดฮื้อฮาเดี้ยวนี้" (เปิดให้กูเดี้ยวนี้) หญิงสาวกล่าวขัดจังหวะ ชายชราได้ยินดังนั้น วิ่งเข้าไปกระชากศรีษะหญิงสาวอย่างแรกจนหัวขาดสะบั้น ดึงสายพิณออก ร้อยเข้าไปที่จมูก ผ่านทะลุถึงตาที่พร้อมจะถลอนออกมา แต่สยอดสยองที่สุดคือ เขากระชากปากของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายออก จากนั้นงักปากอย่างรุนแรงจนรอยต่อขากรรไกรล่างปากขาดสะบั้นออกจากกัน ชายชรายยกศรีษะอันแน่นิ่งของเธอ พร้อมกับกระซิบข้างๆหูว่า ''ปากมันนะ หัดอู้ฮื้อมันดีๆ อีห่าปันตาย'' (ควรพูดให้มันดีๆหน่อย อีสัสนรก) ชายชราสั่งสอนเธอ ราวกับคราวที่เธอได้สั่งสอนลูกสาวของเธอในครั้งก่อน ร่างชายชราได้หายไปพร้อมกับพิณเปี๊ยที่คู่ใจ พร้อมกับถืดศรีษะของหญิงสาวไปด้วย ทิ้งให้เหลือแต่ร่างอันไร้วิญญาณที่นอนแน่นิ่งอยู่ในกระท่อมแห่งนั้น เด็กชายนอนเฝ้ารอคอยผู้เป็นแม่ภายในห้องนอน เฝ้ามองดูที่หน้าต่าง แต่ก็ไร้ซึ่งเงาหัวของผู้เป็นแม่ แล้วอยู่ๆเขาก็เห็นร่างชายชราเดินมายังบ้านเขา แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าบ้าน พลันเงยขึ้นไปยังหน้าต่าง แล้วขว้างศรีษะของผู้เป็นแม่ ขว้างผ่านกระจกจนแตกมายังห้องของเด็กน้อย หัวของผู้เป็นแม่พูดขึ้นมาว่า ''จ่วยแม่จิ๋ม'' (ช่วยแม่ด้วย) เด็กน้อยถึงกับเข่าอ่อน เข้าไปกอดศรีษะของแม่พร่ำร้องไห้ แม่ครับ ''เฮาจะอยู่โตยกัน เปิ้ลจะบ่หนีไปไหน'' (แม่ครับ เราจะอยู่ด้วยกัน ผมจะไม่ไปไหน)
ชายชราร้องเพลงอันโหยหวนอย่างไพเราะ ''โก้ง โก้ง ดีสะดูบ้าน้อยง่าว แม่มันตายเหียละ'' (สงสารเด็กน้อยเหลือเกิน แม่ตายเสียแล้ว) และเดินลับไปในทุ่งนาในที่สุด