ในขณะที่สายลมหนาวแห่งอัลเบอร์ตาพัดผ่าน นักบรรพชีวินวิทยาก็ได้เผยความลับที่ซ่อนเร้นมากว่า 30 ปี ฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตที่เคยโบยบินบนท้องฟ้าในยุคครีเทเชียส ถูกระบุว่าเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน เจ้าสิ่งนี้ถูกขนานนามว่า Cryodrakon boreas หรือ "มังกรน้ำแข็ง แห่งสายลมเหนือ"
Cryodrakon boreas ไม่ใช่มังกรน้ำแข็งในนิยายแฟนตาซี แต่เป็นเทอโรซอร์ สัตว์เลื้อยคลานบินได้ที่มีปีกขนาดมหึมาซึ่งเคยโบยบินในอากาศที่อบอุ่นของอัลเบอร์ตา (รัฐทางตะวันตกของแคนาดา) เมื่อกว่า 76 ล้านปีก่อน แม้ว่าปัจจุบันพื้นที่นี้จะหนาวเย็น แต่ในยุคครีเทเชียส มันเคยเป็นดินแดนที่เขียวชอุ่ม และอบอุ่น
ฟอสซิลมังกรน้ำแข็งถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1992 ใน Dinosaur Provincial Park และใช้เวลานานเกือบสามทศวรรษกว่าที่จะได้รับการยืนยันว่าเป็นสกุลใหม่ของเทอโรซอร์ การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าทวีปอเมริกาเหนือในยุคครีเทเชียส (Cretaceous) มีเทอโรซอร์ขนาดใหญ่ถึงสองสายพันธุ์ และช่วยขยายความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายของกลุ่ม azhdarchid ที่มีชื่อเสียงในด้านขนาดใหญ่โตที่อาจสูงเกือบ 8 ฟุต ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมังกรในตำนานเปอร์เซีย
.
หนึ่งในคุณลักษณะที่โดดเด่นของเทอโรซอร์คือโพรงอากาศในกระดูกคอที่เรียกว่า pneumatophores ซึ่งช่วยให้น้ำหนักตัวเบาลง Cryodrakon มีการจัดเรียงโพรงเหล่านี้ในรูปแบบเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร การค้นพบนี้ทำให้มันได้รับการยอมรับว่าเป็นสกุลใหม่
: และนี่อาจเป็นเหตุให้ มังกรน้ำแข็งแห่งสายลมเหนือ นั้นบินได้
คาดว่าปีกที่กางออกได้ยาวถึง 16 ฟุต (ประมาณ 4.8 เมตร) และอาจเติบโตจนมีขนาดปีกยาวสูงสุดถึง 33 ฟุต (10 เมตร) ซึ่งใกล้เคียงกับญาติของมันที่ชื่อว่า Quetzalcoatlus northropi เทอโรซอร์ในกลุ่ม azhdarchid ที่มีชื่อเสียงด้านขนาดใหญ่โต และมีลำตัวที่โดดเด่นด้วยหัว และคอยาว
การศึกษา Cryodrakon ที่ผ่านมานั้นประสบปัญหาจากการขาดข้อมูลเกี่ยวกับ Quetzalcoatlus northropi ฟอสซิลที่ดีที่สุดของสายพันธุ์นี้ยังไม่ได้รับการบันทึกข้อมูลอย่างครบถ้วน แม้ว่าจะถูกค้นพบตั้งแต่ปี 1975 ความล่าช้านี้ทำให้นักวิจัยต้องสันนิษฐานว่าฟอสซิลใหม่ที่พบในภูมิภาคอเมริกาเหนือเป็นของ Quetzalcoatlus โดยขาดการเปรียบเทียบที่เพียงพอ
.
ในอนาคตใครจะรู้ว่ายังมี "มังกร" ตัวไหน อาจจะเป็นมังกรไฟ มังกรลม ที่กำลังรอให้เราค้นพบอีก..
"Appreciate a Dragon Day" จัดขึ้นในวันที่ 16 มกราคมของทุกปี เพื่อระลึกถึงมังกรในตำนาน และแบ่งปันความหลงใหลในสิ่งมีชีวิตลี้ลับเหล่านี้
.
วันนี้มีจุดเริ่มต้นจากนักเขียนนิยายแฟนตาซีชื่อดัง โดนิตา เค. พอล (Donita K. Paul) ซึ่งได้สร้างสรรค์นิยายแฟนตาซีเรื่องแรกของเธอชื่อ Dragonspell และต้องการเฉลิมฉลองการตีพิมพ์ผลงานนั้น ความสำเร็จของหนังสือเล่มนี้นำไปสู่นิยายชุด The DragonKeeper Chronicles ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของมังกรและการผจญภัย
: Donita K. Paul ผลงาน
- The DragonKeeper Chronicles (DragonSpell, DragonQuest, DragonKnight, DragonFire, DragonLight)
- The Vanishing Sculptor
- Dragons of the Valley
ฯลฯ
EP1:
https://ppantip.com/topic/43194480
EP2:
https://ppantip.com/topic/43199530
.
โรมูลัส และเรมัส เดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งริมฝั่งแม่น้ำ เมื่อทั้งสองเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างพากันหยุดทำงาน และมองดูชายหนุ่มแปลกหน้า พวกเขาไม่ใช่ผู้มาเยือนที่น่ากลัว โรมูลัส และเรมัสยิ้มอย่างเป็นมิตร พลางยกมือทักทาย
"พวกเรามาจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ” เรมัสกล่าว “กำลังเดินทางสำรวจพื้นที่ ไม่ต้องกลัว เราไม่ได้มาร้าย"
ชายชราคนหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มชาวบ้าน เขาถือไม้เท้าสำหรับเดิน และมองดูพวกเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น “พวกเจ้าดูเหมือนไม่ใช่คนธรรมดา” เขากล่าว
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกับชายชรา เสียงร้องดังมาจากอีกฟากหนึ่งของหมู่บ้าน หญิงสาวคนหนึ่งกำลังร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่ฝูงแกะของเธอกำลังถูกหมาป่าไล่ล่า
"ช่วยด้วย! พวกมันจะจับแกะของฉันไป" เธอตะโกน
โรมูลัส และเรมัสไม่ลังเล พวกเขาวิ่งตรงไปยังที่เกิดเหตุ โรมูลัสหยิบหอกที่วางอยู่ใกล้ๆ ขณะที่เรมัสหยิบก้อนหิน และขว้างไปที่ขาของหมาป่าในทันที ด้วยพละกำลังที่เหนือมนุษย์ ทำให้หมาป่าส่งเสียงคำรามถึงความเจ็บปวด ขาของมันขาดทันที เรมันตกใจในพละกำลังของตัวเอง เขาไม่คิดว่า การขว้างหินที่ไม่ได้ใช้แรงมากจะส่งผลได้ขนาดนี้
เรมัสรีบบอกให้ โรมูลัสหยุดก่อน หมาป่าสภาพบาดเจ็บหนัก ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งเจ็บปวดจากขาที่ขาด และหวาดกลัวพวกเขาทั้งสองเป็นอย่างมาก จากนั้นหมาป่าจึงค่อยๆ ย่อตัวหมอบลง และพยายามคลานออกจากตรงที่เขาทั้งสองยื่นอยู่
เรมัสพูดขึ้นว่า "มันเจ็บหนักขนาดนี้ คงจะไม่มาอีกเป็นแน่ เรายังไปสังหารมันเลย" โรมูลัสพยักหน้าตอบรับ
หญิงสาวยิ้มด้วยความโล่งใจ "ขอบคุณพวกท่านมาก" เธอกล่าวพลางจูงแกะกลับมา พร้อมกับมองดูรูปลักษณ์ของทั้งสองคนอย่างตกตะลึง..
.
โรมูลัส มีผมสีดำขลับ และดวงตาสีเข้มที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น และปัญญา มีร่างกายที่สูงใหญ่บึกบึน กล้ามเนื้อที่เห็นได้ชัดเจนจากการใช้ชีวิตที่ต้องพึ่งพาความแข็งแรงของร่างกาย และมีรอยแผลเป็นเล็กๆ บนแขน
.
เรมัส มีผมสีเข้มเหมือนโรมูลัส แต่ดวงตาของเขามีประกายอบอุ่นและเปิดเผยถึงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ร่างกายที่คล้ายกับโรมูลัส แต่ล่ำสันน้อยกว่าเล็กน้อย เขามีรูปร่างที่คล่องแคล่วและว่องไวเหมือนหมาป่า มีรอยขีดข่วนเล็กๆ บนใบหน้า
.
หลังเหตุการณ์ผ่านไป ชาวบ้านเริ่มเปิดใจให้กับโรมูลัส และเรมัส พวกเขาเล่าถึงความยากลำบากที่เกิดจากการถูกกษัตริย์อามูลิอัสเก็บภาษีหนัก และความหวาดกลัวจากสัตว์ป่า
"เราอยากจะมีชีวิตที่สงบสุข แต่ดูเหมือนความสงบสุขนั้นจะอยู่ห่างไกลเหลือเกิน" ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า
โรมูลัสมองไปยังเรมัส ทั้งสองพยักหน้าให้กัน “บางที เราอาจช่วยพวกท่านได้ในอนาคต” โรมูลัสตอบ
ก่อนจากไป ชาวบ้านได้นำอาหาร และน้ำมาให้เป็นเสบียงเดินทาง “พวกท่านเป็นผู้กล้าหาญ และเราหวังว่าสักวันจะได้พบกันอีก” หญิงสาวที่พวกเขาช่วยไว้กล่าว
ชายชราได้บอกกับพวกเขาทั้งสอง ให้เดินไปตามทางสายนี้ ก่อนที่จะถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง และเลยหมู่บ้านไปก็จะมีเมืองใหญ่
โรมูลัส และเรมัสเดินออกจากหมู่บ้านพร้อมเสียงอวยพรของชาวบ้าน แม้จะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ แต่ประสบการณ์ที่ได้รับสอนพวกเขาถึงความทุกข์ยากของผู้คน และปลุกความมุ่งมั่นในใจพวกเขาที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่า
“เราจะไม่ลืมหมู่บ้านนี้” เรมัสกล่าว
“และเราจะไม่ลืมสิ่งที่เราต้องทำ” โรมูลัสเสริม ก่อนทั้งสองจะเดินต่อไปยังเส้นทางที่โชคชะตาได้กำหนดไว้
.
พวกเขาได้เดินทางมาตามเส้นทางสายเล็กที่ชายชราได้บอกไว้ เป็นการเดินทางที่ใช้เวลามากถึง 3 วัน ก็พบกับหมู่บ้านอีกแห่ง เมื่อก้าวเข้ามาภายในหมู่บ้าน ทุกคนที่ได้พบเห็น ต่างก็พากันหวาดกลัว และระมัดระวังตัว พวกเขาแทบไม่มองหน้าในขณะที่เขาทั้งสองเดินเข้าไปทักทาย และเริ่มที่จะพูดคุย
“ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?” เรมัสถามหญิงชราผู้หนึ่งที่กำลังปั่นด้าย
หญิงชรามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ก่อนกระซิบเบาๆ "กษัตริย์อามูลิอัส เขาส่งคนมาเก็บภาษีหนักจนพวกเราแทบไม่มีอะไรเหลือ กองทัพของเขาก็คอยจับตาดูพวกเรา ถ้าใครขัดขืน.." เธอเงียบไป ราวกับกลัวว่าจะถูกได้ยิน
โรมูลัสขมวดคิ้ว "ทำไมถึงไม่มีใครลุกขึ้นต่อสู้"
หญิงชราส่ายหน้า "พวกเราทำได้แค่เพียงทำงานที่ทำได้ ให้ผ่านไปแต่ละวัน เพื่อให้พอมีข้าวกินทุกมื้อ และเพียงพอที่จะจ่ายภาษี เท่านี้ก็เต็มที่แล้ว พวกเราไม่มีกำลังอะไรจะไปต่อสู้หรอก.."
เรมัส พูดขึ้นว่า "พวกเราสามารถเข้าพักที่ไหนได้ในหมู่บ้านนี้"
"ท่านทั้งสองควรรีบไปจากที่นี่ ในช่วงนี้มีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ในป่าที่คอยเข้ามาโจมตีหมู่บ้านของพวกเรา มันเอาสัตว์เลี้ยงของเราไป และบางครั้งก็ทำร้ายคนด้วย" หญิงชราตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกลัว
โรมูลัส และเรมัสมองหน้ากัน ความอยากรู้อยากเห็นผสมกับความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้อื่นทำให้พวกเขาตัดสินใจ กล่าวขอหญิงชราพักที่นี่ โดยบอกว่า เราสามารถนอนตรงไหนก็ได้ ในบริเวณบ้าน โดยจะไม่ขอเข้าไปในบ้าน เธอลังเลอยู่สักพัก พร้อมกับมองพวกเขาทั้งสอง และเมื่อดูรูปลักษณ์ของโรมูลัส และเรมัส อย่างตั้งใจแล้ว ก็ได้เห็นถึงความสง่า และดูไม่ใช่คนธรรมดา จึงตกลงให้พวกเขาทั้งสองพักในบ้านที่อยู่ติดกัน ที่มีไว้สำหรับเก็บของ
.
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า โรมูลัส และเรมัสเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด พวกเขาหยิบหอกกับคันธนูที่มีอยู่ภายในบ้านเก็บของของหญิงชรา ขึ้นมาพร้อมกับทำความสะอาด และทดลองใช้ เมื่อดูว่ายังใช้งานได้ พวกเขาจึงเดินเข้าขออนุญาตใช้กับหญิงชรา ซึ่งเธอก็ตอบตกลงมาในทันที
ค่ำคืนอันเงียบสงบถูกปกคลุมด้วยความมืด แสงจันทร์ส่องลอดผ่านยอดไม้ในป่าใหญ่ โรมูลัส และเรมัสยืนอยู่กลางหมู่บ้านเล็กๆ รอคอยบางสิ่งที่ทุกคนหวาดกลัว ชาวบ้านปิดประตูบ้านอย่างแน่นหนา มีเพียงสายตาหวาดกลัวที่แอบมองผ่านหน้าต่าง
โรมูลัสกระชับหอกในมือ ขณะที่เรมัสตรวจดูคันธนู และลูกธนูของเขาอีกครั้ง "พร้อมหรือยัง" เรมัสถามเบาๆ
"พร้อมเสมอ" โรมูลัสตอบ
เสียงคำรามดังก้องมาจากทางป่าใหญ่ เสียงนั้นค่อยๆ ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เป็นเสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝีเท้าหนักหน่วงดังก้อง ตรงมายังทิศทางที่พวกเขาทั้งสองอยู่
ทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่ง มีเพียงสายลมที่พัดพาเอากลิ่นคาวลอยมา
..ทันใดนั้น สัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้น มันเป็นสัตว์ร่างใหญ่เท่าม้า มีขนสีดำสนิท เขายาวแหลมคดเคี้ยวเหมือนเถาวัลย์ และดวงตาสีแดงวาวโรจน์ ริมฝีปากเผยเขี้ยวคมที่เปื้อนเลือด
“อย่ากลัวมัน” โรมูลัสพูด ขณะที่สัตว์ประหลาดคำรามก้อง
โรมูลัสก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เขายกหอกขึ้นในท่าป้องกัน "มาเลย เข้ามา" เขาตะโกนใส่ สัตว์ประหลาดพุ่งตรงมาที่เขา กรงเล็บใหญ่ขูดกับพื้นดินจนฝุ่นคลุ้ง ในจังหวะเดียวกัน เรมัสที่ซุ่มอยู่ด้านข้างในเงามืดดึงสายธนูสุดแรง ลูกธนูพุ่งตรงเข้าที่ไหล่ของสัตว์ประหลาด ด้วยความแรง ลูกธนูถึงกับทะลุผ่านร่างของสัตว์ประหลาด มันคำรามด้วยความเจ็บปวด หันขวับไปทางเรมัส แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร โรมูลัสก็พุ่งเข้าแทงหอกไปที่สีข้างของมันในทันที
สัตว์ประหลาดดิ้นรน มันเหวี่ยงตัวกระแทกโรมูลัสจนล้มลงกับพื้น และใช้กรงเล็บตะปบไปที่โรมูลัส แต่ในตอนนั้นโรมูลัสหมุนตัวหลบและใช้หอกในมือพุ่งเข้าแทงตรงที่หัวใจของมัน.. มันคำรามครั้งสุดท้ายก่อนจะล้มลง ดวงตาแดงวาวโรจน์ของมันดับลง ความเงียบกลับมาอีกครั้ง
.
ช่วงเวลาแห่งความเงียบ พร้อมกับความตกใจของชาวบ้าน ที่เห็นสัตว์ประหลาดล้มลง และเสียชีวิต ชาวบ้านเริ่มออกมาจากบ้านของพวกเขา บ้างร้องไห้ด้วยความดีใจ บ้างยกมืออธิษฐานด้วยความขอบคุณ โรมูลัส และเรมัสยืนมองร่างไร้ชีวิตของสัตว์ประหลาด
"พวกเราทำได้" เรมัสพูดพลางถอนหายใจ
"ใช่ แต่ไม่ใช่เพราะความกล้าหาญของเราคนเดียว" โรมูลัสตอบ "มันเป็นเพราะเราร่วมมือกัน"
หัวหน้าหมู่บ้านก้าวออกมาพร้อมเครื่องรางที่ทำจากเขาของสัตว์ประหลาด "ขอบคุณท่านทั้งสอง ที่ช่วยปลดปล่อยหมู่บ้านของเรา เราจะจดจำความกล้าหาญนี้ตลอดไป"
โรมูลัสรับเครื่องรางนั้นมา ก่อนจะมองไปยังเรมัส "นี่จะเป็นเครื่องเตือนใจว่า ความกลัวมีไว้ให้เผชิญหน้า และพลังของการทำงานร่วมกันสามารถเอาชนะสิ่งใดก็ได้"
...
ต่อ EP 4 ในโพสต่อไปครับผม
.
ในโลกของเรา ยุคโบราณ อาจจะมีมังกรหลากหลายแบบอยู่ก็เป็นได้ เพื่อนๆ คิดว่าอย่างไรกันบ้างครับ มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมมาแชร์กันครับผม
มังกรมีจริงหรือไม่! มังกรน้ำแข็งเมื่อกว่า 76 ล้านปีก่อน.. และอ่านต่อกับ EP3 ตำนานโรมูลัส และเรมัส กำเนิดกรุงโรม
Cryodrakon boreas ไม่ใช่มังกรน้ำแข็งในนิยายแฟนตาซี แต่เป็นเทอโรซอร์ สัตว์เลื้อยคลานบินได้ที่มีปีกขนาดมหึมาซึ่งเคยโบยบินในอากาศที่อบอุ่นของอัลเบอร์ตา (รัฐทางตะวันตกของแคนาดา) เมื่อกว่า 76 ล้านปีก่อน แม้ว่าปัจจุบันพื้นที่นี้จะหนาวเย็น แต่ในยุคครีเทเชียส มันเคยเป็นดินแดนที่เขียวชอุ่ม และอบอุ่น
ฟอสซิลมังกรน้ำแข็งถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1992 ใน Dinosaur Provincial Park และใช้เวลานานเกือบสามทศวรรษกว่าที่จะได้รับการยืนยันว่าเป็นสกุลใหม่ของเทอโรซอร์ การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าทวีปอเมริกาเหนือในยุคครีเทเชียส (Cretaceous) มีเทอโรซอร์ขนาดใหญ่ถึงสองสายพันธุ์ และช่วยขยายความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายของกลุ่ม azhdarchid ที่มีชื่อเสียงในด้านขนาดใหญ่โตที่อาจสูงเกือบ 8 ฟุต ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมังกรในตำนานเปอร์เซีย
.
หนึ่งในคุณลักษณะที่โดดเด่นของเทอโรซอร์คือโพรงอากาศในกระดูกคอที่เรียกว่า pneumatophores ซึ่งช่วยให้น้ำหนักตัวเบาลง Cryodrakon มีการจัดเรียงโพรงเหล่านี้ในรูปแบบเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร การค้นพบนี้ทำให้มันได้รับการยอมรับว่าเป็นสกุลใหม่
: และนี่อาจเป็นเหตุให้ มังกรน้ำแข็งแห่งสายลมเหนือ นั้นบินได้
คาดว่าปีกที่กางออกได้ยาวถึง 16 ฟุต (ประมาณ 4.8 เมตร) และอาจเติบโตจนมีขนาดปีกยาวสูงสุดถึง 33 ฟุต (10 เมตร) ซึ่งใกล้เคียงกับญาติของมันที่ชื่อว่า Quetzalcoatlus northropi เทอโรซอร์ในกลุ่ม azhdarchid ที่มีชื่อเสียงด้านขนาดใหญ่โต และมีลำตัวที่โดดเด่นด้วยหัว และคอยาว
การศึกษา Cryodrakon ที่ผ่านมานั้นประสบปัญหาจากการขาดข้อมูลเกี่ยวกับ Quetzalcoatlus northropi ฟอสซิลที่ดีที่สุดของสายพันธุ์นี้ยังไม่ได้รับการบันทึกข้อมูลอย่างครบถ้วน แม้ว่าจะถูกค้นพบตั้งแต่ปี 1975 ความล่าช้านี้ทำให้นักวิจัยต้องสันนิษฐานว่าฟอสซิลใหม่ที่พบในภูมิภาคอเมริกาเหนือเป็นของ Quetzalcoatlus โดยขาดการเปรียบเทียบที่เพียงพอ
.
ในอนาคตใครจะรู้ว่ายังมี "มังกร" ตัวไหน อาจจะเป็นมังกรไฟ มังกรลม ที่กำลังรอให้เราค้นพบอีก..
"Appreciate a Dragon Day" จัดขึ้นในวันที่ 16 มกราคมของทุกปี เพื่อระลึกถึงมังกรในตำนาน และแบ่งปันความหลงใหลในสิ่งมีชีวิตลี้ลับเหล่านี้
.
วันนี้มีจุดเริ่มต้นจากนักเขียนนิยายแฟนตาซีชื่อดัง โดนิตา เค. พอล (Donita K. Paul) ซึ่งได้สร้างสรรค์นิยายแฟนตาซีเรื่องแรกของเธอชื่อ Dragonspell และต้องการเฉลิมฉลองการตีพิมพ์ผลงานนั้น ความสำเร็จของหนังสือเล่มนี้นำไปสู่นิยายชุด The DragonKeeper Chronicles ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของมังกรและการผจญภัย
: Donita K. Paul ผลงาน
- The DragonKeeper Chronicles (DragonSpell, DragonQuest, DragonKnight, DragonFire, DragonLight)
- The Vanishing Sculptor
- Dragons of the Valley
ฯลฯ
EP1: https://ppantip.com/topic/43194480
EP2: https://ppantip.com/topic/43199530
.
โรมูลัส และเรมัส เดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งริมฝั่งแม่น้ำ เมื่อทั้งสองเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างพากันหยุดทำงาน และมองดูชายหนุ่มแปลกหน้า พวกเขาไม่ใช่ผู้มาเยือนที่น่ากลัว โรมูลัส และเรมัสยิ้มอย่างเป็นมิตร พลางยกมือทักทาย
"พวกเรามาจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ” เรมัสกล่าว “กำลังเดินทางสำรวจพื้นที่ ไม่ต้องกลัว เราไม่ได้มาร้าย"
ชายชราคนหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มชาวบ้าน เขาถือไม้เท้าสำหรับเดิน และมองดูพวกเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น “พวกเจ้าดูเหมือนไม่ใช่คนธรรมดา” เขากล่าว
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกับชายชรา เสียงร้องดังมาจากอีกฟากหนึ่งของหมู่บ้าน หญิงสาวคนหนึ่งกำลังร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่ฝูงแกะของเธอกำลังถูกหมาป่าไล่ล่า
"ช่วยด้วย! พวกมันจะจับแกะของฉันไป" เธอตะโกน
โรมูลัส และเรมัสไม่ลังเล พวกเขาวิ่งตรงไปยังที่เกิดเหตุ โรมูลัสหยิบหอกที่วางอยู่ใกล้ๆ ขณะที่เรมัสหยิบก้อนหิน และขว้างไปที่ขาของหมาป่าในทันที ด้วยพละกำลังที่เหนือมนุษย์ ทำให้หมาป่าส่งเสียงคำรามถึงความเจ็บปวด ขาของมันขาดทันที เรมันตกใจในพละกำลังของตัวเอง เขาไม่คิดว่า การขว้างหินที่ไม่ได้ใช้แรงมากจะส่งผลได้ขนาดนี้
เรมัสรีบบอกให้ โรมูลัสหยุดก่อน หมาป่าสภาพบาดเจ็บหนัก ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งเจ็บปวดจากขาที่ขาด และหวาดกลัวพวกเขาทั้งสองเป็นอย่างมาก จากนั้นหมาป่าจึงค่อยๆ ย่อตัวหมอบลง และพยายามคลานออกจากตรงที่เขาทั้งสองยื่นอยู่
เรมัสพูดขึ้นว่า "มันเจ็บหนักขนาดนี้ คงจะไม่มาอีกเป็นแน่ เรายังไปสังหารมันเลย" โรมูลัสพยักหน้าตอบรับ
หญิงสาวยิ้มด้วยความโล่งใจ "ขอบคุณพวกท่านมาก" เธอกล่าวพลางจูงแกะกลับมา พร้อมกับมองดูรูปลักษณ์ของทั้งสองคนอย่างตกตะลึง..
.
โรมูลัส มีผมสีดำขลับ และดวงตาสีเข้มที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น และปัญญา มีร่างกายที่สูงใหญ่บึกบึน กล้ามเนื้อที่เห็นได้ชัดเจนจากการใช้ชีวิตที่ต้องพึ่งพาความแข็งแรงของร่างกาย และมีรอยแผลเป็นเล็กๆ บนแขน
.
เรมัส มีผมสีเข้มเหมือนโรมูลัส แต่ดวงตาของเขามีประกายอบอุ่นและเปิดเผยถึงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ร่างกายที่คล้ายกับโรมูลัส แต่ล่ำสันน้อยกว่าเล็กน้อย เขามีรูปร่างที่คล่องแคล่วและว่องไวเหมือนหมาป่า มีรอยขีดข่วนเล็กๆ บนใบหน้า
.
หลังเหตุการณ์ผ่านไป ชาวบ้านเริ่มเปิดใจให้กับโรมูลัส และเรมัส พวกเขาเล่าถึงความยากลำบากที่เกิดจากการถูกกษัตริย์อามูลิอัสเก็บภาษีหนัก และความหวาดกลัวจากสัตว์ป่า
"เราอยากจะมีชีวิตที่สงบสุข แต่ดูเหมือนความสงบสุขนั้นจะอยู่ห่างไกลเหลือเกิน" ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า
โรมูลัสมองไปยังเรมัส ทั้งสองพยักหน้าให้กัน “บางที เราอาจช่วยพวกท่านได้ในอนาคต” โรมูลัสตอบ
ก่อนจากไป ชาวบ้านได้นำอาหาร และน้ำมาให้เป็นเสบียงเดินทาง “พวกท่านเป็นผู้กล้าหาญ และเราหวังว่าสักวันจะได้พบกันอีก” หญิงสาวที่พวกเขาช่วยไว้กล่าว
ชายชราได้บอกกับพวกเขาทั้งสอง ให้เดินไปตามทางสายนี้ ก่อนที่จะถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง และเลยหมู่บ้านไปก็จะมีเมืองใหญ่
โรมูลัส และเรมัสเดินออกจากหมู่บ้านพร้อมเสียงอวยพรของชาวบ้าน แม้จะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ แต่ประสบการณ์ที่ได้รับสอนพวกเขาถึงความทุกข์ยากของผู้คน และปลุกความมุ่งมั่นในใจพวกเขาที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่า
“เราจะไม่ลืมหมู่บ้านนี้” เรมัสกล่าว
“และเราจะไม่ลืมสิ่งที่เราต้องทำ” โรมูลัสเสริม ก่อนทั้งสองจะเดินต่อไปยังเส้นทางที่โชคชะตาได้กำหนดไว้
.
พวกเขาได้เดินทางมาตามเส้นทางสายเล็กที่ชายชราได้บอกไว้ เป็นการเดินทางที่ใช้เวลามากถึง 3 วัน ก็พบกับหมู่บ้านอีกแห่ง เมื่อก้าวเข้ามาภายในหมู่บ้าน ทุกคนที่ได้พบเห็น ต่างก็พากันหวาดกลัว และระมัดระวังตัว พวกเขาแทบไม่มองหน้าในขณะที่เขาทั้งสองเดินเข้าไปทักทาย และเริ่มที่จะพูดคุย
“ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?” เรมัสถามหญิงชราผู้หนึ่งที่กำลังปั่นด้าย
หญิงชรามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ก่อนกระซิบเบาๆ "กษัตริย์อามูลิอัส เขาส่งคนมาเก็บภาษีหนักจนพวกเราแทบไม่มีอะไรเหลือ กองทัพของเขาก็คอยจับตาดูพวกเรา ถ้าใครขัดขืน.." เธอเงียบไป ราวกับกลัวว่าจะถูกได้ยิน
โรมูลัสขมวดคิ้ว "ทำไมถึงไม่มีใครลุกขึ้นต่อสู้"
หญิงชราส่ายหน้า "พวกเราทำได้แค่เพียงทำงานที่ทำได้ ให้ผ่านไปแต่ละวัน เพื่อให้พอมีข้าวกินทุกมื้อ และเพียงพอที่จะจ่ายภาษี เท่านี้ก็เต็มที่แล้ว พวกเราไม่มีกำลังอะไรจะไปต่อสู้หรอก.."
เรมัส พูดขึ้นว่า "พวกเราสามารถเข้าพักที่ไหนได้ในหมู่บ้านนี้"
"ท่านทั้งสองควรรีบไปจากที่นี่ ในช่วงนี้มีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ในป่าที่คอยเข้ามาโจมตีหมู่บ้านของพวกเรา มันเอาสัตว์เลี้ยงของเราไป และบางครั้งก็ทำร้ายคนด้วย" หญิงชราตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกลัว
โรมูลัส และเรมัสมองหน้ากัน ความอยากรู้อยากเห็นผสมกับความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้อื่นทำให้พวกเขาตัดสินใจ กล่าวขอหญิงชราพักที่นี่ โดยบอกว่า เราสามารถนอนตรงไหนก็ได้ ในบริเวณบ้าน โดยจะไม่ขอเข้าไปในบ้าน เธอลังเลอยู่สักพัก พร้อมกับมองพวกเขาทั้งสอง และเมื่อดูรูปลักษณ์ของโรมูลัส และเรมัส อย่างตั้งใจแล้ว ก็ได้เห็นถึงความสง่า และดูไม่ใช่คนธรรมดา จึงตกลงให้พวกเขาทั้งสองพักในบ้านที่อยู่ติดกัน ที่มีไว้สำหรับเก็บของ
.
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า โรมูลัส และเรมัสเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด พวกเขาหยิบหอกกับคันธนูที่มีอยู่ภายในบ้านเก็บของของหญิงชรา ขึ้นมาพร้อมกับทำความสะอาด และทดลองใช้ เมื่อดูว่ายังใช้งานได้ พวกเขาจึงเดินเข้าขออนุญาตใช้กับหญิงชรา ซึ่งเธอก็ตอบตกลงมาในทันที
ค่ำคืนอันเงียบสงบถูกปกคลุมด้วยความมืด แสงจันทร์ส่องลอดผ่านยอดไม้ในป่าใหญ่ โรมูลัส และเรมัสยืนอยู่กลางหมู่บ้านเล็กๆ รอคอยบางสิ่งที่ทุกคนหวาดกลัว ชาวบ้านปิดประตูบ้านอย่างแน่นหนา มีเพียงสายตาหวาดกลัวที่แอบมองผ่านหน้าต่าง
โรมูลัสกระชับหอกในมือ ขณะที่เรมัสตรวจดูคันธนู และลูกธนูของเขาอีกครั้ง "พร้อมหรือยัง" เรมัสถามเบาๆ
"พร้อมเสมอ" โรมูลัสตอบ
เสียงคำรามดังก้องมาจากทางป่าใหญ่ เสียงนั้นค่อยๆ ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เป็นเสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝีเท้าหนักหน่วงดังก้อง ตรงมายังทิศทางที่พวกเขาทั้งสองอยู่
ทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่ง มีเพียงสายลมที่พัดพาเอากลิ่นคาวลอยมา
..ทันใดนั้น สัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้น มันเป็นสัตว์ร่างใหญ่เท่าม้า มีขนสีดำสนิท เขายาวแหลมคดเคี้ยวเหมือนเถาวัลย์ และดวงตาสีแดงวาวโรจน์ ริมฝีปากเผยเขี้ยวคมที่เปื้อนเลือด
“อย่ากลัวมัน” โรมูลัสพูด ขณะที่สัตว์ประหลาดคำรามก้อง
โรมูลัสก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เขายกหอกขึ้นในท่าป้องกัน "มาเลย เข้ามา" เขาตะโกนใส่ สัตว์ประหลาดพุ่งตรงมาที่เขา กรงเล็บใหญ่ขูดกับพื้นดินจนฝุ่นคลุ้ง ในจังหวะเดียวกัน เรมัสที่ซุ่มอยู่ด้านข้างในเงามืดดึงสายธนูสุดแรง ลูกธนูพุ่งตรงเข้าที่ไหล่ของสัตว์ประหลาด ด้วยความแรง ลูกธนูถึงกับทะลุผ่านร่างของสัตว์ประหลาด มันคำรามด้วยความเจ็บปวด หันขวับไปทางเรมัส แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร โรมูลัสก็พุ่งเข้าแทงหอกไปที่สีข้างของมันในทันที
สัตว์ประหลาดดิ้นรน มันเหวี่ยงตัวกระแทกโรมูลัสจนล้มลงกับพื้น และใช้กรงเล็บตะปบไปที่โรมูลัส แต่ในตอนนั้นโรมูลัสหมุนตัวหลบและใช้หอกในมือพุ่งเข้าแทงตรงที่หัวใจของมัน.. มันคำรามครั้งสุดท้ายก่อนจะล้มลง ดวงตาแดงวาวโรจน์ของมันดับลง ความเงียบกลับมาอีกครั้ง
.
ช่วงเวลาแห่งความเงียบ พร้อมกับความตกใจของชาวบ้าน ที่เห็นสัตว์ประหลาดล้มลง และเสียชีวิต ชาวบ้านเริ่มออกมาจากบ้านของพวกเขา บ้างร้องไห้ด้วยความดีใจ บ้างยกมืออธิษฐานด้วยความขอบคุณ โรมูลัส และเรมัสยืนมองร่างไร้ชีวิตของสัตว์ประหลาด
"พวกเราทำได้" เรมัสพูดพลางถอนหายใจ
"ใช่ แต่ไม่ใช่เพราะความกล้าหาญของเราคนเดียว" โรมูลัสตอบ "มันเป็นเพราะเราร่วมมือกัน"
หัวหน้าหมู่บ้านก้าวออกมาพร้อมเครื่องรางที่ทำจากเขาของสัตว์ประหลาด "ขอบคุณท่านทั้งสอง ที่ช่วยปลดปล่อยหมู่บ้านของเรา เราจะจดจำความกล้าหาญนี้ตลอดไป"
โรมูลัสรับเครื่องรางนั้นมา ก่อนจะมองไปยังเรมัส "นี่จะเป็นเครื่องเตือนใจว่า ความกลัวมีไว้ให้เผชิญหน้า และพลังของการทำงานร่วมกันสามารถเอาชนะสิ่งใดก็ได้"
...
ต่อ EP 4 ในโพสต่อไปครับผม
.
ในโลกของเรา ยุคโบราณ อาจจะมีมังกรหลากหลายแบบอยู่ก็เป็นได้ เพื่อนๆ คิดว่าอย่างไรกันบ้างครับ มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมมาแชร์กันครับผม