-- ก่อนที่จะเริ่มกระทู้นี้ ผมขอสารภาพว่า ตั้งใจจะโพสเมื่อวาน
แต่พอพิมพ์เสร็จทั้งหมดแล้ว เมจิคเม้าส์ที่ใช้มันด้วยปาดซ้ายโดยบังเอิญ
ทำให้ย้อนกลับไปยังหน้าก่อนโดยไม่ตั้งใจ ที่พิมพ์ไว้หายหมด
ผมเลยงอนกะจะไม่เล่าแล้ว แต่เอาน่ะ ลองอีกซักตั้ง
จะพยายามพิมพ์โดยให้ใกล้เคียงกับดีเทลเดิมที่พิมพ์ไว้ตั้งเยอะ --
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นตอนมหาลัยปี 2 ที่ผมเริ่มย้ายเข้าไปพักกับเพื่อนที่คอนโดแห่งหนึ่ง
จริงๆไม่ควรเรียกคอนโด มันหรูไป เรียกว่าห้องเช่าน่าจะเหมาะกว่า ฮาๆๆ
ก่อนหน้านั้น ตอนปี 1 ผมเคยเข้าไปนอนเป็นครั้งคราวในช่วงสอบ
เพราะไปติวหนังสือร่วมกับเพื่อนๆ เช้าตื่นมาก็ไปสอบใกล้ๆ ข้ามถนนไปก็ถึงเลย
ก็พอจะได้ยินกิตติศัพท์ของคอนโดแห่งนี้มาพอสมควร
พอปีสอง ผมมีกิจกรรมเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่กับเพื่อน
วันแรกที่ขนของย้ายเข้าไป ไอ้สิทธิ์ รูมเมทคนนึง ก็มาถามผมว่า
"ไอ้ยอด เมิงเอาพระมาด้วยรึเปล่า"
ตอนนั้นผมเป็นคนที่ไม่ค่อยห้อยพระ ไม่ค่อยสวดมนต์
เพราะเชื่อว่าตัวเองจิตแข็ง เลยตอบไปว่า
" ไม่ได้ห้อยพระว่ะ แต่อาบน้ำมนต์มาแล้ว สบายๆ"
ไอ้สิทธิ์ก็ทำหน้ากวนตีนๆ หัวเราะหึๆแล้วบอกว่า
"พระก็ไม่มี แบบนี้คืนแรก เมิงโดนแน่"
ห้องผมอยู่ชั้น 6 ในห้องจะมีเตียงเดี่ยวให้ 3 หลัง
แต่เราอยู่ด้วยกัน 4 คน ก็เลยเอาเตียงทั้ง 3 หลัง มาต่อเรียงกัน
แล้วก็นอนด้วยกัน
คืนนั้น ผมนอนเป็นลำดับสอง จากระเบียง ถัดจากไอ้เช
ถัดไปจากผมก็คือ ไอ้โอ๊ค และ ไอ้สิทธิ์
ผมเป็นคนชอบนอนตะแคง ผมจึงนอนโดยหันหน้าไปทางระเบียง
จนกลางดึกคืนนั้น ผมถูกปลุกขึ้นมาด้วยอาการ "ผีอำ"
"ผีอำ" ในความคิดของผม เป็นอาการที่สมองเราตื่นแต่ร่างกายยังไม่ตื่น
มักจะเป็นเวลาที่เหนื่อยมากๆ หรือ อดนอนมามากๆ
ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเป็นอยู่บ้าง แต่คืนนี้ มันไม่เหมือนเดิม เพราะ
ผมรู้สึกถึงแรงกด ด้วยลมที่หมุนติ้วๆ อยู่บนตัวผม จนผมขยับตัวไม่ได้
ซึ่งถ้าเป็นผี ผมก็ไม่แน่ใจว่า พยายามมากดให้ผมอึดอัด
หรือ พยายามแทรกเข้ามาในตัวผม
อารมณ์ในขณะนั้นเริ่มกลัว แต่นึกบทสวดไม่ออก
เพราะที่เคยสวดก็มีแค่ อะระหังสัมมา
มันจะใช้ได้ไหมนะ ดูบทง่ายไป ไม่น่าแรงพอ ฮา
ขณะที่กำลังสับสนว่าจะทำยังไงดี
ผมก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ ค่อยๆดังขึ้นมา
เป็นบทสวดมนต์ที่ผมไม่รู้จัก และสวดตามไม่ได้
แต่เสียงสวดมนต์นั้น ผมรู้จักดี
เพราะเป็นเสียงเพื่อนอีกสามคน ที่นอนอยู่ด้วยกัน
กำลังสวดมนต์คนละบท
เสียงไอ้เช สวดมนต์อยู่ด้านหน้าผม
เสียงไอ้โอ๊คและไอ้สิทธิ์ สวดมนต์อยู่ด้านหลัง อีก 2 เสียง
พอถึงนาทีนั้น จากที่กลัวๆ ผมหายกลัวทันทีเลย
กลายเป็นขำแทน เพราะ โดนกันทั้ง 4 คน ไม่เหงาแล้วเรา 555
เออ ดีเหมือนกัน เราสวดมนต์ไม่เป็น ก็อาศัยอานิสงค์พวกมันช่วยสวดให้แทน
ส่วนผมก็นึกนึกแผ่เมตตาเป็นภาษาไทยไปแทน
สักพัก ลมหมุนที่พยายามกดเข้ามาในตัวผม ก็ยื้อยุดอีกซักพัก
ก่อนจะยอมแพ้ แล้ว พุ่งหนีหายออกไปทางระเบียง
จังหวะนั้น ผมหลุดจากอาการผีอำทันที
แล้วเด้งตัวลุกขึ้นมา นั่งหัวเราะดีใจ
ก่อนจะหันไปหาเพื่อนๆ จะชวนลุกขึ้นมาคุยซักหน่อย
ว่าทำยังไงถึงโดยอำกันทั้งห้อง
..
..
..
แต่ทว่า
เพื่อนผมทั้งสามคน หลับสนิท ไม่มีเสียงสวดมนต์อะไรเลย
..
ผมไม่นั่งหาคำตอบแล้วว่า เสียงสวดมนต์มาจากไหน
ผมรีบคลุมโปงนอนต่อทันที
เมื่อตื่นมาตอนเช้า ผมถามเพื่อนๆว่า เมื่อคืนมีใครโดนอะไรรึเปล่า
ทุกคนบอกว่า นอนหลับสบายดี ไม่รู้เรื่องเลยว่าผมโดนผีอำอยู่คนเดียว
ทุกวันนี้ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเสียงสวดมนต์มาจากไหน
แต่หลายปีต่อมา ผมก็เคยโดนอำและเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน
และมีเสียงสวดมนต์จากเพื่อนที่นอนข้างๆเหมือนกัน ...
.. นี่แค่คืนแรกที่เข้าไปอยู่ในคอนโดแห่งนี้ ..
ขอเข้าเรื่อง
ผีล้วงหัว กันต่อเลย เพราะนี่คือการโดนผีหลอกแบบกลางวันแสกๆ
ใครว่าผีหลอกกลางวันไม่ได้ อย่างน้อยผมก็เจอมา 2 ครั้งจะๆ
ครั้งแรกผมเจอตอนเด็ก ที่บ้านต่างจังหวัด ทำเอาผมกลัวผีมาตั้งแต่วันนั้น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงสอบ
เพื่อนบางคนที่อยู่บ้าน จะมานอนค้างที่คอนโดด้วย
เพื่อมาติวหนังสือด้วยกัน
หนึ่งในนั้นคือคนที่โดนเพื่อนแกล้งบ่อยๆ ชื่อ ไอ้ทูน
ในบ่ายวันนั้น ผมและเพื่อนคนอื่นๆ ก็นั่งติวหนังสือกันบนเตียง
โดยที่ไอ้ทูนแยกตัวไปอาบน้ำ ขอยกภาพประกอบมาเพื่อให้เห็นชัดขึ้น
ซึ่งห้องน้ำจะมีฝักบัว และมีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศอยู่ด้านบน
ซึ่งพวกผมมักชอบแกล้งเพื่อนๆด้วยการ ออกไปที่ระเบียง
แล้วเอื้อมมือใช้สเปรย์ดับกลิ่นตัวไซส์ทดลอง ที่มีคนเอามาแจกที่มหาลัย
ฉีดอัดเข้าไปทางหน้าต่างบานกระทุ้ง เพื่อให้กลิ่นสเปรย์ฉุนๆอัดเข้าไปในห้องน้ำ
แล้วให้เพื่อนอีกคนดึงประตูไว้ไม่ให้คนที่ถูกแกล้งหนีออกมา
ขณะที่ไอ้ทูนกำลังอาบน้ำอยู่ ผมก็นึกได้ว่า มีผ้าที่ตากไว้ที่ระเบียง จึงจะออกไปเก็บ
แต่เมื่อผมเดินไปถึงหน้าประตูห้องน้ำ ผมก็ได้ยินเสียงไอ้ทูนตะโกนออกมาว่า
"ฮั่นแน่ ไอ้ยอด จะมาแกล้งกูล่ะสิ กูรู้นะว่าเมิง"
ผมแปลกใจนิดๆ ว่าไอ้ทูนมันรู้ได้ไงว่าผมอยู่หน้าประตู
เพราะเดินถอดรองเท้า พื้นคอนกรีต แทบจะไม่มีเสียง
แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก คิดว่าไอ้ทูนคงพูดดักเพื่อนไม่ให้มาแกล้ง
เพราะมันเป็นคนที่โดนแกล้งบ่อยจนหลอน ผมก็เดินไปเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้เข้ามา
แล้วก็มานั่งอ่านหนังสือต่อ
ผ่านไปสักพัก ไอ้ทูนอาบน้ำเสร็จ ก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา ทำหน้าแป้นแล้น
"ไอ้ยอด แกล้งกูเหรอ แน่ะๆ ไม่ต้องเลย กูรู้ว่าเป็นเมิง"
ผมหันไปถามว่า "กูแกล้งตรงไหนวะ กูแค่เดินไปเก็บผ้า ยังไม่ได้ทำอะไรเลย"
ไอ้ทูนตอบกลับมา " แหมๆ ก็ตอนกูกำลังสระผมอยู่ ..
เมิงก็ยื่นมือเข้ามาทางบานกระทุ้ง กำลังจะจับหัวกูอยู่แล้ว
แต่กูเงยหน้าขึ้นไปเห็นก่อน เมิงเลยรีบหดมือหนีไง"
ทุกคนในห้อง ร้อง "เฮ้ยยยยยยยย" หยุดอ่านหนังสือโดยพร้อมเพรียงกัน
ต่างคนหันมามองหน้ากันไปมา ( ส่วน ไอ้สิทธิ์ รีบลุกขึ้นไปหยิบพระมาแขวน )
แต่ไอ้ทูนก็ยังคิดว่าเพื่อนอำมัน แหม่ๆ เล่นใหญ่นะพวก
ผมถาม " ที่ว่ากูยื่นมือเข้าไปน่ะ แน่ใจเหรอว่ามือกู"
ไอ้ทูน "กูจำแขนได้น่า เพราะเมิงแขนยาว" (ผมตัวสูงที่สุดในห้อง)
ผมรีบเบรค "เดี๋ยว ไอ้ทูน แขนมันยื่นมาแค่ไหน"
ไอ้ทูนทำท่าวัดแขนให้ดู ก่อนตอบว่า "เข้ามาประมาณนี้"
ประมาณนี้ของมันคือ
เลยข้อศอกไปเกือบคืบ เกือบหัวไหล่
ผมเลยพาไอ้ทูนไปที่ระเบียง
" ทูน ดูนะ ถ้ากูยืนตรงนี้ แล้วเอื้อมมือไปหน้าต่างบานกระทุ้ง
กูจะเหยียดสุดได้แค่ข้อมือ !!! ถ้ากูอยากเอาเข้าไปทั้งแขน
กูต้องเป็นสไปเดอร์แมนเท่านั้น"
ไอ้ทูนยังไม่เชื่อ เถียงกลับ "พวกเมิงต่อตัวกันก็ได้นี่"
ผมตอบ "ถึงทำได้ ยังไงๆตัวกูก็ต้องออกไปอยู่นอกตึก
กูคงไม่หาเรื่องเสี่ยงตายเพื่อแกล้งเมิงหรอก"
หลังจากนั้นไอ้ทูนก็ปักใจว่าโดนเพื่อนแกล้ง
แต่เพื่อนทุกคนในห้องรู้ดีว่า ไม่มีใครแกล้งมัน
หลังจากย้ายออกจากหอ พวกผมก็ได้ข่าวว่า
นักศึกษาที่อยู่อีกตึก ก็เจอผีล้วงหัวเหมือนกับไอ้ทูนด้วยอีกคน
หลังจากจบมหาลัย หลายปีต่อมา ได้ไปนั่งกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนๆ
ซึ่งไอ้ทูนก็มาด้วย ผมก็เอาเรื่องนี้กลับมาเล่า แล้วถามว่า
"ทูน เชื่อกูยังว่ากูไม่ได้แกล้ง"
ไอ้ทูนตอบ " จริงๆ ตอนนั้นกูเชื่อเมิงแล้วแหล่ะ ว่าเมิงไม่ได้แกล้งกู
แต่กูไม่อยากเชื่อว่ากูโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ
กูเลยต้องยกความผิดให้พวกเมิง ดีกว่ายอมรับว่าเจอผี "
ปั๊ดโธ่ เดี๋ยวทุ่มด้วยโพเดียมเลย!!!!
นี่แหล่ะครับ ตำนาน
ผีล้วงหัว ที่คอนโดแห่งนี้
จริงๆแล้ว ตลอดเวลา 1 ปี ที่อยู่คอนโดนี้ พวกผมเจอผีบ่อยมาก
เจอกันจนเป็นเรื่องปกติ ผ่านคืนนึงไป ก็มาถามกันว่าเมื่อคืนใครโดนผีหลอกบ้าง
ถ้ามีใครโดนหลอกก็จะฮากันทั้งกลุ่ม กลายเป็นเรื่องตลกไปแทน
อยู่ครบ 1 ปี จบหลักสูตร หายกลัวผีไปเยอะ ฮาๆๆ
ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีนักศึกษาอยู่กันอีกมั๊ย ถ้ายังมี
หวังว่าพวกคุณจะผ่านคอร์ส "เปนเพื่อนกับผี" กันอย่างตลอดรอดฝั่งนะครับ
...
ยอมรับว่า เล่าไม่เหมือนที่พิมพ์ไว้เมื่อวาน เพราะมาบิ้วท์อารมณ์ใหม่
แต่ก็จบไปอีกเรื่องละครับ โอกาสหน้าถ้ามีเวลาจะมาเล่าเรื่องอื่นๆจ้ะ
สวัสดี บัย
"ผีล้วงหัว" คอนโดดังตรงข้ามมหาลัยย่านรังสิต
แต่พอพิมพ์เสร็จทั้งหมดแล้ว เมจิคเม้าส์ที่ใช้มันด้วยปาดซ้ายโดยบังเอิญ
ทำให้ย้อนกลับไปยังหน้าก่อนโดยไม่ตั้งใจ ที่พิมพ์ไว้หายหมด
ผมเลยงอนกะจะไม่เล่าแล้ว แต่เอาน่ะ ลองอีกซักตั้ง
จะพยายามพิมพ์โดยให้ใกล้เคียงกับดีเทลเดิมที่พิมพ์ไว้ตั้งเยอะ --
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นตอนมหาลัยปี 2 ที่ผมเริ่มย้ายเข้าไปพักกับเพื่อนที่คอนโดแห่งหนึ่ง
จริงๆไม่ควรเรียกคอนโด มันหรูไป เรียกว่าห้องเช่าน่าจะเหมาะกว่า ฮาๆๆ
ก่อนหน้านั้น ตอนปี 1 ผมเคยเข้าไปนอนเป็นครั้งคราวในช่วงสอบ
เพราะไปติวหนังสือร่วมกับเพื่อนๆ เช้าตื่นมาก็ไปสอบใกล้ๆ ข้ามถนนไปก็ถึงเลย
ก็พอจะได้ยินกิตติศัพท์ของคอนโดแห่งนี้มาพอสมควร
พอปีสอง ผมมีกิจกรรมเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่กับเพื่อน
วันแรกที่ขนของย้ายเข้าไป ไอ้สิทธิ์ รูมเมทคนนึง ก็มาถามผมว่า
"ไอ้ยอด เมิงเอาพระมาด้วยรึเปล่า"
ตอนนั้นผมเป็นคนที่ไม่ค่อยห้อยพระ ไม่ค่อยสวดมนต์
เพราะเชื่อว่าตัวเองจิตแข็ง เลยตอบไปว่า
" ไม่ได้ห้อยพระว่ะ แต่อาบน้ำมนต์มาแล้ว สบายๆ"
ไอ้สิทธิ์ก็ทำหน้ากวนตีนๆ หัวเราะหึๆแล้วบอกว่า
"พระก็ไม่มี แบบนี้คืนแรก เมิงโดนแน่"
ห้องผมอยู่ชั้น 6 ในห้องจะมีเตียงเดี่ยวให้ 3 หลัง
แต่เราอยู่ด้วยกัน 4 คน ก็เลยเอาเตียงทั้ง 3 หลัง มาต่อเรียงกัน
แล้วก็นอนด้วยกัน
คืนนั้น ผมนอนเป็นลำดับสอง จากระเบียง ถัดจากไอ้เช
ถัดไปจากผมก็คือ ไอ้โอ๊ค และ ไอ้สิทธิ์
ผมเป็นคนชอบนอนตะแคง ผมจึงนอนโดยหันหน้าไปทางระเบียง
จนกลางดึกคืนนั้น ผมถูกปลุกขึ้นมาด้วยอาการ "ผีอำ"
"ผีอำ" ในความคิดของผม เป็นอาการที่สมองเราตื่นแต่ร่างกายยังไม่ตื่น
มักจะเป็นเวลาที่เหนื่อยมากๆ หรือ อดนอนมามากๆ
ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเป็นอยู่บ้าง แต่คืนนี้ มันไม่เหมือนเดิม เพราะ
ผมรู้สึกถึงแรงกด ด้วยลมที่หมุนติ้วๆ อยู่บนตัวผม จนผมขยับตัวไม่ได้
ซึ่งถ้าเป็นผี ผมก็ไม่แน่ใจว่า พยายามมากดให้ผมอึดอัด
หรือ พยายามแทรกเข้ามาในตัวผม
อารมณ์ในขณะนั้นเริ่มกลัว แต่นึกบทสวดไม่ออก
เพราะที่เคยสวดก็มีแค่ อะระหังสัมมา
มันจะใช้ได้ไหมนะ ดูบทง่ายไป ไม่น่าแรงพอ ฮา
ขณะที่กำลังสับสนว่าจะทำยังไงดี
ผมก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ ค่อยๆดังขึ้นมา
เป็นบทสวดมนต์ที่ผมไม่รู้จัก และสวดตามไม่ได้
แต่เสียงสวดมนต์นั้น ผมรู้จักดี
เพราะเป็นเสียงเพื่อนอีกสามคน ที่นอนอยู่ด้วยกัน
กำลังสวดมนต์คนละบท
เสียงไอ้เช สวดมนต์อยู่ด้านหน้าผม
เสียงไอ้โอ๊คและไอ้สิทธิ์ สวดมนต์อยู่ด้านหลัง อีก 2 เสียง
พอถึงนาทีนั้น จากที่กลัวๆ ผมหายกลัวทันทีเลย
กลายเป็นขำแทน เพราะ โดนกันทั้ง 4 คน ไม่เหงาแล้วเรา 555
เออ ดีเหมือนกัน เราสวดมนต์ไม่เป็น ก็อาศัยอานิสงค์พวกมันช่วยสวดให้แทน
ส่วนผมก็นึกนึกแผ่เมตตาเป็นภาษาไทยไปแทน
สักพัก ลมหมุนที่พยายามกดเข้ามาในตัวผม ก็ยื้อยุดอีกซักพัก
ก่อนจะยอมแพ้ แล้ว พุ่งหนีหายออกไปทางระเบียง
จังหวะนั้น ผมหลุดจากอาการผีอำทันที
แล้วเด้งตัวลุกขึ้นมา นั่งหัวเราะดีใจ
ก่อนจะหันไปหาเพื่อนๆ จะชวนลุกขึ้นมาคุยซักหน่อย
ว่าทำยังไงถึงโดยอำกันทั้งห้อง
..
..
..
แต่ทว่า
เพื่อนผมทั้งสามคน หลับสนิท ไม่มีเสียงสวดมนต์อะไรเลย
..
ผมไม่นั่งหาคำตอบแล้วว่า เสียงสวดมนต์มาจากไหน
ผมรีบคลุมโปงนอนต่อทันที
เมื่อตื่นมาตอนเช้า ผมถามเพื่อนๆว่า เมื่อคืนมีใครโดนอะไรรึเปล่า
ทุกคนบอกว่า นอนหลับสบายดี ไม่รู้เรื่องเลยว่าผมโดนผีอำอยู่คนเดียว
ทุกวันนี้ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเสียงสวดมนต์มาจากไหน
แต่หลายปีต่อมา ผมก็เคยโดนอำและเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน
และมีเสียงสวดมนต์จากเพื่อนที่นอนข้างๆเหมือนกัน ...
.. นี่แค่คืนแรกที่เข้าไปอยู่ในคอนโดแห่งนี้ ..
ขอเข้าเรื่อง ผีล้วงหัว กันต่อเลย เพราะนี่คือการโดนผีหลอกแบบกลางวันแสกๆ
ใครว่าผีหลอกกลางวันไม่ได้ อย่างน้อยผมก็เจอมา 2 ครั้งจะๆ
ครั้งแรกผมเจอตอนเด็ก ที่บ้านต่างจังหวัด ทำเอาผมกลัวผีมาตั้งแต่วันนั้น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงสอบ
เพื่อนบางคนที่อยู่บ้าน จะมานอนค้างที่คอนโดด้วย
เพื่อมาติวหนังสือด้วยกัน
หนึ่งในนั้นคือคนที่โดนเพื่อนแกล้งบ่อยๆ ชื่อ ไอ้ทูน
ในบ่ายวันนั้น ผมและเพื่อนคนอื่นๆ ก็นั่งติวหนังสือกันบนเตียง
โดยที่ไอ้ทูนแยกตัวไปอาบน้ำ ขอยกภาพประกอบมาเพื่อให้เห็นชัดขึ้น
ซึ่งห้องน้ำจะมีฝักบัว และมีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศอยู่ด้านบน
ซึ่งพวกผมมักชอบแกล้งเพื่อนๆด้วยการ ออกไปที่ระเบียง
แล้วเอื้อมมือใช้สเปรย์ดับกลิ่นตัวไซส์ทดลอง ที่มีคนเอามาแจกที่มหาลัย
ฉีดอัดเข้าไปทางหน้าต่างบานกระทุ้ง เพื่อให้กลิ่นสเปรย์ฉุนๆอัดเข้าไปในห้องน้ำ
แล้วให้เพื่อนอีกคนดึงประตูไว้ไม่ให้คนที่ถูกแกล้งหนีออกมา
ขณะที่ไอ้ทูนกำลังอาบน้ำอยู่ ผมก็นึกได้ว่า มีผ้าที่ตากไว้ที่ระเบียง จึงจะออกไปเก็บ
แต่เมื่อผมเดินไปถึงหน้าประตูห้องน้ำ ผมก็ได้ยินเสียงไอ้ทูนตะโกนออกมาว่า
"ฮั่นแน่ ไอ้ยอด จะมาแกล้งกูล่ะสิ กูรู้นะว่าเมิง"
ผมแปลกใจนิดๆ ว่าไอ้ทูนมันรู้ได้ไงว่าผมอยู่หน้าประตู
เพราะเดินถอดรองเท้า พื้นคอนกรีต แทบจะไม่มีเสียง
แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก คิดว่าไอ้ทูนคงพูดดักเพื่อนไม่ให้มาแกล้ง
เพราะมันเป็นคนที่โดนแกล้งบ่อยจนหลอน ผมก็เดินไปเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้เข้ามา
แล้วก็มานั่งอ่านหนังสือต่อ
ผ่านไปสักพัก ไอ้ทูนอาบน้ำเสร็จ ก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา ทำหน้าแป้นแล้น
"ไอ้ยอด แกล้งกูเหรอ แน่ะๆ ไม่ต้องเลย กูรู้ว่าเป็นเมิง"
ผมหันไปถามว่า "กูแกล้งตรงไหนวะ กูแค่เดินไปเก็บผ้า ยังไม่ได้ทำอะไรเลย"
ไอ้ทูนตอบกลับมา " แหมๆ ก็ตอนกูกำลังสระผมอยู่ ..
เมิงก็ยื่นมือเข้ามาทางบานกระทุ้ง กำลังจะจับหัวกูอยู่แล้ว
แต่กูเงยหน้าขึ้นไปเห็นก่อน เมิงเลยรีบหดมือหนีไง"
ทุกคนในห้อง ร้อง "เฮ้ยยยยยยยย" หยุดอ่านหนังสือโดยพร้อมเพรียงกัน
ต่างคนหันมามองหน้ากันไปมา ( ส่วน ไอ้สิทธิ์ รีบลุกขึ้นไปหยิบพระมาแขวน )
แต่ไอ้ทูนก็ยังคิดว่าเพื่อนอำมัน แหม่ๆ เล่นใหญ่นะพวก
ผมถาม " ที่ว่ากูยื่นมือเข้าไปน่ะ แน่ใจเหรอว่ามือกู"
ไอ้ทูน "กูจำแขนได้น่า เพราะเมิงแขนยาว" (ผมตัวสูงที่สุดในห้อง)
ผมรีบเบรค "เดี๋ยว ไอ้ทูน แขนมันยื่นมาแค่ไหน"
ไอ้ทูนทำท่าวัดแขนให้ดู ก่อนตอบว่า "เข้ามาประมาณนี้"
ประมาณนี้ของมันคือ เลยข้อศอกไปเกือบคืบ เกือบหัวไหล่
ผมเลยพาไอ้ทูนไปที่ระเบียง
" ทูน ดูนะ ถ้ากูยืนตรงนี้ แล้วเอื้อมมือไปหน้าต่างบานกระทุ้ง
กูจะเหยียดสุดได้แค่ข้อมือ !!! ถ้ากูอยากเอาเข้าไปทั้งแขน
กูต้องเป็นสไปเดอร์แมนเท่านั้น"
ไอ้ทูนยังไม่เชื่อ เถียงกลับ "พวกเมิงต่อตัวกันก็ได้นี่"
ผมตอบ "ถึงทำได้ ยังไงๆตัวกูก็ต้องออกไปอยู่นอกตึก
กูคงไม่หาเรื่องเสี่ยงตายเพื่อแกล้งเมิงหรอก"
หลังจากนั้นไอ้ทูนก็ปักใจว่าโดนเพื่อนแกล้ง
แต่เพื่อนทุกคนในห้องรู้ดีว่า ไม่มีใครแกล้งมัน
หลังจากย้ายออกจากหอ พวกผมก็ได้ข่าวว่า
นักศึกษาที่อยู่อีกตึก ก็เจอผีล้วงหัวเหมือนกับไอ้ทูนด้วยอีกคน
หลังจากจบมหาลัย หลายปีต่อมา ได้ไปนั่งกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนๆ
ซึ่งไอ้ทูนก็มาด้วย ผมก็เอาเรื่องนี้กลับมาเล่า แล้วถามว่า
"ทูน เชื่อกูยังว่ากูไม่ได้แกล้ง"
ไอ้ทูนตอบ " จริงๆ ตอนนั้นกูเชื่อเมิงแล้วแหล่ะ ว่าเมิงไม่ได้แกล้งกู
แต่กูไม่อยากเชื่อว่ากูโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ
กูเลยต้องยกความผิดให้พวกเมิง ดีกว่ายอมรับว่าเจอผี "
ปั๊ดโธ่ เดี๋ยวทุ่มด้วยโพเดียมเลย!!!!
นี่แหล่ะครับ ตำนานผีล้วงหัว ที่คอนโดแห่งนี้
จริงๆแล้ว ตลอดเวลา 1 ปี ที่อยู่คอนโดนี้ พวกผมเจอผีบ่อยมาก
เจอกันจนเป็นเรื่องปกติ ผ่านคืนนึงไป ก็มาถามกันว่าเมื่อคืนใครโดนผีหลอกบ้าง
ถ้ามีใครโดนหลอกก็จะฮากันทั้งกลุ่ม กลายเป็นเรื่องตลกไปแทน
อยู่ครบ 1 ปี จบหลักสูตร หายกลัวผีไปเยอะ ฮาๆๆ
ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีนักศึกษาอยู่กันอีกมั๊ย ถ้ายังมี
หวังว่าพวกคุณจะผ่านคอร์ส "เปนเพื่อนกับผี" กันอย่างตลอดรอดฝั่งนะครับ
...
ยอมรับว่า เล่าไม่เหมือนที่พิมพ์ไว้เมื่อวาน เพราะมาบิ้วท์อารมณ์ใหม่
แต่ก็จบไปอีกเรื่องละครับ โอกาสหน้าถ้ามีเวลาจะมาเล่าเรื่องอื่นๆจ้ะ
สวัสดี บัย