เรื่องราวของขุนศึกในสมัยอยุธยา

กระทู้สนทนา
บทนำ

คืนหนึ่งเมื่อความหวัง และความฝันมันมอดดับ ทัพราวกับจะแตกพ่ายความหวังที่จะชนะดูริบหรี่ ไม่ได้กิน ไม่ได้นอน มีแต่คราบเลือดและฝุ่นดินเสียงกองไฟประทุ คบเพลิง ครานั้นจันทร์เต็มดวง
เหล่าทหารหาญร่วมกันสวดมนต์ พาหุง....
เสียงสวดราวกับทำนอง ยิ่งสวด ร่างกายที่เหนื่อยล้า ราวกับโล่งจิตที่สับสนปั่นป่วน กลับคืนมา สติก็กลับมา ทุกคนนั่งคุกเข่านำดาบวางไว้บนมือพนม ดาบนั้นราวกับจะรับรู้ถึงจิตใจ ชัยชนะในจิตใจ
ไฟได้ลุกโชติช่วงอีกครั้ง ศึกหน้าไม่ตายกูไม่กลับ

“กูขอตายอย่างนักรบ ดีกว่าให้คนที่กูรัก ลูกหลานกู ไม่มีแผ่นดิน
ต้องเป็นทาส ให้คนหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรี”


วัยเยาว์
              เสือ เกิดมา เป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง รูปร่างกำยำ สูงใหญ่กว่าชายในวัยเดียวกันในจังหวัดภาคกลางของประเทศ บิดาของเสือ มักเข้าวังอยู่เสมอ บางทีก็ไปกรำศรึกเป็นเดือนๆในเรือนของท่าน เป็นเรือนไทยหมู่ขนาดใหญ่ บิดาของท่านนั้นมีภรรยาหลายคนโดยเมียเอกของท่านอยู่ที่เรือนใหญ่ แต่แม่ของเสือ หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามว่ากันว่าท่านแม่คลอดเสือตั้งแต่อายุเพียง 17 ตั้งแต่จำความได้ท่านแม่ไม่ค่อยออกไปไหน เอาแต่ไหว้พระสวดมนต์และท่านพ่อไม่เคยมาที่เรือนเล็กเลย เสือเป็นเด็กเจ้าอารมณ์ ตั้งแต่เด็กโมโหร้าย ชอบทุบตีทำร้ายบ่าวไพร่เป็นประจำ อีกทั้งรูปร่างสูงใหญ่ตั้งแต่เล็กท่านพ่อไม่เคยตีเสือ และไม่เคยกอดเสือเลยเสือได้รับความเมตตาให้ไปเรียนรู้วิชาการปกครองตำราพิชัยสงครามร่วมกับเชื้อพระวงค์ทั้งหลาย ตั้งแต่เด็กเมื่อได้รับโอกาสให้เข้าวังมักจะมีคนมองท่านด้วยสายตาเหยียดหยามบ้างก็กระซิบกระซาบ ถึงแม้จะเป็นลูกพระยาก็มิสมควร เสือมักจะหลบไป ไม่ไปเรียน อยู่เสมอ จนบิดาของท่านอิดหนาระอาใจเมื่ออายุได้ 12เมียพระราชทานของท่านพระยา ท่านหญิงได้ คลอดบุตรชายอีกคนน้องของเสือ จนเสืออายุได้ 17 ชอบมีเรื่องต่อยตีกับคนทั่วไปมารดาของท่านซึ่งอยู่ในวัย 34 ย่าง 35 ได้สิ้นลงเพราะพิษไข้เสือรู้สึกเศร้าเสียใจมาก เพราะในชีวิตเสือคนเดียวที่ไกล้ชิดกับเที่สือที่สุด คือมารดาเสือได้ฝึกเพลงดาบจากลูกน้องของพระยา ฝีดาบของเสือรุนแรงรวดเร็วมากจนไม่นานท่านก็มีฝีดาบเทียบท่านทหารเอกของพระยานั้นเองวันหนึ่งน้องของเสือพร้อมแม่นมมาที่เรือนเล็ก เพื่อมาแอบดูท่านพี่ฝึกดาบเสือไม่ได้สนใจขณะนั้นท่านกำลังประดาบกับท่านขุนท่านนึงเพื่อประลองฝีมือกันอย่างจริงจังท่านชายน้อยกับวิ่งมากลางวงดาบโดยไม่เกรงกลัว จนเสือและท่านขุนเกือบหยุดดาบไม่ทัน เสือรู้สึกโกรธมาก ท่านตบหน้าแม่นมของท่านชายน้อยและไล่ท่านชายกลับเรือนใหญ่ เมื่อความทราบถึงท่านหญิง ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นภรรยาเอกของพระยา ท่านหญิงจึงนำความปรึกษาหารือกับสามีวันรุ่งขึ้น เจ้าพระยาเรียกเสือเข้าพบและได้บอกความอย่างหนึ่งซึ่งทำให้ชีวิตของเสือเปลี่ยนไปท่านเจ้าพระยาเล่าว่า เสือนั้นมิใช่ลูกของตนเป็นเพียงลูกของเพื่อนที่เคยร่วมสัตย์สาบาน บิดาเจ้านั้น มีเมียอยู่แล้วมิอาจรับแม่เจ้าและเจ้าไปอยู่ได้ บัดนี้เจ้าเติบใหญ่ แม่เจ้าก็สิ้นข้าเห็นว่าพฤติกรามของเจ้าเกินที่ข้าจะรับไหวจึงขอส่งเจ้าไปเป็นทหารที่ชายแดน แต่ข้าจะเมตตาเจ้าในฐานะที่เคยเรียกว่าพ่อข้าจะให้เจ้าไปเรียนวิชากับขรัวอินทร์ ที่ค่ายทหาร

ค่ายทหาร

เมื่อได้พบท่านอาจารย์ครั้งแรกเสือตอนนั้นอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่เหมือนกับโลกแตกทั้งใบเมื่อได้พบพระอาจารย์ ท่านเป็นชายวัยประมาณ 50 ปี รูปร่างกำยำ เพียงพบเสือพระอาจารย์ก็เห็นลักษณะที่ดีหลายอย่างท่านรู้ทันทีว่าเสือเป็นคนพิเศษท่านกล่าวว่า มาแล้วหรือ ศิษย์เอกของข้าเสือรู้สึกถึงกระแสเมตตา จึงก้มลงกราบที่เท้าขรัวอินทร์แล้วความรู้สึกที่กดดันก็ไหลบ่าออกมา เป็นครั้งแรกที่ร้องไห้พระอาจารย์กล่าวว่า จงร้องออกมา ต่อไปนี้เลือดและน้ำตาขอให้ไหลให้แผ่นดินเท่านั้น คนเรานั้นเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกเป็นและเลือกตายได้
ราตรีนั้นมืดสนิทบรรยากาศในค่ายชายแดนนั้น ดูเงียบสงัดแต่ระอุไปด้วยความเครียด บรรยากาศเหมือนหมู่บ้านขนาดย่อมๆ บ้านชนบทขาดการดูแล และนอกค่ายคือทุ่งนากว้างใหญ่ เลยไปสุดลูกหูลูกตาคือแม่น้ำเมื่อมาถึงและพบพระอาจารย์ก็ค่ำแล้ว ท่านให้เสือไปนอนพักเสือนั้นแม้อายุย่างสิบแปด แต่ก็มีรูปร่างฉกรรจ์ราวกับผู้ใหญ่อีกทั้งการเดินเหินดูสง่าแตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป ผิวพรรณก็นวลเนียนละเอียดขาวอมเหลือง ผมและคิ้วดำสนิท จมูกโด่งเป็นสัน ผิดกับชาวบ้านทั่วไปดวงตานั้นกลับเป็นสีดำสนิท เป็นประกายดุดันแต่ก็ดูงดงามเพราะขนตาที่ยาวและหนา คืนนั้นพระอาจารย์ได้ให้เสือนอนด้วยกันที่กุฎิแต่เมื่อเสือมองไป ชาวบ้าน แลทหารคนอื่น ต่างเดินตรวจตราอย่างเงียบๆมีการจุดกองไฟ บางแห่งก็สุมไฟ มีม้าประมาณห้าหกตัวอยู่ในคอกแต่ละตัวดูสกปรก และคอตกอ่อนล้า รูปร่างม้าก็แลดูซูบผอมชาวบ้านพากันเมียงมอง เพราะชุดที่เสือใส่เป็นชุดที่ดูก็รู้ว่ามาจากเมืองใหญ่ทหารบางคนก็นั่งขัดดาบ บ้างก็นอนใต้โคนไม้ใหญ่ ข้างกองไฟเลอะเทอะไปด้วยฝุ่น และทุกคนจับดาบมั่น แม้หลับไปแล้วบางคนก็มีผ้าพันแผลเลอะเลือดเกรอะกรังตามแขน แลขาหญิงชาวบ้านก็จับกลุ่มคุยกันหน้าตาเศร้าหมอง คนที่นี่ช่างดูอนาถา และยากไร้อีกทั้งยังสกปรกอีกด้วย
เมื่อเปิดเข้าไปในที่นอนของพระอาจารย์ที่เป็นกุฏิขนาดเล็ก เสือรู้สึกรันทดและคิดในใจว่า คับแคบยิ่งกว่าเรือนบ่าวไพร่ ทันใด พระอาจารย์ก็กล่าวว่าคับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก แผ่นดินไทย หากขาดทหารหาญคงไม่มีแม้แต่ผืนดินให้นอน
    คืนนั้นเสือหลับๆตื่นๆ แว่วได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงลอยมาแล้วเสียงพระอาจารย์ก็ลอยมาในความมืด นั่นคือเสียงของหญิงม่ายที่เสียลูกและผัวไปในสนามรบ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงโอดโอยของทหารที่ได้รับบาดเจ็บ บางคนที่นอนในเรือนถัดไป กับที่นอนของขรัวอินทร์เสียงพระอาจารย์ลอยกลับมาว่า คืนนี้จงหลับเสีย แล้วกำหนดดูลมที่จมูกว่ามันเข้าออก ช้าเร็ว กระแทกกระทั้นอย่างไรในเพลานี้มีแต่ผู้เสียเสียและทุกข์ทน ทุกข์ในใจของเจ้านั้นเทียบได้หรือไม่กับทุกข์ที่ต้องเสียลูก เสียผัว ขาดแขน ขาดขา สิ้นคำนั้นใจก็เสือก็สงบลง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่