สิ้นแสงสุริยา ตอนที่ 20

กระทู้สนทนา
“  ไหนล่ะหลักฐาน เอาออกมาสิ ถ้าทำกันมั่วๆฉันจะแจ้งความข้อหารวมหัวกันฉ้อโกงหุ้นในส่วนของหลานฉัน ”

ตะวันมองทาทองนิ่ง ทนายเอาเอกสารการยืนยันว่าตะวันคือสุรียา สุรียาบดีออกมา ทุติยะเซผงะเมื่อเห็นเอกสารฉบับนั้นเต็มตา

“  ไอ้เอกสารนี่ฉบับเดียวจะยืนยันได้อย่างไรว่าไอ้นี่เป็นลูกของพี่ธารเทพ เป็นหลานของผม ”

ทุติยะเสียงสั่น

“  คุณไม่เชื่อก็ช่างคุณ แต่ผมเชื่อ ผมจะมอบหุ้นทั้งหมดคืนให้กับสุรียาต่อหน้าทุกๆคน เพื่อเขาจะได้เข้าดำเนินการของเขาไปตามความเหมาะสมกับหุ้นจำนวนนี้ ส่วนบ้านสุรียาบดี ผมจัดการส่งมอบคืนให้กับเขาไปเรียบร้อยแล้ว ทีนี้มันก็เป็นเรื่องระหว่างพวกคุณกับสุรียาจะจัดการกันเอง ”

ตะวันลงนั่งข้างๆท่านอุเทนเมื่อเลขายกเก้าอี้เข้ามาวางให้ ทนายของท่านอุเทนส่งเอกสารใบรับรองหุ้นให้ตะวันเซ็นรับต่อหน้าทุกคน ทุติยะเหมือนถูกขวานจามลงกลางกระบาลสั่นจนระงับไม่อยู่ ทาทองเหงื่อซึมจนชุ่มไปทั้งหน้าปากสั่นระริกจ้องสุรียาตาถลน สวาทและจามจุรีเหมือนถูกผีหลอกตอนกลางวัน ตะวันลุกขึ้นประกาศต่อหน้าทุกคนในที่ประชุมเสียงดังฟังชัด

“  ผม สุรียา สุรียาบดี จะเข้าดำเนินการกับหุ้นที่เป็นสิทธิของผม ณ บัดนี้ ขอให้ทุกคนเริ่มประชุมได้ ผมขอสั่งในฐานะผู้ที่ถือหุ้นสูงสุดในบริษัทนี้ เพราะวันนี้เราจะไม่มีประธานกรรมการของบริษัท เราจะเริ่มต้นทุกอย่างกันใหม่ ”
“  แก  แกทำอย่างนี้ได้อย่างไร มันผิดระเบียบนะ ”
“  ผิดระเบียบอย่างไรครับคุณหญิงทาทอง วาระของประธานบริษัทจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียงปีเดียว เมื่อเริ่มวาระใหม่ ตำแหน่งประธานก็ว่างลง เราจะคัดเลือกประธานกันใหม่ทุกปีมิใช่หรือ ”

ตะวันพูดเนิบๆ ทุติยะทรุดลงนั่งอย่างน้ำมันไขข้อหมด

“  ก็ได้ อย่างนั้นก็โหวตเลือกประธานกันก่อน หรือที่ประชุมจะว่าอย่างไร ”

ทุกคนสนับสนุนให้โหวตเลือกประธาน  ทุติยะมองหน้าข้าเก่าของธารเทพ รู้ในทันทีว่าวันนี้เขาถูกโค่นบัลลังก์แน่นอน และก็เป็นไปตามที่ทุติยะคิด สุรียาถือหุ้นอยู่ในมือรวมสี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ สามข้าเก่าของธารเทพยกมือสนับสนุนสุรียาอีกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ เสียงของเขาจึงเป็นหกสิบเปอร์เซ็นต์สุรียาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานกรรมการของบริษัททุติยะเอ็นจิเนียทันที ทุติยะและทาทองพ่ายแพ้กลับออกไปเหมือนเสือถูกกล้อนหาง ท่านอุเทนเข้ามาจับมือกับตะวันอย่างหมดภาระ

“  ต่อไปนี้เธอจะเป็นผู้นำพาสุรียาบดีไปตามทิศทางที่เธอวางไว้แล้วนะสุรียา ”
“  ผมจะไม่มีวันลืมบุญคุณของท่านเลยที่กรุณาผม  ผมขอบพระคุณคุณอาทั้งสามด้วยที่สนับสนุนผม ”

ตะวันหันไปยกมือไหว้ทั้งสามอย่างขอบคุณ นิทัตพูดกับชายหนุ่มอย่างสุดปลื้มใจ

“  ผมไม่นึกเลยว่าคุณคือสุรียา ผมนี่มีตาหามีแววไม่ความจริงคุณคล้ายคุณพ่อของคุณมาก ”
“  ใช่ ผมไม่เคยนึกสงสัยเลยว่า คุณเข้ามาอยู่ใกล้ๆพวกเราแล้ว ”
“  พอผมรู้ว่าคุณกลับมาแล้วจากท่านนายพล ผมทุรนทุรายอยากพบคุณมาก ไม่นึกว่าได้คุยกับคุณมาหลายครั้งแล้ว เหนือความคาดหมายจริงๆ คุณฉลาดเหลือเกินคุณสุรียา สมแล้วที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านธารเทพ ”
“  ต่อไปนี้ผมต้องพึ่งคุณอาสั่งสอนแนะนำผมแล้ว ”
“  ผมยอมถวายหัวเลยคุณสุรียา แค่รู้ว่าคุณกลับมาไฟในตัวผมมันก็ติดพรึ่บลุกโชนแล้ว ”
“  สุรียา แล้วเธอจะเอายังไงกับบริษัทนี่ต่อไป ”

ท่านอุเทนถามชายหนุ่ม

“  ก่อนอื่นผมจะเปลี่ยนชื่อบริษัท ”
“  เปลี่ยนชื่อหรือ ”
“  จะไม่ใช้ชื่อทุติยะเอ็นจิเนียแต่จะเปลี่ยนเป็น บริษัทสุรียาบดีอิควิบเม้นท์จำกัด มันจะกลับไปใช้ชื่อเดิมเหมือนที่เริ่มก่อตั้งครับ ”

พนักงานในบริษัท ทุกคนฮือฮาเมื่อรู้ว่าที่แท้ตะวันที่พวกเขาเคยทำงานด้วย คือสุรียา สุรียาบดี ผู้ที่ถือหุ้นมากที่สุดในบริษัทและก้าวขึ้นเป็นประธานบริษัทคนใหม่ของพวกเขา

จามจุรีร้องไห้เซซังมาที่คอนโดที่พักของตะวัน เธอเข้าไปอาละวาดทำลายข้างของของเขาซะพังพินาศ

“  แก  แกหลอกลวงฉัน หลอกลวงฉัน ไอ้คนสารเลว ”

จามจุรีร้องไห้เหมือนคนบ้าหล่อนคว้ารูปถ่ายของตะวันขว้างจนกระจกแตกกระจาย ปัดทึ้งข้าวของบนโต๊ะจนหล่นแตกเกลื่อนจามจุรีหยิบเหล้าออกมาเปิดขวดดื่มอักๆอย่างไม่บันยะบันยังไม่นานก็เมานอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงอย่างหมดสภาพ จามจุรีเมาหลับไปนานเมื่อตื่นขึ้นมา ตะวันยืนหันหลังให้เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จามจุรีผุดลุกขึ้นนั่งลงจากเตียงเดินเซแซดๆไปหาเขาอย่างสุดแค้น

“  แก  แกหลอกฉัน ไอ้คนสารเลว ”

จามจุรีคว้าไหล่ของเขาให้หันกลับมาแล้วเงื้อมือหมายจะตบให้หายแค้น

“  อย่านะจามจุรี ”

ตะวันตวาด สาวสวยชะงักจ้องเขาเหมือนเห็นผี

“  เธอไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายผม ผมไม่ใช่ตะวัน วงพรตคนนั้นอีกแล้วจามจุรี ”

จามจุรีหัวเราะก้อง

“  ฮะ ๆ ๆ ๆ สุรียาหรือ แกคือสุรียา สุรียาบดีหรือ แล้วแกมาหลอกฉันทำไม ทำไมห๊า ”
“  ผมหลอกคุณหรือ ผมหลอกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
“  แกหลอกให้ฉันโอนหุ้นให้แก แกหลอกว่าแกคือตะวัน นี่น่ะหรือที่แกบอกว่าแกไม่ได้หลอกฉัน ”
“  หลอกให้โอนหุ้น ผมหลอกคุณที่ไหน คุณหลงผมเสนอโอนให้ผมเอง ลองกลับไปทบทวนดูสิว่าจริงไหม ”

จามจุรีน้ำตาไหลพรากจ้องตะวันอย่างเจ็บปวด

“  เพราะฉันไม่รู้ว่าแกคือสุรียา ถ้ารู้สักนิด ”
“  เธอก็คิดฆ่าผมไปแล้วใช่ไหม พวกเหลือบสุรียาบดี โหดเหี้ยมกันทุกคน ”

จามจุรีกรี๊ด ตรงเข้าจิกทึ้งตะวันอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่ ตะวันจับข้อมือของหล่อนไว้

“  หยุดนะ หยุดอาการบ้าคลั่งของเธอซะที แล้วกลับออกไปจากที่นี่ ผมไม่ต้องการเห็นอาการของคนบ้าไร้สติอย่างนี้อีก ออกไป ”

ตะวันไล่หล่อน ดวงตาวาวโรจน์ จามจุรีสะอื้นอย่างเจ็บช้ำมองชายที่เธอทุ่มเทความรักให้อย่างหมดใจแล้วหันหลังกลับออกไปอย่างหงส์ปีกหัก
ตะวันมองข้าวของที่แตกเกลื่อนกลาดแล้วโทรศัพท์ตามให้แม่บ้านขึ้นมาเก็บทำความสะอาดให้ ส่วนตัวของเขาขับรถตรงไปยังบ้านของท่านอุเทนอย่างคิดถึงจันทรา

“ เธอจะเอายังไงตายะ ไอ้เด็กนรกนั่นมันมาปรากฏตัวแล้วเอาบริษัทของมันคืนไปแล้ว ฉันไม่นึกเลยนะว่ามันจะรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทันขนาดนี้ ”

ทาทองมองน้องชายอย่างแสนจะเจ็บใจ

“  มันวางแผนมาดี ผมไม่นึกว่ามันจะร้ายกาจขนาดนี้ มันเข้ามาปะปนกับพวกเรา หลอกล่อจนยายจามโอนหุ้นให้มัน มันเก่งมาก   ”
“  เป็นเพราะเราประมาทไปหรือเปล่า ”
“  ไม่ใช่หรอก ใครจะไปนึกถึงว่ามันจะมาเล่นงานเราวิธีนี้ นับว่ามันเตรียมการณ์ได้ยอดเยี่ยมมาก ”
“  แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป บ้านนี่ท่านอุเทนก็บอกว่าส่งมอบให้มันไปแล้ว เธอจะรอให้มันมาไล่เราออกไปจากบ้านนี่หรือไง ”
“  เราต้องฆ่ามันไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่เราทำมาจะไม่ได้อะไรเลย  ถ้ามันตายทรัพย์สินส่วนของมันจะตกสู่ทายาท ”
“  ก็นังพี่สาวสองคนต่างแม่ของมัน นั่นน่ะสิรับเอาไปเต็มๆ ”
“  ถึงเวลาที่นังสองคนนั่นต้องเสียสละชีวิตแล้ว ”
“  ตายะ นี่หมายความว่า ”
“  ต้องฆ่าพวกมัน แต่ต้องเงียบและแนบเนียนที่สุด ไม่เช่นนั้น ไอ้สุรียารู้ตัวแน่ ”
“  เธอจะทำยังไง ”
“  ก็ทำเหมือนที่นังเพียงเพ็ญ แม่ของมันโดนมาแล้วน่ะสิ ”
“  แล้วเธอจะลงมือเมื่อไหร่ ”
“  ก็ต้องเร็วที่สุด ก่อนที่เราจะระเห็จออกไปจากบ้านสุรียาบดี ”
“  พี่เป็นห่วงยายจามจัง ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงมั่ง คงเสียใจที่สุดที่ถูกไอ้สุรียามันหลอกเอา ”
“  สมน้ำหน้ามัน ก็ไม่เพราะมันหรอกหรือไอ้นั่นถึงได้ตำแหน่งประธานบริษัทไปง่ายๆ เจ็บใจนัก ต่อไปมันจะได้เลิกหลงเลิกเชื่อใครง่ายๆซะที บทเรียนครั้งนี้ มันต้องจำไปจนวันตาย คนที่น่าห่วงน่ะ ลูกจันทร์ต่างหาก นี่ผมคงหมดหวังที่จะได้ลูกคืนมาแล้วหรือ ”
“  ตายะ ”
“  ลูกจันทร์เป็นเด็กดี ทำไมไอ้พวกนรกนั่นมันถึงได้ทำกับลูกได้ ”
“  จนป่านนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของพวกไหน ถ้ายายจันทร์ตาย ศพก็คงหมดสภาพไปแล้ว ”

ทุติยะทรุดลงนั่งดวงตาแดงกร่ำ เขารักลูกสาวคนนี้มาก มากกว่าจามจุรีซะอีก เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้จะสืบหาอย่างไรก็ไม่ได้เบาะแส
ตะวันมาถึงบ้านท่านอุเทน ท่านเจ้าของบ้านผู้อารียิ้มเมื่อเขาเข้ามาหา

“  ยังไงท่านประธานคนใหม่ คิดถึงเมียล่ะสิ ”
“  ครับ จันทร์เป็นอย่างไรบ้าง ”
“  จะเป็นอะไร เขาน่ารักดีนะ เชื่อฟังดีทีเดียว ไม่ออกไปเพ่นพ่านที่ไหนทั้งนั้น วันๆอยู่แต่ในห้องเห็นแล้วสงสาร ขึ้นไปดูเขาสิ คงดีใจที่ได้เห็นเธอ ”

ตะวันขึ้นมาหาหญิงสาว จันทราแววตาปิติวูบเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามา

“  จันทร์ ”

เขาตรงเข้ามากอดเธอรู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจที่สุดเมื่อได้เห็นหน้า

“  เหงาไหมที่ต้องอยู่แต่ในนี้ ”
“  ไม่เหงาค่ะ คุณป้าพวงเอาไหมพรมมาหัดให้จันทร์ถัก ”
“  ถักอะไร ”
“  ถักพวกถุงเท้า ถุงมือเด็กค่ะ ”
“  จันทร์จะถักให้ลูกหรือ ”
“  ค่ะ ”

เขาจูบที่แก้มของเธอนึกดีใจที่จันทรารักลูกในท้อง คืนนี้ตะวันอยู่กับจันทราทั้งคืน เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนนึกห่วงหวงเธออย่างที่สุด เขาจะหาวิธีไหนที่จะพาเธอไปอยู่ด้วยอย่างปลอดภัย ดูมันอับจนหนทางเสียจริงๆ ทุติยะคงยังส่งคนออกตามหาจันทราอย่างไม่ลดละ นอกจากบ้านหลังนี้แล้ว จันทราไม่มีที่หลบซ่อนได้อีกเลย
ท่านอุเทนคุยกับตะวันในตอนเช้าที่โต๊ะอาหาร

“  สุรียา เธอจะมาพักอยู่ที่นี่ก็ได้นะ ไม่มีใครเขาสงสัยเธอหรอกเราะใครๆก็รู้ว่า เธอกับฉันสนิทกัน เธอจะได้อยู่เป็นเพื่อนยายหนูจันทร์บ้าง ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา ”
“  มันจะเป็นการรบกวนท่านมากเกินไป ”
“  รบกวนอะไร ดีซะอีก ฉันอยู่คนเดียวมีแต่แม่บ้านกับคนรับใช้ บ้านช่องก็กว้างขวาง ลูกๆของฉันน่ะเป็นปีถึงจะได้เดินทางมาเยี่ยมฉันสักที ฉันก็เหงาเหมือนกัน ”
“  พวกคุณพี่เขาไม่คิดจะกลับมาอยู่เมืองไทยกันหรือครับ ”
“  คงไม่ เขาไปสร้างโรงพยาบาลซะใหญ่โต คงคิดว่าอเมริกาเป็นบ้านเกิดของเขาไปแล้ว ”

ท่านนายพลเล่าถึงลูกๆของท่านที่ไปทำโรงพยาบาลอยู่ที่เมืองนอกท่านอุเทนมีลูกชายลูกสาวอย่างละคน ลูกทั้งสองคนของท่านไปร่ำเรียนที่เมืองนอกตั้งแต่ยังเล็กและอยู่กันที่นั่นเลย ท่านจึงอยู่ที่เมืองไทยกับคุณหญิงแค่สองคนและเมื่อสองปีที่แล้วคุณหญิงก็เสียชีวิตลง ท่านจึงอยู่คนเดียวกับพวกบริวารเรื่อยมา





...พิมพ์พิลาสฒ์...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่