“ ทำไมกินอะไรแปลกๆอย่างนั้น ขนุนจิ้มน้ำปลามันไม่เข้ากันเลยนะแม่ ”
“ ก็นี่แหละ คนท้องล่ะไม่อย่างนั้นเขาจะเรียก คนแพ้ท้องหรือ แล้วท้องของหนูจันทร์น่ะมองเห็นหรือยัง ”
“ เอวเริ่มตึงๆขึ้นแล้วครับ จันทร์เขาบอกว่ารู้สึกตอดตุ๊บๆตอนเช้าๆ ”
“ แสดงว่าใกล้จะดิ้นแล้ว อีกอาทิตย์กว่าๆก็คงดิ้น เขามีร่างกายครบแล้วนะถ้าเขาเริ่มดิ้น ”
“ จริงหรือครับแม่ ถ้าลูกดิ้นแสดงว่าเขาเป็นคนโดยสมบรูณ์แล้ว ”
“ หมอเขาว่าอย่างนั้นนะ ท่าทางของลูกนี่เห่อลูกมากเลยนะ คุณพ่อคนใหม่ ”
“ ผมอยากเห็นหน้าลูก อยากเห็นหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขของผม ”
“ อีกหกเดือนก็ได้เห็นแล้วจ่ะ ”
“ หกเดือน หรือ ผมจะมีชีวิตไปจนได้เห็นหน้าลูกของผมไหมนะ ”
“ ตะวัน ทำไมลูกพูดอย่างนั้น พูดเป็นลางมันไม่ดีนะลูก ”
สุทธินีตบปากลูกชายเบาๆ ตะวันกอดแม่อย่างแสนรัก
ทุติยะเจอมรสุมทางการเมืองจนถูกปรับคณะรัฐมนตรีและเขาถูกออกจากตำแหน่ง เพราะผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากเขาพ้นจากตำแหน่งไม่ถึงอาทิตย์ตะวันก็ให้ทนายเข้าไปบอกว่า เขาจะปรับปรุงบ้านสุรียาบดี นั่นหมายถึง ทุติยะ สวาทและทาทองต้องย้ายออกไปจากบ้านสุรียาบดีของเขา ทุติยะตบโต๊ะอย่างโกรธจัด
“ ไอ้นรกนั่นมันส่งคนของมันให้มาไล่เราออกจากบ้านสุรียาบดีหรือวะ ”
“ จะทำยังไงดีคะคุณ พี่ทอง ”
สวาทหน้าตื่นถามสามีและพี่สามี
“ ผมไม่มีวันออกไปจากบ้านหลังนี้เด็ดขาด ”
ทุติยะเสียงลั่น
“ ตายะ เธอจะฝืนได้อย่างไร จะให้พวกมันเอาน้ำมาสาดไล่เราหรือไง แค่มันให้ทนายมาบอกเรา พี่ก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว ”
“ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน จะให้ผมไปอยู่บ้านกระจอกๆผมอยู่ไม่ได้หรอก ”
“ ก็หาซื้อบ้านราคาสักสิบล้านยี่สิบล้านอยู่ก็ได้นี่ ยังไงเราก็อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ”
“ พี่ทองมีเงินสดเท่าไหร่ เงินของผมเอาไปโปะที่บริษัทจนหมดแล้ว คราวหาเสียงเลือกตั้งก็หมดไปตั้งหลายสิบล้าน ตอนนี้มีเงินสดอยู่ในธนาคารไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำไป ”
“ พี่ก็ไม่มี เงินที่มีก็เอาไปลงทุนทำรีสอร์ทหมดแล้ว ”
“ ทำไมเราต้องมาจนแต้มกันขนาดนี้นะ ไม่นึกเลยนะว่าเราจะตกอับกันถึงขนาดนี้ ”
“ เพราะไอ้นรกนั่นตัวเดียว ถ้ามันไม่ตายพวกเราไม่มีทางโงหัวได้แน่ ”
“ พี่กลัวเธอจะเตะหมูเข้าปากหมาน่ะสิ ไอ้เด็กนั่นฉลาดเป็นกรดมันคงไม่ประมาทเรื่องทรัพย์สินของมันหรอก ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ทำได้ถึงขนาดนี้แน่ ”
“ นี่ผมจะต้องหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างหรืออย่างไร ทั้งลูกทั้งทรัพย์สินทั้งยศตำแหน่ง ”
“ ตายะ หรือเราจะขายหุ้นบางส่วนของเรา ”
“ ขายหุ้น นี่พี่ทองคิดอะไร ถ้าเราขายหุ้นโอกาสที่เราจะได้สุรียาบดีมาก็หมดน่ะสิ ”
“ แล้วนี่เธอคิดว่าจะมีโอกาสได้มันมาอีกหรือ พี่มองดูแล้วมันมืดแปดด้านเลยนะ ”
จามจุรีขอเข้าพบตะวันในห้องทำงานของเขา เลขาของตะวันเข้ามาบอกชายหนุ่มที่กำลังนั่งทำงานอยู่
“ ท่านประธานคะ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลขอเข้าพบค่ะ ”
“ เชิญเขาเข้ามา ”
“ ค่ะ ”
จามจุรีเข้ามาในห้องตะวันจึงให้เลขาออกไปก่อน
“ ดรุณี ไม่มีอะไรแล้วคุณออกไปทำงานของคุณเถอะ ”
“ ค่ะ ”
จามจุรีเดินมายืนที่หน้าโต๊ะทำงานตะวันมองเธอด้วยสายตาที่ห่างเหินเฉยชา
“ ใจคอคุณจะยืนคุยธุระของคุณกับผมหรือไรคุณจามจุรี ”
“ คุณร้ายกาจมากนะตะวัน คุณถึงกับไล่พวกฉันออกจากบ้านสุรียาบดีเชียวหรือ ”
“ บ้านนั่นเป็นบ้านของผม ผมต้องการจะเข้าไปอยู่ ถ้าพวกคุณยังอยู่ แล้วผมจะเข้าไปอยู่ได้อย่างไร อีกอย่างผมต้องการความเป็นส่วนตัว อยู่รวมกับคนอื่นมันอึดอัดใจ ”
“ แต่สุรียาบดี พ่อแม่ของฉันและฉันอยู่มาตั้งแต่เกิด คุณไล่พวกเราแล้วเราจะไปอยู่กันที่ไหน ”
“ ผมไม่เชื่อหรอกว่าว่าพวกคุณไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่ไป ทรัพย์สินบางส่วนของสุรียาบดีที่พ่อของคุณยักยอกไปจากกองมรดกไม่ใช่น้อยๆ ผมไม่ได้ติดตามเอาคืนเลย มันน่าจะเหลือเฟือซะอีกที่พวกคุณจะออกไปเสวยสุขกันข้างนอกอย่างสบาย ”
“ ตะวัน แล้วความเป็นสามีภรรยาของเราล่ะ ฉันน่าจะมีส่วนในทรัพย์สินของคุณบ้างในฐานะภรรยา ”
“ ตะวันหัวเราะลั่น เขาจ้องหน้าจามจุรีด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ”
“ ภรรยาหรือ จามจุรี คุณเป็นภรรยาของ ตะวัน วงพรตนะ ไม่ใช่ สุรียา สุรียาบดี ตะวัน วงพรต มีแต่ตัวคุณก็รู้ คุณจะมาเรียกร้องทรัพย์สินอะไรจากผม ”
“ ตะวัน ฉันไม่นึกเลยนะว่า คุณจะใจร้ายใจดำขนาดนี้ ตลอดเวลาคุณหลอกใช้ฉันมาตลอด พอคุณกลับมาเป็นสุรียา คุณก็เขี่ยฉันทิ้งใช่ไหม ฉันแค่คิดว่าคุณจะเห็นแก่การที่เราเคยมีความสัมพันธ์กัน แต่ฉันมันโง่ที่คิดที่มองคุณผิด คุณเลวกว่าที่ฉันนึกถึงมากนักตะวัน ”
“ ด่าพอหรือยัง คุณกลับไปบอกนายทุติยะและนางทาทองด้วยว่าผมให้เวลาอยู่ในสุรียาบดีอีกแค่เจ็ดวันถ้ายังไม่ออกไปจากที่นั่น ผมจะให้คนของผมไปไล่พวกคุณออกจากบ้านอย่างไม่ไว้หน้า สำหรับคุณถ้าต้องการหย่าขาดจากตะวัน วงพรต ผมจะชดเชยค่าเนื้อตัวของคุณ ห้าล้านบาท ”
“ ไอ้บ้า ”
จามจุรีชี้หน้าด่าอย่างทนเขาเหยียดหยามไม่ไหว
“ ไอ้สารเลว ฉันไม่ต้องการเงินของแกแม้แต่แดงเดียว แกไปหย่ากับฉันเลย หย่ากันวันนี้ ”
“ แน่ใจนะที่พูด ถ้าแน่ใจก็ไปเลย ไปเดี๋ยวนี้ ”
จามจุรีเซผงะ ตะวันลุกขึ้นยืนจ้องหล่อนอย่างหยามเยาะ จามจุรีทนไม่ได้ เธอทนสายตาที่เขามองอย่างเหยียดหยามไม่ได้ หย่าเป็นหย่า สิ้นสุดกันทีระหว่างเธอกับเขา ทั้งคู่ไปหย่าขาดจากกันโดยที่จามจุรีไปอย่างคนที่หมดหวังเจ็บช้ำ แต่ตะวันไปอย่างผู้ที่ต้องการหลุดพ้นจากพันธนาการทางกฎหมายกับเธอ เขาเดินตามอดีตภรรยาลงมาจากเขตหลังจากจดทะเบียนหย่าขาดจากกัน ตะวันเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนจนจามจุรีหันมามอง
“ คุณจามจุรี ”
“ เราไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีกแล้ว คุณกับฉันไม่มีพันธะใดๆต่อกันแล้ว ต่อไปเราเป็นแค่ผู้ที่ทำงานอยู่ที่เดียวกันเท่านั้น หรือคุณไม่พอใจจะให้ฉันออกจากบริษัทก็ได้นะ ”
“ จามจุรี ”
หญิงสาวเดินแกมวิ่งไปที่รถเพราะกลัวน้ำตาจะหยดให้เขาเห็นอีก แค่นี้เธอก็พ่ายแพ้จนแทบจะทนไม่ได้อยู่แล้ว ตะวันยืนมองอดีตภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว สำนึกลึกๆเขาสงสารเธอไม่น้อย
“ จามจุรี อภัยให้ผมด้วย ผมไม่อยากทำร้ายคุณเลย แต่ใครใช้ให้คุณเกิดมาเป็นลูกของไอ้ทุติยะล่ะ ”
ทุติยะเหมือนเสือขนร่วง เขาและพรรคพวกต้องย้ายออกจากบ้านสุรียาบดีอย่างเจ็บแค้นจากที่เคยอยู่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่โอ่อ่างดงามบนเนื้อที่ยี่สิบไร่เขาต้องไปซื้อบ้านราคาไม่ถึงสิบล้านบาทอยู่มีที่ดินและบริเวณเพียงไร่เศษๆเทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวของสุรียาบดีแม้แต่น้อย
“ คอยดูนะพี่ทอง ผมต้องกลับไปที่สุรียาบดีอย่างผู้ที่ครอบครองมันอย่างแท้จริงให้ได้ ”
“ มันจะมีวิธีไหนอีกล่ะตายะ ถึงฆ่ามันตายเราก็ยังไม่รู้ว่า สมบัติส่วนของมันจะตกไปอยู่กับใคร ”
“ ก็ตกอยู่กับ ใช่พี่ทอง จามมันบอกว่ามันจดทะเบียนสมรสกับไอ้สุรียาไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้น ”
ทุติยะดวงตาเป็นประกาย ทาทองเองก็มีความหวังขึ้นมาทันที
“ ถ้าทุกอย่างตกมาเป็นของยายจาม มันจะไปไหนเสียใช่ไหม ”
“ ใช่ ยายจามคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของมัน โอ ยายจามสิ่งที่ลูกทำพ่อเพิ่งรู้ว่ามันถูกต้องที่สุดก็ครั้งนี้เองลูกเอ๋ย ”
“ แล้วเราจะบอกเรื่องนี้กับยายจามไหม ”
“ บอกให้โง่หรือ นังลูกบ้านั่นไม่รู้ว่ายังรักยังหลงไอ้สุรียาอยู่อีกหรือเปล่า ขืนบอกมัน มันขัดขวางเราแล้วเราจะทำยังไง ”
“ แต่เธอต้องวางแผนให้รอบคอบนะ จะทำอะไรตอนนี้ต้องใช้ความระมัดระวังให้มาก ”
“ ผมรู้ว่าผมต้องทำยังไง เราต้องทิ้งเวลาออกไปสักระยะ อยู่ที่นี่กันก่อนก็ยังไม่ถึงกับเดือดร้อนอะไร เราจะได้กลับไปที่นั่นอย่างผู้ที่ได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากมัน โดยไม่มีข้อครหา ”
เวลาผ่านไป ท้องของจันทราใหญ่ขึ้นตามอายุเดือนแต่ร่างกายของเธอก็อ่อนแอลง ตะวันทนเห็นสภาพที่ซีดเซียวของจันทราอีกไม่ได้ เขาตัดสินใจจะพาเธอไปพักผ่อนชายทะเลเพื่อให้ร่างกายของจันทราได้รับอากาศชายทะเลบ้าง ท่านอุเทนเองก็สงสารหญิงสาวท่านจึงให้ตะวันพาภรรยาไปพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศของท่านที่ชะอำ
“ ไปพักที่บ้านพักตากอากาศของฉันดีกว่า มันเงียบไม่มีคนพลุกพล่าน จะได้ปลอดภัยจากหูตาของทุติยะและพวกของเขา ”
“ ผมขอบพระคุณท่านมากเลยครับที่ท่านกรุณาผมและจันทร์ทุกอย่าง ”
“ แล้วจะไปอยู่กันนานไหม ”
“ คงจนกว่าจันทร์จะสุขภาพดีขึ้น แล้วผมจะมาที่บริษัทบ่อยๆ ”
“ ก็ต้องเทียวไปเทียวมา แต่ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ไกลเท่าไหร่ แล้วจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่ล่ะฉันจะได้โทรบอกให้คนที่เขาดูแลบ้านทำความสะอาดและเตรียมของกินเอาไว้ให้ ”
” พรุ่งนี้เย็นครับ พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ ผมจะได้อยู่กับจันทร์ได้หลายวัน ”
“ เผลอเดี๋ยวเดียวยายหนูมันท้องจะหกเดือนแล้วนะ มันเก่งที่ทนอุดอู้อยู่แต่ในบ้านโดยไม่ปริปากสักคำ
“ จันทร์คงห่วงลูกเหมือนที่ผมห่วง ”
“ ก็นับว่าเขาเป็นคนดี เขายอมอดทนเพื่อเธอ คงจะรักเธอมาก ”
ตะวันนิ่ง เขาไม่รู้ว่าจันทราจะรักเขาบ้างไหม ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน จันทรายอมเชื่อฟังเขาเพราะเธอหัวอ่อน เข้าใจอะไรง่ายแต่ในจิตใจของเธอนั้นจะรักเขาไหม จันทราจะรักเขาลงหรือ เขาทำลายเธอ ทำลายอนาคตของเธอ ยัดเยียดให้เธอตั้งท้องลูกให้ เขาทำกับจันทราไม่ต่างอะไรกับทาสในเรือนเบี้ยคนหนึ่ง ทาสที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ทาสที่ต้องยอมจำนนต่อเขาทุกอย่างคิดแล้วตะวันก็ปวดใจหนึบ รู้สึกว่าตัวเองช่างโหดร้ายเหลือเกินกับจันทรา
ตะวันเข้ามาในห้องจันทรานั่งปักคอสตีสอยู่ที่เก้าอี้โยกริมหน้าต่าง
“ ทำอะไรอยู่ ”
“ ปักคอสตีสค่ะ ทำไมวันนี้กลับเร็วคะนี่เพิ่งบ่ายเอง ”
“ วันนี้ผมเข้าบริษัทแค่ช่วงเช้า เสร็จแล้วออกไปหาซื้อของกินของใช้ที่ห้างสรรพสินค้า ซื้อของให้จันทร์เยอะเยะเลย ”
“ ทำไมต้องซื้อคะ จันทร์ไม่ได้ขาดเหลืออะไรที่มีอยู่ก็เยอะไปหมดแล้ว ”
“ เราจะไปเที่ยวชายทะเลกันนะ ผมจะพาจันทร์ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ไปเดินเล่นชายทะเล ”
“ จริงหรือคะ ”
จันทราดีใจตะวันเข้ามากอดเธออย่างสงสาร
“ จันทร์ ผมรู้สึกว่าตัวเองแสนจะโหดร้ายกับจันทร์เหลือเกิน เอาจันทร์มากักขังไว้อย่างนี้ ”
จันทราเงียบ ตะวันเชยคางเรียวของหญิงสาวจ้องมองตวงตาที่ใสซื่อนั้นอย่างสำนึกผิด
“ จันทร์ ถึงเวลานี้ผมรู้สึกว่าผมเห็นแก่ตัวที่สุด ที่ทำกับจันทร์อย่างนี้ ทำกับจันทร์เหมอนจันทร์ไม่มีหัวใจ ไม่มีวิญญาณ จันทราบอกผมสักคำสิว่า จันทร์เกลียดผมมากแค่ไหน เกลียดผมมากใช่ไหม ”
จันทราก้มหน้า ลูกในท้องของเธอดิ้นดุ๊บดิ๊บจนหญิงสาวต้องเอามือวางแนบบนท้อง ตะวันลงนั่งคุกเข่ามองเธอด้วยสายตาที่ปวดร้าววิงวอน
“ จันทร์บอกผมมาเถอะ ว่าคุณเกลียดผมมากแค่ไหน ขอให้ผมได้รู้ความรู้สึกจริงๆจากใจของจันทร์สักครั้ง ”
“ ไม่ค่ะ จันทร์ไม่ได้เกลียดคุณ ”
“ จันทรา ”
สิ้นแสงสุริยา ตอนที่ 22 (ตอนจบ)
“ ก็นี่แหละ คนท้องล่ะไม่อย่างนั้นเขาจะเรียก คนแพ้ท้องหรือ แล้วท้องของหนูจันทร์น่ะมองเห็นหรือยัง ”
“ เอวเริ่มตึงๆขึ้นแล้วครับ จันทร์เขาบอกว่ารู้สึกตอดตุ๊บๆตอนเช้าๆ ”
“ แสดงว่าใกล้จะดิ้นแล้ว อีกอาทิตย์กว่าๆก็คงดิ้น เขามีร่างกายครบแล้วนะถ้าเขาเริ่มดิ้น ”
“ จริงหรือครับแม่ ถ้าลูกดิ้นแสดงว่าเขาเป็นคนโดยสมบรูณ์แล้ว ”
“ หมอเขาว่าอย่างนั้นนะ ท่าทางของลูกนี่เห่อลูกมากเลยนะ คุณพ่อคนใหม่ ”
“ ผมอยากเห็นหน้าลูก อยากเห็นหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขของผม ”
“ อีกหกเดือนก็ได้เห็นแล้วจ่ะ ”
“ หกเดือน หรือ ผมจะมีชีวิตไปจนได้เห็นหน้าลูกของผมไหมนะ ”
“ ตะวัน ทำไมลูกพูดอย่างนั้น พูดเป็นลางมันไม่ดีนะลูก ”
สุทธินีตบปากลูกชายเบาๆ ตะวันกอดแม่อย่างแสนรัก
ทุติยะเจอมรสุมทางการเมืองจนถูกปรับคณะรัฐมนตรีและเขาถูกออกจากตำแหน่ง เพราะผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากเขาพ้นจากตำแหน่งไม่ถึงอาทิตย์ตะวันก็ให้ทนายเข้าไปบอกว่า เขาจะปรับปรุงบ้านสุรียาบดี นั่นหมายถึง ทุติยะ สวาทและทาทองต้องย้ายออกไปจากบ้านสุรียาบดีของเขา ทุติยะตบโต๊ะอย่างโกรธจัด
“ ไอ้นรกนั่นมันส่งคนของมันให้มาไล่เราออกจากบ้านสุรียาบดีหรือวะ ”
“ จะทำยังไงดีคะคุณ พี่ทอง ”
สวาทหน้าตื่นถามสามีและพี่สามี
“ ผมไม่มีวันออกไปจากบ้านหลังนี้เด็ดขาด ”
ทุติยะเสียงลั่น
“ ตายะ เธอจะฝืนได้อย่างไร จะให้พวกมันเอาน้ำมาสาดไล่เราหรือไง แค่มันให้ทนายมาบอกเรา พี่ก็อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว ”
“ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน จะให้ผมไปอยู่บ้านกระจอกๆผมอยู่ไม่ได้หรอก ”
“ ก็หาซื้อบ้านราคาสักสิบล้านยี่สิบล้านอยู่ก็ได้นี่ ยังไงเราก็อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ”
“ พี่ทองมีเงินสดเท่าไหร่ เงินของผมเอาไปโปะที่บริษัทจนหมดแล้ว คราวหาเสียงเลือกตั้งก็หมดไปตั้งหลายสิบล้าน ตอนนี้มีเงินสดอยู่ในธนาคารไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำไป ”
“ พี่ก็ไม่มี เงินที่มีก็เอาไปลงทุนทำรีสอร์ทหมดแล้ว ”
“ ทำไมเราต้องมาจนแต้มกันขนาดนี้นะ ไม่นึกเลยนะว่าเราจะตกอับกันถึงขนาดนี้ ”
“ เพราะไอ้นรกนั่นตัวเดียว ถ้ามันไม่ตายพวกเราไม่มีทางโงหัวได้แน่ ”
“ พี่กลัวเธอจะเตะหมูเข้าปากหมาน่ะสิ ไอ้เด็กนั่นฉลาดเป็นกรดมันคงไม่ประมาทเรื่องทรัพย์สินของมันหรอก ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ทำได้ถึงขนาดนี้แน่ ”
“ นี่ผมจะต้องหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างหรืออย่างไร ทั้งลูกทั้งทรัพย์สินทั้งยศตำแหน่ง ”
“ ตายะ หรือเราจะขายหุ้นบางส่วนของเรา ”
“ ขายหุ้น นี่พี่ทองคิดอะไร ถ้าเราขายหุ้นโอกาสที่เราจะได้สุรียาบดีมาก็หมดน่ะสิ ”
“ แล้วนี่เธอคิดว่าจะมีโอกาสได้มันมาอีกหรือ พี่มองดูแล้วมันมืดแปดด้านเลยนะ ”
จามจุรีขอเข้าพบตะวันในห้องทำงานของเขา เลขาของตะวันเข้ามาบอกชายหนุ่มที่กำลังนั่งทำงานอยู่
“ ท่านประธานคะ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลขอเข้าพบค่ะ ”
“ เชิญเขาเข้ามา ”
“ ค่ะ ”
จามจุรีเข้ามาในห้องตะวันจึงให้เลขาออกไปก่อน
“ ดรุณี ไม่มีอะไรแล้วคุณออกไปทำงานของคุณเถอะ ”
“ ค่ะ ”
จามจุรีเดินมายืนที่หน้าโต๊ะทำงานตะวันมองเธอด้วยสายตาที่ห่างเหินเฉยชา
“ ใจคอคุณจะยืนคุยธุระของคุณกับผมหรือไรคุณจามจุรี ”
“ คุณร้ายกาจมากนะตะวัน คุณถึงกับไล่พวกฉันออกจากบ้านสุรียาบดีเชียวหรือ ”
“ บ้านนั่นเป็นบ้านของผม ผมต้องการจะเข้าไปอยู่ ถ้าพวกคุณยังอยู่ แล้วผมจะเข้าไปอยู่ได้อย่างไร อีกอย่างผมต้องการความเป็นส่วนตัว อยู่รวมกับคนอื่นมันอึดอัดใจ ”
“ แต่สุรียาบดี พ่อแม่ของฉันและฉันอยู่มาตั้งแต่เกิด คุณไล่พวกเราแล้วเราจะไปอยู่กันที่ไหน ”
“ ผมไม่เชื่อหรอกว่าว่าพวกคุณไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่ไป ทรัพย์สินบางส่วนของสุรียาบดีที่พ่อของคุณยักยอกไปจากกองมรดกไม่ใช่น้อยๆ ผมไม่ได้ติดตามเอาคืนเลย มันน่าจะเหลือเฟือซะอีกที่พวกคุณจะออกไปเสวยสุขกันข้างนอกอย่างสบาย ”
“ ตะวัน แล้วความเป็นสามีภรรยาของเราล่ะ ฉันน่าจะมีส่วนในทรัพย์สินของคุณบ้างในฐานะภรรยา ”
“ ตะวันหัวเราะลั่น เขาจ้องหน้าจามจุรีด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ”
“ ภรรยาหรือ จามจุรี คุณเป็นภรรยาของ ตะวัน วงพรตนะ ไม่ใช่ สุรียา สุรียาบดี ตะวัน วงพรต มีแต่ตัวคุณก็รู้ คุณจะมาเรียกร้องทรัพย์สินอะไรจากผม ”
“ ตะวัน ฉันไม่นึกเลยนะว่า คุณจะใจร้ายใจดำขนาดนี้ ตลอดเวลาคุณหลอกใช้ฉันมาตลอด พอคุณกลับมาเป็นสุรียา คุณก็เขี่ยฉันทิ้งใช่ไหม ฉันแค่คิดว่าคุณจะเห็นแก่การที่เราเคยมีความสัมพันธ์กัน แต่ฉันมันโง่ที่คิดที่มองคุณผิด คุณเลวกว่าที่ฉันนึกถึงมากนักตะวัน ”
“ ด่าพอหรือยัง คุณกลับไปบอกนายทุติยะและนางทาทองด้วยว่าผมให้เวลาอยู่ในสุรียาบดีอีกแค่เจ็ดวันถ้ายังไม่ออกไปจากที่นั่น ผมจะให้คนของผมไปไล่พวกคุณออกจากบ้านอย่างไม่ไว้หน้า สำหรับคุณถ้าต้องการหย่าขาดจากตะวัน วงพรต ผมจะชดเชยค่าเนื้อตัวของคุณ ห้าล้านบาท ”
“ ไอ้บ้า ”
จามจุรีชี้หน้าด่าอย่างทนเขาเหยียดหยามไม่ไหว
“ ไอ้สารเลว ฉันไม่ต้องการเงินของแกแม้แต่แดงเดียว แกไปหย่ากับฉันเลย หย่ากันวันนี้ ”
“ แน่ใจนะที่พูด ถ้าแน่ใจก็ไปเลย ไปเดี๋ยวนี้ ”
จามจุรีเซผงะ ตะวันลุกขึ้นยืนจ้องหล่อนอย่างหยามเยาะ จามจุรีทนไม่ได้ เธอทนสายตาที่เขามองอย่างเหยียดหยามไม่ได้ หย่าเป็นหย่า สิ้นสุดกันทีระหว่างเธอกับเขา ทั้งคู่ไปหย่าขาดจากกันโดยที่จามจุรีไปอย่างคนที่หมดหวังเจ็บช้ำ แต่ตะวันไปอย่างผู้ที่ต้องการหลุดพ้นจากพันธนาการทางกฎหมายกับเธอ เขาเดินตามอดีตภรรยาลงมาจากเขตหลังจากจดทะเบียนหย่าขาดจากกัน ตะวันเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนจนจามจุรีหันมามอง
“ คุณจามจุรี ”
“ เราไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีกแล้ว คุณกับฉันไม่มีพันธะใดๆต่อกันแล้ว ต่อไปเราเป็นแค่ผู้ที่ทำงานอยู่ที่เดียวกันเท่านั้น หรือคุณไม่พอใจจะให้ฉันออกจากบริษัทก็ได้นะ ”
“ จามจุรี ”
หญิงสาวเดินแกมวิ่งไปที่รถเพราะกลัวน้ำตาจะหยดให้เขาเห็นอีก แค่นี้เธอก็พ่ายแพ้จนแทบจะทนไม่ได้อยู่แล้ว ตะวันยืนมองอดีตภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว สำนึกลึกๆเขาสงสารเธอไม่น้อย
“ จามจุรี อภัยให้ผมด้วย ผมไม่อยากทำร้ายคุณเลย แต่ใครใช้ให้คุณเกิดมาเป็นลูกของไอ้ทุติยะล่ะ ”
ทุติยะเหมือนเสือขนร่วง เขาและพรรคพวกต้องย้ายออกจากบ้านสุรียาบดีอย่างเจ็บแค้นจากที่เคยอยู่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่โอ่อ่างดงามบนเนื้อที่ยี่สิบไร่เขาต้องไปซื้อบ้านราคาไม่ถึงสิบล้านบาทอยู่มีที่ดินและบริเวณเพียงไร่เศษๆเทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวของสุรียาบดีแม้แต่น้อย
“ คอยดูนะพี่ทอง ผมต้องกลับไปที่สุรียาบดีอย่างผู้ที่ครอบครองมันอย่างแท้จริงให้ได้ ”
“ มันจะมีวิธีไหนอีกล่ะตายะ ถึงฆ่ามันตายเราก็ยังไม่รู้ว่า สมบัติส่วนของมันจะตกไปอยู่กับใคร ”
“ ก็ตกอยู่กับ ใช่พี่ทอง จามมันบอกว่ามันจดทะเบียนสมรสกับไอ้สุรียาไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้น ”
ทุติยะดวงตาเป็นประกาย ทาทองเองก็มีความหวังขึ้นมาทันที
“ ถ้าทุกอย่างตกมาเป็นของยายจาม มันจะไปไหนเสียใช่ไหม ”
“ ใช่ ยายจามคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของมัน โอ ยายจามสิ่งที่ลูกทำพ่อเพิ่งรู้ว่ามันถูกต้องที่สุดก็ครั้งนี้เองลูกเอ๋ย ”
“ แล้วเราจะบอกเรื่องนี้กับยายจามไหม ”
“ บอกให้โง่หรือ นังลูกบ้านั่นไม่รู้ว่ายังรักยังหลงไอ้สุรียาอยู่อีกหรือเปล่า ขืนบอกมัน มันขัดขวางเราแล้วเราจะทำยังไง ”
“ แต่เธอต้องวางแผนให้รอบคอบนะ จะทำอะไรตอนนี้ต้องใช้ความระมัดระวังให้มาก ”
“ ผมรู้ว่าผมต้องทำยังไง เราต้องทิ้งเวลาออกไปสักระยะ อยู่ที่นี่กันก่อนก็ยังไม่ถึงกับเดือดร้อนอะไร เราจะได้กลับไปที่นั่นอย่างผู้ที่ได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากมัน โดยไม่มีข้อครหา ”
เวลาผ่านไป ท้องของจันทราใหญ่ขึ้นตามอายุเดือนแต่ร่างกายของเธอก็อ่อนแอลง ตะวันทนเห็นสภาพที่ซีดเซียวของจันทราอีกไม่ได้ เขาตัดสินใจจะพาเธอไปพักผ่อนชายทะเลเพื่อให้ร่างกายของจันทราได้รับอากาศชายทะเลบ้าง ท่านอุเทนเองก็สงสารหญิงสาวท่านจึงให้ตะวันพาภรรยาไปพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศของท่านที่ชะอำ
“ ไปพักที่บ้านพักตากอากาศของฉันดีกว่า มันเงียบไม่มีคนพลุกพล่าน จะได้ปลอดภัยจากหูตาของทุติยะและพวกของเขา ”
“ ผมขอบพระคุณท่านมากเลยครับที่ท่านกรุณาผมและจันทร์ทุกอย่าง ”
“ แล้วจะไปอยู่กันนานไหม ”
“ คงจนกว่าจันทร์จะสุขภาพดีขึ้น แล้วผมจะมาที่บริษัทบ่อยๆ ”
“ ก็ต้องเทียวไปเทียวมา แต่ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ไกลเท่าไหร่ แล้วจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่ล่ะฉันจะได้โทรบอกให้คนที่เขาดูแลบ้านทำความสะอาดและเตรียมของกินเอาไว้ให้ ”
” พรุ่งนี้เย็นครับ พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ ผมจะได้อยู่กับจันทร์ได้หลายวัน ”
“ เผลอเดี๋ยวเดียวยายหนูมันท้องจะหกเดือนแล้วนะ มันเก่งที่ทนอุดอู้อยู่แต่ในบ้านโดยไม่ปริปากสักคำ
“ จันทร์คงห่วงลูกเหมือนที่ผมห่วง ”
“ ก็นับว่าเขาเป็นคนดี เขายอมอดทนเพื่อเธอ คงจะรักเธอมาก ”
ตะวันนิ่ง เขาไม่รู้ว่าจันทราจะรักเขาบ้างไหม ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน จันทรายอมเชื่อฟังเขาเพราะเธอหัวอ่อน เข้าใจอะไรง่ายแต่ในจิตใจของเธอนั้นจะรักเขาไหม จันทราจะรักเขาลงหรือ เขาทำลายเธอ ทำลายอนาคตของเธอ ยัดเยียดให้เธอตั้งท้องลูกให้ เขาทำกับจันทราไม่ต่างอะไรกับทาสในเรือนเบี้ยคนหนึ่ง ทาสที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ทาสที่ต้องยอมจำนนต่อเขาทุกอย่างคิดแล้วตะวันก็ปวดใจหนึบ รู้สึกว่าตัวเองช่างโหดร้ายเหลือเกินกับจันทรา
ตะวันเข้ามาในห้องจันทรานั่งปักคอสตีสอยู่ที่เก้าอี้โยกริมหน้าต่าง
“ ทำอะไรอยู่ ”
“ ปักคอสตีสค่ะ ทำไมวันนี้กลับเร็วคะนี่เพิ่งบ่ายเอง ”
“ วันนี้ผมเข้าบริษัทแค่ช่วงเช้า เสร็จแล้วออกไปหาซื้อของกินของใช้ที่ห้างสรรพสินค้า ซื้อของให้จันทร์เยอะเยะเลย ”
“ ทำไมต้องซื้อคะ จันทร์ไม่ได้ขาดเหลืออะไรที่มีอยู่ก็เยอะไปหมดแล้ว ”
“ เราจะไปเที่ยวชายทะเลกันนะ ผมจะพาจันทร์ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ไปเดินเล่นชายทะเล ”
“ จริงหรือคะ ”
จันทราดีใจตะวันเข้ามากอดเธออย่างสงสาร
“ จันทร์ ผมรู้สึกว่าตัวเองแสนจะโหดร้ายกับจันทร์เหลือเกิน เอาจันทร์มากักขังไว้อย่างนี้ ”
จันทราเงียบ ตะวันเชยคางเรียวของหญิงสาวจ้องมองตวงตาที่ใสซื่อนั้นอย่างสำนึกผิด
“ จันทร์ ถึงเวลานี้ผมรู้สึกว่าผมเห็นแก่ตัวที่สุด ที่ทำกับจันทร์อย่างนี้ ทำกับจันทร์เหมอนจันทร์ไม่มีหัวใจ ไม่มีวิญญาณ จันทราบอกผมสักคำสิว่า จันทร์เกลียดผมมากแค่ไหน เกลียดผมมากใช่ไหม ”
จันทราก้มหน้า ลูกในท้องของเธอดิ้นดุ๊บดิ๊บจนหญิงสาวต้องเอามือวางแนบบนท้อง ตะวันลงนั่งคุกเข่ามองเธอด้วยสายตาที่ปวดร้าววิงวอน
“ จันทร์บอกผมมาเถอะ ว่าคุณเกลียดผมมากแค่ไหน ขอให้ผมได้รู้ความรู้สึกจริงๆจากใจของจันทร์สักครั้ง ”
“ ไม่ค่ะ จันทร์ไม่ได้เกลียดคุณ ”
“ จันทรา ”