สวัสดีค่ะ..ออกตัว (แรงๆ) ก่อนเลยว่า “ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับทาง รพ.เลอลักษณ์ค่ะ”
นำเงินไปจ่าย แล้วก็ได้จมูกใหม่กลับมา แค่นั้นค่ะ!! ^^
กระทู้นี้..ออกไปทางแนวเล่าเรื่องนะคะ ไม่ใช่รีวิว เรื่องของเรื่อง รีวิว ไม่เป็นค่า
ถนัดเล่าแบบนี้มากกว่า
เริ่มต้น..เดิมที เราเป็นคนมีจมูก แต่ไม่มากถึงขั้น ประชากรทางแถบตะวันออกกลาง
มีดั้งนิดหน่อย..แต่จมูกเนื้อเยอะมาก และ สั้น!! ค่ะ
แบบนี้
ก็เลยคิดๆ ว่าจะทำดีมั้ย ทำก็ได้มั้ง อ่ะ..โอเค ทำก็ทำ
ก่อนอื่น..ทำเหมือนคนอื่นทั่วไป ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร ต้องทำยังไงคะ?
ตอบ______
“หารีวิวในเนตค่า.....” 55555555555+
นั่งหาดูรีวิว คนนั้นว่าหมอนั้นดี คนนี้ว่าหมอนี้ได้ คนนู้นบอกหมอนั้นแพง อีกคนบอกหมอไม่แพงก็มี
โอยยยยย..ดูไปดูมา จนจะอ้วกค่ะ มึนหัวไปหมดดดด ไม่รู้อันไหนจริง อันไหนโปรโมท โฆษณาก็เยอะ
สุดท้าย..พอค่ะ ปิดคอม ยังไม่ได้ข้อสรุป ไม่ไหวล่ะ เวียนหัว
ที่นี้ไปตัดผมที่ร้านที่ตัดอยู่ประจำมาตั้งแต่จำความได้ น้าเจ้าของร้านแนะนำ หมอกิตติศักดิ์ รพ.เลอลักษณ์ เลยตัดสินใจเข้าไปที่ รพ.เลยค่ะ กะว่าจะลองเข้าไปปรึกษาดูก่อน (ไม่อยากหารีวิวแล้ว..มึนหัว5555+)
ไปถึงรพ. หน้าเคาเตอร์ จนท.ก็มองหน้า ทำหน้างงๆ ว่า มาทำไรคะ เดินดุ่มๆๆเข้ามา นัดไว้รึเปล่าคะ ไรงี้
เราก็บอก..ไม่ได้นัดค่ะ ขอปรึกษาได้มั้ยคะ จะมาทำจมูก
จนท.บอก อ่อ...มาค่า นั่งเลยยยยยยยยยยย
จนท.: เลือกคุณหมอมั้ยคะ
เรา : ขอเลือกเป็น คุณหมอกิตติศักดิ์ค่ะ
จนท. : ได้ค่า..(จนท.ที่นี่ จะเสียงมีโทนสูงต่ำตลอดเวลา หน้าแน่นทุกคน ขนตาเป็นแผง) 5555555+
จนท. : คุณหมอกิตติศักดิ์ จะราคาสูงกว่าคุณหมอท่านอื่นนะคะและจะทำเฉพาะ ซิลิโคน อเมริกา และ ซิลิโคน เกาหลี
เรา : ราคายังไงบ้างคะ หนูจะ ตัดปีกด้วย
จนท. : ซิลิโคน อเมริกา จะอยู่ที่ 17,900 นี่โปรโมชั่นเลยนะ
เรา : (เฮือกกกก..นี่โปรแล้ว)
จนท. : ส่วน ซิลิโคนเกาหลี..จะแพงกว่า (แต่เราจำราคาไม่ได้)
ส่วนตัดปีกอยู่ที่ 15,900
เรา : รวมกันสามหมื่นกว่า T^T
จนท. : นัดเลยมั้ยคะ..คุณหมอคิวยาวนะคะ รีบนัด ไม่งั้นรอนานหลายเดือนเลยน้า
เรา : เอ่อ..ไม่ได้เจอคุณหมอก่อนหรอคะ
จนท. : เอิ่ม..ต้องนัดค่ะ เพราะคุณหมอคิวเยอะจริงๆ คุณหมอทำหน้าอกด้วย ถ้านัดแล้ว ก็มาถึงทำประวัติ ชำระเงิน แล้วพบคุณหมอ ทำได้เลย
เรา : หา..นี่ชั้นต้องตัดสินใจ จากการฟังราคาแค่นี้ใช่มั้ย..เอาก็เอา มาแล้วนี่ นัดเถอะ (ขี้เกียดดูรีวิวแล้ว5555)
งั้นนัดเลยค่ะ เร็วที่สุดวันไหนคะ
จนท. : วันเสาร์หน้าค่ะ (วันที่เราไปคือวันเสาร์พอดี นัดเป็นเสาร์ถัดไป ที่จะถึง)
เรา : อ่อออ..ด่ะ ด่ะ ได้ค่ะ
จนท. : ตกลงนัดเป็นวันเสาร์หน้านะคะ เวลา 19.00 น.
วันที่มาทำจะมีค่าทำประวัติด้วยนะคะ ครั้งแรก 150 บาท
รวมเป็นเงิน 33,950 บาท เตรียมมาชำระด้วยนะคะ
เรา : อ่ะ อ่ะ อ่อ..ด่ะ ได้ค่ะ
จนท.: เรียบร้อยค่า..น้องมาตามวันนัดนะคะ อย่าเลื่อนนะคะ เดี๋ยวจะไม่ได้คิว
เรา : จ้า........(เดินมึนๆ แล้วกลับบ้าน55555)
และแล้ววันเสาร์ถัดไปก็มาถึง เราไปถึงตามเวลานัด 1 ทุ่มตรง นั่งรอเรียกนานมากกกกก กว่าจะรอเรียกไปจ่ายตัง ค่าทำประวัติ
รอเรียกไปนั่งถ่ายรูป รอเรียกขึ้นไปเจอคุณหมอ นั่งรอคุณหมอน่าห้อง ง่วงเหงาหาวนอน ปาเข้าไปสามทุ่มกว่ามั้ง เพิ่งได้พบคุณหมอ คุณหมอเห็นหน้าเรา แล้วก็อ่านใบนัด
คุณหมอ : อ่อ..เสริมซิลิโคน อเมริกานะ อ่าๆ ตัดปีกด้วย โอเคๆ เงยหน้ามามองเรา
“คือ..วันนี้กว่าจะได้ทำมันดึกแล้วอะ..หมอเองก็เจ็บมือมากแล้วด้วย ตอนนี้ในห้องก็ยังไม่เสร็จเลย มีอีกหลายคิว มาวันจันทร์ได้มั้ย”
เราแบบ..หา วันนี้ดึกเลยหรอ ขุ่นพระขุ่นเจ้า แล้วคุณหมอจะหลับคาจมูกเรามั้ยเนี่ย (คิดในใจ) หมอเห็นเราเงียบๆ เลยบอกว่า
คุณหมอ : จะรอก็ได้นะ แต่หมอบอกไว้ก่อนว่ามันดึก พลังชีพหมอจะหมดแล้ว 55555+ ถ้าทำออกมาไม่สวย อย่าว่ากันนะ เลือกเอา ให้ตัดสินใจ แต่บอกไว้ก่อน
เรา : โห..งั้นไม่เป็นไรค่ะคุณหมอ หนูมาวันจันทร์ก็ได้ หนูยอมมมมมม
คุณหมอ : โอเคเลย..วันจันทร์ เดี๋ยวหมอให้เป็นเคสแรกเลย มาแต่เช้าเลยนะ เก้าโมง จะทำให้คนแรกเลย
สรุปคืนนั้น..ไปตั้งแต่ยังไม่ทุ่มนึง กลับบ้านสี่ทุ่ม ไม่ได้ทำ
เช้าวันจันทร์มาถึง..ขับรถไปคนเดียวค่ะ ไปถึงแปดโมง แจ้งเคาเตอร์เลยค่ะ พี่คะ..คุณหมอกิตติศักดิ์ให้หนูมาเก้าโมงเช้าค่าบอกจะทำให้หนูคนแรกกกกกกกกก
จนท.หน้าเค้าเตอร์บอก..ขึ้นไปชั้นบนเลยค่ะ ไปจ่ายเงินให้เรียบร้อยนะคะ ตกลงเจลประคบเย็น กับครีมลดรอยช้ำ ไม่รับนะคะ (ก่อนหน้านี้ จนท.พยายามขายเจลประคบและครีมลดรอยช้ำ ซึ่งเราไม่ได้ซื้อค่ะ แพง!!! พูดเลอ)
จ่ายเงินเสร็จตั้งแต่ยังไม่เก้าโมงดี นั่งรอรับยา นั่งรอไปถ่ายรูป (เอียงซ้ายเอียงขวา มุมตรง มุมข้าง)
นั่งรอจุดนั้นที จุดนี้ที จะสิบเอ็ดโมงแล้วมั้ง ยังไมได้เข้าทำสักที จนท.ก็น่ารักทุกท่านนะคะที่นี่ บอก
“น้องคะ ห้องอาหารชั้นล่างมีนะคะ..กาแฟอยู่ชั้นสอง ไปทานก่อนได้เลย”
ห๊ะ..นี่ยังไม่ได้ทำหรอ ให้ไปทานข้าวก่อนด้วย 555555555+
“คุณหมอยังไม่เข้าเลยค่ะ..เดี๋ยวเข้าแล้วต้องเข้าเคสปรึกษาก่อน แล้วถึงจะเริ่มทำคิวแรกค่ะ น้องได้เป็นคิวแรกเลยนะคะเนี้ยยยยย”
เอิ่มมมม..ไหนคิวแรกเก้าโมง T^T นี่จะสิบเอ็ดโมงแล้ว หลอกดาวอีกแล้ว
แล้วก็เดินหิ้วถุงยา..เตาะแตะ เตาะแตะ ไปนั่งทานข้าว ทานเสร็จเดินกลับขึ้นไป ถามจนท. คุณหมอมายังคะพี่..ได้คำตอบว่า มาแล้วค่ะ
แต่ยังอยู่ในห้อง คิวแรกยังไม่เรียกค่ะ
เรา..เดินหิ้วถุงยาต่อ เดินไปกินกาแฟต่อชั้นสอง..555555+
เกือบเที่ยง..เราเดินกลับขึ้นมา จนท.เรียกแล้ว ให้ขึ้นไปบนห้องผ่าตัดได้เลย
จนท. : เดี๋ยวใส่ชุดคลุมนะครับ ใส่หมวกคลุมผมด้วย แล้วก็ล้างหน้าออกให้สะอาด ด้วยสบู่สีแดงนะครับ..จนท.ที่พาไปห้องผ่าเป็นผู้ชาย
เราก็รีบใส่ชุดคลุม..คือเขาไม่ได้ให้ถอดชุดที่ใส่อยู่นะคะ ให้ใส่ชุดคลุมทับไปเลย เสร็จแล้วก็ล้างหน้า สบู่เหลวสีแดงๆ ไม่รู้สบู่อะไร แต่แสบหน้ามากกกกกกกกก แสบตาสุดๆ ล้างเสร็จแล้วหน้าตึง และ แห้งมาก จนอยากจะทาครีม
จนท. : เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไปนั่งรอที่โซฟานะครับ
รออีกแล้ว..5555555 คือเขาจะเรียกทีละประมาณ 5 คิวนะคะ ที่เดินขึ้นมาด้วยกันก็มี 5 คน ทำจมูกทั้งหมด เรียกมาเตรียมตัวไว้ นั่งรอต่อไป
สรุป กว่าจะได้ทำ “เที่ยงกว่า” ถึงมาเรียกเรา คิวแรก (ไหนนัดเก้าโม๊งงงงงงง)
นอนรออยู่อีกพักนึง..คุณหมอเดินเข้ามา มานั่งเก้าอี้ ทางหัวเตียง
คุณหมอ : ไหน..เอารูปมาดูสิ๊..เอาแบบไหน
เรา : แบบนี้ค่ะหมอ เอาโด่งๆๆๆๆๆๆ นะคะ (แอบเซฟรูปมาอยากได้แบบนี้..แล้วใครๆก็บอกว่าให้พูดไปเลยว่า เอาโด่งๆๆๆๆๆๆ)
คุณหมอ : จมูกเราไม่ได้ยาวขนาดนั้นนะ มันยาวได้แค่ที่เรามี แต่หมอจะทำให้โด่งๆให้นะ
ส่วนตัดปีก..หมอเอากระจกมาส่องให้เราดูรูจมูกตัวเอง "ดูนะ ว่ารูจมูกสองข้างเรา มันไม่เท่ากัน เห็นมั้ย (เอานิ้วก้อย ชี้เป็นรูปโค้งๆไปตามรูจมูก) ตัดออกมาแล้วก็จะเล็กลงนะ แต่มันก็จะ ไม่เท่ากันแบบนี้แหละ บอกไว้ก่อน เดี๋ยวมาบอกว่าทำไมรูจมูกไม่เท่ากัน"
ที่นี่ใช้ยาชานะคะ โดยฉีดยาเข้าเส้นที่แขนก่อน เพื่อให้หลับ ให้คายลูกอมและหมากฝรั่งที่มีในปากออก
พอจิ้มเข็มได้ปุ๊ป นับถอยหลังเลยค่ะ 5 – 4 – 3 – 2 -1 พรึ่บบบบบบ ทุกอย่างดับลง สนิท หลับค่ะ หลับเลย ไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ว่านานแค่ไหนค่ะ ก็ตื่นขึ้นมา แต่คิดว่าไม่นานมาก แต่ตอนตื่นขึ้นมานี่ หน้าชาเรียบร้อยค่ะ ชาเปนวงๆใหญ่ๆ โดยมีจมูกเป็นจุดศูนย์กลาง คิดว่าคุณหมอคงจิ้มเข็มยาชา ตอนที่เราหลับไป เพราะถ้าจิ้มเข็มยาชาสดๆ คงเจ็บมากกกกกกกกกก
ลืมตาเห็นมือคุณหมอ วนๆอยู่แถวจมูก เห็นเหล็กแท่งๆเล็กๆใส่เข้าไปในรูจมูก รู้สึกว่ามัน ดัง ครึด!!!!! พรืดดดดดด!!! แต่ไม่รู้สึกเจ็บ แต่รู้สึกได้ว่า มีเลือด ไหลลงไปในคอ (อารมเหมือนเวลาเป็นหวัดแล้วซึ๊ดๆ ขี้มูก แล้วขี้มูกไปจุกตรงคอนั่นแหละค่ะ) แต่อันนี้เป็นเลือด เป็นน้ำๆเลย กลิ่นเป็นเลือดชัดเจน
เลยอ้าปากถามคุณหมอเบาๆว่า
รู้สึกเหมือนเลือด อยุ่ที่คอ กลืนเลยใช่มั้ยคะ (เสียงอู้อี้ แบบคนกลั้นหายใจแล้วพูด)
คุณหมอบอก กลืนเลย กลืนนนนนนนนน
เราต้องกลืนค่ะ ไม่งั้นอมไว้ หายใจไม่ออกแน่ๆ 55555555+
เลือดไหลลงคอ..สลับกับไหลอาบแก้ม ไปที่ กกหู (เหมือนเวลาเรานอนแล้วร้องไห้ น้ำตาจะไหลไปที่หู)
ครึดดดดด!!! กึกกัก กึกกัก พรืดๆๆๆๆ
เสียงมีอยู่ประมาณเท่านี้ แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่า ถึงขั้นตอนไหน สักพักนึง ผู้ช่วยหยิบซิลิโคนมา
คุณหมอ เอาสอดเข้าไปที่ รูจมูกด้านขวา เข้าไป แล้วก็เอาเข็มกับด้ายมาเย็บปิดแผล แล้วเอามือมากุมจมูกไว้ แล้วก็ขยับๆ เล็กน้อย กึกกัก กึกกัก
จำได้ประมานนี้..ตอนที่เย็บปีก จำไม่ได้เลย สงสัย ยังไม่ตื่นจากยา 55555555555555+
เสร็จแล้วคุณหมอก็ลุกออกจากเก้าอี้ที่หัวเตียงไปที่อ่างล้างมือ เหลือบไปเห็น มือคุณหมอเลือดเยอะมากกกกกก มีกระเด็นไปเลอะชุดบ้างนิดหน่อย แต่ที่แน่ๆ เรากลืนเลือดลงท้องไป ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง
ผู้ช่วยคุณหมอ มายืนที่หัวเตียงแทนแล้วบอกว่าเลือดเยอะมากเลยนะคะ แล้วก็จะปิดพาสเตอร์ไปให้นะคะ ที่สันจมูกและที่ปีกจมูก ที่สันจมูก สามวันค่อยแกะนะคะนับจากวันนี้วันแรก ส่วนที่ปีกจมูก 24 ชั่วโมงแกะได้เลย
เรียบร้อยแล้วค่า..
เราออกจากห้องโดยผู้ช่วยคุณหมอประคองออกมาส่ง นั่งพักอยู่แค่แปปเดียว..ก็ลุกไปเปลี่ยนชุดค่ะ คิดเหมือนกันว่าจะขับรถไหวมั้ย จะมึนยามั้ยเนี่ย
ปรากฏว่า “ไหวค่ะ..ขับยาวเหยียบเดียวถึงบ้านค่ะ” 555555 รพ.อยู่แถวติวานนท์นะคะ บ้านเราอยู่พระรามสอง ช่วงจะออกสมุทรสาครแล้วค่ะ
นี่รูปตอนออกมาจากห้องผ่าตัด สดๆ
ขับรถกลับมาก็ชิวๆอะ ไม่เห็นเจ็บเลยยยย โถ....ไหนใครบอกว่าเจ็บ สบ๊ายยย สบาย นี่ดีนะที่อิ่มแล้ว ไม่งั้นจะแวะกินชาบูที่พาสิโอขากลับ ฮ่าๆๆๆๆ
กลับมาถึงบ้าน นอนค่ะ ง่วง ตื่นแต่เช้า เอาเจลประคบมาประคบ (ซื้อมาจากร้านแถวบ้าน แค่ 120)จนท.แจ้งว่า ต้องนอนหงาย หน้าตรงเท่านั้น เป็นเวลา 1 เดือน ห้ามออกกำลังกายด้วย(ใจคอจะให้กินกับนอน 1 เดือนเต็มๆนี่นะ) ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล ของหมัก ของดอง ขอให้งดก่อน ส่วนแผลที่ตัดปีก อีก 7 วัน มาตัดไหม นะคะ
เราก็นอน หลับไปโดยปกติ ไม่รู้สึกเจ็บอะไร หลับยาววเลย ประมานเกือบสองชั่วโมง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เพราะว่ารู้สึกตึงๆที่หน้า พอตื่นมาได้เต็มสติ ขุ่นพระ!!!!!!!!!
เจ็บค่า.......เจ็บมากกกกกกกกกกกกกกก เจ็บปวด ระบม รวดร้าว ราวกับโดยไม้หน้าสามตีแสกหน้า ที่รู้สึกเจ็บ จนตื่นขึ้นมาเพราะว่า
"ยาชามันหมดฤทธิ์แล้วววววววว"
กินยาค่ะกินยา
พยายาม ประคองตัวเอง ลุกขึ้นมาจากที่นอน..โอยยยย ลุกก็โอย หันก้โอย มาหยิบยากิน เอ้า ไม่มีน้ำอีก เดินย่อกแย่ก ย่อกแย่ก ลงมาเอาน้ำ เดินกลับขึ้นไปนอน อ้าว..เจลหายเย็นแล้วอีก ต้องค่อยคลานๆ ค่อยๆลุกเดิน ย่องๆ เบาๆ ไม่อยากเดินแรงมันกระเทือนไปถึงหัว เอาเจลลงมาแช่ตู้เย็น เดินกลับขึ้นไปนอนใหม่ โอยยยทรมาน..รู้งี้ไม่ทำดีกว่า 555555+
ต่อที่คอมเม้นท์ด้านล่างนะคะ ในกระทู้ให้พิมพ์แค่ 10000 คำ ไม่พอค่ะ ฮ่าๆๆ
เสริมจมูก+ตัดปีก หมอกิตติศักดิ์ เลอลักษณ์ ครั้งแรกและครั้งเดียว พอ!! เล่าสู่กันฟัง
นำเงินไปจ่าย แล้วก็ได้จมูกใหม่กลับมา แค่นั้นค่ะ!! ^^
กระทู้นี้..ออกไปทางแนวเล่าเรื่องนะคะ ไม่ใช่รีวิว เรื่องของเรื่อง รีวิว ไม่เป็นค่า
ถนัดเล่าแบบนี้มากกว่า
เริ่มต้น..เดิมที เราเป็นคนมีจมูก แต่ไม่มากถึงขั้น ประชากรทางแถบตะวันออกกลาง
มีดั้งนิดหน่อย..แต่จมูกเนื้อเยอะมาก และ สั้น!! ค่ะ
แบบนี้
ก็เลยคิดๆ ว่าจะทำดีมั้ย ทำก็ได้มั้ง อ่ะ..โอเค ทำก็ทำ
ก่อนอื่น..ทำเหมือนคนอื่นทั่วไป ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร ต้องทำยังไงคะ?
ตอบ______
“หารีวิวในเนตค่า.....” 55555555555+
นั่งหาดูรีวิว คนนั้นว่าหมอนั้นดี คนนี้ว่าหมอนี้ได้ คนนู้นบอกหมอนั้นแพง อีกคนบอกหมอไม่แพงก็มี
โอยยยยย..ดูไปดูมา จนจะอ้วกค่ะ มึนหัวไปหมดดดด ไม่รู้อันไหนจริง อันไหนโปรโมท โฆษณาก็เยอะ
สุดท้าย..พอค่ะ ปิดคอม ยังไม่ได้ข้อสรุป ไม่ไหวล่ะ เวียนหัว
ที่นี้ไปตัดผมที่ร้านที่ตัดอยู่ประจำมาตั้งแต่จำความได้ น้าเจ้าของร้านแนะนำ หมอกิตติศักดิ์ รพ.เลอลักษณ์ เลยตัดสินใจเข้าไปที่ รพ.เลยค่ะ กะว่าจะลองเข้าไปปรึกษาดูก่อน (ไม่อยากหารีวิวแล้ว..มึนหัว5555+)
ไปถึงรพ. หน้าเคาเตอร์ จนท.ก็มองหน้า ทำหน้างงๆ ว่า มาทำไรคะ เดินดุ่มๆๆเข้ามา นัดไว้รึเปล่าคะ ไรงี้
เราก็บอก..ไม่ได้นัดค่ะ ขอปรึกษาได้มั้ยคะ จะมาทำจมูก
จนท.บอก อ่อ...มาค่า นั่งเลยยยยยยยยยยย
จนท.: เลือกคุณหมอมั้ยคะ
เรา : ขอเลือกเป็น คุณหมอกิตติศักดิ์ค่ะ
จนท. : ได้ค่า..(จนท.ที่นี่ จะเสียงมีโทนสูงต่ำตลอดเวลา หน้าแน่นทุกคน ขนตาเป็นแผง) 5555555+
จนท. : คุณหมอกิตติศักดิ์ จะราคาสูงกว่าคุณหมอท่านอื่นนะคะและจะทำเฉพาะ ซิลิโคน อเมริกา และ ซิลิโคน เกาหลี
เรา : ราคายังไงบ้างคะ หนูจะ ตัดปีกด้วย
จนท. : ซิลิโคน อเมริกา จะอยู่ที่ 17,900 นี่โปรโมชั่นเลยนะ
เรา : (เฮือกกกก..นี่โปรแล้ว)
จนท. : ส่วน ซิลิโคนเกาหลี..จะแพงกว่า (แต่เราจำราคาไม่ได้)
ส่วนตัดปีกอยู่ที่ 15,900
เรา : รวมกันสามหมื่นกว่า T^T
จนท. : นัดเลยมั้ยคะ..คุณหมอคิวยาวนะคะ รีบนัด ไม่งั้นรอนานหลายเดือนเลยน้า
เรา : เอ่อ..ไม่ได้เจอคุณหมอก่อนหรอคะ
จนท. : เอิ่ม..ต้องนัดค่ะ เพราะคุณหมอคิวเยอะจริงๆ คุณหมอทำหน้าอกด้วย ถ้านัดแล้ว ก็มาถึงทำประวัติ ชำระเงิน แล้วพบคุณหมอ ทำได้เลย
เรา : หา..นี่ชั้นต้องตัดสินใจ จากการฟังราคาแค่นี้ใช่มั้ย..เอาก็เอา มาแล้วนี่ นัดเถอะ (ขี้เกียดดูรีวิวแล้ว5555)
งั้นนัดเลยค่ะ เร็วที่สุดวันไหนคะ
จนท. : วันเสาร์หน้าค่ะ (วันที่เราไปคือวันเสาร์พอดี นัดเป็นเสาร์ถัดไป ที่จะถึง)
เรา : อ่อออ..ด่ะ ด่ะ ได้ค่ะ
จนท. : ตกลงนัดเป็นวันเสาร์หน้านะคะ เวลา 19.00 น.
วันที่มาทำจะมีค่าทำประวัติด้วยนะคะ ครั้งแรก 150 บาท
รวมเป็นเงิน 33,950 บาท เตรียมมาชำระด้วยนะคะ
เรา : อ่ะ อ่ะ อ่อ..ด่ะ ได้ค่ะ
จนท.: เรียบร้อยค่า..น้องมาตามวันนัดนะคะ อย่าเลื่อนนะคะ เดี๋ยวจะไม่ได้คิว
เรา : จ้า........(เดินมึนๆ แล้วกลับบ้าน55555)
และแล้ววันเสาร์ถัดไปก็มาถึง เราไปถึงตามเวลานัด 1 ทุ่มตรง นั่งรอเรียกนานมากกกกก กว่าจะรอเรียกไปจ่ายตัง ค่าทำประวัติ
รอเรียกไปนั่งถ่ายรูป รอเรียกขึ้นไปเจอคุณหมอ นั่งรอคุณหมอน่าห้อง ง่วงเหงาหาวนอน ปาเข้าไปสามทุ่มกว่ามั้ง เพิ่งได้พบคุณหมอ คุณหมอเห็นหน้าเรา แล้วก็อ่านใบนัด
คุณหมอ : อ่อ..เสริมซิลิโคน อเมริกานะ อ่าๆ ตัดปีกด้วย โอเคๆ เงยหน้ามามองเรา
“คือ..วันนี้กว่าจะได้ทำมันดึกแล้วอะ..หมอเองก็เจ็บมือมากแล้วด้วย ตอนนี้ในห้องก็ยังไม่เสร็จเลย มีอีกหลายคิว มาวันจันทร์ได้มั้ย”
เราแบบ..หา วันนี้ดึกเลยหรอ ขุ่นพระขุ่นเจ้า แล้วคุณหมอจะหลับคาจมูกเรามั้ยเนี่ย (คิดในใจ) หมอเห็นเราเงียบๆ เลยบอกว่า
คุณหมอ : จะรอก็ได้นะ แต่หมอบอกไว้ก่อนว่ามันดึก พลังชีพหมอจะหมดแล้ว 55555+ ถ้าทำออกมาไม่สวย อย่าว่ากันนะ เลือกเอา ให้ตัดสินใจ แต่บอกไว้ก่อน
เรา : โห..งั้นไม่เป็นไรค่ะคุณหมอ หนูมาวันจันทร์ก็ได้ หนูยอมมมมมม
คุณหมอ : โอเคเลย..วันจันทร์ เดี๋ยวหมอให้เป็นเคสแรกเลย มาแต่เช้าเลยนะ เก้าโมง จะทำให้คนแรกเลย
สรุปคืนนั้น..ไปตั้งแต่ยังไม่ทุ่มนึง กลับบ้านสี่ทุ่ม ไม่ได้ทำ
เช้าวันจันทร์มาถึง..ขับรถไปคนเดียวค่ะ ไปถึงแปดโมง แจ้งเคาเตอร์เลยค่ะ พี่คะ..คุณหมอกิตติศักดิ์ให้หนูมาเก้าโมงเช้าค่าบอกจะทำให้หนูคนแรกกกกกกกกก
จนท.หน้าเค้าเตอร์บอก..ขึ้นไปชั้นบนเลยค่ะ ไปจ่ายเงินให้เรียบร้อยนะคะ ตกลงเจลประคบเย็น กับครีมลดรอยช้ำ ไม่รับนะคะ (ก่อนหน้านี้ จนท.พยายามขายเจลประคบและครีมลดรอยช้ำ ซึ่งเราไม่ได้ซื้อค่ะ แพง!!! พูดเลอ)
จ่ายเงินเสร็จตั้งแต่ยังไม่เก้าโมงดี นั่งรอรับยา นั่งรอไปถ่ายรูป (เอียงซ้ายเอียงขวา มุมตรง มุมข้าง)
นั่งรอจุดนั้นที จุดนี้ที จะสิบเอ็ดโมงแล้วมั้ง ยังไมได้เข้าทำสักที จนท.ก็น่ารักทุกท่านนะคะที่นี่ บอก
“น้องคะ ห้องอาหารชั้นล่างมีนะคะ..กาแฟอยู่ชั้นสอง ไปทานก่อนได้เลย”
ห๊ะ..นี่ยังไม่ได้ทำหรอ ให้ไปทานข้าวก่อนด้วย 555555555+
“คุณหมอยังไม่เข้าเลยค่ะ..เดี๋ยวเข้าแล้วต้องเข้าเคสปรึกษาก่อน แล้วถึงจะเริ่มทำคิวแรกค่ะ น้องได้เป็นคิวแรกเลยนะคะเนี้ยยยยย”
เอิ่มมมม..ไหนคิวแรกเก้าโมง T^T นี่จะสิบเอ็ดโมงแล้ว หลอกดาวอีกแล้ว
แล้วก็เดินหิ้วถุงยา..เตาะแตะ เตาะแตะ ไปนั่งทานข้าว ทานเสร็จเดินกลับขึ้นไป ถามจนท. คุณหมอมายังคะพี่..ได้คำตอบว่า มาแล้วค่ะ
แต่ยังอยู่ในห้อง คิวแรกยังไม่เรียกค่ะ
เรา..เดินหิ้วถุงยาต่อ เดินไปกินกาแฟต่อชั้นสอง..555555+
เกือบเที่ยง..เราเดินกลับขึ้นมา จนท.เรียกแล้ว ให้ขึ้นไปบนห้องผ่าตัดได้เลย
จนท. : เดี๋ยวใส่ชุดคลุมนะครับ ใส่หมวกคลุมผมด้วย แล้วก็ล้างหน้าออกให้สะอาด ด้วยสบู่สีแดงนะครับ..จนท.ที่พาไปห้องผ่าเป็นผู้ชาย
เราก็รีบใส่ชุดคลุม..คือเขาไม่ได้ให้ถอดชุดที่ใส่อยู่นะคะ ให้ใส่ชุดคลุมทับไปเลย เสร็จแล้วก็ล้างหน้า สบู่เหลวสีแดงๆ ไม่รู้สบู่อะไร แต่แสบหน้ามากกกกกกกกก แสบตาสุดๆ ล้างเสร็จแล้วหน้าตึง และ แห้งมาก จนอยากจะทาครีม
จนท. : เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไปนั่งรอที่โซฟานะครับ
รออีกแล้ว..5555555 คือเขาจะเรียกทีละประมาณ 5 คิวนะคะ ที่เดินขึ้นมาด้วยกันก็มี 5 คน ทำจมูกทั้งหมด เรียกมาเตรียมตัวไว้ นั่งรอต่อไป
สรุป กว่าจะได้ทำ “เที่ยงกว่า” ถึงมาเรียกเรา คิวแรก (ไหนนัดเก้าโม๊งงงงงงง)
นอนรออยู่อีกพักนึง..คุณหมอเดินเข้ามา มานั่งเก้าอี้ ทางหัวเตียง
คุณหมอ : ไหน..เอารูปมาดูสิ๊..เอาแบบไหน
เรา : แบบนี้ค่ะหมอ เอาโด่งๆๆๆๆๆๆ นะคะ (แอบเซฟรูปมาอยากได้แบบนี้..แล้วใครๆก็บอกว่าให้พูดไปเลยว่า เอาโด่งๆๆๆๆๆๆ)
คุณหมอ : จมูกเราไม่ได้ยาวขนาดนั้นนะ มันยาวได้แค่ที่เรามี แต่หมอจะทำให้โด่งๆให้นะ
ส่วนตัดปีก..หมอเอากระจกมาส่องให้เราดูรูจมูกตัวเอง "ดูนะ ว่ารูจมูกสองข้างเรา มันไม่เท่ากัน เห็นมั้ย (เอานิ้วก้อย ชี้เป็นรูปโค้งๆไปตามรูจมูก) ตัดออกมาแล้วก็จะเล็กลงนะ แต่มันก็จะ ไม่เท่ากันแบบนี้แหละ บอกไว้ก่อน เดี๋ยวมาบอกว่าทำไมรูจมูกไม่เท่ากัน"
ที่นี่ใช้ยาชานะคะ โดยฉีดยาเข้าเส้นที่แขนก่อน เพื่อให้หลับ ให้คายลูกอมและหมากฝรั่งที่มีในปากออก
พอจิ้มเข็มได้ปุ๊ป นับถอยหลังเลยค่ะ 5 – 4 – 3 – 2 -1 พรึ่บบบบบบ ทุกอย่างดับลง สนิท หลับค่ะ หลับเลย ไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้ว่านานแค่ไหนค่ะ ก็ตื่นขึ้นมา แต่คิดว่าไม่นานมาก แต่ตอนตื่นขึ้นมานี่ หน้าชาเรียบร้อยค่ะ ชาเปนวงๆใหญ่ๆ โดยมีจมูกเป็นจุดศูนย์กลาง คิดว่าคุณหมอคงจิ้มเข็มยาชา ตอนที่เราหลับไป เพราะถ้าจิ้มเข็มยาชาสดๆ คงเจ็บมากกกกกกกกกก
ลืมตาเห็นมือคุณหมอ วนๆอยู่แถวจมูก เห็นเหล็กแท่งๆเล็กๆใส่เข้าไปในรูจมูก รู้สึกว่ามัน ดัง ครึด!!!!! พรืดดดดดด!!! แต่ไม่รู้สึกเจ็บ แต่รู้สึกได้ว่า มีเลือด ไหลลงไปในคอ (อารมเหมือนเวลาเป็นหวัดแล้วซึ๊ดๆ ขี้มูก แล้วขี้มูกไปจุกตรงคอนั่นแหละค่ะ) แต่อันนี้เป็นเลือด เป็นน้ำๆเลย กลิ่นเป็นเลือดชัดเจน
เลยอ้าปากถามคุณหมอเบาๆว่า
รู้สึกเหมือนเลือด อยุ่ที่คอ กลืนเลยใช่มั้ยคะ (เสียงอู้อี้ แบบคนกลั้นหายใจแล้วพูด)
คุณหมอบอก กลืนเลย กลืนนนนนนนนน
เราต้องกลืนค่ะ ไม่งั้นอมไว้ หายใจไม่ออกแน่ๆ 55555555+
เลือดไหลลงคอ..สลับกับไหลอาบแก้ม ไปที่ กกหู (เหมือนเวลาเรานอนแล้วร้องไห้ น้ำตาจะไหลไปที่หู)
ครึดดดดด!!! กึกกัก กึกกัก พรืดๆๆๆๆ
เสียงมีอยู่ประมาณเท่านี้ แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่า ถึงขั้นตอนไหน สักพักนึง ผู้ช่วยหยิบซิลิโคนมา
คุณหมอ เอาสอดเข้าไปที่ รูจมูกด้านขวา เข้าไป แล้วก็เอาเข็มกับด้ายมาเย็บปิดแผล แล้วเอามือมากุมจมูกไว้ แล้วก็ขยับๆ เล็กน้อย กึกกัก กึกกัก
จำได้ประมานนี้..ตอนที่เย็บปีก จำไม่ได้เลย สงสัย ยังไม่ตื่นจากยา 55555555555555+
เสร็จแล้วคุณหมอก็ลุกออกจากเก้าอี้ที่หัวเตียงไปที่อ่างล้างมือ เหลือบไปเห็น มือคุณหมอเลือดเยอะมากกกกกก มีกระเด็นไปเลอะชุดบ้างนิดหน่อย แต่ที่แน่ๆ เรากลืนเลือดลงท้องไป ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง
ผู้ช่วยคุณหมอ มายืนที่หัวเตียงแทนแล้วบอกว่าเลือดเยอะมากเลยนะคะ แล้วก็จะปิดพาสเตอร์ไปให้นะคะ ที่สันจมูกและที่ปีกจมูก ที่สันจมูก สามวันค่อยแกะนะคะนับจากวันนี้วันแรก ส่วนที่ปีกจมูก 24 ชั่วโมงแกะได้เลย
เรียบร้อยแล้วค่า..
เราออกจากห้องโดยผู้ช่วยคุณหมอประคองออกมาส่ง นั่งพักอยู่แค่แปปเดียว..ก็ลุกไปเปลี่ยนชุดค่ะ คิดเหมือนกันว่าจะขับรถไหวมั้ย จะมึนยามั้ยเนี่ย
ปรากฏว่า “ไหวค่ะ..ขับยาวเหยียบเดียวถึงบ้านค่ะ” 555555 รพ.อยู่แถวติวานนท์นะคะ บ้านเราอยู่พระรามสอง ช่วงจะออกสมุทรสาครแล้วค่ะ
นี่รูปตอนออกมาจากห้องผ่าตัด สดๆ
ขับรถกลับมาก็ชิวๆอะ ไม่เห็นเจ็บเลยยยย โถ....ไหนใครบอกว่าเจ็บ สบ๊ายยย สบาย นี่ดีนะที่อิ่มแล้ว ไม่งั้นจะแวะกินชาบูที่พาสิโอขากลับ ฮ่าๆๆๆๆ
กลับมาถึงบ้าน นอนค่ะ ง่วง ตื่นแต่เช้า เอาเจลประคบมาประคบ (ซื้อมาจากร้านแถวบ้าน แค่ 120)จนท.แจ้งว่า ต้องนอนหงาย หน้าตรงเท่านั้น เป็นเวลา 1 เดือน ห้ามออกกำลังกายด้วย(ใจคอจะให้กินกับนอน 1 เดือนเต็มๆนี่นะ) ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล ของหมัก ของดอง ขอให้งดก่อน ส่วนแผลที่ตัดปีก อีก 7 วัน มาตัดไหม นะคะ
เราก็นอน หลับไปโดยปกติ ไม่รู้สึกเจ็บอะไร หลับยาววเลย ประมานเกือบสองชั่วโมง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เพราะว่ารู้สึกตึงๆที่หน้า พอตื่นมาได้เต็มสติ ขุ่นพระ!!!!!!!!!
เจ็บค่า.......เจ็บมากกกกกกกกกกกกกกก เจ็บปวด ระบม รวดร้าว ราวกับโดยไม้หน้าสามตีแสกหน้า ที่รู้สึกเจ็บ จนตื่นขึ้นมาเพราะว่า
"ยาชามันหมดฤทธิ์แล้วววววววว"
กินยาค่ะกินยา
พยายาม ประคองตัวเอง ลุกขึ้นมาจากที่นอน..โอยยยย ลุกก็โอย หันก้โอย มาหยิบยากิน เอ้า ไม่มีน้ำอีก เดินย่อกแย่ก ย่อกแย่ก ลงมาเอาน้ำ เดินกลับขึ้นไปนอน อ้าว..เจลหายเย็นแล้วอีก ต้องค่อยคลานๆ ค่อยๆลุกเดิน ย่องๆ เบาๆ ไม่อยากเดินแรงมันกระเทือนไปถึงหัว เอาเจลลงมาแช่ตู้เย็น เดินกลับขึ้นไปนอนใหม่ โอยยยทรมาน..รู้งี้ไม่ทำดีกว่า 555555+
ต่อที่คอมเม้นท์ด้านล่างนะคะ ในกระทู้ให้พิมพ์แค่ 10000 คำ ไม่พอค่ะ ฮ่าๆๆ