สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ต่อ...
สำหรับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.นั้น โฆษกกมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯยังคงให้มีมาตรา 111(8)
ว่าด้วยการไม่ให้บุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยกระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
หรือกระทำการอันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรมลงสมัครับเลือกตั้งส.ส. นอกจากนี้กมธ.ยกร่างฯได้ปรับแก้ไขมาตรา 111 (14)
โดยกำหนดให้บุคคลที่อยู่ในระหว่างต้องห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา247
ว่าด้วยการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ หรือถูกถอดถอนอันเหตุมาจากการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
และการประพฤติจริยธรรมอย่างร้ายแรง จะลงสมัครส.ส.ไม่ได้ เช่นเดียวกับมาตรา 111 (15)
ซึ่งกมธ.ยกร่างฯได้บัญญัติว่าบุคคลที่เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งเพราะเหตุที่มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ และ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
จะไม่สามารถลงสมัครส.ส.ได้
"เหตุผลที่บัญญัติไว้อย่างนี้ เพราะในมาตรา 35 (4) ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 บัญญัติว่า
ให้มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้ผู้เคยทุจริตเข้าดํารงตําแหน่งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด
แบบนี้แปลว่าบุคคลใดที่พ้นจากการห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปีแล้วสามารถกลับมาสมัครได้
แต่สำหรับกรณีขอมาตรา 111 (8) และ (15) เป็นการห้ามตลอดชีวิต
แต่ในรัฐธรรมนูญจะใช้คำว่าตลอดไป" พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว
เมื่อถามว่าเมื่อมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.เอาไว้เช่นนี้จะมีผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ตลอดชีวิตหรือไม่
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า "อย่าให้ผมยกตัวอย่าง บางอย่างต้องไปตีความโดยศาลรัฐธรรมนูญ
แต่ที่พูดไปนี้มีความชัดเจนว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนั้น"
เมื่อถามต่อว่าคำว่า "เคย" ที่กำหนดขึ้นมา มีความหมายย้อนหลังแค่ไหน
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า "เคยก็คือเคยครับ เราลอกทุกคำของมาตรา 35 (4) ของรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาเขียน
แต่เรามาแยกแยะในเรื่องฐานความผิดว่ามีอะไรบ้าง"
ขอบคุณข่าวจากเดลินิวส์ : http://www.dailynews.co.th/politics/335645
สำหรับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.นั้น โฆษกกมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯยังคงให้มีมาตรา 111(8)
ว่าด้วยการไม่ให้บุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยกระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ
หรือกระทำการอันทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรมลงสมัครับเลือกตั้งส.ส. นอกจากนี้กมธ.ยกร่างฯได้ปรับแก้ไขมาตรา 111 (14)
โดยกำหนดให้บุคคลที่อยู่ในระหว่างต้องห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา247
ว่าด้วยการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ หรือถูกถอดถอนอันเหตุมาจากการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
และการประพฤติจริยธรรมอย่างร้ายแรง จะลงสมัครส.ส.ไม่ได้ เช่นเดียวกับมาตรา 111 (15)
ซึ่งกมธ.ยกร่างฯได้บัญญัติว่าบุคคลที่เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งเพราะเหตุที่มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ และ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
จะไม่สามารถลงสมัครส.ส.ได้
"เหตุผลที่บัญญัติไว้อย่างนี้ เพราะในมาตรา 35 (4) ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 บัญญัติว่า
ให้มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้ผู้เคยทุจริตเข้าดํารงตําแหน่งทางการเมืองอย่างเด็ดขาด
แบบนี้แปลว่าบุคคลใดที่พ้นจากการห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปีแล้วสามารถกลับมาสมัครได้
แต่สำหรับกรณีขอมาตรา 111 (8) และ (15) เป็นการห้ามตลอดชีวิต
แต่ในรัฐธรรมนูญจะใช้คำว่าตลอดไป" พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว
เมื่อถามว่าเมื่อมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.เอาไว้เช่นนี้จะมีผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ตลอดชีวิตหรือไม่
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า "อย่าให้ผมยกตัวอย่าง บางอย่างต้องไปตีความโดยศาลรัฐธรรมนูญ
แต่ที่พูดไปนี้มีความชัดเจนว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนั้น"
เมื่อถามต่อว่าคำว่า "เคย" ที่กำหนดขึ้นมา มีความหมายย้อนหลังแค่ไหน
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า "เคยก็คือเคยครับ เราลอกทุกคำของมาตรา 35 (4) ของรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาเขียน
แต่เรามาแยกแยะในเรื่องฐานความผิดว่ามีอะไรบ้าง"
ขอบคุณข่าวจากเดลินิวส์ : http://www.dailynews.co.th/politics/335645
แสดงความคิดเห็น
@@มุมกาแฟ nonแดง (มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)07/17/15:(ข่าว)"ปู"จ่อถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีพ ยกร่างฯปล่อยผี"111-109"เข้าสภา@@
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่โรงแรมเอเชีย พัทยา จ.ชลบุรี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ
แถลงความคืบหน้าในการพิจารณาของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญจบในมาตราที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว
เว้นแต่ในส่วนองค์กรปฏิรูปและสร้างความปรองดองและบทเฉพาะกาลที่ยังไม่พิจารณา โดยได้ทบทวนมาตราสำคัญที่แขวนไว้ 7 แห่ง
คือ มาตรา 33/1 ว่าด้วยการให้อำนาจฟ้องร้องพรรคการเมืองที่ดำเนินการในลักษณะล้มล้างการปกครอง
หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำเข้าข่ายให้สั่งเลิกการกระทำ และอาจมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นได้
แต่จะไม่ใช้กับกรณีที่ส.ส.หรือกรรมการบริหารพรรค ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในฐานะเป็นส.ส.หรือพรรคการเมือง
ส่วนการจะกำหนดว่าการกระทำใดบ้างถึงจะเข้าข่ายเป็นการกระทำล้มล้างการปกครองนั้น
จะเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ที่มีความชัดเจนแล้วคือการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นการล้มล้างการปกครอง
เพราะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะส.ส. ส่วนเนื้อหาเรื่องผู้นำการเมืองที่ดีและระบบผู้แทนที่ดี
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯได้บัญญัติให้มีกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมที่มีกลไกเพื่อบังคับให้เป็นไปตามมาตรฐานจริยธรรม
และเพิ่มบทบัญญัติว่าจะให้มีการดำเนินการตรวจสอบแบบการยื่นภาษีย้อนหลัง 5 ปี ของผู้สมัครลงเลือกตั้งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญ
เช่น องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เป็นต้น โดยบุคคลเหล่านั้นเมื่อยื่นแบบแสดงการเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคลย้อนหลัง 5 ปี
แล้วจะมีคณะกรรมการชุดหนึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบ แต่การตรวจสอบจะดำเนินการเฉพาะผู้ที่ได้รับตำแหน่ง