"น้ำใสเกินไปปลาก็อยู่ไม่ได้ กฏเถรตรงเกินไปคนก็อยู่ลำบาก"
ผมไม่รู้หรอกครับว่าใครพูดคำนี้ เห็นที่แชร์ๆ กันบน social media บอกมาจากสามก๊ก ส่วนที่ผมได้ยินมา คำกล่าวนี้เป็นภาษิตจีนที่ไม่เกี่ยวกับสามก๊กแต่อย่างใด
แต่สาระสำคัญอยู่ที่ความหมายครับ ผมเข้าใจว่าเหมือนคนกล่าวประโยคนี้ จะสื่อว่าเราไม่อาจตัดสินอะไรด้วยกฏระเบียบอย่างเคร่งครัดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูเหตุอื่นๆ ประกอบด้วย เพราะโลกนี้ไม่มีขาวดำชัดเจน มีแต่สีเทาทั้งนั้น การตัดสินเรื่องราวต่างๆ จึงไม่อาจทำได้อย่างบริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปน
ก็เช่นกับที่สังคมแนวๆ อลุ้มอล่วย ไม่ค่อยเคร่งกฏระเบียบมากนักของบางประเทศ ถึงจะไม่เจริญมากนัก แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังอยู่กันได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน ( ถ้าทุกข์ร้อนมากๆ การปฏิวัติโดยประชาชนคงเกิดแล้ว ) คนในสังคมนั้น มักมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไป เพราะคิดว่าไม่สำคัญบ้าง หรือคิดว่าเดี๋ยวพอเราลำบาก เราจำเป็น ก็คงทำเช่นนั้นบ้าง
แล้วก็เช่นเดียวกัน การตัดสินโทษของผู้พิพากษา ที่ความผิดแบบเดียวกัน ผู้ต้องหาบางคนโดนโทษหนักเต็มอัตรา บางคนถูกลดโทษ หรือบางคนแค่รอลงอาญา
แล้วก็เช่นเดียวกัน ตำรวจบางครั้งก็เลือกที่จะไม่จับ ถ้ามองว่าไม่สำคัญอะไร เช่น ถนนในหมู่บ้าน ก็เลือกมองไม่เห็นซะว่ามีคนขี่ จยย. ไม่ใส่หมวกกันน็อค หรือ ผญ พกมีด พกเครื่องช็อตไฟฟ้า ทั้งๆ ที่กฏหมายไม่ได้กำหนดให้ยกเว้นการจับกุม แต่ตำรวจเลือกที่จะมองในแง่อื่นๆ มากกว่า เช่น ถนนในหมู่บ้าน รถน้อย ขับซิ่งไม่ได้ ไม่อันตรายเหมือนถนนใหญ่ๆ หรือ ผญ บอบบางกว่า ผช จึงควรพกอาวุธได้
--------------------------
ที่เขียนมานี่ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมนั่งมองคนเล่น social media เที่ยวตั้งตัวเป็นตุลาการ ตัดสินคนอื่นแบบสุดโต่ง ขาว-ดำ ตายตัว ทั้งที่ชีวิตคนเรามันมีอะไรซับซ้อนมาก
อีกทั้งโดยส่วนตัว ผมไม่เชื่อหรอกครับว่าคนที่มาเที่ยวประจานเที่ยวด่าคนอื่น ถ้าวันนึงตัวเองหรือ/และครอบครัวเข้าตาจน จะเลือกยอมตายดีกว่าทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ว่าแต่ทุกท่านเชื่อในภาษิตที่ผมยกมานี่ไหมครับ?
"น้ำใสเกินไปปลาก็อยู่ไม่ได้ กฏเกณฑ์เถรตรงเกินไปคนก็อยู่ลำบาก" คุณเชื่อภาษิตนี้กันไหมครับ?
ผมไม่รู้หรอกครับว่าใครพูดคำนี้ เห็นที่แชร์ๆ กันบน social media บอกมาจากสามก๊ก ส่วนที่ผมได้ยินมา คำกล่าวนี้เป็นภาษิตจีนที่ไม่เกี่ยวกับสามก๊กแต่อย่างใด
แต่สาระสำคัญอยู่ที่ความหมายครับ ผมเข้าใจว่าเหมือนคนกล่าวประโยคนี้ จะสื่อว่าเราไม่อาจตัดสินอะไรด้วยกฏระเบียบอย่างเคร่งครัดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูเหตุอื่นๆ ประกอบด้วย เพราะโลกนี้ไม่มีขาวดำชัดเจน มีแต่สีเทาทั้งนั้น การตัดสินเรื่องราวต่างๆ จึงไม่อาจทำได้อย่างบริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปน
ก็เช่นกับที่สังคมแนวๆ อลุ้มอล่วย ไม่ค่อยเคร่งกฏระเบียบมากนักของบางประเทศ ถึงจะไม่เจริญมากนัก แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังอยู่กันได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน ( ถ้าทุกข์ร้อนมากๆ การปฏิวัติโดยประชาชนคงเกิดแล้ว ) คนในสังคมนั้น มักมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไป เพราะคิดว่าไม่สำคัญบ้าง หรือคิดว่าเดี๋ยวพอเราลำบาก เราจำเป็น ก็คงทำเช่นนั้นบ้าง
แล้วก็เช่นเดียวกัน การตัดสินโทษของผู้พิพากษา ที่ความผิดแบบเดียวกัน ผู้ต้องหาบางคนโดนโทษหนักเต็มอัตรา บางคนถูกลดโทษ หรือบางคนแค่รอลงอาญา
แล้วก็เช่นเดียวกัน ตำรวจบางครั้งก็เลือกที่จะไม่จับ ถ้ามองว่าไม่สำคัญอะไร เช่น ถนนในหมู่บ้าน ก็เลือกมองไม่เห็นซะว่ามีคนขี่ จยย. ไม่ใส่หมวกกันน็อค หรือ ผญ พกมีด พกเครื่องช็อตไฟฟ้า ทั้งๆ ที่กฏหมายไม่ได้กำหนดให้ยกเว้นการจับกุม แต่ตำรวจเลือกที่จะมองในแง่อื่นๆ มากกว่า เช่น ถนนในหมู่บ้าน รถน้อย ขับซิ่งไม่ได้ ไม่อันตรายเหมือนถนนใหญ่ๆ หรือ ผญ บอบบางกว่า ผช จึงควรพกอาวุธได้
--------------------------
ที่เขียนมานี่ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมนั่งมองคนเล่น social media เที่ยวตั้งตัวเป็นตุลาการ ตัดสินคนอื่นแบบสุดโต่ง ขาว-ดำ ตายตัว ทั้งที่ชีวิตคนเรามันมีอะไรซับซ้อนมาก
อีกทั้งโดยส่วนตัว ผมไม่เชื่อหรอกครับว่าคนที่มาเที่ยวประจานเที่ยวด่าคนอื่น ถ้าวันนึงตัวเองหรือ/และครอบครัวเข้าตาจน จะเลือกยอมตายดีกว่าทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ว่าแต่ทุกท่านเชื่อในภาษิตที่ผมยกมานี่ไหมครับ?