แม่ห่วงมาก จนกลายเป็นคนที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ทำไงดี

อ่านให้จบก่อนตัดสินนะคะ

อายุ 35 ปี แล้วค่ะ แต่งงานมาแล้ว 3 ปี 
แม่เป็นห่วงมากกับทุกเรื่อง
เริ่มต้นวันก่อนแต่งงาน แม่แนะนำว่าดูๆกันไป อย่าเพิ่งมีน้องนะ ดูกันไปก่อน
เราก็หาวิธีพูดคุยกับสามีเพื่อให้เข้าใจ จนผ่านเวลาหลังแต่งงานมาประมาณ 2 ปี เราวางแผนที่จะมีลูกกัน แต่ก็ไม่มีสักที
จนมาถึงช่วงนี้ ช่วงปีที่ 3 นี้ แม่เริ่มถามว่าเมื่อไหร่จะมี กังวลว่าแก่ตัวไปจะอยู่คนเดียว มีกันได้แล้วนะ
มีหลายมุม หลายเรื่อง ที่สามีกับแม่เราไม่ค่อยลงรอยกัน เราพยายามเป็นคนกลางที่สุด แต่ก็เหนื่อยมากๆ 
แม่ไม่ชอบบางมุมของสามีเรา สามีเราไม่ชอบบางมุมของแม่ เราไม่รู้เลยว่าทางไหนคือทางที่ดีที่สุด
เรื่องการใช้เงิน สร้างนั่นโน่นนี้กับสามี ซึ่งเราก็พยายามวางแผนกัน ส่วนตัวเราเองก็แบ่งเงินเก็บ เงินใช้ชัดเจน
แต่แม่เราก็เป็นห่วงเรามากๆ กลัวสามีเรามาใช้เงินกับเรามากจนเกินไป จนเราไม่มีเงินเก็บ ซึ่งเราก็พยายามอธิบายว่าเราแบ่งเงินออมชัดเจน 
แต่ก็นั่นแหละค่ะ ในความเป็นแม่ก็ยังไม่ละวางความเป็นห่วงเราลงเลย คิดจะวางแผนทำอะไร กังวลไปหมดกลัวแม่ไม่เห็นด้วย และเป็นห่วง เป็นห่วงและเป็นห่วง 

ด้วยความที่แต่เล็กจนโต แม่ก็จะคอยเป็นห่วงอยู่แบบนี้มาตลอด และเราเองก็เป็นเด็กที่เชื่อฟังมาตลอด อันไหนที่ไม่อยากให้ทำ เราก็ไม่ทำ ทำตามใจแม่มาตลอด ไม่เคยขัดใจ หรือถ้ามีก็น้อยมากๆ ถึงแม้บางเรื่องเราไม่ชอบใจ แต่เราก็ยอมทำ เพื่อความสบายใจของแม่ เพราะคิดว่านั่นมันคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ไม่อยากให้แม่มากังวลกับเรา แม่ และญาติๆจึงมักเข้าใจว่าเราเป็นคนหัวอ่อน ใครว่าอะไรก็คงทำตามเขาไปสะหมด คงไม่ต่อต้านอะไร ซึ่งเราก็พยายามอธิบายนะว่า...จริงๆแล้วเรามีจุดยืนเป็นของตัวเอง ทุกการตัดสินใจของเรา เราพยายามมันอย่างดีที่สุด ถึงแม้มันจะมีปัญหาบ้างอะไรบ้าง เราก็อยากให้แม่ปล่อยให้เราได้เผชิญบ้าง และต้องการเพียงกำลังใจจากแม่ จากครอบครัวเท่านั้น ให้รู้ว่าเรายังมีเขาอยู่ เราอยากสบายใจที่จะตัดสินใจในการใช้ชีวิตบ้าง พอเราพูดจบ..แม่ก็ยังตัดสินและเข้าใจว่าเราพูดเพื่อให้พ่อแม่สบายใจเท่านั้น แท้จริงเราทุกข์ แม่รู้ แม่รู้ว่าเป็นยังไง คือแม่มีคำตอบของทุกอย่างอยู่ในใจ โดยไม่เชื่อในสิ่งที่เราอธิบายเลย 

ตอนนี้เราเริ่มกล้าพูดในสิ่งที่เราต้องการมากขึ้น เรากล้าพูดในสิ่งที่เราคิดในหัวกับแม่มากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป เพราะกลัวคำพูดต่างๆมันจะทำให้แม่ไม่สบายใจ แต่ไม่รู้สิ จนป่านนี้ถึงกล้าพูดความต้องการของตนเอง แม่คงคิดว่าเราเปลี่ยนไปเพราะสามีเราหรือเปล่า 

เราเกลียดที่สุดคือความขัดแย้งค่ะ เราจึงมักเป็นกลางและคอยไกล่เกลี่ย ดูแลความรู้สึกของทุกคนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทุกคนเข้าใจกันให้มากที่สุด เราเหนื่อยนะ เราเหนื่อยมากๆ เราอายุ 35 แล้ว เรายังตัดสินใจอะไรบางเรื่องด้วยตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ 

ตอนนี้เรารักษาอาการวิตกกังวลกับหมอจิตแพทย์มาได้ครึ่งปีแล้ว เราเลือกที่จะดูแลหัวใจตัวเอง เพื่อให้สามารถส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้คนรอบข้างได้ เราเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ตัวเรา เพื่อคาดหวังว่าเราจะสามารถสร้างบรรยากาศรอบตัวของเราให้ดีขึ้นได้ 

เราเข้าใจแม่นะคะ เข้าใจความเป็นห่วงของแม่ที่มีต่อลูก แต่เราก็ไม่อยากให้แม่มาเป็นทุกข์กับเรามากจนเกินไป ทั้งๆที่เราเองก็พยายามมาสุดชีวิต เพื่อให้ที่บ้านสบายใจที่สุดกับการมีลูกอย่างเรา และที่ปฏิเสธไม่ได้คือความรู้สึกเราด้วย หลายครั้งเราอึดอัด หลายครั้งเราหาทางออกที่ดีที่สุดไม่เจอ บางครั้งเราไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวว่าจะล้มเหลว บางครั้งเราโทษตัวเองหรือเราเลือกคู่ชีวิตได้ไม่ดี เราไม่อยากมีความรู้สึกที่ห่างเหินจากพ่อแม่ แต่เราก็กลับเป็นแบบนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่