[SR] J’AIME by Jean Michel Lorain ห้องอาหารฝรั่งเศสเปิดใหม่ พร้อมบริการด้วยมื้อพิเศษ Sunday Brunch แบบ A-la-carte

ห้องอาหาร J’AIME by Jean Michel Lorain อ่านว่า เฌม บาย ฌอง-มิเชล โลรองส์ แค่ชื่อของห้องอาหารก็ทำให้ประหลาดใจแล้ว นอกจากชื่อที่ฝรั่งเศสจ๋าขนาดนี้ ถ้าแปลกแค่ชื่อก็คงไม่เก๋เท่าไหร่ ที่ห้องอาหารมีอะไรที่น่าสนใจอีกหลายอย่างเราลองมาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง


ห้องอาหาร J’AIME by Jean Michel Lorain เป็นห้องอาหารฝรั่งเศส ของโรงแรมสไตล์รีสอร์ท U Sathorn Bangkok ที่อยู่ในซอยงามดูพลี การเดินทางสามารถเข้ามาทางโรงแรมได้จากถนนพระราม 4 และถนนสาทรซอยสาทร 1 จะมีป้ายบอกทางไปโรงแรมตลอดทางเลย ไม่ต้องกลัวหลง


โรงแรมมีคอนเซ็ปอยากให้เหมือนเป็นรีสอร์ทใจกลางเมือง เข้าไปจะเจอกับ Lobby ของโรงแรมก่อน แล้วจะเห็นสระน้ำอยู่ตรงกลาง แล้วมีห้องพักที่สูงแค่ 3 ชั้น ล้อมรอบสระว่ายน้ำเอาไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ทที่ต่างจังหวัดเลย บรรยากาศดีครับ


ห้องอาหาร J’AIME by Jean Michel Lorain จะอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร Lobby เลย ขึ้นไปก็จะเจอกับประตูบานเลื่อนอัตโนมัติเปิดต้อนรับเราตั้งแต่ยังไม่เดินออกจากลิฟท์

บรรยากาศภายในห้องก็เป็นสไตล์ผสมผสาน เพราะว่าอย่างที่บอกว่าห้องอาหารนี้เปิดทั้งตอนเช้า กลางวัน และเย็น จึงจัดตกแต่งให้เหมาะกับทุกช่วงเวลา แต่จะแฝงคอนเซ็ป Upside down ไว้ในห้องอาหารด้วย ก็คือการกลับบนลงล่าง กลับล่างขึ้นบนนั่นเอง สังเกตได้จากเปียโนสีขาวที่วางห้อยหัวอยุ่ตรงกลาง ข้างล่างก็จะเป็นกระจกสะท้อนพอมองลงไปก็จะเห็นว่าเปียโนอยู่ในลักษณะปกติ เช่นเดียวกับขวดเหล้าที่วางบน Shelf ตรงส่วนบาร์เครื่องดื่ม ก็กลับบนลงล่างเช่นกัน


โต๊ะที่นั่งก็ดูน่าสบายดี แต่บางโซนผมคิดว่าโต๊ะอาจจะดูแน่นไปหน่อย แต่ด้วยความที่ว่าเพดานสูงก็เลยดูไม่แออัด รูปแบบโต๊ะที่นั่งก็มีทั้งแบบ บาร์ โซฟา โต๊ะธรรมดา และ ที่นั่งด้านนอก รวมถึงห้องส่วนตัวที่จุได้ตั้งแต่ 8-14 ท่านไว้บริการอีกด้วย ก็เลือกนั่งกันได้ตามอัธยาศัย



มื้อนี้เป็น Chondon Sunday Brunch เพราะมีแชมเปญ Chondon เสิร์ฟตลอดมื้ออาหาร มี 2 ราคา คือ
        • Sunday Brunch                 ราคา 2,999 บาท(net) / ท่าน มีน้ำดื่มบริการ
        • Chondon Sunday Brunch    ราคา 3,999 บาท(net) / ท่าน มีแชมเปญ Chondon และน้ำดื่ม ชา กาแฟ บริการ


เมนูก็มีด้วยกันหลายเมนู ตั้งแต่ Appetizer / Soup / Salad / Main course / Dessert โดยความพิเศษของอาหารในมื้อนี้คือ ได้คิดค้นจากเชฟที่ได้รับดีกรีมิชลินสตาร์ก็คือ Jean Michel Lorain ตามชื่อห้องอาหารนั่นเอง และก็ได้มีลูกสาวของเค้าคุณ Marine Lorain มาดูแลและควบคุมการผลิตให้ได้มาตรฐานตามที่ Jean Michel Lorain ได้รังสรรค์เอาไว้ มาเริ่มไล่เรียงไปตั้งแต่เมนูแรกกันเลยดีกว่าครับ

Traditional French breads and pastries
ขนมปัง ขนมอบ หลากหลายชนิด แค่ได้ชิมกับเนยสด เค็ม ๆ ก็อร่อยแล้วครับ ชิมเกือบครบแต่ชอบ บียอช ที่สุดครับ กรอบนอกนุ่มใน

Appetizer

- Lomo 100% Iberico pata negra de Bellota from Juan Pedro Domecq
- Michel Augier saucisson de lyon
- Jean Michel Lorain Quail
เป็น Cold cut ที่เป็นเนื้อแนะนำและนำเข้ามาจากฝรั่งเศส เป็นที่สุดของแต่ละเมือง เนื้อนุ่ม หอม ไม่มีกลิ่นหืน ปริมาณไขมันถือว่าลงตัว ไม่เค็มจนเกินไป และไม่เหนียวครับ

Foie gras tourte
เมนูนี้มีลักษณะเป็นเนื้อหมูและมันหมูบดประกบกับฟัวกราส์เทอรีนตรงกลาง Top ด้วยเจลลาตินสีดำ แล้ว Roll ด้วยแป้งพัฟแล้วจึงเอาไปอบให้สุกละอุ
Homemade duck rillettes (Recommend)
สำหรับเมนูนี้คือที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 เมนูแรก หน้าตาดูไม่น่ากินเท่าไหร่ แต่พอลองกินแล้วรู้สึกได้ถึงความละเอียด และละมุนมาก เป็นเนื้ออกเป็ด คลุกเคล้าเข้ากับส่วนผสมต่าง ๆ ได้อย่างดี มีผักดองตัดเลี่ยนสไลด์วางไว้ด้านบนด้วย

Marinated Scottish salmon (Recommend)
เป็นเนื้อปลาแซลมอนสไลด์ปรุงด้วยเลม่อนและเครื่องเทศเล็กน้อย ก็ส่งให้เรารู้สึกได้ถึงความแน่น ความมันของเนื้อปลา แบบไม่เลี่ยนเพราะว่ามีความเปรี้ยวของเลม่อนตัดรสชาติไว้อยู่

Cod mousse on toast with sun-dried tomatoes (Recommend)
เป็นมูสที่มีส่วนผสมของปลาคอดอยู่ เนื้อมูสนุ่มละเอียดไม่รู้สึกถึงความคาว กินกับขนมปังอบกรอบ และมะเขือเทศอบแห้งเปรี้ยวอมหวานก็ช่วยชูรสให้เมนูนี้มีอะไรมากยิ่งขึ้น รสชาติไม่ธรรมดาเหมือนรูปลักษณ์เลย

Oyster Panna cotta and tempura served with a shallot confit and marinated cucumber
ตอนแรกกินเมนูนี้แล้วก็เดาไม่ถูกว่าคืออะไร จนมาอ่านเมนูว่าเป็นหอยนางรม จึงอ๋อขึ้นมาทันทีทั้งส่วนที่เป็นเนื้อคัสตาร์ทด้านล่างและที่เป็นเทมปุระเสียบไม้ ก็คือหอยนางรมทั้งสิ้น อร่อยดีนะครับ แต่เมนูนี้ผมว่ากลิ่นคาวไปสักนิด แต่รสชาติ เนื้อสัมผัสโอเคเลย

Smoked haddock and warm potato salad
ปลารมควัน นำมาทำเป็นสลัดคู่กับมันฝรั่ง รสชาติเป็นอะไรที่นุ่ม ๆ รสอ่อน ไม่ได้กลิ่นของปลาหรือส่วนผสมอื่น ๆ เท่าไหร่ เหมือนกินครีมอะไรสักอย่างที่มีมันฝรั่งผสมอยู่

Gratinated Alaskan king crab (Recommend)
จานนี้ผมชอบนะครับ เพราะรสชาติเข้มข้นดี มีความรู้สึกที่คุ้นเคยอยู่ และตอนที่ตักเข้าปากจะรู้สึกได้ถึงเนื้อปู ซึ่งโดดเด่นกว่าส่วนผสมอื่น ๆ ได้กลิ่นชีสหอม ๆ ด้วย อร่อยดีครับ

Salad

Caesar salad (Recommend)
จานนี้หลาย ๆ คนก็คงคุ้นเคย รสชาติใช้ได้ครับ ไม่เค็มเกินไป ความมันส์ของน้ำสลัดก็กำลังดี กินกับคูตองส์และเบคอนกรอบ ๆ ก็เพิ่มความรู้สึกในการกินได้เป็นอย่างดี ทุกอย่างเข้ากันดี

Soup


Pan-seared Foie gras Miso soup
อ่านชื่อเมนูตอนแรกนึกภาพว่าน่าจะเป็นซุปข้น แต่ปรากฏว่ามาเป็นซุปใส ลองกินดูแล้วก็ไม่ค่อยรู้สึกประทับใจเท่าไหร่ เพราะซุปก็เป็นซุปคอมบุแบบญี่ปุ่น กลิ่นยังไม่ค่อยเข้ากับฟัวกราส์เท่าไหร่ แล้วกลิ่นซุปมันก็ไปกลบกลิ่นฟัวกราส์หมดด้วย ถ้าวัตถุดิบเปลี่ยนเป็นอาหารทะเลน่าจะเข้ามากกว่า

Main Course

Stuffed sous-vide quail with braised garden vegetables and jus brun with tomato water gastrique
ชื่อเมนูทำให้ผมงงครับ ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ quail มันแปลว่า "นกกระทา" จึงพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นเนื้อนกกระทา พอได้ลองกิน มันก็อร่อยดีนะ หนังเกรียม ๆ กรอบ ๆ มีความเค็มเล็กน้อย เนื้อข้างในนุ่มและชุ่มฉ่ำมาก กินกับซอสด้านล่างและเครื่องเทศที่อยู่ข้างในตัวนกกระทา อร่อยเลยครับ

Pan-seared snapper with ratatouille, potato confit and thyme
ปลากะพงเนื้อนุ่ม หนังกรอบเพราะเอาหนังไปจี่กับกระทะ เนื้อสัมผัสถือว่าเพอร์เฟคมาก เรื่องรสชาติก็รสอ่อน ๆ รับรู้ได้ถึงกลิ่นของปลาอย่างเต็มที่ เครื่องเคียงต่าง ๆ ก็เฉย ๆ กินก็ได้ ไม่กินก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้ช่วยให้เมนูนี้โดดเด่นขึ้นเท่าไหร่ แค่ปลาอย่างเดียวก็โอเคแล้วครับ


Braised beef cheeks with a carrot fantasy and red wine sauce
เมนูแก้มวัวตุ๋นนั้นผมคาดหวังว่าจะเป็นเนื้อแบบเป็นก้อน ๆ แต่ที่นี่เสิร์ฟมาเป็นเศษ ๆ แล้วอัดลงบล็อค ผมว่ามันทำให้อรรถรสในการกินแก้มวัวหายไปโดยสิ้นเชิง แถมเรื่องรสชาติของน้ำที่ตุ๋นมายังไม่ค่อยอร่อยด้วย เลยยิ่งผิดคาดไปใหญ่ แต่การตกแต่งทำออกมาได้ดี สีสันตัดกันดี


Grilled half lobster à L’américaine (Recommend)
เมนูนี้ถือว่าอร่อยที่สุดของ Main course แล้วครับ เพราะเนื้อล็อบเตอร์สดมาก เนื้อเด้ง ๆ เลย แล้วก็ทำให้สุกได้แบบกำลังดี มีความหอมจากการย่างนิด ๆ เสิร์ฟคู่กับรีซอตโต้ที่ทำจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ และโฟมที่ทำจากซุปล็อบเตอร์ ทุกอย่างเข้ากันได้ดีและอร่อยครับ ติดแค่เรื่องข้าวถ้าใช้ข้าวรีซอตโต้จริง ๆ อาจจะได้ข้าวที่นุ่มกว่านี้ อันนี้จะออกร่วนและกรุบ ๆ ไปหน่อย

Egg yolk confit with fried egg white, cheese fondue and melting pork belly
เป็นเมนูไข่ที่ดูสวยงามซึ่งไข่แดงเค้าจะเอาไปใส่ในน้ำมันมะกอก แล้วเอาเข้าเตาอบที่อุณภูมิต่ำ จะได้ไข่แดงที่เซ็ทตัวแบบในรูป กินคู่กับส่วนประกอบต่าง ๆ ก็พอใช้ได้ จะออกมัน ๆ หน่อย มีกลิ่นของชีสที่ผสมกับไข่ขาวเล็กน้อย เป็นอาหารเช้าน่าจะดี


64°C Egg with lentil salad and cream served with parsley spume
จานนี้ดูน่ากินมาก จะเป็นไข่ที่ต้มที่ 64 องศา นาน 40 นาที สภาพสมบูรณ์แบบมาก เจาะออกมากินกับเห็ด ถั่วเลนทิล และฟองครีมถั่วและพาสเลย์ รสชาติอ่อนไปหน่อยสำหรับอาหารที่อยู่ใน Main course ถ้าครีมมีความหอม หรือรสชาติที่โดดเด่นกว่านี้จะเข้ากันดีกว่านี้ครับ


Bread-crusted soft-boiled egg with cauliflower purée, spinach and raisins
เหมือนไข่ลูกเขยบ้านเรา นำมาเสิร์ฟกับส่วนประกอบที่ไม่มีรสชาติเท่าไหร่ เป็นของแห้ง ของอบ จืด ๆ ทำให้รสชาติของจานนี้ยังไม่ค่อยโดน

รูปภาพเพิ่มเติม : http://www.bumres.com/th/restaurant/J-AIME-by-Jean-Michel-Lorain-U-Sathorn-Bangkok/review/6137
ชื่อสินค้า:   J’AIME by Jean Michel Lorain (U Sathorn Bangkok)
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่