ขออนุญาต ท่าน สมาชิก "ไข่แมว" เพื่อต่อยอดจากกระทู้ของท่านนะครับ :
http://ppantip.com/topic/33869098
คือตามที่ได้สอบถามท่านผู้รู้ในบอร์ดนี้หลายๆ ท่านเกี่ยวกับเรื่องการ เจริญสติ ซึ่งเป็นการปฏิบัติแบบ ใช้วิปัสสนานำ โดยหลักการที่ทราบคือ อาศัยขณิกสมาธิ มีสติพิจารณา รูป นามแต่ละขณะ ๆ ตามความเป็นจริงครับ โดยไม่ต้องยกองค์ฌาน และทราบต่อว่า การปฏิบัติแบบใช้วิปัสสนานำนั้น การจะได้ฌานถือเป็นไปได้ยาก เพราะเป็นการฝึกวิปัสสนาล้วนๆ เป็นวิปัสสนายานิก เป็นผู้ทำฌานให้แห้งแล้ง
กับความเห็นของท่านสมาชิก "เฉลิมศักดิ์" ที่ได้ยกคำอธิบาย ว่า
ผู้บรรลุ ๒ พวก
ผู้บรรลุมรรค ผล นิพพาน นั้นมีอยู่ ๒ จำพวกด้วยกัน คือ สุกขวิปัสสกจำพวกหนึ่ง และฌานลาภีบุคคลอีกจำพวกหนึ่ง
สุกขวิปัสสกบุคคล นั้นเป็นผู้บำเพ็ญวิปัสสนาญาณ จนบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ไม่ได้บำเพ็ญสมาธิจนบรรลุฌานมาก่อน
ฌานลาภีบุคคล นั้นเป็นผู้บำเพ็ญสมถภาวนาจนได้ฌาน แล้วเจริญวิปัสสนาภาวนาบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ก็ฌานลาภีบุคคล
อนึ่ง สุกขวิปัสสกบุคคล ผู้ไม่ได้ฌานเจริญวิปัสสนาภาวนากำหนดพิจารณารูปนามที่เป็นกามธรรมเพียงอย่างเดียว
เมื่อมรรคจิตเกิดขึ้นก็ย่อมบริบูรณ์พร้อมด้วยองค์ฌานทั้ง ๕ จัดว่าเป็นปฐมฌานโสดาปัตติมัคคจิต สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรค ของสุกขวิปัสสกบุคคล ก็จัดเข้าเป็นปฐมฌานด้วยกันทั้งสิ้น ตามที่อัฏฐสาลินีอรรถกถา แสดงไว้ว่า วิปสฺสนานิยาเมน สุกฺขวิปสฺสกสฺส อุปฺปนฺนมคฺโคปิ ปฐมชฺฌานิโก โหติ แปลว่า ว่าโดยวิปัสสนานิยาม แม้มรรคที่เกิดขึ้นแล้วแก่ผู้เจริญ วิปัสสนาล้วนๆ ก็ย่อมประกอบด้วยองค์ปฐมฌาน
พระอริยะสุกขวิปัสสกบุคคล เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปัญญาวิมุตติ พระอริยะนี้มีมากกว่าพระอริยะที่เป็นฌานลาภีบุคคล
ซึ่งอ่านแล้ว ทำให้เข้าใจได้ว่า ฝั่งวิปัสสนา หากบรรลุธรรมจะได้ปฐมฌานหน่ะครับ แต่ในกรณีท่านสมาชิก "ไข่แมว" ท่านสามารถ เจริญสติ พลิกกลับ ไปเป็นสมถะในระดับอรูปฌานได้ แล้วท่านค่อยถอยจิตลงมาในระดับ ขณิกะสมาธิ เพื่อใช้ทำวิปัสสนาหน่ะครับ
ขอเรียนถามท่านผู้รู้ว่า การพลิกรูปแบบการปฏิบัติแบบท่านสมาชิก "ไข่แมว" เขาพลิกกลับกันตอนไหน (จากสุกขวิปัสสกบุคคล เป็น ฌานลาภีบุคคล) หรือเป็นของเก่า ของท่าน ไข่แมว ครับ หากมีเคล็ดลับตรงนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติมากๆเลยครับ เพราะฝั่งสมถะนำ จะได้ไม่ต้องแช่จิตไว้ในฌานให้เสียเวลาเป็นปีเป็นหลายๆปี นะครับ
ขออนุโมทนากับท่าน ไข่แมว และท่านผู้ให้ความเห็น ขอความกรุณาสำหรับการให้ความเห็นเฉพาะด้านการปฏิบัตินะครับ ขอบคุณครับ
ปฏิบัติ เจริญสติ แบบวิปัสสนานำ แต่ได้ผลเป็น อรูปฌาน แบบสมถะ เขาพลิกกลับตอนไหน?
คือตามที่ได้สอบถามท่านผู้รู้ในบอร์ดนี้หลายๆ ท่านเกี่ยวกับเรื่องการ เจริญสติ ซึ่งเป็นการปฏิบัติแบบ ใช้วิปัสสนานำ โดยหลักการที่ทราบคือ อาศัยขณิกสมาธิ มีสติพิจารณา รูป นามแต่ละขณะ ๆ ตามความเป็นจริงครับ โดยไม่ต้องยกองค์ฌาน และทราบต่อว่า การปฏิบัติแบบใช้วิปัสสนานำนั้น การจะได้ฌานถือเป็นไปได้ยาก เพราะเป็นการฝึกวิปัสสนาล้วนๆ เป็นวิปัสสนายานิก เป็นผู้ทำฌานให้แห้งแล้ง
กับความเห็นของท่านสมาชิก "เฉลิมศักดิ์" ที่ได้ยกคำอธิบาย ว่า
ผู้บรรลุ ๒ พวก
ผู้บรรลุมรรค ผล นิพพาน นั้นมีอยู่ ๒ จำพวกด้วยกัน คือ สุกขวิปัสสกจำพวกหนึ่ง และฌานลาภีบุคคลอีกจำพวกหนึ่ง
สุกขวิปัสสกบุคคล นั้นเป็นผู้บำเพ็ญวิปัสสนาญาณ จนบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ไม่ได้บำเพ็ญสมาธิจนบรรลุฌานมาก่อน
ฌานลาภีบุคคล นั้นเป็นผู้บำเพ็ญสมถภาวนาจนได้ฌาน แล้วเจริญวิปัสสนาภาวนาบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ก็ฌานลาภีบุคคล
อนึ่ง สุกขวิปัสสกบุคคล ผู้ไม่ได้ฌานเจริญวิปัสสนาภาวนากำหนดพิจารณารูปนามที่เป็นกามธรรมเพียงอย่างเดียว
เมื่อมรรคจิตเกิดขึ้นก็ย่อมบริบูรณ์พร้อมด้วยองค์ฌานทั้ง ๕ จัดว่าเป็นปฐมฌานโสดาปัตติมัคคจิต สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรค ของสุกขวิปัสสกบุคคล ก็จัดเข้าเป็นปฐมฌานด้วยกันทั้งสิ้น ตามที่อัฏฐสาลินีอรรถกถา แสดงไว้ว่า วิปสฺสนานิยาเมน สุกฺขวิปสฺสกสฺส อุปฺปนฺนมคฺโคปิ ปฐมชฺฌานิโก โหติ แปลว่า ว่าโดยวิปัสสนานิยาม แม้มรรคที่เกิดขึ้นแล้วแก่ผู้เจริญ วิปัสสนาล้วนๆ ก็ย่อมประกอบด้วยองค์ปฐมฌาน
พระอริยะสุกขวิปัสสกบุคคล เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปัญญาวิมุตติ พระอริยะนี้มีมากกว่าพระอริยะที่เป็นฌานลาภีบุคคล
ซึ่งอ่านแล้ว ทำให้เข้าใจได้ว่า ฝั่งวิปัสสนา หากบรรลุธรรมจะได้ปฐมฌานหน่ะครับ แต่ในกรณีท่านสมาชิก "ไข่แมว" ท่านสามารถ เจริญสติ พลิกกลับ ไปเป็นสมถะในระดับอรูปฌานได้ แล้วท่านค่อยถอยจิตลงมาในระดับ ขณิกะสมาธิ เพื่อใช้ทำวิปัสสนาหน่ะครับ
ขอเรียนถามท่านผู้รู้ว่า การพลิกรูปแบบการปฏิบัติแบบท่านสมาชิก "ไข่แมว" เขาพลิกกลับกันตอนไหน (จากสุกขวิปัสสกบุคคล เป็น ฌานลาภีบุคคล) หรือเป็นของเก่า ของท่าน ไข่แมว ครับ หากมีเคล็ดลับตรงนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติมากๆเลยครับ เพราะฝั่งสมถะนำ จะได้ไม่ต้องแช่จิตไว้ในฌานให้เสียเวลาเป็นปีเป็นหลายๆปี นะครับ
ขออนุโมทนากับท่าน ไข่แมว และท่านผู้ให้ความเห็น ขอความกรุณาสำหรับการให้ความเห็นเฉพาะด้านการปฏิบัตินะครับ ขอบคุณครับ