หลวงตามหาบัว กล่าวประมาณว่า ท่านจะไม่มาเวียนว่ายตายเกิดอีก อีกนัยคือ เป็นพระอรหันตเจ้า เป็นผู้บรรลุถึงความหลุดพ้น
สำเร็จมรรคผลนิพพาน เบื้องต้นของพระอรหัตน์ คือ ได้ฌานเป็นปฐม แต่การบอกผู้อื่นว่าตนได้ฌานใด ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีในตนหรือไม่
ก็ย่อมต้องปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุ เหมือนตาลยอดด้วน ที่มิอาจจะเจริญขึ้นไปได้มรรคผล ใช่หรือไม่ครับ???
พระอรหันต์
แบ่งตามสถานะ มี 3 ประเภท[2]
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า คือผู้ตรัสรู้แล้วได้ก่อตั้งศาสนาพุทธ สามารถโปรดเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ตามได้
พระปัจเจกพุทธเจ้า คือผู้ตรัสรู้แล้ว แต่ไม่ประกาศศาสนา ไม่มีสาวก เกิดขึ้นเฉพาะในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาเท่านั้น
พระอรหันตสาวก คือสาวกผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ จากการปฏิบัติตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ 2 คือ[3][4]
สุกขวิปัสสก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน แล้ว
ได้ปฐมฌาน เมื่อบรรลุอรหัตตผล เรียกอีกอย่างว่าวิปัสสนายานิก
สมถยานิก ผู้มีสมถะเป็นญาณ ผู้เจริญสมถะกรรมฐาน จน
ได้ฌานก่อนแล้ว จึงเจริญวิปัสสนาต่อจนบรรลุอรหัตตผล เรียกอีกอย่างว่าอุภโตภาควิมุต
พระอรหันต์ 4 คือ
สุกขวิปัสสก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน
เตวิชชะ ผู้ได้วิชชา 3
ฉฬภิญญะ ผู้ได้อภิญญา 6
ปฏิสัมภิทัปปัตตะ ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4
อุตริมนุสธรรม (/อุดตะหริมะนุดสะทำ/) หรือ อุตริมนุษยธรรม (/อุดตะหริมะนุดสะยะทำ/) แปลว่า ธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ หรือ ธรรมของมนุษย์ผู้ยวดยิ่ง ได้แก่ คุณวิเศษซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีหรือเป็นได้ มิใช่วิสัยของมนุษย์ทั่วไป แต่เป็นวิสัยของผู้บรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว
อุตริมนุสธรรมหมายถึง ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค และผล
การที่ภิกษุแสดงตนหรือพูดให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนได้ฌานชั้นนั้นชั้นนี้ ตนได้บรรลุวิโมกข์ ได้สมาธิ สมารถเข้าสมาบัติได้ หรือสำเร็จมรรคสำเร็จผลอย่างนั้นอย่างนี้ เรียกว่า อวดอุตริมนุสธรรม
หลวงตามหาบัว ต้องถึงแก่ปาราชิกมั๊ยคับ???
สำเร็จมรรคผลนิพพาน เบื้องต้นของพระอรหัตน์ คือ ได้ฌานเป็นปฐม แต่การบอกผู้อื่นว่าตนได้ฌานใด ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีในตนหรือไม่
ก็ย่อมต้องปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุ เหมือนตาลยอดด้วน ที่มิอาจจะเจริญขึ้นไปได้มรรคผล ใช่หรือไม่ครับ???
พระอรหันต์
แบ่งตามสถานะ มี 3 ประเภท[2]
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า คือผู้ตรัสรู้แล้วได้ก่อตั้งศาสนาพุทธ สามารถโปรดเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ตามได้
พระปัจเจกพุทธเจ้า คือผู้ตรัสรู้แล้ว แต่ไม่ประกาศศาสนา ไม่มีสาวก เกิดขึ้นเฉพาะในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนาเท่านั้น
พระอรหันตสาวก คือสาวกผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ จากการปฏิบัติตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า
พระอรหันต์ 2 คือ[3][4]
สุกขวิปัสสก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน แล้ว ได้ปฐมฌาน เมื่อบรรลุอรหัตตผล เรียกอีกอย่างว่าวิปัสสนายานิก
สมถยานิก ผู้มีสมถะเป็นญาณ ผู้เจริญสมถะกรรมฐาน จน ได้ฌานก่อนแล้ว จึงเจริญวิปัสสนาต่อจนบรรลุอรหัตตผล เรียกอีกอย่างว่าอุภโตภาควิมุต
พระอรหันต์ 4 คือ
สุกขวิปัสสก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน
เตวิชชะ ผู้ได้วิชชา 3
ฉฬภิญญะ ผู้ได้อภิญญา 6
ปฏิสัมภิทัปปัตตะ ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4
อุตริมนุสธรรม (/อุดตะหริมะนุดสะทำ/) หรือ อุตริมนุษยธรรม (/อุดตะหริมะนุดสะยะทำ/) แปลว่า ธรรมอันยวดยิ่งของมนุษย์ หรือ ธรรมของมนุษย์ผู้ยวดยิ่ง ได้แก่ คุณวิเศษซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีหรือเป็นได้ มิใช่วิสัยของมนุษย์ทั่วไป แต่เป็นวิสัยของผู้บรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว
อุตริมนุสธรรมหมายถึง ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค และผล
การที่ภิกษุแสดงตนหรือพูดให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนได้ฌานชั้นนั้นชั้นนี้ ตนได้บรรลุวิโมกข์ ได้สมาธิ สมารถเข้าสมาบัติได้ หรือสำเร็จมรรคสำเร็จผลอย่างนั้นอย่างนี้ เรียกว่า อวดอุตริมนุสธรรม