สิ้นแสงสุริยา ตอนที่ 3

กระทู้สนทนา
“  ไอ้นี่มันร้ายจริงๆ  ”
“  เห็นฤทธิ์มันแล้วใช่ไหม  จามต้องทำให้มันสำนึกให้ได้ว่า บังอาจมาต่อกรกับเรา และผลมันจะเป็นอย่างไร  ”
“  คุณจามจะทำอย่างไร ท่าทางของมันบ้านนอกป่าเถื่อน ไร้การศึกษาจะตาย  ”

ทัตหาเรื่องด่าตะวันทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่า ชายหนุ่มนั้นชื่ออะไร มีการศึกษาหรือเปล่า  แต่ตัวเขาถูกตะวันตอกหน้ากลับมาซะหมดเครดิต  ล้อมเดือนนั่งมาเงียบๆ อดเป็นห่วงตะวันไม่ได้ มามีเรื่องกับคนพวกนี้มันไม่ดีสำหรับเขาเลย  อิทธิพลของนายทุติยะมีไม่น้อย  แม้ที่นี่จะเป็นเชียงราย แต่ตำแหน่งของเขาก็มีอำนาจทั่วทั้งประเทศ
ดึกแล้ว ตะวันยังนอนเป่าขลุ่ยอยู่ที่ระเบียงเรือน ตาเอี้ยงนอนฟังอยู่ใกล้ๆ วันนี้จะเป็นอุปทานหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เสียงขลุ่ยของตะวันเศร้าสร้อยไห้หวนเหลือเกิน เสียงเพลงจบลง

“  ตะวัน ทำไมวันนี้เสียงขลุ่ยของเอ็งมันถึงได้เศร้านักวะ  ”
“  ผมคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่น่ะตา มันคิดถึงอย่างบอกไม่ถูก  ”

ตาเอี้ยงอึ้ง มองหลานชายในความมืด  ตะวันไม่เคยพูดถึงพ่อถึงแม่มานานมากแล้วแล้วทำไมอยู่ๆวันนี้เขาถึงได้พูดถึง

“  พ่อกับแม่เอ็งเขาตายไปนานแล้ว เอ็งจะไปคิดถึงเขาทำไม  ”
“  ตาไม่มีรูปพ่อกับแม่ของผมให้ผมดูบ้างเลยหรือ สักรูปก็ยังดี  ”
“  ไม่มีหรอก บ้านเราถูกไฟไหม้ไม่เหลืออะไรที่เป็นของพ่อของแม่เอ็งเลย เหลือแต่เอ็งกับข้าที่รอดมาได้  ”
“  จริงหรือ ที่ว่าพ่อกับแม่ของผมถูกไฟครอกตาย  ”
“  จริงสิ  เอ็งอย่าถามอีกเลยนะ ข้าไม่สบายใจว่ะ  ”
“  ผมขอโทษนะตา  ต่อไปผมจะไม่ถามอีก  ”
“  ตะวันเอ็งเสียใจไหม ที่ชีวิตของเอ็งมีแต่ตา  ไม่มีญาติพี่น้องอื่นเลย  ”
“  ทำไมผมต้องเสียใจด้วยล่ะ ผมมีตาคนเดียวผมก็ภูมิใจแล้ว ตาเป็นญาติของผม เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม  ”
“  ตะวัน  ไอ้หลานรักของตา  ”

ที่บ้านสุรียาบดี คุณหญิงทาทองที่เพิ่งได้ยศคุณหญิง นั่งวางมาดบนเก้าอี้ คุยโทรศัพท์อยู่กับหลานสาวคนโปรดที่เชียงราย

“  ไง  เที่ยวสนุกไหมจ๊ะหลาน ขากลับอย่าลืมซื้อลำใยเอามาฝากป้าด้วยล่ะ  ”
“  ทีแรกก็สนุกหรอกนะคะ แต่จามไปมีเรื่องกับไอ้ถ่อยชาวสวน เลยหมดสนุกค่ะ  ”
“  ต๊าย ใครมันบังอาจมามีเรื่องกับหลานของป้าหืมม์  ”
“  คุณป้าคะ แล้วจามจะกลับไปเล่าให้ฟังนะคะ  พรุ่งนี้จามก็จะกลับแล้ว  ”
“  เล่าตอนนี้ไม่ได้หรือลูก  ”
“  อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวจามจะไปไหว้พระกัน จามกลัวจะเสียอารมณ์ซะก่อน  ”
“  ได้ๆลูก อย่างนั้นกลับมาค่อยเล่านะ เที่ยวให้สนุกนะลูก แล้วพรุ่งนี้ป้าจะให้คนขับรถไปรอรับที่สนามบินนะ  ”
“  เท่านี้ก่อนนะคะคุณป้า บอกคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยว่าพรุ่งนี้จามกลับแล้ว  ”
“  จ่ะ ลูก  ”

คุณหญิงทาทองนั่งมองคนรับใช้เช็ดทำความสะอาดเครื่องลายครามอย่างสบายอารมณ์  นางสวาทเมียของทุติยะกลับมาจากข้างนอกหน้าตาบูดบึ้ง

“  เป็นอะไรสวาท ทำหน้าอย่างกับไปกินรังแตนที่ไหนมา  ”
“  คุณพี่คะ จัดการเรื่องหุ้นบริษัทเดิมให้เด็ดขาดได้ไหมคะ  ส่วนที่มันค้างเติ่งอยู่มันทำให้เราทำงานได้ไม่คล่องนะคะ ตอนนี้บริษัทขาดเงินหมุนเวียน จะเรียกระดมทุนก็ติดอยู่ที่มัน  ทำได้ไม่ตลอด  ”
“  แล้วเธอจะให้พี่ทำอย่างไร ไอ้หุ้นนั่นมันคาค้างอยู่ตั้งนานแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้  พี่ลองคุยกับทนายมาหลายครั้งแล้ว ต้องรอให้ไอ้เด็กผีนั่นกลับมาจัดการอย่างเดียว มันเป็นการมอบเด็ดขาดให้กัน และพินัยกรรมฉบับนั้นก็อยู่นอกเหนือทรัพย์สินอื่น  ”
“  แต่นี่มันยี่สิบกว่าปีแล้วนะคะ ไอ้เด็กนั่นมันคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เราจะปล่อยให้มันค้างอยูได้อย่างไร  ไม่ต้องทำอย่างอื่นกัน ดูสิเนี่ย อะไรก็ติดขัดไปหมด  ”
“  เธอก็รู้ว่ามันทำอย่างอื่นไม่ได้ เอาส่วนอื่นไปหมุนแทนก่อนไม่ได้หรือไง มันขาดอยู่เท่าไหร่ล่ะ  ”
“  เก้าสิบล้านบาท  ”
“  โอ้โฮ ตั้งเก้าสิบล้านเชียวหรือ แล้วจะทำยังไง  ”
“  ก็นั่นแหละถึงมาปรึกษาคุณพี่  หุ้นนั่นถ้าเราสามารถเปลี่ยนมือได้ เงินจำนวนมหาศาลเราก็ไม่ต้องเดือดร้อน  คุณพี่คะ เราเอาบ้านสุรียาบดีเข้าธนาคารไหมคะ ราคามันน่าจะไม่ต่ำกว่าสองร้อยล้าน เพราะที่ที่นี่ราคาสูงมาก  ”
“  จะบ้าเหรอ บ้านนี่มันชื่อของฉันของตายะซะที่ไหน เราน่ะครอบครองมันได้แต่บ้าน กรรมสิทธิ์ใดๆเราไม่มีเลย  ไอ้บ้าธารเทพมันทำพินัยกรรมยกให้ลูกนังสุทธินีไปหมดแล้ว  ”
“  ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แล้วเราจะทำอย่างไร ทนายช่วยอะไรเราไม่ได้เลยหรือไง ทรัพย์สินส่วนอื่นเรายังเอามาเป็นของเราได้ กับอีแค่หุ้นกับบ้านนี่ทำไมถึงทำไม้ได้  ”
“  พินัยกรรมฉบับนี้มันไม่ได้อยู่ที่ทนายสมานเธอก็รู้ ธารเทพฝากพินัยกรรมนั่นไว้ที่ท่านอุเทน ใครจะกล้าไปยุ่ง  ตอนนี้พวกเราก็เท่ากับ รอไอ้เด็กนั่นมาปรากฏตัว หรือไม่ก็อยู่ไปทั้งอย่างนี้ถ้าไม่มีมันจนกว่าจะครบกำหนดสามสิบปีถึงจะจ่ายโอนให้กับคนอื่นได้  แต่พี่เชื่อว่าไอ้สุรียาตายไปแล้ว มันคงตายไปแล้ว  ”
“  แล้วเมื่อครบกำหนดสามสิบปี ใครจะเป็นผู้มีสิทธ์ได้รับมรดกส่วนของมันคะ  ”
“  ก็นังเพ็ญพักต์กับนังเพียงโพยมพี่สาวต่างแม่ของมันน่ะสิ  ”
“  แล้วพี่จะยอมให้นังสองคนนั่นได้ไปหรือคะ   ”
“  ไม่มีทาง แค่ฉันเมตตาให้เงินมันไปคนละสามล้านก็มากเกินแล้วป่านนี้มันคงไปเป็นแม่ค้าขายดอกไม้อยู่ที่อัมพวากับโคตรเง่าฝ่ายแม่มันไปแล้ว ฮ่า ๆ ๆลูกท่านธารเทพไม่มีใครได้เสวยสุขในทรัพย์มรดกของพ่อแม้แต่คนเดียว ฮ่า ๆ ๆ   ”

       ทาทองหัวเราะอย่างเต็มที่ หล่อนเกลียดธารเทพ เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลสุรียาบดี บิดาของธารเทพไปขอทาทองและทุติยะมาเป็นบุตรบุญธรรม เพราะเขาต้องการให้ธารเทพมีทั้งพี่และน้องอยู่ในครอบครัว แต่ไม่นึกเลยว่าจะเอาลูกเสือลูกจระเข้มาเลี้ยง ทั้งทาทองและทุติยะ ร่วมมือกันกำจัดธารเทพและครอบครัวของเขาเพื่อแย่งชิงทรัพย์มรดกอันมหาศาลที่ธารเทพได้รับจากบิดา
ตะวันขับรถเข้าเมือง เขาเข้าไปซื้อของใช้ที่จำเป็นในเมืองเสมอ  วันนี้ชายหนุ่มเดินเข็ญรถใส่ของในห้างสรรพสินค้า  เลือกหาซื้อชา กาแฟและนมข้นหวานเอาไปฝากตา เมื่อเข็ญรถมาถึงแผนกขายอาหารเสริม และชากาแฟ หญงสาวคนหนึ่งเอื้อมหยิบกล่องกาแฟแล้วพลัดตกใส่เขาพอดี

“  โอ้ย    ”
“  ตายจริง ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ  ”
“  ไม่เป็นไรครับ เอ๊ะ  คุณ  ”

ตะวันชะงักเพราะผู้หญิงคนนั้นคือหนึ่งในกลุ่มที่มีเรื่องกับเขาเมื่อไม่นาน

“  คุณ  ”

ตะวันจะเดินหนี แต่ล้อมเดือนรีบเรียกเขา

“  เดี๋ยวค่ะ  ”

ตะวันหันมามอง ล้อมเดือนยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“  คุณคงจำฉันได้ ที่เคยไปมีเรื่องกับคุณในวันนั้น  ”
“  ครับ วันนี้คุณมาคนเดียวไม่ได้มากับลูกสาวท่านรัฐมนตรีหรือครับ  ”
“  เขากลับกรุงเทพไปแล้วค่ะ ฉันต้องขอโทษกับเหตุการณ์ในวันนั้น เพื่อนฉันเขารุนแรงกับคุณ  ”

ตะวันมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ

“  พวกลูกท่านหลานเธอ เห็นชาวบ้านเป็นมดเป็นไร  ”
“  ความจริงวันนั้น ฉันรู้ว่าจามเขาทำเกินไป คุณต้องโกรธ แต่ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ห้ามเขา เขาก็ไม่ฟัง  ”
“  คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายก็ได้ ผมไม่โกรธคุณหรอก ผมแยกแยะออกว่าใครเป็นยังไง  ”
“  ขอบคุณค่ะ ที่คุณไม่โกรธฉัน  ”
“  คุณนี่นิสัยไม่เหมือนเพื่อนของคุณเลยนะ  คบกันเข้าไปได้อย่างไร  ”

ล้อมเดือนหัวเราะ

“  แหม เป็นเพื่อนกันต้องนิสัยอย่างเดียวกันด้วยหรือคะ  แบบนี้สังคมก็วุ่นวายพิลึกสิ  ”
“  จริงสินะ ผมก็ลืมไป  ”
“  คุณมาซื้อของที่นี่ประจำหรือคะ  ”
“  จะว่าประจำก็ได้ ของที่นี่ถูกกว่าที่อื่น แล้วคุณล่ะ ลูกค้าประจำที่นี่เหมือนกันใช่ไหม  ”
“  คงอย่างนั้น  ปกติฉันจะให้ลูกน้องเป็นคนมาซื้อของ แต่วันนี้มีธุระต้องมาทำ เลยแวะซื้อซะเอง  ”
“  คุณทำงานอะไรหรือ  ขอโทษนะครับที่ถาม  ”
“  ไม่เป็นไรค่ะ  ฉันมาทำรีสอร์ทเล็กๆที่นี่  มาช่วยคุณแม่ทำน่ะ ไม่ใช่ของฉันเองหรอก  ”
“  รีสอร์ท  ”
“  ค่ะ ชมเดือนรีสอร์ท  อยู่อำเภอเดียวกับคุณน่ะแหละ  ”
“  อ๋อ  รีสอร์ทที่เพิ่งสร้างเสร็จแล้วเปิดเมื่อไม่นาน  ที่แท้ของคุณนี่เอง  ”
“  เราพอจะเป็นเพื่อนกันได้ไหมคะ  ”
“  ผมหรือ  ผมไม่กล้าไปเป็นเพื่อนกับพวกคุณหรอก ผมมันชาวสวนชาวเขา  ”
“  อย่าคิดมากสิคะ ความจริงท่าทางของคุณไม่น่าจะเป็นชาวสวนเลยนะคะ  ”
“  ทำไมหรือ ผมไม่เหมือนชาวสวนแต่เหมือนชาวป่าใช่ไหม  ”

ล้อมเดือนหัวเราะ ตะวันมองผู้หญิงคนนี้อย่างสบายใจ เธอดูเป็นกันเองและดูเปิดเผย  

“  เปล่าเลยนะคะ ฉันว่าหน้าของคุณ คล้ายๆใครคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จัก  ”
“  ผมหน้าโหลอย่างนั้นเชียวหรือ  ”
“  คุณนี่ชอบชักใบให้เรือเสียนะคะ คุยกันมาตั้งนาน ฉันยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย ส่วนฉันชื่อล้อมเดือนค่ะ  ”
“  ล้อมเดือน ชื่อคุณน่าฟังจัง  ผมชื่อตะวัน  ”
“  ตะวันหรือคะ ชื่อคุณก็ฟังดี ตะวันที่ร้อนแรงหรือเปล่า ฉันเห็นคุณวันนั้นแล้วมารู้ชื่อคุณวันนี้ สมควรเลยค่ะ  ”
“  ทำไม  คุณคงคิดว่าผมเป็นนักเลงล่ะสิ  ปกติผมไม่เคยมีเรื่องกับใครเลยนะ กับเพื่อนๆของคุณน่าจะเป็นพวกแรกที่ผมมีเรื่องด้วย  มีเรื่องครั้งแรกก็กับคนดังเลย  ผมนี่ดวงซวยชะมัด  ”
“  อย่าพูดถึงมันอีกเลยค่ะ จามจุรีเขาก็คงลืมมันไปแล้ว  รายนั้นเขาไม่มีเวลามาใส่ใจอะไรได้นานหรอกค่ะ  ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ เอาไว้โอกาสหน้า ฉันอาจจะไปซื้อลำใยที่สวนของคุณ รับรอง ฉันไม่จู้จี้เหมือนเพื่อนของฉันแน่  ”
“  ครับ ยินดีมากเลย ผมจะพาคุณไปเก็บเอาจากต้นเลย  ”
“  จริงๆนะคะ  ”
“  จริงสิครับ  ”
“  งั้นฉันไปก่อนนะคะ บ๊ายบายค่ะ  ”

ตะวันมองตามหญิงสาวที่เข็ญรถไปที่เคาท์เตอร์จ่ายเงิน และเขาก็เดินเลือกซื้อของต่อ เมื่อเสร็จแล้วจึงมุ่งหน้ากลับบ้าน  เขาขับรถขึ้นเนินเขา สองข้างทางเป็นป่า ตะวันมองเห็นร่างของคนนอนฟุบอยู่ข้างทาง ตะวันจอดรถเข้าข้างทางและลงไปดูร่างที่นอนฟุบแน่นิ่งอยู่

“  ผู้หญิงนี่ ทำไมมานอนฟุบอยู่ข้างทางแบบนี้  ”

เขาจับร่างที่หมดสติพลิกขึ้น จำได้ว่าเป็นหญิงจรจัดที่เขาเคยให้เงินเมื่อหลายวันก่อน

“  ป้า   ป้า ป้าเป็นยังไงมั่ง  นี่ป้าไม่สบายนี่  ”

หญิงจรจัดลืมตา ใบหน้าของนางซีดเซียว ตัวร้อนจี๋ ตะวันจึงอุ้มร่างที่มอซอไปที่รถ

“  ป้าไปบ้านผมก่อนนะ ท่าทางป้าไม่สบายมากเลย  ”
“  ขอบคุณค่ะ  ขอบคุณเหลือเกิน  ”

หญิงจรจัดพูดเบาๆ ตะวันพานางมาถึงบ้าน แล้วไปเรียกตาเอี้ยงออกมาดู

“  ตา ผมช่วยคนจรจัดมาคนหนึ่ง แกไม่สบายมาก ตาไปช่วยผมหน่อย  ”
“  ตะวันเอ้ย นี่คิดยังไงไปพาคนจรจัดมาบ้าน  ”
“  ช่วยแกเถอะตา  แกเป็นผู้หญิง ท่าทางน่าสงสารมากเลย  ”
“  เอา ๆ ไหนดูซิ   ”

ตาเอี้ยงยอมให้ตะวันเอาหญิงจรจัดมาดูแลรักษา ชายหนุ่มหายามาให้นางกิน ร่างกายที่อ่อนเพลียกับจิตใจที่อ่อนล้าเมื่อได้ที่พักพิงที่อบอุ่นเปี่ยมด้วยน้ำใจ นางจึงหลับไปนานทีเดียว  ตะวันเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง ตาเอี้ยงมองชายหนุ่มยิ้มๆอย่างเอ็นดูในความมีน้ำใจของเขา

“  ตะวัน เอ็งจะให้ยายคนนี้อยู่กับเราหรือวะ  ”
“  ตา  ที่กระท่อมท้ายสวนของเรา ถ้าเอาของออกซะ ผมว่าป้านี่แกก็อยู่ได้นะ  ผมจะจ้างแกไว้ ให้ช่วยถากหญ้าในสวน สงสารแก แกแก่แล้วคงไม่มีใครเขาจ้างแกหรอก  ”
“  เอา  จะเอายังไงก็เอา ตาเห็นด้วยทั้งนั้น  ”

ทุติยะกลับเข้าบ้านจนดึก เขาไปงานเลี้ยงกับสวาทมา เมื่อเดินขึ้นชั้นบนได้ยินเสียงซอดังมาจากปีกขวาของตึก แสดงว่าลูกสาวคนเล็กของเขายังไม่นอน

“  คุณ  เสียงลูกจันทร์เล่นซอ ผมจะไปหาเขาหน่อย พักนี้งานยุ่งไม่ได้เจอหน้าลูกๆมาเป็นอาทิตย์แล้ว  ”
“  จะห่วงอะไรคะ บริวารเต็มบ้าน ไม่เจอหน้าพ่อหน้าแม่พวกเขาก็ไม่เดือดร้อนหรอก  ”
“  คุณก็คิดอย่างนี้ ลูกๆมันถึงไม่ติดคุณซักคน  เอาเวลาให้พวกเขาบ้าง ความรัก ความอบอุ่นน่ะมันหาซื้อไม่ได้หรอกนะ คุณไม่รู้หรือไงว่าความอบอุ่นจากอกพ่ออกแม่น่ะมันมีค่าแค่ไหน  ”

ทุติยะถึงจะใจโหดแค่ไหน แต่กับลูกสาวสองคนของเขาแล้ว เขารักและดูแลลูกอย่างดี ชดเชยกับที่เขาเป็นลูกกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง จนต้องให้คนอื่นเอามาเลี้ยง  เขาต้องการให้ลูกของเขาเพียบพร้อมไปด้วยความรัก ความอบอุ่นจากอ้อมอกพ่อแม่  เขาเปิดประตูเข้ามานั่งมองลูกสาวสีซอจนจบเพลง




...พิมพ์พิลาสฒ์...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่