นี่คงจำพี่ไม่ได้แล้วสิท่ายืนตัวแข็งทื่อแบบนี้ ”
“ สวัสดีค่ะ นี่เพื่อนของมัจเองค่ะ ” ทรงพลและพรศรีดูเป็นกันเองกับมัจฉามากมัจฉาสัมผัสได้ถึงความรักที่ทั้งสองคนมีให้กับตน ทรงพลขอตัวไปทำกับข้าว พรศรีนั่งคุยกับมัจฉาอยู่ในห้องรับแขก มัจฉาแนะนำเพื่อน ๆ ให้พรศรีรู้จัก เข้ม เบิ้ม และ ชลธีกล่าวทักทายพรศรี
“ นี่ว่าที่ลูกศิษย์ของป้าศรี หลังเรียนจบมัธยมปลาย ชลจะสอบเข้าเรียนแพทย์ ฝากป้าศรีช่วยดูแลด้วนะคะ อย่าให้ชะนี เก้ง กวางที่ไหนคาบเอาไปกินเสียก่อน ”
“ ได้สิ แล้วมัจละเรียบจบจะเข้าเรียนที่ไหน ”
“ มัจยังไม่คิดเลยคะ ขอเก็บเงินก่อนแล้วกันค่ะ ”
“ ทำไมต้องเก็บเงิน เพ็ญไม่ได้ให้เงินหนูเรียนหรอลูก มัจมีปัญหาอะไรหรือเปล่าบอกป้าได้นะลูก ป้ายินดีช่วยทุกเรื่อง ” มัจฉาอึกอักไม่กล้าตอบเพราะยังไม่ไว้ใจพรศรี
“ ครับป้าศรี ป้าเพ็ญไม่พอใจที่มัจเลือกเรียนในระดับ ปวช.สาขาประมง ไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลายตามที่ป้าเพ็ญสั่ง มัจเลยต้องหาเงินเรียนเอง ผม เข้มและมัจเราสามคนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวหลังเลิกเรียนอยู่ตรงหน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน ว่าง ๆ ป้าศรีไปชิมได้นะครับ ” พรศรีลูบหัวมัจฉาเบา ๆ
“ ไม่เป็นไรนะลูกเรื่องเรียนของมัจเดี๋ยวป้าจัดการเอง ”
“ ไม่เป็นไรค่ะมัจเกรงใจ ”
“ นี่ป้าคงห่างกับมัจไปหลายปีเลยไม่รู้ว่าป้าเราสนิทกันมากแค่ไหนค่อย ๆ ปรับตัวไปนะลูก แบบนี้แล้วกันป้าจะให้เงินมัจเรียนเอง ส่วนเรื่องขายก๋วยเตี๋ยวมัจก็ไปขายตามปกติ เพ็ญจันทร์จะไม่ได้สงสัย ”
“ เมื่อก่อนน้องมัจเรียกแม่ของพี่ว่า แม่ทุกคำเลยนะ ตอนนั้นมันยังเด็กเกินไปคงจำไม่ได้ มัจเป็นลูกสาวของแม่พี่ รู้ไหมและเป็นน้องสาวของพี่ด้วย หน้าที่ของคนเป็นแม่นอกจากนอกจากให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูก หน้าที่ส่งเสียให้ลูกเล่าเรียนก็เป็นหน้าที่ของแม่ด้วยนะ ”
“ เรื่องมันยาวนะลูกเดี๋ยววันหลังป้าเล่าให้ฟัง ตอนนี้ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว เราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า เรื่องอื่นไว้ที่หลัง ” มัจฉาไม่เข้าใจที่พรศรีกับทรงพูดแต่รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่ทั้งสองมีให้กับตนเอง วันแรกของการกินข้าวที่ตนเองรู้ผ่อนคลายเป็นส่วนหนึ่งของคนร่วมโต๊ะผิดกับที่บ้านที่คนร่วมโต๊ะไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรเลย
“ คะน้าหมูกรอบที่น้องมัจชอบ พี่ตักให้ค่ะ ”
“ กินเยอะ ๆ นะลูก ป้าว่าหนูผอมไปไหม ”
“ หุ่นกำลังดีค่ะ ”
“ ว่าง ๆ ป้าไปหาที่บ้านนะลูกตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ไปเยี่ยมเพ็ญเลย ”
“ ถ้าวันไหนป้าไปหามัจโทรบอกนัดล่วงหน้าก่อนนะคะ มัจไม่ค่อยอยู่บ้าน ”
“ ได้จ๊ะลูก ” มัจฉามีความสุขกับการกินข้าวในวันนี้มาก หลังจากวันนั้นมัจฉาเปิดใจยอมรับและปรับตัวเข้าหาพรศรีมากกว่าเดิมทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ชลธีกลับบ้านช้ากว่าปกติแถมทางโรงเรียนโทรมาบอกกับพงศ์ศักดิ์ว่าวันนี้ชลธีไม่ได้ไปโรงเรียนยิ่งทำให้พงศักดิ์โกรธเข้าไปอีก พงศ์ศักดิ์ยืนถือไม้เรียวรอชลธีอยู่หน้าบ้าน ชลธียังไม่ทันได้จอดรถก็ได้ยินเสียงพงศ์ศักดิ์ดังมาแต่ไกล เขารีบเดินไปหาพงศักดิ์ในทันที
“ ไอ้ชลวันนี้แกไปไหนมา ทำไมไม่ไปโรงเรียน ” ชลธีอึกอักไม่กล้าตอบ พงศ์ศักดิ์ยิ่งโมโห
“ ถ้าแกยังไม่ตอบพ่อมา วันนี้แกได้กินไม้เรียวแทนข้าวแน่ ตอบพ่อมาเดี๋ยวนี้ว่าไปไหนมา ”
“ ผมไปดูมัจประกวดวาดภาพมาครับพ่อ ”
“ จริงหรอแล้วเป็นไงบ้าง หนูมัจได้รางวัลหรือเปล่า ”
“ มัจได้รางวัลที่หนึ่ง ”
“ เก่งจังเลย ” น้ำเสียงของพงศ์ศักดิ์อ่อนลงเพราะลึก ๆ แล้วพงศักดิ์แอบลุ้นให้ชลธีกับมัจฉามีใจให้กันแต่พงศักดิ์ไม่เคยรู้ว่าชลธีเป็นเกย์ พงศักดิ์เกลียดเพศที่สามมากและไม่ต้องการให้ลูกของตนเองเป็นอย่างนั้น ความลับขั้นสุดยอดที่ชลธีไม่สามารถบอกให้พงศ์ศักดิ์รู้
“ ต่อไปถ้าลูกจะเลือกผู้หญิงสักคนมาเป็นแม่ของลูก พ่อขอแนะนำผู้หญิงแบบหนูมัจนะลูก นิสัยดี อ่อนน้อมถ่อมตนไม่ถือตัว ติดดิน ใช้ชีวิตเรียบง่ายทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีฐานะดี ผู้หญิงแบบนี้หาได้ยากนะลูก พ่อเชียร์ให้ลูกจีบหนูมัจ ”
“ ผมกับมัจเป็นเพื่อนกันครับ พ่อจะให้ผมจีบมัจนี่นะ ผมไม่อยากเสียเพื่อนและอีกอย่างหนึ่งผมยังไม่พร้อมที่จะมีแฟนในตอนนี้ด้วย ”
“ พ่อแค่บอกเฉย ๆ จริงจังไปได้ลูกคนนี้ เรื่องคู่ครองแล้วแต่ลูกจะเลือกพ่อไม่ได้บังคับแต่ถ้าเป็นหนูมัจดีมากเลย ” พงศ์ศักดิ์พูดทิ้งท้ายก่อนเดินออกไป
เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกของเพ็ญจันทร์ทำให้มัจฉารีบเอาถ้วยรางวัลซ่อน มัจฉาถอนหายใจ ช่วงเวลาของความสุขกำลังหมดลง มัจฉาไม่อยากพบหน้าเพ็ญจันทร์ในตอนนี้
“ ทำไมไม่เรียน วันนี้ไปไหนมา ” มัจฉาเงียบ
“ ป้าถามทำไมไม่ตอบ วันนี้ไปไหนทำไมไม่ไปเรียน ”
“ ป้าสุบอกคุณนายหรอว่ามัจไปเรียน ”
“ ตอบไม่ตรงคำถาม ถามอีกอย่างตอบอีกอย่าง ไม่มีใครบอกป้าทั้งนั้น เมื่อเช้าป้าเห็นมัจขับรถออกไปที่อื่นไม่ได้เลี้ยวเข้าไปวิทยาลัย พอป้าโทรไปมัจก็ไม่ยอมรับสายป้า ” มัจฉาเงียบ
“ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเกเรสักทีดูอย่างพุทธชาดสิตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยทำตัวเหลวไหล ขยันเรียนผลการเรียนดีมากทุกเทอม กิจกรรมดีเยี่ยมตลอด ไม่เคยทำให้ป้าต้องกลุ้มใจแล้วนี่มันอะไรกันสร้างแต่เรื่องไม่เว้นแต่ละวัน มัจทำตัวแบบนี้เพราะต้องการประชดป้าใช่ไหม ”
“ ใครจะเก่งเหมือนกับหลายรักของคุณนายละ พี่พุดเกิดมาในวันที่ทุกคนต้องการ วันเกิดของมัจเป็นวันตายของแม่ คุณนายถึงไม่ต้องการ มัจทำอะไรก็ผิดไปหมดทุกอย่างแม้แต่หายใจมัจยังผิดเลย ถ้ามัจเลือกได้มัจขอตายดีกว่าเกิดมาแล้วไม่มีใครต้องการเป็นส่วนเกินของชีวิตคุณนาย ” มัจฉาลุกขึ้นเดินอออกจากห้อง เพ็ญจันทร์เดินตามไป
“ มัจจะไปไหนอีก นี่มันก็ดึกมากแล้ว ”
“ ไปลงนรก คุณนายจะได้ดีใจที่ไม่มีมัจอยู่บ้านหลังนี้ ” มัจฉาขับรถออกจากบ้าน เพ็ญจันทร์พยายามโทรหามัจฉาแต่มัจฉาไม่ยอมรับสายไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่ศาลาริมทาง น้ำหวานขับรถผ่านมาพอดี
“ ไอ้มัจทำไมแกมานั่งอยู่ที่นี้คนเดียว นี่คงทะเลาะกับป้ามาอีกแล้วใช่ไหม ”
“ นิดนึง ”
“ เดี๋ยวฉันพาแกไปพักผ่อนรับรองแกจะติดใจ ”
“ ไปไหน ”
“ ขับรถตามมาแล้วแกจะรู้เอง ฉันไม่ได้พาแกไปหายตัวหรอกนะ แกเห็นฉันคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
บริเวณหน้าผับ นักเที่ยวชายหญิงต่างทยอยเดินเข้าไปในผับอย่างไม่ขาดสาย พนักงานต้อนรับประจำร้านเดินเข้ามาทักทายน้ำหวานอย่างเป็นกันเองจนมัจฉาแปลกใจ
“ พนักงานที่นี้ดูสนิทกับแกมากเลยนะ ”
“ ผับแห่งนี้เป็นของพ่อฉันเอง พนักงานที่นี้รู้จักฉันดี เข้าไปข้างในกันเถอะ ฉันให้พนักงานจัดโต๊ะวีไอพีไว้ให้แล้ว ” น้ำหวานจูงมือมัจฉาเดินเข้าไปในผับ ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้อง แสงไฟหลากสีส่งแสงสลับกันไปมาทั่วทั้งห้อง นักเที่ยวแต่ละคนนั่งประจำโต๊ะของตัวเอง
“ แกมาเที่ยวทุกคืนหรอ ”
“ บางวัน ” น้ำหวานยกแก้วดื่มเหล้าอย่างไม่สะทกสะท้าน แอลกอฮอล์เป็นเช่นนำเปล่า น้ำหวานส่งแก้วไปให้มัจฉา มัจฉาลังเลแต่รับเอาไว้
“ ชนแก้ว ” สิ้นเสียงของน้ำหวาน มัจฉากระดกเหล้าเข้าคอในหมดเกลี้ยง แก้วที่หนึ่งผ่านไป แก้วที่สองตามมา แก้วที่สามกำลังตามมา น้ำหวานนั่งดื่มเหล้ากับมัจฉาจนผับเลิก
“ ชีวิตของฉันก็เป็นแบบนี้แหละมีพ่อแม่เหมือนไม่มี ชีวิตอ้างว้างอยู่เพียงลำพังบนโลกใบนี้ ฉันมีเหล้าเป็นเพื่อนคลายเหงาแล้วแกละมีใครอยู่กับแกบ้างในวันที่เหงา ”
“ แก้วสุดท้ายของคืนนี้ ”
“ ฉันขอตัวไปล้างหน้าให้สดชื่นก่อนกลับบ้าน ฝากโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินด้วย ” มัจฉาเดินออกไป เสียงโทรศัพท์ของมัจฉาดังขึ้น เสียงเรียกเข้าจากเพ็ญจันทร์ทำให้น้ำหวานไม่กล้ารับสายแต่เมื่อเพ็ญจันทร์ไม่ยังไม่ยอมหยุดโทรหามัจฉา
“ เอาไงละที่นี้ ไอ้มัจก็ยังไม่ออกมา ป้าเพ็ญโทรมาไม่หยุดเลย ฉันจะทำยังไงดี ไอ้มัจก็ยังไม่ออกมาสักที ” เพ็ญจันทร์ยังไม่หยุดโทรหามัจฉา น้ำหวานกดรับสายเพ็ญจันทร์
“ สวัสดีค่ะป้าเพ็ญ หนูชื่อน้ำหวานเป็นเพื่อนของมัจค่ะ ”
“ มัจไปไหนละลูก ป้าโทรหาตั้งหลายรอบแต่ไม่ยอมรับสาย ”
“ มัจหลับไปนานแล้วค่ะ ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ มัจตื่นเมื่อไหร่เดี๋ยวจะให้มัจรีบโทรหาป้าเลยนะคะ ” เพ็ญจันทร์วางสาย มัจฉากลับมาพอดี น้ำหวานบอกให้มัจฉารีบโทรไปหาเพ็ญจันทร์
“ มัจเมื่อกี้ป้าของแกโทรมาฉันบอกไปว่าแกหลับแล้ว ”
“ ฉลาดนิหว่าที่ตอบไปแบบนั้น ดีนะที่แกไม่บอกไปว่าฉันมาเที่ยวผับ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันกลับบ้านไปโดนคุณนายตีจนไม้เรียวหักคามือ ”
“ ป้าของแกโหดขนาดนั้นเลยหรอ ตั้งแต่ฉันโตมาพ่อกับแม่ไม่เคยตีฉันเลย ”
“ โหดกับฉันแต่ใจกับพี่สาวของฉัน ฉันหิวข้าว เราไปกินโจ๊กโต้รุ่งก่อนกลับบ้านกันดีกว่า ”
“ ดีเลย ฉันกำลังหิว ” เพ็ญจันทร์รอมัจฉากลับบ้านด้วยความเป็นห่วง มัจฉายังไม่อยากกกลับบ้านในตอนนี้ บ้านเปรียบเหมือนนรกในตอนนี้ เพ็ญจันทร์เปรียบเหมือนพยายมราชเมื่อเข้าไปใกล้มีแต่เปลวไฟคอยแผดเผาร่างกายให้ได้รับแต่ความเจ็บปวด
“ นั่งเหม่อคิดถึงใครอยู่ โจ๊กเย็นหมดแล้ว ”
“ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ”
“ กลับบ้านไป ถ้าป้าแกถามแกจะตอบว่าไง หายออกจากบ้างมาตั้งนาน ”
“ ไม่รู้สิแล้วแกละถ้าพ่อกับแกของแกถาม แกจะตอบว่ายังไง ”
“ พ่อกับแม่ของฉัน เขาทั้งสองคนไม่เคยถามหรอกว่าฉันไปไหน ทำอะไรอยู่ที่ไหน มีแต่เงินให้อย่างเดียว เขาทำแต่งานไม่มีเวลามาคุยกับฉันหรอก ฉันอิจฉาแกนะดูสิขนาดหายออกจากบ้านมาไม่กี่ชั่วโมง ป้าของแกโทรหาแกเป็นร้อยสาย เขารักแกแต่ไม่แสดงออกคงกลัวเสียฟอร์ม ”
“ ถ้าเขาไม่รักแกแล้วเขาจะเลี้ยงแกมาทำไม ”
“ คุณนายเลี้ยงฉันเพราะหน้าที่ไม่ใช่ความรัก ถ้าแกเห็นพฤติกรรมของคุณนายแกจะเข้าใจที่ฉันพูด คนที่คุณนายรักคือพี่พุดไม่ใช่ฉัน ”
“ ไม่มีมนุษย์คนใดเกิดมาสมบูรณ์แบบเพียบพร้อมทุกอย่างตามหลักบทบัญญัติทางเศรษฐศาสตร์ กฎข้อที่หนึ่งที่ว่าแต่ละคนต้องเผชิญภาวะ ได้อย่างเสียอย่างเสมอ ”
“ ขนาดนั้นเชียว ”
“ ทน ๆ ไปก่อนเรียนจบเรียนต่อมหาวิทยาลัยแกก็ไปอยู่หอพักไม่ต้องกลับบ้าน ถ้าหากป้าของแกโทรมาถาม แกก็บอกว่าเรียนหนัก กิจกรรมเยอะไม่มีเวลากลับบ้านแค่นี้ก็จบแล้ว ”
“ คิดไปไกลถึงดาวอังคารแล้ว ตอนนี้เรียนให้จบก่อนดีไหม ”
“ การบ้านของครูสุฉันยังไม่ได้ทำเลยส่งวันจันทร์นี่แล้ว ”
“ กลับไปค่อยทำ ” มัจฉากับน้ำหวานนั่งคุยกันเกือบสว่างทั้งสองคนพากันไปตักบาตรก่อนกลับบ้าน เพ็ญจันทร์เป็นห่วงมัจฉามากนั่งรอมัจฉากลับบ้านจนกระทั่งเช้า เสียงรถของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์หายกังวลใจ มัจฉาโน้มตัวลงนอนบนโซฟาในห้องโถง เพ็ญจันทร์เดินลงมาหามัจฉา
“ กลับมาบ้านได้สักที รู้ไหมว่าป้าเป็นห่วง กลิ่นเหล้าฟุ้งมาแต่ไกลเลย เด็กคนนี้มันจริง ๆ เลยนะ อายุแค่นี้หัดกินเหล้า ”
“ คุณนายเกลียดมัจ คุณนายไม่เคยรักมัจเลย มัจทำให้แม่ต้องตาย คุณนายรักพี่พุดคนเดียว ” มัจฉาละเมอโดยไม่รู้ตัว เพ็ญจันทร์ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ยินคำพูดของมัจฉา หัวใจเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหม ใจสลายเมื่อได้รู้ว่าคนที่รักสุดชีวิตเข้าใจผิด
“ ทำไมป้าจะไม่รักมัจละลูก ในเมื่อป้าเป็นแม่ผู้กำเนิดของมัจ แม่รักหนูสุดหัวใจแต่แม่ให้ใครรู้ไม่ได้ว่าหนูเป็นลูกของแม่ ” พุทธชาดกลับมาจากซื้อของเดินเข้ามาหาเพ็ญจันทร์เห็นมัจฉานอนอยู่บนโซฟาด้วยความเหนื่อยใจ
“ เมื่อคืนแอบหนีไปเที่ยวที่ไหนมากลับมาสภาพดูไม่ได้เลย ไอ้น้องคนนี้ขยันหาเรื่องจริง ๆ ไม่รู้สนใจการเรียนบ้างไหม การบ้านทำบ้างหรือยัง ”
“ เมื่อคืนทะเลาะกับป้า น้องคงโกรธป้ามากขับรถออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืน นี่พึงกลับมาถึงบ้าน ”
“ อีกนานกว่าจะตื่น ถ้าเดาไม่ผิดตื่นมาตาลีตาเลือกทำการบ้านหามรุ่งหามค่ำอีกตามเคย ” มัจฉาลุกขึ้นรีบเดินกลับเข้าห้อง หลังจากอาบน้ำเสร็จมัจฉานั่งทำการบ้านจนเสร็จ ภาพวาดกระดูกของปลาแต่ละชนิดถูกบรรจงวาดอย่างประณีตลงในแผ่นกระดาษ รายงานผลปฏิบัติการวิชาชีวิทยาปลาที่จะต้องส่งในวันจันทร์ เพ็ญจันทร์เดินเข้ามาเห็นพอดีเข้าใจผิดคิดว่ามัจฉาแอบวาดภาพ
“ ป้าบอกแล้วใช่ไหมไม่ให้วาดรูปแล้วนี่มันอะไร ”
“ คุณนายฟังมัจอธิบายก่อนนะมันไม่ใช่อย่างที่คุณนายคิด ” เพ็ญจันทร์ไม่ยอมฟังเหตุผลคำอธิบายหยิบรายงานของมัจฉาฉีกออกเป็นชิ้น ๆ มัจฉาเสียใจมากหยิบเศษกระดาษทั้งหมดที่หล่นกองรวมไว้บนโต๊ะ วันรุ่งขึ้นในชั่วโมงเรียนปฏิบัติการหลักชีวิทยาปลา สุปราณีย์บอกให้ทุกคนนำรายงานมาส่ง ทุกคนนำรายงานไปส่งยกเ
กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 2 ร้านสามเกลอ ( ต่อ )
“ สวัสดีค่ะ นี่เพื่อนของมัจเองค่ะ ” ทรงพลและพรศรีดูเป็นกันเองกับมัจฉามากมัจฉาสัมผัสได้ถึงความรักที่ทั้งสองคนมีให้กับตน ทรงพลขอตัวไปทำกับข้าว พรศรีนั่งคุยกับมัจฉาอยู่ในห้องรับแขก มัจฉาแนะนำเพื่อน ๆ ให้พรศรีรู้จัก เข้ม เบิ้ม และ ชลธีกล่าวทักทายพรศรี
“ นี่ว่าที่ลูกศิษย์ของป้าศรี หลังเรียนจบมัธยมปลาย ชลจะสอบเข้าเรียนแพทย์ ฝากป้าศรีช่วยดูแลด้วนะคะ อย่าให้ชะนี เก้ง กวางที่ไหนคาบเอาไปกินเสียก่อน ”
“ ได้สิ แล้วมัจละเรียบจบจะเข้าเรียนที่ไหน ”
“ มัจยังไม่คิดเลยคะ ขอเก็บเงินก่อนแล้วกันค่ะ ”
“ ทำไมต้องเก็บเงิน เพ็ญไม่ได้ให้เงินหนูเรียนหรอลูก มัจมีปัญหาอะไรหรือเปล่าบอกป้าได้นะลูก ป้ายินดีช่วยทุกเรื่อง ” มัจฉาอึกอักไม่กล้าตอบเพราะยังไม่ไว้ใจพรศรี
“ ครับป้าศรี ป้าเพ็ญไม่พอใจที่มัจเลือกเรียนในระดับ ปวช.สาขาประมง ไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลายตามที่ป้าเพ็ญสั่ง มัจเลยต้องหาเงินเรียนเอง ผม เข้มและมัจเราสามคนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวหลังเลิกเรียนอยู่ตรงหน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน ว่าง ๆ ป้าศรีไปชิมได้นะครับ ” พรศรีลูบหัวมัจฉาเบา ๆ
“ ไม่เป็นไรนะลูกเรื่องเรียนของมัจเดี๋ยวป้าจัดการเอง ”
“ ไม่เป็นไรค่ะมัจเกรงใจ ”
“ นี่ป้าคงห่างกับมัจไปหลายปีเลยไม่รู้ว่าป้าเราสนิทกันมากแค่ไหนค่อย ๆ ปรับตัวไปนะลูก แบบนี้แล้วกันป้าจะให้เงินมัจเรียนเอง ส่วนเรื่องขายก๋วยเตี๋ยวมัจก็ไปขายตามปกติ เพ็ญจันทร์จะไม่ได้สงสัย ”
“ เมื่อก่อนน้องมัจเรียกแม่ของพี่ว่า แม่ทุกคำเลยนะ ตอนนั้นมันยังเด็กเกินไปคงจำไม่ได้ มัจเป็นลูกสาวของแม่พี่ รู้ไหมและเป็นน้องสาวของพี่ด้วย หน้าที่ของคนเป็นแม่นอกจากนอกจากให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูก หน้าที่ส่งเสียให้ลูกเล่าเรียนก็เป็นหน้าที่ของแม่ด้วยนะ ”
“ เรื่องมันยาวนะลูกเดี๋ยววันหลังป้าเล่าให้ฟัง ตอนนี้ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว เราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า เรื่องอื่นไว้ที่หลัง ” มัจฉาไม่เข้าใจที่พรศรีกับทรงพูดแต่รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่ทั้งสองมีให้กับตนเอง วันแรกของการกินข้าวที่ตนเองรู้ผ่อนคลายเป็นส่วนหนึ่งของคนร่วมโต๊ะผิดกับที่บ้านที่คนร่วมโต๊ะไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรเลย
“ คะน้าหมูกรอบที่น้องมัจชอบ พี่ตักให้ค่ะ ”
“ กินเยอะ ๆ นะลูก ป้าว่าหนูผอมไปไหม ”
“ หุ่นกำลังดีค่ะ ”
“ ว่าง ๆ ป้าไปหาที่บ้านนะลูกตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ไปเยี่ยมเพ็ญเลย ”
“ ถ้าวันไหนป้าไปหามัจโทรบอกนัดล่วงหน้าก่อนนะคะ มัจไม่ค่อยอยู่บ้าน ”
“ ได้จ๊ะลูก ” มัจฉามีความสุขกับการกินข้าวในวันนี้มาก หลังจากวันนั้นมัจฉาเปิดใจยอมรับและปรับตัวเข้าหาพรศรีมากกว่าเดิมทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ชลธีกลับบ้านช้ากว่าปกติแถมทางโรงเรียนโทรมาบอกกับพงศ์ศักดิ์ว่าวันนี้ชลธีไม่ได้ไปโรงเรียนยิ่งทำให้พงศักดิ์โกรธเข้าไปอีก พงศ์ศักดิ์ยืนถือไม้เรียวรอชลธีอยู่หน้าบ้าน ชลธียังไม่ทันได้จอดรถก็ได้ยินเสียงพงศ์ศักดิ์ดังมาแต่ไกล เขารีบเดินไปหาพงศักดิ์ในทันที
“ ไอ้ชลวันนี้แกไปไหนมา ทำไมไม่ไปโรงเรียน ” ชลธีอึกอักไม่กล้าตอบ พงศ์ศักดิ์ยิ่งโมโห
“ ถ้าแกยังไม่ตอบพ่อมา วันนี้แกได้กินไม้เรียวแทนข้าวแน่ ตอบพ่อมาเดี๋ยวนี้ว่าไปไหนมา ”
“ ผมไปดูมัจประกวดวาดภาพมาครับพ่อ ”
“ จริงหรอแล้วเป็นไงบ้าง หนูมัจได้รางวัลหรือเปล่า ”
“ มัจได้รางวัลที่หนึ่ง ”
“ เก่งจังเลย ” น้ำเสียงของพงศ์ศักดิ์อ่อนลงเพราะลึก ๆ แล้วพงศักดิ์แอบลุ้นให้ชลธีกับมัจฉามีใจให้กันแต่พงศักดิ์ไม่เคยรู้ว่าชลธีเป็นเกย์ พงศักดิ์เกลียดเพศที่สามมากและไม่ต้องการให้ลูกของตนเองเป็นอย่างนั้น ความลับขั้นสุดยอดที่ชลธีไม่สามารถบอกให้พงศ์ศักดิ์รู้
“ ต่อไปถ้าลูกจะเลือกผู้หญิงสักคนมาเป็นแม่ของลูก พ่อขอแนะนำผู้หญิงแบบหนูมัจนะลูก นิสัยดี อ่อนน้อมถ่อมตนไม่ถือตัว ติดดิน ใช้ชีวิตเรียบง่ายทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีฐานะดี ผู้หญิงแบบนี้หาได้ยากนะลูก พ่อเชียร์ให้ลูกจีบหนูมัจ ”
“ ผมกับมัจเป็นเพื่อนกันครับ พ่อจะให้ผมจีบมัจนี่นะ ผมไม่อยากเสียเพื่อนและอีกอย่างหนึ่งผมยังไม่พร้อมที่จะมีแฟนในตอนนี้ด้วย ”
“ พ่อแค่บอกเฉย ๆ จริงจังไปได้ลูกคนนี้ เรื่องคู่ครองแล้วแต่ลูกจะเลือกพ่อไม่ได้บังคับแต่ถ้าเป็นหนูมัจดีมากเลย ” พงศ์ศักดิ์พูดทิ้งท้ายก่อนเดินออกไป
เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกของเพ็ญจันทร์ทำให้มัจฉารีบเอาถ้วยรางวัลซ่อน มัจฉาถอนหายใจ ช่วงเวลาของความสุขกำลังหมดลง มัจฉาไม่อยากพบหน้าเพ็ญจันทร์ในตอนนี้
“ ทำไมไม่เรียน วันนี้ไปไหนมา ” มัจฉาเงียบ
“ ป้าถามทำไมไม่ตอบ วันนี้ไปไหนทำไมไม่ไปเรียน ”
“ ป้าสุบอกคุณนายหรอว่ามัจไปเรียน ”
“ ตอบไม่ตรงคำถาม ถามอีกอย่างตอบอีกอย่าง ไม่มีใครบอกป้าทั้งนั้น เมื่อเช้าป้าเห็นมัจขับรถออกไปที่อื่นไม่ได้เลี้ยวเข้าไปวิทยาลัย พอป้าโทรไปมัจก็ไม่ยอมรับสายป้า ” มัจฉาเงียบ
“ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเกเรสักทีดูอย่างพุทธชาดสิตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยทำตัวเหลวไหล ขยันเรียนผลการเรียนดีมากทุกเทอม กิจกรรมดีเยี่ยมตลอด ไม่เคยทำให้ป้าต้องกลุ้มใจแล้วนี่มันอะไรกันสร้างแต่เรื่องไม่เว้นแต่ละวัน มัจทำตัวแบบนี้เพราะต้องการประชดป้าใช่ไหม ”
“ ใครจะเก่งเหมือนกับหลายรักของคุณนายละ พี่พุดเกิดมาในวันที่ทุกคนต้องการ วันเกิดของมัจเป็นวันตายของแม่ คุณนายถึงไม่ต้องการ มัจทำอะไรก็ผิดไปหมดทุกอย่างแม้แต่หายใจมัจยังผิดเลย ถ้ามัจเลือกได้มัจขอตายดีกว่าเกิดมาแล้วไม่มีใครต้องการเป็นส่วนเกินของชีวิตคุณนาย ” มัจฉาลุกขึ้นเดินอออกจากห้อง เพ็ญจันทร์เดินตามไป
“ มัจจะไปไหนอีก นี่มันก็ดึกมากแล้ว ”
“ ไปลงนรก คุณนายจะได้ดีใจที่ไม่มีมัจอยู่บ้านหลังนี้ ” มัจฉาขับรถออกจากบ้าน เพ็ญจันทร์พยายามโทรหามัจฉาแต่มัจฉาไม่ยอมรับสายไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่ศาลาริมทาง น้ำหวานขับรถผ่านมาพอดี
“ ไอ้มัจทำไมแกมานั่งอยู่ที่นี้คนเดียว นี่คงทะเลาะกับป้ามาอีกแล้วใช่ไหม ”
“ นิดนึง ”
“ เดี๋ยวฉันพาแกไปพักผ่อนรับรองแกจะติดใจ ”
“ ไปไหน ”
“ ขับรถตามมาแล้วแกจะรู้เอง ฉันไม่ได้พาแกไปหายตัวหรอกนะ แกเห็นฉันคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
บริเวณหน้าผับ นักเที่ยวชายหญิงต่างทยอยเดินเข้าไปในผับอย่างไม่ขาดสาย พนักงานต้อนรับประจำร้านเดินเข้ามาทักทายน้ำหวานอย่างเป็นกันเองจนมัจฉาแปลกใจ
“ พนักงานที่นี้ดูสนิทกับแกมากเลยนะ ”
“ ผับแห่งนี้เป็นของพ่อฉันเอง พนักงานที่นี้รู้จักฉันดี เข้าไปข้างในกันเถอะ ฉันให้พนักงานจัดโต๊ะวีไอพีไว้ให้แล้ว ” น้ำหวานจูงมือมัจฉาเดินเข้าไปในผับ ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้อง แสงไฟหลากสีส่งแสงสลับกันไปมาทั่วทั้งห้อง นักเที่ยวแต่ละคนนั่งประจำโต๊ะของตัวเอง
“ แกมาเที่ยวทุกคืนหรอ ”
“ บางวัน ” น้ำหวานยกแก้วดื่มเหล้าอย่างไม่สะทกสะท้าน แอลกอฮอล์เป็นเช่นนำเปล่า น้ำหวานส่งแก้วไปให้มัจฉา มัจฉาลังเลแต่รับเอาไว้
“ ชนแก้ว ” สิ้นเสียงของน้ำหวาน มัจฉากระดกเหล้าเข้าคอในหมดเกลี้ยง แก้วที่หนึ่งผ่านไป แก้วที่สองตามมา แก้วที่สามกำลังตามมา น้ำหวานนั่งดื่มเหล้ากับมัจฉาจนผับเลิก
“ ชีวิตของฉันก็เป็นแบบนี้แหละมีพ่อแม่เหมือนไม่มี ชีวิตอ้างว้างอยู่เพียงลำพังบนโลกใบนี้ ฉันมีเหล้าเป็นเพื่อนคลายเหงาแล้วแกละมีใครอยู่กับแกบ้างในวันที่เหงา ”
“ แก้วสุดท้ายของคืนนี้ ”
“ ฉันขอตัวไปล้างหน้าให้สดชื่นก่อนกลับบ้าน ฝากโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินด้วย ” มัจฉาเดินออกไป เสียงโทรศัพท์ของมัจฉาดังขึ้น เสียงเรียกเข้าจากเพ็ญจันทร์ทำให้น้ำหวานไม่กล้ารับสายแต่เมื่อเพ็ญจันทร์ไม่ยังไม่ยอมหยุดโทรหามัจฉา
“ เอาไงละที่นี้ ไอ้มัจก็ยังไม่ออกมา ป้าเพ็ญโทรมาไม่หยุดเลย ฉันจะทำยังไงดี ไอ้มัจก็ยังไม่ออกมาสักที ” เพ็ญจันทร์ยังไม่หยุดโทรหามัจฉา น้ำหวานกดรับสายเพ็ญจันทร์
“ สวัสดีค่ะป้าเพ็ญ หนูชื่อน้ำหวานเป็นเพื่อนของมัจค่ะ ”
“ มัจไปไหนละลูก ป้าโทรหาตั้งหลายรอบแต่ไม่ยอมรับสาย ”
“ มัจหลับไปนานแล้วค่ะ ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ มัจตื่นเมื่อไหร่เดี๋ยวจะให้มัจรีบโทรหาป้าเลยนะคะ ” เพ็ญจันทร์วางสาย มัจฉากลับมาพอดี น้ำหวานบอกให้มัจฉารีบโทรไปหาเพ็ญจันทร์
“ มัจเมื่อกี้ป้าของแกโทรมาฉันบอกไปว่าแกหลับแล้ว ”
“ ฉลาดนิหว่าที่ตอบไปแบบนั้น ดีนะที่แกไม่บอกไปว่าฉันมาเที่ยวผับ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันกลับบ้านไปโดนคุณนายตีจนไม้เรียวหักคามือ ”
“ ป้าของแกโหดขนาดนั้นเลยหรอ ตั้งแต่ฉันโตมาพ่อกับแม่ไม่เคยตีฉันเลย ”
“ โหดกับฉันแต่ใจกับพี่สาวของฉัน ฉันหิวข้าว เราไปกินโจ๊กโต้รุ่งก่อนกลับบ้านกันดีกว่า ”
“ ดีเลย ฉันกำลังหิว ” เพ็ญจันทร์รอมัจฉากลับบ้านด้วยความเป็นห่วง มัจฉายังไม่อยากกกลับบ้านในตอนนี้ บ้านเปรียบเหมือนนรกในตอนนี้ เพ็ญจันทร์เปรียบเหมือนพยายมราชเมื่อเข้าไปใกล้มีแต่เปลวไฟคอยแผดเผาร่างกายให้ได้รับแต่ความเจ็บปวด
“ นั่งเหม่อคิดถึงใครอยู่ โจ๊กเย็นหมดแล้ว ”
“ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ”
“ กลับบ้านไป ถ้าป้าแกถามแกจะตอบว่าไง หายออกจากบ้างมาตั้งนาน ”
“ ไม่รู้สิแล้วแกละถ้าพ่อกับแกของแกถาม แกจะตอบว่ายังไง ”
“ พ่อกับแม่ของฉัน เขาทั้งสองคนไม่เคยถามหรอกว่าฉันไปไหน ทำอะไรอยู่ที่ไหน มีแต่เงินให้อย่างเดียว เขาทำแต่งานไม่มีเวลามาคุยกับฉันหรอก ฉันอิจฉาแกนะดูสิขนาดหายออกจากบ้านมาไม่กี่ชั่วโมง ป้าของแกโทรหาแกเป็นร้อยสาย เขารักแกแต่ไม่แสดงออกคงกลัวเสียฟอร์ม ”
“ ถ้าเขาไม่รักแกแล้วเขาจะเลี้ยงแกมาทำไม ”
“ คุณนายเลี้ยงฉันเพราะหน้าที่ไม่ใช่ความรัก ถ้าแกเห็นพฤติกรรมของคุณนายแกจะเข้าใจที่ฉันพูด คนที่คุณนายรักคือพี่พุดไม่ใช่ฉัน ”
“ ไม่มีมนุษย์คนใดเกิดมาสมบูรณ์แบบเพียบพร้อมทุกอย่างตามหลักบทบัญญัติทางเศรษฐศาสตร์ กฎข้อที่หนึ่งที่ว่าแต่ละคนต้องเผชิญภาวะ ได้อย่างเสียอย่างเสมอ ”
“ ขนาดนั้นเชียว ”
“ ทน ๆ ไปก่อนเรียนจบเรียนต่อมหาวิทยาลัยแกก็ไปอยู่หอพักไม่ต้องกลับบ้าน ถ้าหากป้าของแกโทรมาถาม แกก็บอกว่าเรียนหนัก กิจกรรมเยอะไม่มีเวลากลับบ้านแค่นี้ก็จบแล้ว ”
“ คิดไปไกลถึงดาวอังคารแล้ว ตอนนี้เรียนให้จบก่อนดีไหม ”
“ การบ้านของครูสุฉันยังไม่ได้ทำเลยส่งวันจันทร์นี่แล้ว ”
“ กลับไปค่อยทำ ” มัจฉากับน้ำหวานนั่งคุยกันเกือบสว่างทั้งสองคนพากันไปตักบาตรก่อนกลับบ้าน เพ็ญจันทร์เป็นห่วงมัจฉามากนั่งรอมัจฉากลับบ้านจนกระทั่งเช้า เสียงรถของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์หายกังวลใจ มัจฉาโน้มตัวลงนอนบนโซฟาในห้องโถง เพ็ญจันทร์เดินลงมาหามัจฉา
“ กลับมาบ้านได้สักที รู้ไหมว่าป้าเป็นห่วง กลิ่นเหล้าฟุ้งมาแต่ไกลเลย เด็กคนนี้มันจริง ๆ เลยนะ อายุแค่นี้หัดกินเหล้า ”
“ คุณนายเกลียดมัจ คุณนายไม่เคยรักมัจเลย มัจทำให้แม่ต้องตาย คุณนายรักพี่พุดคนเดียว ” มัจฉาละเมอโดยไม่รู้ตัว เพ็ญจันทร์ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ยินคำพูดของมัจฉา หัวใจเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหม ใจสลายเมื่อได้รู้ว่าคนที่รักสุดชีวิตเข้าใจผิด
“ ทำไมป้าจะไม่รักมัจละลูก ในเมื่อป้าเป็นแม่ผู้กำเนิดของมัจ แม่รักหนูสุดหัวใจแต่แม่ให้ใครรู้ไม่ได้ว่าหนูเป็นลูกของแม่ ” พุทธชาดกลับมาจากซื้อของเดินเข้ามาหาเพ็ญจันทร์เห็นมัจฉานอนอยู่บนโซฟาด้วยความเหนื่อยใจ
“ เมื่อคืนแอบหนีไปเที่ยวที่ไหนมากลับมาสภาพดูไม่ได้เลย ไอ้น้องคนนี้ขยันหาเรื่องจริง ๆ ไม่รู้สนใจการเรียนบ้างไหม การบ้านทำบ้างหรือยัง ”
“ เมื่อคืนทะเลาะกับป้า น้องคงโกรธป้ามากขับรถออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืน นี่พึงกลับมาถึงบ้าน ”
“ อีกนานกว่าจะตื่น ถ้าเดาไม่ผิดตื่นมาตาลีตาเลือกทำการบ้านหามรุ่งหามค่ำอีกตามเคย ” มัจฉาลุกขึ้นรีบเดินกลับเข้าห้อง หลังจากอาบน้ำเสร็จมัจฉานั่งทำการบ้านจนเสร็จ ภาพวาดกระดูกของปลาแต่ละชนิดถูกบรรจงวาดอย่างประณีตลงในแผ่นกระดาษ รายงานผลปฏิบัติการวิชาชีวิทยาปลาที่จะต้องส่งในวันจันทร์ เพ็ญจันทร์เดินเข้ามาเห็นพอดีเข้าใจผิดคิดว่ามัจฉาแอบวาดภาพ
“ ป้าบอกแล้วใช่ไหมไม่ให้วาดรูปแล้วนี่มันอะไร ”
“ คุณนายฟังมัจอธิบายก่อนนะมันไม่ใช่อย่างที่คุณนายคิด ” เพ็ญจันทร์ไม่ยอมฟังเหตุผลคำอธิบายหยิบรายงานของมัจฉาฉีกออกเป็นชิ้น ๆ มัจฉาเสียใจมากหยิบเศษกระดาษทั้งหมดที่หล่นกองรวมไว้บนโต๊ะ วันรุ่งขึ้นในชั่วโมงเรียนปฏิบัติการหลักชีวิทยาปลา สุปราณีย์บอกให้ทุกคนนำรายงานมาส่ง ทุกคนนำรายงานไปส่งยกเ