เรื่องสั้น เรื่องแรกครับ (ยังไม่จบ) อยากให้ลองอ่านกันครับ รับทุกคำวิจารณ์

กระทู้คำถาม
ผมเดินลงมาจากห้องพักของโรงแรมใกล้ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม  พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบเขื่องของที่ไอ้เพื่อนเวรโทรมาตามให้มาช่วยขนกลับไป กทม.

“ฮาโหล…พรุ่งนี้เองว่างมั้ยว่ะ ข้าได้รับคำสั่งด่วนให้ไปทำงานต่อ ที่ชะอำ วะ ต้องไปวันนี้เลย หัวหน้าข้าโทรมาเมื่อ หัวค่ำ” เพื่อนที่ชอบหาเรื่องให้เอาเรื่องมาให้ช่วยอยู่ประจำโทรมาขอให้ช่วยด้วยน้ำเสียงแจ่มใส อีกตามเคย

“เองช่วยมาขนของข้า เช็คเอาท์ ออกจากโรงแรมก่อนเที่ยงได้มั้ย ข้าต้องไปให้ทันประชุมก่อน แปดโมงครึ่ง พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องเสียค่าเช่าห้องอีกวัน” ไอ้เพื่อนเจ้าแห่งการขอความช่วยเหลือบอกจุดประสงค์สิ่งแรกให้ฟัง

“อะไรของเอ็งว่ะ แค่ค่าห้องแค่นี้ ยังงกนะเอ็ง” ผมทำเสียงไม่พอใจผ่านโทรศัพท์ให้ไอ้เพื่อนบ้า ที่งกแค่ค่าห้องเพิ่มอีกคืน  ถึงกับ จะต้องให้ผมไปขนของที่เป็นความรับผิดชอบของมันเองแท้ๆ ทั้งๆ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของผม

“เอ็งต้องค้างคืนที่ชะอำหรือไง” ผมถามหาทางเลี่ยงที่จะไม่ไปนครปฐมด้วยน้ำเสียงห้วนๆ วันหยุดฉันเว้ย เรื่องอะไรจะไปเสียกับเรื่องที่ตัวมันเองก็ทำได้

“ก็เออซิวะ ก็ข้าไม่รู้ว่าต้องไปชะอำต่อเลย ที่แรกว่าจะเอา ของขวัญครบรอบ สามเดือน มันตรง วันวาเลนไทน์ ไปเซอร์ไพรส์แฟนข้า ก็เลยวางแผนใหม่ ให้เอ็งเอา ไปให้แทนข้าที ของข้าชื้อไว้แล้วที่โรงแรมถ้าไม่ติดงานด่วนคงได้เอาไปให้เองแล้ว แล้วที่เหลือข้าจัดการเอง”

ผมคิดว่าอันหลังนี้ คงเป็นจุดประสงค์หลักมันกระมังท่า เพราะกว่ามันจะจีบแฟนมันคนนี้ได้มันทุ่มเทเต็มที่ มันบอกถ้าไม่ใช่คนนี้มันก็จะไม่แต่งงานกะใคร….แล้วมันก็ทำสำเร็จ แต่ที่มันทำได้ต้องมีผมเข้าไปมีบทบาทด้วยกับทุกแผนการพิชิตใจสาวของมันทุกที ครั้งนี้ ก็คงหนี ไม่พ้น

“เอ็งก็เอามาให้เองวันหลังก็ได้ จะต้องให้ข้า ลำบากไปเอาทำไมวะ รถข้า ก็เอาไป เช็คระยะที่ศูนย์อยู่โน้น” ผมหาเรื่องที่จะไม่ไปนครปฐมอีกครั้ง วันหยุดข้าเว้ย!!!

“ครบรอบ สามเดือนที่ตรงกับ วาเลนไทน์นะเว้ย!!!... มันไม่ได้มี อีกหนนะ” ไอ้จอบก่อเรื่องทำเสียงเซ้า แต่หนักแน่น ทำให้เหมือนถูกบังคับกลายๆ “วันสำคัญแบบนี้ คบกันใหม่ๆ ไม่ทำอะไรให้กันเลย ถึงแม้จะไม่ได้ทำด้วยตัวเอง แต่ก็พยายามทำ มันก็ยังน่าประทับใจ กับเอ็ง มันไม่ได้มีความหมายอะไรข้าก็รู้ แต่ก็นั้นแหละ เอ็งมันจะรู้อะไร เอ็งมันยังไม่มีแฟนนี้หว่า”

ปรี๊ดครับ!!!ไอ้ที่จะไม่ไป ก็ประโยคหลังของมันนี้ละ!!! ก็คนมันยังไม่เจอคนที่ถูกใจนี่หว่า แต่ก็จริงของมัน กว่ามันจะจีบแฟนมันติดใช้คำว่า เลือดตาแทบกระเด็นได้เลยที่เดียว

“เอาวะ!!” ด้วยน้ำเสียงเคืองๆ หลังจากที่คิดถึงความพยายาม ของมัน “ไปก็ไป”

“งั้นเดี๋ยว ข้าจะลงไป บอกที่เคาร์เตอร์ก่อนนะ ว่า พรุ่งนี้เอ็งจะมาขนของข้าไป” ทำเสียงดีใจเลยนะไอ้เพื่อนเวร

“ของคงได้เอาไปให้ตอนบ่ายๆนะ เดินทางตั้งไกลรถก็ไม่มี” ผมเตือนมันไว้ก่อน ด้วยอารมณ์ เคืองที่ต้องที้งวันหยุดที่หอมหวานไปและมันจะได้ไม่ต้องมาว่าผม ถ้าของถึงช้า

“เออๆ ของถึงแล้วโทรบอกข้า ก็พอ” คงจะยิ้มปากถึงหูเลยมั้ง...

การเดินทางก็ ต้องนั่งรถตู้ออกมาจาก อนุสาวรีย์ชัยฯ มาลงตรงมาหน้า มหาวิทยาลัย แล้วเดิน เข้าไป ตามทางตรงข้าม มหาวิทยาลัย ประมาณ ห้าร้อยเมตร แต่ขากลับคิดว่าจะกลับรถไฟ ที่สถานี นครปฐม เพราะของที่จะต้องเอาไปส่ง อยู่ที่ แถวๆ เยาวราช แต่ด้วยความที่ ไม่รู้จักเส้นทาง ในนครปฐม ก็เลยมาเดิน เก้ๆ กังๆ อยู่หน้าโรงแรม

“เมล์เครื่องไมลูกพี่!!!” อะไรหว่า เมล์เครื่อง ด้วยความสงสัย จึงหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน ก็พบกับชายที่ใส่เสื้อกั๊กสีส้ม คล่อมอยู่บนมอเตอร์ไซต์ หันมายิ้มให้ ก็พอจะประมวลได้ว่า เมล์เครื่อง คือ มอเตอร์ไซต์รับจ้างนี้เอง

“ดีเลยครับ พี่พอจะพาผมไปรอรถ สองแถว ที่จะไปสถานีรถไฟ หน่อยได้ไหมครับ” ผมหันไปตอบคำทักทาย และบอกจุดประสงค์

“ได้เลยลูกพี่ไปกัน” คนขับมอเตอร์ไซต์รับคำ แล้วก็ให้ผมพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบเขื่องซ้อนท้าย ไป

“ถึงแล้วลูกพี่” มาถึงหน้ามหาวิทยาลัย มอเตอร์ไซต์ก็จอด

“เดี๋ยวรถสองแถวจะมาผ่านตรงนี้พี่ มาช้าไปนิดเดียว ไม่งั้นทันรถสองแถวคันเมื่อกี้แล้วผมเร่งแล้วมาไม่ทัน” มิหน้าก่อนจอด ถึงได้ขับเร็วจัง ผมจ่ายเงินค่าเมล์เครื่อง แล้วมอเตอร์ไซต์ก็จากไป

ผมยืนรออยู่ตรงฟุตบาดข้างทาง....เพราะรถสองแถวเพิ่งผ่านไปกระมัง ถึงไม่มีใครมายืนรอรถ ที่ป้ายเลยนอกจากผม มองไปบนถนนก็เห็น หลายๆ คน มีดอกกุหลาบ สีแดงอยู่ในมือ เป็นดอกบ้างเป็นช่อบ้าง ก็ว่ากันไป เออเนอะ... วันนี้ วันวาเลนไทน์ นี้หว่า...
สักพักหนึ่ง ทางขวามือ ก็มีสาวเจ้า นางหนึ่งมายืน อยู่ คงมายืนรอรถสองแถวเหมือนเรามั้ง...

ผมเหลือบมองเท่าที่กล้าจะมอง...

หมวกแก๊ปยีนส์ ที่ครอบอยู่บนผมยาว สีดำสลวยถึงกลางหลังของเสื้อกั๊กยีนส์ที่ทับอยู่บนเสื้อคอปกสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวกับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อยี่ห้อดัง ดูแล้วท่าทาง ทะมัดทะแมง ในมือเธอข้างหนึ่งถือเครื่องสมาร์ตโฟน ยี่ห้อยอดฮิต อยู่ ส่วนอีกข้างเป็นกระเป๋าเป้ผ้าใบกะทัดรัด

ติ้งน่อง!!... เสียงโปรแกรมในมือถือที่กำลังฮิตอยู่ดังขึ้นที่สมาร์ตโฟน ของเธอ ผมเลือบตาไปมองเห็นเธอยกมันขึ้น มองดูมันด้วยสีหน้าเรียบเฉยปกติ

ยืนรอได้ครู่ใหญ่แล้ว..ตอนนี้ เริ่มจะมีคนมารอ รถสองแถวมากขึ้น

ติ้งน่อง!!...เสียงโปรแกรมเดินดังขึ้นอีกครั้ง ที่นี้เธอปิดเครื่องแล้วพยายามยัดมันลงในกระเป๋าเป้
แต่สิ่งที่เกิดระหว่างที่เธอกำลังเอา สมาร์ตโฟน ยัดลงในกระเป๋านี้ซิ
บนหน้าใสๆ ใต้ตากลมโต ที่เรียบเฉยแต่กัดฟันนิดๆกับการพยายามที่เธอทำอยู่นั้น... น้ำตา มันไหลออกมา ยังกับว่าน้ำตามันมีมากจนทะลักออกมาได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด มันไหลล้นออกมา จนผมและคนรอบๆ ข้างเธอ ใจหายกันไปตามๆ กัน

เจ้าสมาร์ตโฟนเจ้ากรรมก็ยัดลงไปในกระเป๋ายากเสียเหลือเกิน ทำยังไงมันก็ไม่ยอมลงไปสักที ผมยืมมองเธอแล้วอึ้งกับภาพที่เห็น หลายๆ คนในที่นั้นก็คงอาการไม่ได้ต่างจากผม ไม่นานความพยายามของเธอก็หยุดลง แล้วเธอก็ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าโดยวางกระเป๋าเป้ไว้ข้างตัว ผมขยับตัวหลบเล็กน้อยตอนที่เธอทรุดตัวลง เธอไม่ได้สนใจว่าตรงนั้นจะเป็นฟุตบาดหรือตรงไหน เธอก้มหน้านิ่ง

“เป็นอะไรไหมคุณ” ผมตั้งสติได้ ก็นั่งยองลงข้างเธอแล้วถามเธอออกไป ผมคงเป็นคนแรกที่ทักเธอไปแบบนั้น ทำให้คนอื่นๆ รอบๆ ที่รอรถสองแถว สนใจเธอน้อยลง

“วันนี้ วันวาเลนไทน์ แท้ๆ” คำตอบที่ได้จากเธอที่น้ำเสียงแสนเรียบเฉย เหมือนกับคนที่เป็นปกติ ไม่ได้เหมือนกับท่าทางที่ได้เห็นนี้เลย

“เสียใจได้นะไม่เป็นไรใครก็เสียใจได้แต่คิดจะทำอะไรต่อไป ยังไงคิดให้ดี” ผมพูดกับเธออยากให้เธอได้สติ

“ฉันก็ไม่อยากเสียใจหลอก... แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเสียใจด้วยซ้ำ” เธอนั่งกอดเข่าแล้วตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

“แต่น้ำตา นี้สิ... มันไหล อยู่ได้ ไม่หยุดสักที” เธอยังนั่งกอดเข่าแล้วบอกกับผม

“มีอะไรจะเล่าให้ผมฟังบ้างมัยละ อย่างน้อยเธอก็มีใครคุยด้วย” ผมนั่งลงตรงขอบฟุตบาดข้างๆเธอพร้อมอาสาเป็นที่ระบายให้เธอคนนั้น
เธอเล่าว่า เธอเพิ่งขอตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อน ที่นัดติวกัน ที่มหาลัยฯ เพราะทนอยู่เห็นตัวเอง ที่เธอต้องมานั่งน้ำตาล้นไม่ได้เพราะ เพื่อนที่เธอสนิทที่สุด ถูกผู้ชายที่เธอแอบชอมมา สามปีกว่า ถือโอกาส วันนี้ สาระภาพรัก ชายคนที่เธอแอบชอบ บอกว่าเหลือเวลาอยู่ไม่กี่เดือนที่จะได้เจอกันแน่น เพราะต่างคนก็จะจบการศึกษา แล้ว จึงต้องสารภาพความคิดความรู้สึกให้เพื่อน สนิทของเธอได้รู้ ซึ่งเพื่อนของเธอก็รับรู้และรับเอาไว้ ไม่ได้

“มันบอกไม่ถูกนะ นอกจากเขาแล้วฉันก็ไม่เคยที่จะรักใคร ก็เลยเป็นการแอบชอบอยู่ฝ่ายเดียว” เธอก้มหน้าหน้าผากชิดกับหัวเข่าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นมา น้ำตาก็ยังไหลอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“มันเหมือนกับว่า ช่วงใต้คอลงไปมันหายไป หายใจเข้าไปยังไงก็ไม่เต็มสักที ตั้งแต่ ได้ยิน เพื่อนฉันรับรักเขา ฉันก็ดีใจกับเพื่อนฉันนะ” เสียงเรียบเฉยเหมือนเล่าเรื่อง ปกติ แต่น้ำตาที่ไหลออกมา ทำให้ผมคิดว่า มันจะหยุดมั้ยน่ะ

“ฉันก็รู้ว่าเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับฉัน แต่ไอ้น้ำตาบ้านี้ก็ไม่รู้มันจะไหลออกมาทำไมนักหนา” เธอพูดพลางเอามือปาดน้ำตาที่มันไหลออกมา แต่ก็ดูทีท่าว่ามันจะไม่หยุด

“ อกหักไง  ที่เขาบอกว่าเจ็บ คือที่เธอเป็นอยู่นี้ละ”  ผมพูดพลางขยับตัวหันหน้ามาทางเธอ

“เจ็บก็ไม่ต้องทนเก็บ เอาไว้ ปล่อยมันออกมา แล้วก็ ทิ้งมันไป” ผมพูดทำเสียงจริงจัง

เธอเงยหน้าขึ้นมามองที่ผม ด้วยหน้าตา ที่เรียบเฉย แต่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา แล้วเธอก็ดึงคอเสื้อแจ๊กเก็ต  จนผมต้องนั่งลงกับฟุตบาด ข้างๆ เธอ

“งั้น ขอยืมหน่อยนะ” แล้วเธอก็ซบหน้า จับเสื้อแจ๊กเก็ต ผม แล้ว ก็ ปล่อยโฮ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่