จ้อย เดินจากนามาที่บ้านด้วยความสิ้นหวัง เนื่องจากแม่ของเขากำลังล้มป่วยลง ด้วยความยากจน เขาไม่เคยได้เรียนหนังสือแม้แต่นิดเดียว พ่อของเขากลับเสียชีวิตเพราะล้มป่วยมาคนหนึ่งแล้ว จ้อยเข้าบ้านและเดินไปหาผู้เป็นแม่ แม่ผู้ซึ่งกำลังนอนบนเตียง ห่มผ้าห่มสีดำในบ้านทรงไทยเก่าคร่ำครึ กำลังรอให้จ้อยกลับจากนาอยู่พอดี
"แม่ครับ แม่ต้องไม่เป็นอะไรนะครับ" จ้อยบอกแม่ แม่ยิ้มให้แบบอ่อนแรง "พ่อครับ ช่วยคุ้มครองแม่ด้วยนะครับ ผมยังไม่อยากให้แม่ไปหาพ่อ" จ้อยหันไปมองที่รูปและอัฐของพ่อที่แขวนไว้ที่ผนังตรงด้านเท้าของผู้เป็นแม่ แม่ยิ้มพลางจับมือจ้อย กล่าวด้วยความเป็นห่วง "แม่กลัวลูกจะลำบากมากกว่าถ้าไม่มีแม่" แม่ของจ้อยกล่าวกับจ้อยพลางยิ้ม "แม่ไม่อยากให้ลูกลำบาก" จ้อยน้ำตาไหลเอามือของแม่ทาบแก้ม "แม่ต้องอยู่กับผมไปนานๆนะครับ"
ระหว่างนั้น เสียงหน้าบ้านดังมา "เฮ้ ไอ้จ้อยไม่มีพ่อ" จ้อยวางมือแม่ลงแล้ววิ่งไปทางประตูบ้าน เป็นเสียงของไอ้ชายและเพื่อนอีก 2 คน ที่ชอบล้อเลียนและมีเรื่องกับจ้อยอยู่บ่อยๆ จ้อยตะโกนดังใส่ "พวกเอ็งอย่ามายุ่งกับครอบครัวข้านะโว้ย" พวกเด็กแสบยังไม่ละความพยายาม "ไอ้จ้อยไม่มีพ่อๆๆๆๆ" จ้อยเกิดโทสะ หยิบเอาไม้ตีข้าวที่ใต้ถุนบ้าน ไล่ตีและวิวาทกับทั้ง 3 คน โดยที่ทั้ง 3 คนก็ใช้กำลังหมาหมู่รุมยำจ้อยเช่นกัน
เมื่อเหตุการณ์หนักขึ้นเข้า ผู้ใหญ่คนหนึ่งกำลังขี่จักรยานก็เข้ามาห้ามพลางใช้ตะบองไล่ขู่ "หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกเด็กไร้มารยาท" เป็นเสียงของลุงนาญ ผู้ใหญ่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่งที่เข้ามาเห็นพอดี ที่เข้ามาห้าม เด็กแสบทั้ง 3 คน หนีไป จนเหลือแต่จ้อย ลุงนาญพบเห็นจ้อยในสภาพที่เต็มไปด้วยแผลฟกช้ำ เลือดกำเดาไหล และร่างกายเปื้อนฝุ่น จึงได้บอกกับแม่ของจ้อย "ฉันขอลูกแม่ไปรักษาที่หมู่บ้านฉันก่อนนะ" แม่ของจ้อยมองจ้อยแล้วเกิดเวทนา จึงได้ยอมให้นำจ้อยไปรักษาแล้วลุงนาญก็นำจ้อยไปรักษาตัวที่หมู่บ้านของตน ซึ่งเจริญกว่าหมู่บ้านที่จ้อยอยู่
จ้อยได้พบกับแก้ว ลูกสาวของลุงนาญที่อายุน้อยกว่า โดยระหว่างที่จ้อยถูกทำแผลอยู่ ลุงนาญไม่เคยสังเกตว่าจ้อยเคยจะร้องเสียงโอดครวญหรือเจ็บปวดเลยขณะทำแผลให้ เนื่องจากเพราะว่าจ้อยเอาแต่มองแก้วที่กำลังเล่นอยู่กับเพื่อนๆอยู่ตลอดเวลา เมื่อทำแผลเสร็จแล้ว จ้อยได้เข้าไปคุยกับแก้วเป็นครั้งแรก "แก้วมีพ่อแม่อยู่ด้วยกันเหรอ" แก้วตอบ "ใช่แล้วจ้า" จ้อยถอนหายใจ เล่าประวัติของตนเอง แก้วเกิดสงสารจึงปลอบใจ "ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะพี่ คนเราอย่างไงก็ต้องสู้เนอะ สู้ๆนะ" จ้อยยิ้มให้เหมือนราวกับว่าเป็นครั้งแรกที่จ้อยยิ้มออกเพราะปกติจะไม่เคยยิ้มตั้งแต่เมื่อพ่อตนเองเสีย
ลุงนาญมองเห็นสภาพบ้านของจ้อยแล้วเกิดเวทนาจะขอซ่อมบ้านให้กับแม่ของจ้อย แต่แม่ของจ้อยไหว้วานบอกว่าไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าอยากให้ลูกของตนเองมีอาชีพที่ดี และมีความสุขสบาย และที่สำคัญคือเป็นคนดี ลุงนาญมองว่ามีเพื่อนคนหนึ่งชื่อเสี่ยย้ง เป็นเจ้าของโรงสีที่กรุงเทพฯ จึงได้ส่งจ้อยไปหาเสี่ยย้งที่กรุงเทพฯ อาชีพเริ่มแรกของเขาคือการเป็นจับกัง ได้เงินเพียงน้อยนิดไม่ถึงร้อยบาท เขาจึงพยายามท่องจำมาเสมอว่าต้องสู้ ต้องอดออม เพื่อแม่จะได้สบาย
ผ่านไปประมาณสิบปีจนกระทั่งวันหนึ่ง เสี่ยย้งเห็นความดีของจ้อย จึงเรียกจ้อยมาบอกว่าให้ไปทำงานบางอย่าง เพื่อแลกกับเงินทองที่เพิ่มเป็นทวีคูณ "เอ็งไปทำงานนี้ตามที่เสี่ยบอก แล้วเอ็งจะได้เงินไปรักษาแม่เอ็ง" จ้อยสงสัย "งานอะไรครับ" เสี่ยย้งเอาปืนลูกโม่วางไว้บนโต๊ะ พลางกล่าว "เอ็งไปยิงไอ้เสี่ยฉุยที่ทำร้านเฟอร์นิเจอร์ซะ" จ้อยตกใจพลางกล่าว "ผมทำไม่ได้หรอกครับเสี่ย ผมกลัวติดคุก" เสี่ยย้งกล่าวสวน "เอ็งจะเลือกอะไร ทำงานเป็นจับกังไปจนตายโดยไม่มีโอกาสรักษาแม่เอ็ง หรือจะได้เงินไปรักษาแม่เอ็ง" กล่าวจบเสี่ยย้งยกกระเป๋าเงินวางไว้บนโต๊ะพร้อมเปิดออกมา "ถ้าทำสำเร็จ เอ็งจะได้เงินทุกใบในกระเป๋านี้ หรือพูดง่ายๆ กระเป๋านี้จะเป็นของเอ็ง" จ้อยไม่มีทางเลือก จึงต้องรับปืนไว้
จ้อยใส่มอเตอร์ไซค์ที่ถอนเลขทะเบียนออก ขับออกจากโรงงานไป พร้อมขี่ไปทางร้านของเสี่ยฉุย พบเห็นเสี่ยฉุยกำลังคุยกับลูกค้า เขาจำใจควักปืนออกมาพร้อมยิงใส่หัวเสี่ยฉุยจนตายคาที่ ลูกน้องเสี่ยฉุยเกิดโกรธแค้นถือปืนไล่ยิงจ้อย แต่จ้อยก็ยิงใส่ยางล้อกลับ เมื่อใกล้ถึงสะพาน จ้อยขี่และบิดจนสุดแรงม้า พุ่งลงคลองหายไป ท่ามกลางความงุนงงของลูกน้องและตามมาด้วยตำรวจ ส่วนจ้อยก็อาศัยโอกาสนี้ ถอดเสื้อผ้าทุกอย่างเหลือแต่กางเกงในเพียงตัวเดียวแล้วดำน้ำและขึ้นฝั่งในที่ลับพร้อมใส่ชุดใหม่และขี่มอเตอร์ไซค์อีกตัวกลับไป
"ดีมาก นี้เป็นรางวัลของเอ็ง" เสี่ยย้งมอบเงินให้ "จากนี้ไปเอ็งก็ต้องมาทำงานให้กับเสี่ย โดยที่เงินจะได้เพิ่มขึ้น" จ้อยถามเสี่ย "เสี่ยครับ ผมฆ่าเสี่ยฉุยไป มันจะดีเหรอครับ" เสี่ยย้งกล่าวเสียงอย่างไม่คิดอะไรมาก "เอ้ย เอ็งอย่าไปกังวล ไอ้เสี่ยฉุยมันโกงเงินเสี่ยมาเยอะ ให้เงินทุนนักการเมืองก็แยะ ฆ่ามันไปก็มีแต่จะดีด้วยซ้ำ" "ครับ" จ้อยกล่าวตอบพร้อมถือกระเป๋าเงินไป "ฮ่าๆๆๆๆๆ" เสี่ยย้งหัวเราะให้โดยที่จ้อยเดินหันหลังน้ำตาไหล และสับสนว่าเขาควรจะดีใจหรือเสียใจที่ได้เงินไปรักษาแม่ตัวเอง และก็เป็นเงินที่มาจากการฆ่าผู้อื่น
เมื่อกลับถึงบ้านนอก จ้อยก็วิ่งเข้าบ้านไป เห็นแม่ซึ่งกำลังนั่งอยู่ ทั้งแม่ลูกต่างน้ำตาไหลสวมกอดกันจากที่ไม่ได้เจอกัน 10 ปี จ้อยได้นำเงินเหล่านั้นมารักษาแม่ แม่ของจ้อยคิดว่าจ้อยเก็บเงินได้จนมีเงินรักษา จึงได้สวมกอดจ้อยอวยพรจ้อย "ลูกเอ้ย อาชีพได้เงินน้อยเงินเยอะ ถ้าเราสุจริตใจ มีความเป็นคน จะอาชีพไหนก็ดีทั้งนั้นแหละลูกเอ้ย" จ้อยเกิดนึกถึงที่มาของเงิน จึงเข้าสวมกอดแม่พลางขอบคุณ "ขอบคุณครับแม่" น้ำตาของจ้อยไหลเพราะไม่คิดว่าเขาต้องยอมทำเพื่อแม่ขนาดนี้ คืนนั้น แม่ของจ้อยและเพื่อนบ้านก็ได้จัดงานต้อนรับจ้อยขึ้น
วันต่อมา จ้อยได้ขี่จักรยานไปที่หมู่บ้านของลุงนาญ แต่กลับพบว่า ลุงนาญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และแก้วก็ไปแต่งงานอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากที่ลุงนาญเสียไปประมาณ 3 เดือน "แก้วแต่งงานกับใครจ้ะ" จ้อยถามป้าไก่ ภรรยาของลุงนาญและแม่ของแก้ว "กับพ่อชายน่ะจ่ะ" จ้อยตกใจ ไม่คิดว่าไอ้ชาย คู่แค้น กลับชิงความรักของเขาไป จ้อยไหว้ขอบคุณป้าไก่พร้อมขี่จักรยานกลับบ้านทั้งน้ำตา
คืนนั้นจ้อยเมาจนไม่ได้สติจนดึกดื่น แม่เห็นว่าดื่มเยอะและดึก จึงเข้าไปหาจ้อย ด้วยฤทธิ์สุรา จ้อยจึงผลักแม่ของเขาจนแม่เขาเกิดอาการกำเริบเพราะคิดว่าเป็นแก้ว แต่เมื่อจ้อยเห็นว่านั้นคือแม่ของตน จึงรีบวิ่งพาแม่ส่งไปที่สถานีอนามัย และรักษาจนหายดีจึงพากลับบ้าน เขาพลางขอโทษแม่ที่ทำไม่ได้ดี และสารภาพไปว่า จริงๆเขาได้เงินเพราะฆ่าคนอื่น แม่ของจ้อยใจตกลงผวา เกิดโกรธปนตรอมใจ ตบหน้าจ้อยอย่างรุนแรง ด่าว่า "แม่สอนเอ็งให้เป็นคนดี แต่กลับยอมทิ้งความดีเพราะเงินมา มันดีแล้วเหรอวะ ไอ้จ้อย!" จ้อยกราบเท้าแม่ร่ำไห้ "ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าถ้าได้เงินมามากพอแล้วจะกลับมาหา" แม่ของจ้อยลูบหัวพลางร่ำไห้บอก "เลิกเถอะลูกเอ้ย แค่คนๆหนึ่งที่ฆ่าไปก็บาปนักแล้ว" จ้อยน้ำตาไหลกอดแม่ บอกว่าจะพยายามหาเงินมาด้วยความสุจริตใจ
วันต่อมาจ้อยกลับกรุงเทพฯ เขาไปหาเสี่ยย้งพร้อมขอร้องว่าอยากให้กลับไปทำอาชีพจับกังเหมือนเดิม เพราะได้เงินมารักษาแม่แล้วพร้อมกับสร้างเนื้อสร้างตัวได้ใหม่ แต่เสี่ยย้งกลับตบโต๊ะกล่าว "เสี่ยกำลังจะให้งานใหม่ เอ็งกลับจะปฏิเสธเงินมหาศาลเพื่อแม่เอ็งหรือ" จ้อยไหว้ขอร้อง "ขอร้องเถอะนะครับ ผมอยากเลิกจริงๆ" เสี่ยย้งตบหน้าจ้อยไป พลางชี้ใส่จ้อย "เอ็งต้องทำ เพราะงานนี้ถ้าสำเร็จ จะได้มากกว่าครั้งก่อน 10 เท่า" จ้อยต้องยินยอมทำเพราะไม่มีทางเลือก เพราะครั้งเขาตั้งใจจะนำเงินนี้ไปสร้างบ้านใหม่ให้กับแม่
เมื่อจ้อยรับงานแล้วจึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำเหมือนอย่างแผนเดิม แต่ครั้งนี้เขาต้องปลอมตัวเข้าโรงงาน เมื่อขี่ผ่านท้ายโรงงาน เขามองเห็นคนงานคนหนึ่งกำลังสูบบุหรี่อยู่ จึงย่องใช้ไม้หน้าสามตีจนสลบพร้อมขโมยชุดไปใส่และเข้าไปที่โรงงาน เมื่อเข้าไป เขามองเห็นเป้าหมายคุยกับลูกค้าชาย-หญิงและเพื่อนของลูกค้าอีก 2 คน เขามองเห็นแล้วตกใจ นี้มันไอ้ชายและเพื่อน 2 คนของมัน และก็แก้ว จ้อยสงสัยมากว่าทั้ง 4 คน มาทำอะไรที่โรงงานของเป้าหมายในวันนี้และตรงกับเวลาลงมือพอดี
เมื่อพวกเขาเดินออกไปแล้ว จ้อยเดินเข้าไปในห้องพักของเป้าหมาย ชื่อว่าเสี่ยถัง จ้อยได้เดินมาหาเสี่ยถัง เสี่ยถังถาม "เอ็งมีอะไรจะคุยหรือ ปกติที่นี้เขาไม่ให้คนงานระดับเอ็งเข้ามาหรอกนะ" จ้อยถามด้วยความสงสัย "แล้วทำไมวันนี้ผมผ่านมาได้" เสี่ยถังตอบ "เพราะหลานสะใภ้หญิงเขาท้องน่ะสิ มันทำให้ฉันนึกอยากอุ้มลูกของหลานเสียที"
จ้อยเกิดโทสะ กระโดดเข้าใส่เสี่ยถังพร้อมเอาปืนจ่อหัว "แกบอกมาว่าใครคือหลานแก" เสี่ยถังตอบด้วยความหวาดกลัวตาย "ก็ไอ้ชายลูกพี่ชายฉันไงเล่า" จ้อยเค้นซ้ำ "เล่ามาสิว่าภรรยาหลานแกแต่งงานกับหลานแกได้อย่างไง" เสี่ยถังตอบ "แก้วมันเป็นลูกตานาญ พ่อมันตายแล้วแม่มันก็เลยต้องยกลูกให้ไอ้ชายมัน เพราะบ้านมันรวย แล้วก็ย้ายมากรุงเทพฯเพื่อมารับงานต่อจากพ่อมัน คือพี่ชายของฉัน" จ้อยถามต่อ "แล้วไอ้ชายของแก มันอยู่ไหน" เสี่ยถังตอบ "แถวย่านเยาวราช" จ้อยวางปืนพร้อมกล่าว "เห็นแก่หลานสะใภ้ของแก ฉันจะให้อภัย" จ้อยเดินหันหลัง แต่เห็นเงากระจก เสี่ยถังกำลังจะอ้าปากขอร้องความช่วยเหลือ จึงยิงใส่เสี่ยถังตายคาที่ แล้ววิ่งหนีไปจากห้อง คอยสู้กับลูกน้องของเสี่ยถังที่วิ่งมาพร้อมปืนและดาบ แต่ท้ายสุดก็หลบหนีไป
จ้อยรับเงินจากเสี่ยย้งเป็นครั้งที่ 2 และได้ทำการสังหารคู่แข่งของเสี่ยย้งอีกหลายๆคนจนเมื่อเสี่ยย้งเห็นว่าไร้คู่แข่ง จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ในเวลานั้นเขาจึงนำเงินนั้นไปให้แม่ และเอ่ยปากจะขอสร้างบ้านใหม่ที่ดีกว่าเดิม เวลาผ่านไปหลายเดือน ขณะที่เขากำลังบิดผ้าเช็ดหน้าให้กับแม่อยู่ โทรศัพท์ก็เข้ามา
"ไอ้จ้อย มีงานอีกแล้ว" จ้อยตอบกลับ "งานอะไรครับเสี่ย" "เสี่ยชาย มันขึ้นมาเป็นใหญ่แทนไอ้เสี่ยถังที่เราฆ่าไปหลายเดือนก่อนแล้ว" จ้อยตกใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องกลับมายิงคู่แค้นเก่า แต่ก็เห็นว่าเป็นโอกาสดีจึงตอบตกลง จ้อยกลับไปเช็ดหน้าแม่พลางบอกว่าจะกลับกรุงเทพฯเพราะมีงานด่วย แม่ของเขาเป่ากระหม่อมขอพรให้สมหวัง วันรุ่งขึ้นทันทีที่กลับมา เขาได้รับรู้ว่าเป้าหมายของคือเสี่ยชาย หรือ ไอ้ชาย เพื่อนเก่าที่เคยแค้นกัน เสี่ยย้งบอกว่าชายส่งเพื่อนของเขามาขโมยของสำคัญของเสี่ยไปเพื่อจะแจ้งตำรวจเพื่อแก้แค้นให้เสี่ยถัง โดยมีหน้าที่แค่สังหารเพื่อน 2 คน และชาย พร้อมเอาของของเสี่ยย้งกลับคืนมา ด้วยเหตุนี้ จ้อยจึงยอมตกลงโดยที่เสี่ยย้งไม่มีโอกาสได้ให้จ้อยคิดทบทวนเลย
จ้อยไปที่บ้านพักของชายที่ใหญ่โตพอสมควร ครั้งนี้เขาอาศัยการหลบเลี่ยงสายตาจาก รปภ. และคนใช้ในบ้าน เขาเข้าไปในห้อง รปภ. และจัดการกับ รปภ. และมองดูทางกล้องวงจรปิดว่าชายอยู่ที่ไหน และภาพในกล้องวงจรปิดภาพหนึ่งก็สร้างความตกตะลึง เมื่อเขาเห็นชายกำลังตบตีแก้วอยู่ ด้วยบันดาลโทสะ เขาจึงวิ่งไปที่ห้องของชาย แต่ขณะที่วิ่งเข้าบ้านกลับถูกเพื่อน 2 คนของชายดักไว้พร้อมถือปืนขู่ เมื่อไม่มีทางเลือกบวกกับกำลังโทสะ เขาจึงต้องยิงทั้ง 2 คนนั้น ด้วยความโกรธแค้นทั้งเรื่องอดีตและปัจจุบัน
ในห้องตอนนั้นไม่มีแก้วอยู่ เพราะแก้วหนีไปจากชายแล้วทั้งน้ำตา จ้อยถีบประตูเข้าห้องของชายพร้อมถือปืนง้างใส่ชาย ชายพยายามใช้มือห้ามพลางกว่า "ไอ้...ไอ้จ้อย นี้ข้าเองนะ เห็นแก่เรื่องดีๆบ้างเถอะ" จ้อยทำหน้าเหี้ยมใส่ พลางกล่าว "เอ็งขโมยของ แล้วยังไม่ใช้ของให้ดีๆ เอ็งมันไม่ควรอยู่ให้ทำของเสีย" ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เอ็ง...เอ็งอยากได้อะไรบอกข้าเถอะ" จ้อยกล่าวตอบอย่างดังและโกรธแค้นสุดๆ "เอ็งทำร้ายข้าไม่ว่า แต่เอ็งทำร้ายคนที่ข้ารัก เอ็งไม่สมควรอยู่ให้รกแผ่นดิน" กล่าวจบจ้อยลั่นไกปืนใส่หัวของชายแล้วเอาของที่ใส่กล่องของเจ้านายที่อยู่ใกล้ตัวชายและหนีไป ไม่นานนัก เมื่อแก้วมาเห็นเข้าจึงกรีดร้องสุดเสียง จ้อยรู้สึกเสียใจที่คำพูดนั้นกลับมาเข้าตัวเอง แต่ก็ภูมิใจที่ได้ชำระแค้นที่ฝังในอกเสียที
[เรื่องสั้น] นิยายจากเพลงพงษ์สิทธิ์ ตอน มือปืน
"แม่ครับ แม่ต้องไม่เป็นอะไรนะครับ" จ้อยบอกแม่ แม่ยิ้มให้แบบอ่อนแรง "พ่อครับ ช่วยคุ้มครองแม่ด้วยนะครับ ผมยังไม่อยากให้แม่ไปหาพ่อ" จ้อยหันไปมองที่รูปและอัฐของพ่อที่แขวนไว้ที่ผนังตรงด้านเท้าของผู้เป็นแม่ แม่ยิ้มพลางจับมือจ้อย กล่าวด้วยความเป็นห่วง "แม่กลัวลูกจะลำบากมากกว่าถ้าไม่มีแม่" แม่ของจ้อยกล่าวกับจ้อยพลางยิ้ม "แม่ไม่อยากให้ลูกลำบาก" จ้อยน้ำตาไหลเอามือของแม่ทาบแก้ม "แม่ต้องอยู่กับผมไปนานๆนะครับ"
ระหว่างนั้น เสียงหน้าบ้านดังมา "เฮ้ ไอ้จ้อยไม่มีพ่อ" จ้อยวางมือแม่ลงแล้ววิ่งไปทางประตูบ้าน เป็นเสียงของไอ้ชายและเพื่อนอีก 2 คน ที่ชอบล้อเลียนและมีเรื่องกับจ้อยอยู่บ่อยๆ จ้อยตะโกนดังใส่ "พวกเอ็งอย่ามายุ่งกับครอบครัวข้านะโว้ย" พวกเด็กแสบยังไม่ละความพยายาม "ไอ้จ้อยไม่มีพ่อๆๆๆๆ" จ้อยเกิดโทสะ หยิบเอาไม้ตีข้าวที่ใต้ถุนบ้าน ไล่ตีและวิวาทกับทั้ง 3 คน โดยที่ทั้ง 3 คนก็ใช้กำลังหมาหมู่รุมยำจ้อยเช่นกัน
เมื่อเหตุการณ์หนักขึ้นเข้า ผู้ใหญ่คนหนึ่งกำลังขี่จักรยานก็เข้ามาห้ามพลางใช้ตะบองไล่ขู่ "หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกเด็กไร้มารยาท" เป็นเสียงของลุงนาญ ผู้ใหญ่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่งที่เข้ามาเห็นพอดี ที่เข้ามาห้าม เด็กแสบทั้ง 3 คน หนีไป จนเหลือแต่จ้อย ลุงนาญพบเห็นจ้อยในสภาพที่เต็มไปด้วยแผลฟกช้ำ เลือดกำเดาไหล และร่างกายเปื้อนฝุ่น จึงได้บอกกับแม่ของจ้อย "ฉันขอลูกแม่ไปรักษาที่หมู่บ้านฉันก่อนนะ" แม่ของจ้อยมองจ้อยแล้วเกิดเวทนา จึงได้ยอมให้นำจ้อยไปรักษาแล้วลุงนาญก็นำจ้อยไปรักษาตัวที่หมู่บ้านของตน ซึ่งเจริญกว่าหมู่บ้านที่จ้อยอยู่
จ้อยได้พบกับแก้ว ลูกสาวของลุงนาญที่อายุน้อยกว่า โดยระหว่างที่จ้อยถูกทำแผลอยู่ ลุงนาญไม่เคยสังเกตว่าจ้อยเคยจะร้องเสียงโอดครวญหรือเจ็บปวดเลยขณะทำแผลให้ เนื่องจากเพราะว่าจ้อยเอาแต่มองแก้วที่กำลังเล่นอยู่กับเพื่อนๆอยู่ตลอดเวลา เมื่อทำแผลเสร็จแล้ว จ้อยได้เข้าไปคุยกับแก้วเป็นครั้งแรก "แก้วมีพ่อแม่อยู่ด้วยกันเหรอ" แก้วตอบ "ใช่แล้วจ้า" จ้อยถอนหายใจ เล่าประวัติของตนเอง แก้วเกิดสงสารจึงปลอบใจ "ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะพี่ คนเราอย่างไงก็ต้องสู้เนอะ สู้ๆนะ" จ้อยยิ้มให้เหมือนราวกับว่าเป็นครั้งแรกที่จ้อยยิ้มออกเพราะปกติจะไม่เคยยิ้มตั้งแต่เมื่อพ่อตนเองเสีย
ลุงนาญมองเห็นสภาพบ้านของจ้อยแล้วเกิดเวทนาจะขอซ่อมบ้านให้กับแม่ของจ้อย แต่แม่ของจ้อยไหว้วานบอกว่าไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าอยากให้ลูกของตนเองมีอาชีพที่ดี และมีความสุขสบาย และที่สำคัญคือเป็นคนดี ลุงนาญมองว่ามีเพื่อนคนหนึ่งชื่อเสี่ยย้ง เป็นเจ้าของโรงสีที่กรุงเทพฯ จึงได้ส่งจ้อยไปหาเสี่ยย้งที่กรุงเทพฯ อาชีพเริ่มแรกของเขาคือการเป็นจับกัง ได้เงินเพียงน้อยนิดไม่ถึงร้อยบาท เขาจึงพยายามท่องจำมาเสมอว่าต้องสู้ ต้องอดออม เพื่อแม่จะได้สบาย
ผ่านไปประมาณสิบปีจนกระทั่งวันหนึ่ง เสี่ยย้งเห็นความดีของจ้อย จึงเรียกจ้อยมาบอกว่าให้ไปทำงานบางอย่าง เพื่อแลกกับเงินทองที่เพิ่มเป็นทวีคูณ "เอ็งไปทำงานนี้ตามที่เสี่ยบอก แล้วเอ็งจะได้เงินไปรักษาแม่เอ็ง" จ้อยสงสัย "งานอะไรครับ" เสี่ยย้งเอาปืนลูกโม่วางไว้บนโต๊ะ พลางกล่าว "เอ็งไปยิงไอ้เสี่ยฉุยที่ทำร้านเฟอร์นิเจอร์ซะ" จ้อยตกใจพลางกล่าว "ผมทำไม่ได้หรอกครับเสี่ย ผมกลัวติดคุก" เสี่ยย้งกล่าวสวน "เอ็งจะเลือกอะไร ทำงานเป็นจับกังไปจนตายโดยไม่มีโอกาสรักษาแม่เอ็ง หรือจะได้เงินไปรักษาแม่เอ็ง" กล่าวจบเสี่ยย้งยกกระเป๋าเงินวางไว้บนโต๊ะพร้อมเปิดออกมา "ถ้าทำสำเร็จ เอ็งจะได้เงินทุกใบในกระเป๋านี้ หรือพูดง่ายๆ กระเป๋านี้จะเป็นของเอ็ง" จ้อยไม่มีทางเลือก จึงต้องรับปืนไว้
จ้อยใส่มอเตอร์ไซค์ที่ถอนเลขทะเบียนออก ขับออกจากโรงงานไป พร้อมขี่ไปทางร้านของเสี่ยฉุย พบเห็นเสี่ยฉุยกำลังคุยกับลูกค้า เขาจำใจควักปืนออกมาพร้อมยิงใส่หัวเสี่ยฉุยจนตายคาที่ ลูกน้องเสี่ยฉุยเกิดโกรธแค้นถือปืนไล่ยิงจ้อย แต่จ้อยก็ยิงใส่ยางล้อกลับ เมื่อใกล้ถึงสะพาน จ้อยขี่และบิดจนสุดแรงม้า พุ่งลงคลองหายไป ท่ามกลางความงุนงงของลูกน้องและตามมาด้วยตำรวจ ส่วนจ้อยก็อาศัยโอกาสนี้ ถอดเสื้อผ้าทุกอย่างเหลือแต่กางเกงในเพียงตัวเดียวแล้วดำน้ำและขึ้นฝั่งในที่ลับพร้อมใส่ชุดใหม่และขี่มอเตอร์ไซค์อีกตัวกลับไป
"ดีมาก นี้เป็นรางวัลของเอ็ง" เสี่ยย้งมอบเงินให้ "จากนี้ไปเอ็งก็ต้องมาทำงานให้กับเสี่ย โดยที่เงินจะได้เพิ่มขึ้น" จ้อยถามเสี่ย "เสี่ยครับ ผมฆ่าเสี่ยฉุยไป มันจะดีเหรอครับ" เสี่ยย้งกล่าวเสียงอย่างไม่คิดอะไรมาก "เอ้ย เอ็งอย่าไปกังวล ไอ้เสี่ยฉุยมันโกงเงินเสี่ยมาเยอะ ให้เงินทุนนักการเมืองก็แยะ ฆ่ามันไปก็มีแต่จะดีด้วยซ้ำ" "ครับ" จ้อยกล่าวตอบพร้อมถือกระเป๋าเงินไป "ฮ่าๆๆๆๆๆ" เสี่ยย้งหัวเราะให้โดยที่จ้อยเดินหันหลังน้ำตาไหล และสับสนว่าเขาควรจะดีใจหรือเสียใจที่ได้เงินไปรักษาแม่ตัวเอง และก็เป็นเงินที่มาจากการฆ่าผู้อื่น
เมื่อกลับถึงบ้านนอก จ้อยก็วิ่งเข้าบ้านไป เห็นแม่ซึ่งกำลังนั่งอยู่ ทั้งแม่ลูกต่างน้ำตาไหลสวมกอดกันจากที่ไม่ได้เจอกัน 10 ปี จ้อยได้นำเงินเหล่านั้นมารักษาแม่ แม่ของจ้อยคิดว่าจ้อยเก็บเงินได้จนมีเงินรักษา จึงได้สวมกอดจ้อยอวยพรจ้อย "ลูกเอ้ย อาชีพได้เงินน้อยเงินเยอะ ถ้าเราสุจริตใจ มีความเป็นคน จะอาชีพไหนก็ดีทั้งนั้นแหละลูกเอ้ย" จ้อยเกิดนึกถึงที่มาของเงิน จึงเข้าสวมกอดแม่พลางขอบคุณ "ขอบคุณครับแม่" น้ำตาของจ้อยไหลเพราะไม่คิดว่าเขาต้องยอมทำเพื่อแม่ขนาดนี้ คืนนั้น แม่ของจ้อยและเพื่อนบ้านก็ได้จัดงานต้อนรับจ้อยขึ้น
วันต่อมา จ้อยได้ขี่จักรยานไปที่หมู่บ้านของลุงนาญ แต่กลับพบว่า ลุงนาญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และแก้วก็ไปแต่งงานอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากที่ลุงนาญเสียไปประมาณ 3 เดือน "แก้วแต่งงานกับใครจ้ะ" จ้อยถามป้าไก่ ภรรยาของลุงนาญและแม่ของแก้ว "กับพ่อชายน่ะจ่ะ" จ้อยตกใจ ไม่คิดว่าไอ้ชาย คู่แค้น กลับชิงความรักของเขาไป จ้อยไหว้ขอบคุณป้าไก่พร้อมขี่จักรยานกลับบ้านทั้งน้ำตา
คืนนั้นจ้อยเมาจนไม่ได้สติจนดึกดื่น แม่เห็นว่าดื่มเยอะและดึก จึงเข้าไปหาจ้อย ด้วยฤทธิ์สุรา จ้อยจึงผลักแม่ของเขาจนแม่เขาเกิดอาการกำเริบเพราะคิดว่าเป็นแก้ว แต่เมื่อจ้อยเห็นว่านั้นคือแม่ของตน จึงรีบวิ่งพาแม่ส่งไปที่สถานีอนามัย และรักษาจนหายดีจึงพากลับบ้าน เขาพลางขอโทษแม่ที่ทำไม่ได้ดี และสารภาพไปว่า จริงๆเขาได้เงินเพราะฆ่าคนอื่น แม่ของจ้อยใจตกลงผวา เกิดโกรธปนตรอมใจ ตบหน้าจ้อยอย่างรุนแรง ด่าว่า "แม่สอนเอ็งให้เป็นคนดี แต่กลับยอมทิ้งความดีเพราะเงินมา มันดีแล้วเหรอวะ ไอ้จ้อย!" จ้อยกราบเท้าแม่ร่ำไห้ "ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าถ้าได้เงินมามากพอแล้วจะกลับมาหา" แม่ของจ้อยลูบหัวพลางร่ำไห้บอก "เลิกเถอะลูกเอ้ย แค่คนๆหนึ่งที่ฆ่าไปก็บาปนักแล้ว" จ้อยน้ำตาไหลกอดแม่ บอกว่าจะพยายามหาเงินมาด้วยความสุจริตใจ
วันต่อมาจ้อยกลับกรุงเทพฯ เขาไปหาเสี่ยย้งพร้อมขอร้องว่าอยากให้กลับไปทำอาชีพจับกังเหมือนเดิม เพราะได้เงินมารักษาแม่แล้วพร้อมกับสร้างเนื้อสร้างตัวได้ใหม่ แต่เสี่ยย้งกลับตบโต๊ะกล่าว "เสี่ยกำลังจะให้งานใหม่ เอ็งกลับจะปฏิเสธเงินมหาศาลเพื่อแม่เอ็งหรือ" จ้อยไหว้ขอร้อง "ขอร้องเถอะนะครับ ผมอยากเลิกจริงๆ" เสี่ยย้งตบหน้าจ้อยไป พลางชี้ใส่จ้อย "เอ็งต้องทำ เพราะงานนี้ถ้าสำเร็จ จะได้มากกว่าครั้งก่อน 10 เท่า" จ้อยต้องยินยอมทำเพราะไม่มีทางเลือก เพราะครั้งเขาตั้งใจจะนำเงินนี้ไปสร้างบ้านใหม่ให้กับแม่
เมื่อจ้อยรับงานแล้วจึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำเหมือนอย่างแผนเดิม แต่ครั้งนี้เขาต้องปลอมตัวเข้าโรงงาน เมื่อขี่ผ่านท้ายโรงงาน เขามองเห็นคนงานคนหนึ่งกำลังสูบบุหรี่อยู่ จึงย่องใช้ไม้หน้าสามตีจนสลบพร้อมขโมยชุดไปใส่และเข้าไปที่โรงงาน เมื่อเข้าไป เขามองเห็นเป้าหมายคุยกับลูกค้าชาย-หญิงและเพื่อนของลูกค้าอีก 2 คน เขามองเห็นแล้วตกใจ นี้มันไอ้ชายและเพื่อน 2 คนของมัน และก็แก้ว จ้อยสงสัยมากว่าทั้ง 4 คน มาทำอะไรที่โรงงานของเป้าหมายในวันนี้และตรงกับเวลาลงมือพอดี
เมื่อพวกเขาเดินออกไปแล้ว จ้อยเดินเข้าไปในห้องพักของเป้าหมาย ชื่อว่าเสี่ยถัง จ้อยได้เดินมาหาเสี่ยถัง เสี่ยถังถาม "เอ็งมีอะไรจะคุยหรือ ปกติที่นี้เขาไม่ให้คนงานระดับเอ็งเข้ามาหรอกนะ" จ้อยถามด้วยความสงสัย "แล้วทำไมวันนี้ผมผ่านมาได้" เสี่ยถังตอบ "เพราะหลานสะใภ้หญิงเขาท้องน่ะสิ มันทำให้ฉันนึกอยากอุ้มลูกของหลานเสียที"
จ้อยเกิดโทสะ กระโดดเข้าใส่เสี่ยถังพร้อมเอาปืนจ่อหัว "แกบอกมาว่าใครคือหลานแก" เสี่ยถังตอบด้วยความหวาดกลัวตาย "ก็ไอ้ชายลูกพี่ชายฉันไงเล่า" จ้อยเค้นซ้ำ "เล่ามาสิว่าภรรยาหลานแกแต่งงานกับหลานแกได้อย่างไง" เสี่ยถังตอบ "แก้วมันเป็นลูกตานาญ พ่อมันตายแล้วแม่มันก็เลยต้องยกลูกให้ไอ้ชายมัน เพราะบ้านมันรวย แล้วก็ย้ายมากรุงเทพฯเพื่อมารับงานต่อจากพ่อมัน คือพี่ชายของฉัน" จ้อยถามต่อ "แล้วไอ้ชายของแก มันอยู่ไหน" เสี่ยถังตอบ "แถวย่านเยาวราช" จ้อยวางปืนพร้อมกล่าว "เห็นแก่หลานสะใภ้ของแก ฉันจะให้อภัย" จ้อยเดินหันหลัง แต่เห็นเงากระจก เสี่ยถังกำลังจะอ้าปากขอร้องความช่วยเหลือ จึงยิงใส่เสี่ยถังตายคาที่ แล้ววิ่งหนีไปจากห้อง คอยสู้กับลูกน้องของเสี่ยถังที่วิ่งมาพร้อมปืนและดาบ แต่ท้ายสุดก็หลบหนีไป
จ้อยรับเงินจากเสี่ยย้งเป็นครั้งที่ 2 และได้ทำการสังหารคู่แข่งของเสี่ยย้งอีกหลายๆคนจนเมื่อเสี่ยย้งเห็นว่าไร้คู่แข่ง จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ในเวลานั้นเขาจึงนำเงินนั้นไปให้แม่ และเอ่ยปากจะขอสร้างบ้านใหม่ที่ดีกว่าเดิม เวลาผ่านไปหลายเดือน ขณะที่เขากำลังบิดผ้าเช็ดหน้าให้กับแม่อยู่ โทรศัพท์ก็เข้ามา
"ไอ้จ้อย มีงานอีกแล้ว" จ้อยตอบกลับ "งานอะไรครับเสี่ย" "เสี่ยชาย มันขึ้นมาเป็นใหญ่แทนไอ้เสี่ยถังที่เราฆ่าไปหลายเดือนก่อนแล้ว" จ้อยตกใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องกลับมายิงคู่แค้นเก่า แต่ก็เห็นว่าเป็นโอกาสดีจึงตอบตกลง จ้อยกลับไปเช็ดหน้าแม่พลางบอกว่าจะกลับกรุงเทพฯเพราะมีงานด่วย แม่ของเขาเป่ากระหม่อมขอพรให้สมหวัง วันรุ่งขึ้นทันทีที่กลับมา เขาได้รับรู้ว่าเป้าหมายของคือเสี่ยชาย หรือ ไอ้ชาย เพื่อนเก่าที่เคยแค้นกัน เสี่ยย้งบอกว่าชายส่งเพื่อนของเขามาขโมยของสำคัญของเสี่ยไปเพื่อจะแจ้งตำรวจเพื่อแก้แค้นให้เสี่ยถัง โดยมีหน้าที่แค่สังหารเพื่อน 2 คน และชาย พร้อมเอาของของเสี่ยย้งกลับคืนมา ด้วยเหตุนี้ จ้อยจึงยอมตกลงโดยที่เสี่ยย้งไม่มีโอกาสได้ให้จ้อยคิดทบทวนเลย
จ้อยไปที่บ้านพักของชายที่ใหญ่โตพอสมควร ครั้งนี้เขาอาศัยการหลบเลี่ยงสายตาจาก รปภ. และคนใช้ในบ้าน เขาเข้าไปในห้อง รปภ. และจัดการกับ รปภ. และมองดูทางกล้องวงจรปิดว่าชายอยู่ที่ไหน และภาพในกล้องวงจรปิดภาพหนึ่งก็สร้างความตกตะลึง เมื่อเขาเห็นชายกำลังตบตีแก้วอยู่ ด้วยบันดาลโทสะ เขาจึงวิ่งไปที่ห้องของชาย แต่ขณะที่วิ่งเข้าบ้านกลับถูกเพื่อน 2 คนของชายดักไว้พร้อมถือปืนขู่ เมื่อไม่มีทางเลือกบวกกับกำลังโทสะ เขาจึงต้องยิงทั้ง 2 คนนั้น ด้วยความโกรธแค้นทั้งเรื่องอดีตและปัจจุบัน
ในห้องตอนนั้นไม่มีแก้วอยู่ เพราะแก้วหนีไปจากชายแล้วทั้งน้ำตา จ้อยถีบประตูเข้าห้องของชายพร้อมถือปืนง้างใส่ชาย ชายพยายามใช้มือห้ามพลางกว่า "ไอ้...ไอ้จ้อย นี้ข้าเองนะ เห็นแก่เรื่องดีๆบ้างเถอะ" จ้อยทำหน้าเหี้ยมใส่ พลางกล่าว "เอ็งขโมยของ แล้วยังไม่ใช้ของให้ดีๆ เอ็งมันไม่ควรอยู่ให้ทำของเสีย" ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เอ็ง...เอ็งอยากได้อะไรบอกข้าเถอะ" จ้อยกล่าวตอบอย่างดังและโกรธแค้นสุดๆ "เอ็งทำร้ายข้าไม่ว่า แต่เอ็งทำร้ายคนที่ข้ารัก เอ็งไม่สมควรอยู่ให้รกแผ่นดิน" กล่าวจบจ้อยลั่นไกปืนใส่หัวของชายแล้วเอาของที่ใส่กล่องของเจ้านายที่อยู่ใกล้ตัวชายและหนีไป ไม่นานนัก เมื่อแก้วมาเห็นเข้าจึงกรีดร้องสุดเสียง จ้อยรู้สึกเสียใจที่คำพูดนั้นกลับมาเข้าตัวเอง แต่ก็ภูมิใจที่ได้ชำระแค้นที่ฝังในอกเสียที