หยางกุ้ยเฟย หญิงงามผู้น่าสงสาร กับ น.ส.รัฐธรรมนูญ หญิงงามเป้าหมายของผู้มีอำนาจ (บทความการเมือง)

กระทู้คำถาม
.....วันนี้ผมขอหยิบยกเอาบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ แต่คงไม่ใช่ประวัติศาสตร์ชาติไทยแน่ เพราะการวิพากษ์วิจารณ์ประวัติศาสตร์ชาติตัวเอง ให้ครบถ้วนรอบด้าน ก็ทำได้ยากเช่นเดียวกับการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองในขณะนี้ ที่สามารถแสดงความเห็นได้เพียงมุมเดียวคือยกย่อง สรรเสริญ

     และผมก็ขอเตือนพวกท่านที่เข้ามาอ่านกะทู้นี้ว่า เนื้อหาค่อนข้างยาวตามแบบฉบับแนวทางการเขียนของผม หากไม่ชอบอ่านก็ผ่านเลยครับ

     จีนมีประวัติศาสตร์และอารยธรรมเก่าแก่อันดับต้นๆของโลก มีบุคคลมากมายที่ได้รับการกล่าวขานในประวัติศาสตร์ทั้งแง่ดีและร้าย ซึ่งผมจะเลือกหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์แลกเปลี่ยนมุมมองกับท่านที่สนใจ ว่าคิดเห็นเช่นไรกับบุคคลเหล่านี้

นางงามล่มชาติ หรือ อิสตรีที่ถูกประวัติศาสตร์กลั่นแกล้ง
     หยางกุ้ยเฟย หรือชื่อเดิม ยู่หวน หรือ อวี้หวน เป็นหญิงงามที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสี่หญิงที่งามที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติจีน ถูกยกย่องร่วมกับ ไซซี หวังเจาจวิน และเตียวเสี้ยน แต่หยางกุ้ยเฟยอาจเป็นหญิงเดียวที่ถูกประวัติศาสตร์บันทึกว่าเป็นหญิงร้าย ในบรรดาสี่หญิงงาม ทั้งที่ในมุมมองของผม หยางกุ้ยเฟย เป็น “เหยื่อ”ของสังคมกดขี่ สิทธิเสรีภาพ และเป็น“แพะ”รับบาปแทนจักรพรรดิราชวงค์ถังที่ด้อยความสามารถ

         ชีวิตของหยางกุ้ยเฟยคล้ายถูกโชคชะตากลั่นแกล้งไม่น้อย เกิดในครอบครัวบัณฑิตตกยาก พ่อที่เป็นบัณฑิตก็หลบลี้หนีตายไปตั้งแต่ตอนเธอยังเล็ก จนแม่ต้องหอบหิ้วกระเตงเธอกับพี่ชายไปเพิ่งอาศัยใบบุญญาติฝ่ายพ่อซึ่งคือลุงของเธอ และก็เหมือนละครน้ำเน่า ที่ต้องมีตัวอิจฉามากลั่นแกล้ง เธอถูกกลั่นแกล้งโดยป้าสะใภ้จากการตั้งข้อรังเกียจเพียงเพราะเธองดงามกว่าลูกสาวของตัวเอง

         แล้วเธอก็หลุดพ้นจากตรงนั้น เมื่อโซ่วอ๋อง(ราชโอรสของจักรพรรดิถังเสวียนจง)มาพบเจอเธอในระหว่างมาเยี่ยมเยือนเป็นแขกของลุงเธอที่บ้าน แล้วเกิดถูกตาต้องใจสู่ขอเธอไปเป็นพระชายา ตั้งแต่นางมีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น

     แต่ก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ที่เพิ่งหลุดพ้นจากบ้านญาติใจร้ายกลับมาเจอเรื่องร้ายๆที่รุนแรงมากกว่า แม้ในหน้าประวัติศาสตร์ด้านหนึ่ง(บันทึกของหยางกุ้ยเฟยมีหลาตำรา แต่เนื้อหาหลัๆ ถ้าไม่โจมตีนางก็ปกป้องนาง) จะบันทึกไว้ว่า โซ่วอ๋องเป็นผู้ถวายเมียตัวเองให้กับพ่อ แต่ในความเป็นจริง จะมีลูกคนไหนกล้ายกเมียตัวเองให้กับพ่อ เพราะใครๆก็ต่างรู้ว่า นั้นสร้างความเสื่อมเสียให้จักรพรรดิ และวงค์ตระกูลของตัวเอง ดังนั้นจะปรากฏบทบันทึกอีกฉบับที่ว่า นางถูก เกาลี่ซื่อ ขันทีผู้ลุ่มหลงในลาภยศ ไปสอพลอต่อจักรพรรดิ ว่านางคือสตรีที่งามเลิศในปัถพี แล้ว ถังเสวียนจง จักรพรรดิผู้ลุ่มหลงกามคุณจ ก็เกิดกิเลสอยากครอบครองนาง แต่ไม่รู้ว่านางนั้น เป็นเมียของลูกชายตนเอง จักรพรรดิบ้ากามกับขันทีส่อพลอ จึงช่วยกันวางอุบายแย่งชิงนาง โดยออกราชโองการให้นางไปบวชชีเป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อบำเพ็ญเพียรให้พ้นคราเคราะห์ แต่แท้ที่จริงแล้วเพื่อชำระล้างตัวให้บริสุทธิ์อีกครั้งก่อนจะรับนางกลับเข้าวังมาเป็นเมียของตัวเอง พยายามเขียนให้จุดเริ่มต้นของนางดูเลวร้าย
    
     และการที่นางถูกขนชั้นสูงทำเหมือนสินค้า ยักย้ายถ่ายเท จากเมียลูกไปเป็นเมียพ่อ นั้นเองที่ทำให้หยางกุ้ยเฟยมีมลทิน ทั้งๆที่ไม่ได้เกิดจากการกระทำของนางเลย แต่ถูกสองชาย พ่อลูกทำร้ายให้นางเสียหาย และกล่าร้ายว่าหยางกุ้ยเฟยเป็นต้นเหตุของการเสื่อมสลายของราชวงถัง

     และนักประวัติศาสตร์บางคนก็กล่าวหาทำร้ายนางต่อไป ว่าเป็นต้นเหตุ ทำให้ฮ่องเต้ถังเสวียนจง ไม่มีกะใจปฏิบัติราชกิจ ด้วยความลุ่มหลงในตัวหยางกุ้ยเฟย เอาแต่หมกตัวอยู่ในตำหนักเพื่อเสพความงามของอิสตรีผู้น่าสงสารนางนี้ และเพราะหยางกุ้ยเฟยได้รับโปรดเกล้าให้เป็นสนมเอก (ในขณะนั้นนางมีอายุ 27 ปี ขณะที่จักรพรรดิถังเสวียนจงมีพระชนมายุ ๖๑ พรรษา) แต่นางแค้น2พ่อลูกจับใจ จึงชักนำญาติพี่น้องให้เข้ามาเป็นขุนนาง และจุดก็เป็นจุดเริ่มตอบโต้ของนาง ตามหน้าบันทึกประวัติสาสตร์ของการล่มชาติโดยหญิงสาวคนหนึ่งในเวลาต่อมา เพราะ หยางกั๋วจงญาติผู้พี่ ผู้เข้ามาเป็นขุนนางข้าราชสำนัก เป็นคนเลว คิดแต่จะฉกฉวยผลประโยชน์

     หยางกั๋วจง อาจเป็นแพะอีกตัว เพื่อสร้างความสมจริงให้กับนักประวัติศาสตร์ที่พยายามตราหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง ว่าเป็นต้นเหตของการสิ้นขาติ เพราะหยางกั๋วจง มีสกุลเดียวกับนาง

     ข้อสังเกตที่น่าสงสัยในบันทึกประวัติศาสตร์ช่วงนั้น บอกว่า หยางกั๋วจง ได้รวบอำนาจการปกครองไว้ถึง 50 ตำแหน่ง จนมีอำนาจในมือเทียบเท่าสมุหนายก กินสินบนอย่างเปิดเผย ใช้ระบบอุปถัมภ์ในการคัดเลือกคนเข้ารับราชการหรือเลื่อนตำแหน่ง ทำให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว ซึ่งตามความเห็นของผม ไม่น่าจะเป็นไปได้ การที่คนๆเดียวจะครองตำแหน่งข้าราชสำนักไว้ถึง 50 ตำแหน่งไม่มีทางทำได้ ขนาดปราชญ์แห่งยุค อย่างซุนวู ขงเบ้ง หรือขุนนางตงฉินอย่างเปาปุ้นจิ้น ก็ไม่สามารถทำได้จริงเหมือนเช่นที่นักประวัติศาสตร์ตั้งประเด็นมาใส่ร้ายหยางกุ้ยเฟย

     หยางกุ้ยเฟยกินตำแหน่งเพียงสนมเอก ไม่ได้ถือครองอำนาจในวังหลัง ไม่น่าจะมีบทบาทผลักดันญาติตนเองให้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดรวบอำนาจการปกครองไว้ถึง 50 ตำแหน่ง ต่อให้ฮ่องเต้โปรดปรานนางขนาดไหนก็เถอะ คงไม่กระทำการตามที่ประวัติศาสตร์กล่าวอ้าง ให้ตนเองเป็นคนที่โง่งมที่สุดในแผ่นดินไปได้ในสายตายประชาชนในยุคสมัยนั้น

     และคงยังไม่สาแก่ใจนักประวัติศาตร์ จึงได้ขีดเขียนบทบาทให้ อันลู่ซาน ได้หยิบยกข้ออ้างนี้มาก่อการกบฏ  เพราะเคียดแค้นการกระทำของหยางกุ้ยเฟย และญาติผู้พี่อย่างหยางกั๋วจง โดยนำทหารจากชายแดนและทหารทิเบตเข้ามายึดนครฉางอานได้โดยง่ายดายในปี พ.ศ. 1299 ทำให้องค์จักรพรรดิถังเสวียนจง ต้องทรงลี้ภัยชั่วคราวไปในทางตอนใต้ของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน)

     เขียนมาถึงตรงนี้ หากเป็นดั่งประวัติด้านเหยียบย่ำสตรีนางหนึ่ง หรือประวัติศาสตร์ที่พยายามให้ความเป็นธรรมกับสตรีผู้อ่อนแอ แม้ทั้งสองด้านจะเขียนไม่ตรงกันหลายจุดก็ตาม แต่อ่านแล้วรู้สึกได้เลยว่า

    ไม่ว่าจากประวัติด้านไหนทั้งโจมตีหรือปกป้องนาง จักรพรรดิถังเสวียนจง ก็มักมากกามคุณที่ไม่รู้จักละลาย และรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้มาก่อนว่า หยางกุ้ยเฟยเป็นเมียของลูกชายตัวเองก็ตาม

     เพราะถ้ารู้มาก่อน แล้วยังยอมรับการถวายเมียจากลูกชายตัวเอง ถือว่ามักมากกามคุณจนไร้ยางอาย และขาดคุณธรรมใความเป็นผู้นำ

     หรือถ้าไม่รู้มาก่อนแต่ก็รู้ว่าหยางกุ้ยเฟยมีผัวแล้ว แต่ยังออกอุบายร่วมกับขันทีสอพลอยื้อแย่งหยางกุ้ยเฟยมาเป็นเมียของตัวเอง ถือว่ามักมากกามคุณจนไม่รู้จักแยกแยะชั่วดี

     ยังเลวร้ายไม่พอสำหรับชะตากรรมหญิงงามผู้ถูกข่มเหง เพราะประวัติศาตร์ด้านเหยียบย่ำนางบอกว่า อันลู่ซานยกกองทัพติดตามไป ไม่เพียงเพราะต้องการแผ่นดินราชวงศ์ถังเท่านั้น แต่ยังต้องการครอบครองสาวงามหยางกุ้ยเฟยอีกด้วย

     ผมก็เกิดอาการงงสิครับ ทั้งที่ตอนแรกบอกว่า อันลู่ซานก่อกบฏเพราะเกลียดพฤติกรรมกังฉินของญาติผู้พี่นาง และรังเกียดตัวนางเพราะเป็นต้นเหตุชักจูงญาติตัวเองมาใช้ตำแห่งหน้าที่ของตัวเองยึดกุมอำนาจและข่มเหงประชาชน แล้วจะเอานางมาครอบครองทำไม นี้เป็นจุดสังเกตุอีกข้อ ตามบทบันทึกประวัติศาสตร์ที่โจมตีหยางกุ้ยเฟย

     ซึ่งบทประวัติศาสตร์ด่านนี้ ยังกล่าวหาว่าหยางกุ้ยเฟยเป็นชู้กับอันลู่ซานอยู่ก่อน(ยัดเยียดให้นางต้องมีผัวอีกคน)

     เขียนมาถึงตอนนี้ก็ไม่อยากจะเขียนต่อ เพราะเรื่องมันโหดร้ายและเศร้าเกินไป โดยผมขอสรุปตรงนี้ว่า เรื่องของหยางกุ้ยเฟยเป็นการเบี่ยงประเด็นในความล้มเหลวการปกครองบ้านเมืองสืบเนื่องจากความมักมากกามคุณของจักรพรรดิถังเสวียนจง และป้ายความผิดของการเกือบเสียชาติให้กับอิสตรีที่ไม่มีโอกาสโต้แย้ง และในสังคมจีนในขณะสตรีไม่มีสิทธิโต้แย้งใดๆ และยิ่งเป็นสตรีที่ตายแล้วยิ่งไม่มีโอกาสเถียงไปตลอดกาล

     เพราะบทสุดท้ายของหญิงงามนางนี้ ก็ไม่พ้นความตาย เมื่อเหล่าทหารได้สังหารตัวการร้ายอย่าง หยางกั๋วจง ลงได้แล้วแต่ก็ไม่หยุด ยังคงต้องการกำจัดนาง เพราะมีศักดิ์เป็นญาติกับ หยางกั๋วจง จึงบีบบังคับให้ ถังเสวียนจง ประหารนางเสียด้วย และฮ่องเต้ที่ขลาดเขลาผู้นี้ ก็เลือกที่จะเอาตัวรอด โดยสั่งให้ประหารนางโดยมอบผ้าให้นางใช้ผูกคอตายใต้ต้นสาลี่ ในอำเภอชิงพิง มณฑลซ่านซี ขณะนั้น นางมีอายุ 37 ปี

     หยางกุ้ยเฟยในมุมมองของผม จึงเป็นหญิงสาวที่ถูกนักประวัติศาสตร์ใส่ร้าย ให้เป็นแพะรับบาปในความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองของจักรพรรดิผู้มักมากในกามคุณ

     หยางกุ้ยเฟยผู้เป็นเหยื่อของสังคมกดขี่สิทธิเสรีภาพทางชาติสกุลและเพศ(ที่ผู้ชายเป็นใหญ่)ในประเทศจีน และหยางกุ้ยเฟย เป็นสตรีที่น่าสงสารเพราะเธอมีความงามมากเกินไป

     สมญานาม นางงามล่มชาติ คือมลทินของนักประวัติศาสตร์ที่ยัดเยียดให้เธอเป็น ทั้งๆที่เธออาจไม่ตั้งใจเป็นก็ได้ แต่เธอจำต้องยอมรับ เพราะไม่มีโอกาสอยู่โต้เถียงกับนักประวัติศาสตร์ผู้มอบสมญานาม หญิงงามล่มชาติ ให้ เหมือนเช่นที่ผมทำ

     การเมืองไทยก็เช่นกัน โอกาสที่จะโต้เถียงกับฝ่ายที่กุมอำนาจอย่างกดขี่ ก็ยากที่จะหลบเลี่ยงหลีกหนีการตกเป็น “แพะ” ผู้จำต้องรับบาปต่อไป

     น.ส.รัฐธรรมนูญเองก็เช่นกัน เธอตกเป็นเครื่องมือการแย่งชิงอำนาจของเหล่าผู้กระหายอำนาจ โดนใส่ร้ายว่าเธอไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ว่าเธอคือต้นเหตุของปัญญา แต่เป้าหมายแท้จริงของผู้กระหายอนาจเหล่านี้ คือต้องการข่มขืนย่ำยี และครอบครองเธอไว้ เป็นที่รองรับความใคร่ ใช้เธอเป็นบันไดในการรวบรวมอำนาจของประชาชนไว้ที่ตนและพวกพ้องเพียงฝ่ายเดียว

     นับแต่เธอเกิดมาบนแผ่นดันไทย ก็ถูกข่มขืนครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติสาสตร์การเมืองไทย  แล้วครั้งนี้ประชาชนอย่างเราๆ ต้องทนมองตาปริบๆต่อไปกระนั้นหรือ หากสุดท้าย น.ส.รัฐธรรมนูญ ถูกฝ่ายกระหายอำนาจผลักไสว่าเป็นต้นเหตุของปัญหา(ทั้งๆที่คนพวกนี้ก่อปัญหาขึ้นมาเอง) แล้วบีบบังคับให้เธอต้องฆ่าตัวตาย เหมืองดั่งหยางกุ้ยเฟยเคยโดนกระทำ เราจะยอมรับกันได้หรือ

     หรือเรายอมรับกันได้ ว่าประเทศเราไม่จำเป็นต้องมีรัฐธรรมนูญบทบันทึกของความเป็นชาติประชาธิปไตย อาศัยความเป็นไทยๆ ไม่ละอายที่จะบอกกับโลกว่า ชาติไทยเรานี้แหละ มีประชาธิปไตยในรูปแบบของเราเอง

     เราทำได้หรือ ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อจะเอาชนะคนกลุ่มหนึ่ง โดยแลกกับการยอมเสียทุกอย่างไปหมดรวมถึงความเป็นประชาธิปไตยของตัวเอง ทำเช่นนั้นดีแล้วหรือ




     สำหรับกะทู้หน้า จะหยิบยกบุคคลอื่นมาลองแสดงทัศนะ(จริงๆเขียนไว้แล้วแต่นำมาลงเพียงคนเดียว) เพราะหากรวมไว้ในกะทู้เดียว เนื้อหาคงยาวจนเหลือคนอ่านไม่กี่คนแน่

     มีอีกหลากหลายบุคคลที่ผมอยากยกมาลองแสดงทัศนะในมุมที่แตกต่างจากนักประวัติศาสตร์ อย่างเช่น กวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ที่ผมมองว่าแท้จริงเขาคือ “หุ่นเชิด”ของสังคมชนชั้นปกครอง มากกว่าความหมายที่ได้ตามสมญานาม

     หรือ หานซิ่น ยอดวีรบุรุญที่เลืองลือ แต่ผมกลับเห็นว่า คนผู้นี้เป็นคนขลาดเขลาและฉวยโอกาศเอาหน้า และอีกหลายบุคคลในประวัติศาสตร์ชาติจีน ที่หากลองมองอีกด้านก็จะเห็นสิ่งที่แตกต่างจากที่เราเคยรู้

     ใครสนใจ รออ่านและแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะครับ หลบหนีจากเรื่องที่สุ่มเสี่ยงโดนแบนกันสักพัก แต่งโคลงกลอน เขียนบทความอื่นๆไปเรื่อย ไม่ให้เกี่ยวกับการเมืองโดยตรง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่