[เกร็ดประวัติศาสตร์จีน] ความงามในอุดมคติของสตรีสมัยราชวงศ์ถัง

ราชวงศ์ถังเป็นอีกยุคสมัยหนึ่งที่คนไทยคุ้นหูกันมาก และเป็นราชวงศ์หนึ่งที่ยิ่งใหญ่ สรรสร้างอารยธรรมจีนต่อเนื่องมาอีกพันกว่าปี ราชวงศ์ถัง อยู่ในช่วงคริสตศักราช 618 – 907 ปี สถาปนาขึ้นต่อจากราชวงศ์สุย สตรีลือนามในสมัยราชวงศ์ถัง มีอยู่ด้วยกัน 2 นาง คือ จักรพรรดินีบูเช็กเทียน และพระอัครเทวีหยางกุ้ยเฟย
 
จักรพรรดินีบูเช็กเทียน หรือที่ออกพระนามในประวัติศาสตร์ว่า สมเด็จพระจักรพรรดินีเจ๋อเทียนต้าเซิ่ง (则天大圣皇帝) ตระกูลอู่ (武氏) นามเดิม อู่เม่ย หรือ อู่เม่ยเหนียง (武媚/武媚娘) แรกเริ่มถวายตัวเข้าวังหลวงเป็นพระสนมในจักรพรรดิถังไท่จง (唐太宗) มหาราชผู้ยิ่งใหญ่ ต่อมาได้ดำรงพระยศสมเด็จพระอัครมเหสีในจักรพรรดิถังเกาจง (唐高宗) พระราชโอรสในพระสวามีนั่นเอง จวบกระทั่งกาลเวลาล่วงเลยหลายรัชกาล พระนางจึงยึดเอาราชบัลลังก์พระราชโอรสแล้วเปลี่ยนนามราชวงศ์เป็น “อู่โจว” (武周) และปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดินีหญิงองค์แรกและองค์เดียวในประวัติศาสตร์จีน
 
พระอัครเทวีหยางกุ้ยเฟย (杨贵妃) ตระกูลหยาง มีนามเดิมว่า อวี้หวน (杨玉环) แต่เดิมเป็นพระชายาในโซ่วอ๋อง (寿王) พระราชโอรสในจักรพรรดิถังเสวียนจง (唐玄宗) ภายหลังถูกพระราชบิดาในสวามีช่วงชิงไป และได้รับแต่งตั้งเป็นพระสนมเอก ตำแหน่ง “กุ้ยเฟย” นางเป็นอิสตรีที่มีความงามล้ำเลิศจนได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 4 หญิงงามของจีน บั้นปลายรัชกาลถังเสวียนจง เกิดกบฏอันลู่ซาน จักรพรรดิถังเสวียนจงพานางและกองทัพส่วนหนึ่งตีฝ่าออกมาจากวังหลวง และหลบหนีออกไปได้ แต่ทว่าเหล่าแม่ทัพนายกองต่างเห็นพ้องกันว่า เภทภัยทั้งหลายนี้ มาจากการที่จักรพรรดิหลงความงามของหยางกุ้ยเฟย จึงบีบบังคับจนหยางกุ้ยเฟยผูกคอตาย ทิ้งไว้เพียงจักรพรรดิถังเสวียนจงผู้เศร้าโศก
 
 

เรื่องแรกเลยที่จะขอกล่าวถึง นั่นก็คือ สรีระในทัศนะของชาวราชวงศ์ถัง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า ชาวต้าถัง “ต้องอวบถึงจะสวย” ซึ่งมีคำกล่าวจีนที่ว่า คือ “一胖为美” (yi3 pang4 wei2 mei3) โดยมีผู้ให้คำนิยามของคำว่า “胖” (pang4) ซึ่งแปลว่าอ้วน เอาไว้ว่า ไม่ได้หมายถึงอ้วนฉุฉะ ตัวใหญ่เทอะทะ แต่หมายถึง 丰腴 (feng1 yu2) ซึ่งแปลว่าอวบอั๋น มีเนื้อหนังไม่ได้ผอมแห้งแรงน้อย ลมพัดมาก็ปลิวไปตามลม ดูได้จากภาพวาด


เรื่องต่อมาคือ การแต่งหน้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของของสตรีสมัยราชวงศ์ถังเลยก็ว่าได้ เนื่องมาจากการที่ทาหน้าด้วยแป้งขาว เขียนคิ้วทรงใบหลิว ทาปากสีแดงชาดทรงเชอร์รี่ หว่างคิ้ววาดรูปดอกไม้ ซึ่งการแต่งหน้าในยุคนี้ ได้มีอิทธิพลส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น ดังเราจะเห็นได้จากภาพวาดต่างๆ หรือแม้กระทั่งเกอิชาในปัจจุบัน
 
ขั้นตอนการแต่งหน้าของสตรียุคนี้ แบ่งออกเป็น 7 ขั้นตอน ดังนี้
1.       ลงพื้นขาวบนหน้าด้วยแป้ง
2.       ผัดแก้มด้วยผงชาด (ภาษาจีนเรียกว่า 胭脂 yan1 zhi1 เป็นผงลักษณะคล้ายแป้ง มีสีแดง)
3.       เขียนคิ้ว ในสมัยนั้นมีรูปทรงของคิ้วหลายแบบ ที่เป็นที่นิยมคือ คิ้วใบหลิว (柳叶眉 liu3 ye4 mei2)
4.       วาดดอกไม้ไว้หว่างคิ้ว (ภาษาจีนเรียกว่า 花钿 hua1 dian4) ซึ่งมีหลายแบบ หลายรูป
5.       เติมลักยิ้ม (สมัยนั้นเรียกว่า 面靥 mian4 ye4) โดยใช้สีแดง หรือไม่ก็เหลือง , ดำ แต่งแต้มด้วยลายถั่ว , ดาว , พระจันทร์ , ลูกท้อ
6.       แต้มขีดสีแดงตรงขมับ (ภาษาจีนเรียกจุดนี้ว่า 太阳穴 tai4 yang2 xue2)
7.       ขั้นตอนสุดท้าย ทาปากสีแดงด้วยแผ่นชาด ให้ได้รูปทรงตามความนิยม


แบบลายวาดตรงหว่างคิ้ว



ทรงคิ้วในสมัยราชวงศ์ถัง แต่ละช่วงเวลา
เรื่องต่อมา ทรงผม ในสมัยราชวงศ์ถัง เราจะเห็นได้จากซีรีย์จีน เรื่อง บูเช็กเทียน จอมนางบัลลังก์มังกร (武媚娘传奇 : The Empress of China) ว่าทรงผมและเครื่องประดับศีรษะสตรีอลังการมากๆ บางคนสงสัยและคิดเอาว่า คงเป็นแค่ทรงผมในจินตนาการเท่านั้น แต่จากภาพวาด รูปปั้น และบันทึกต่างๆ ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ทรงผมสตรีในยุคนั้น อลังการงานสร้างแบบนี้จริงๆ ในยุคนั้นมีทรงผมหลายทรง มักจะนิยมยกเกล้าสูงแล้วประดับด้วยดอกไม้ หรือเครื่องประดับอื่นๆ แล้วแต่ฐานะ
 
ทรงผมในประวัติศาสตร์

เรื่องสุดท้ายคือ เครื่องแต่งกาย ในสมัยราชวงศ์ถัง การแต่งกายของสตรีเน้นโชว์เนื้อหนัง (ไม่ทราบว่าเป็นผลมาจากการที่สตรีอวบอั๋นจึงโชว์ หรือเพราะอยากโชว์จึงต้องอวบอั๋น) ทั้งนี้ ชุดของสตรีจึงเป็นแบบเสื้อตัวบน แขนยาว ผ่าหน้า แล้วทับด้วยกระโปรงอยู่ในระดับอก เรียกกันว่า 齐胸襦裙 qi2 xiong1 ru2 qun2 (หรู หรือ 襦 เป็นเสื้อประเภทหนึ่งของจีน มีลักษณะแขนยาว ผ่ากลางข้างหน้า บางครั้งก็ใช้เสื้อด้านซ้ายทับเสื้อด้านขวา)


 
ทัศนคติความงามนี้ ได้ก่อกำเนิดขึ้นในแผ่นดินต้าถังของจีน แต่ก็ส่งผลไปสู่ราชวงศ์ต่อๆ มา หรือแม้กระทั่งแผ่นดินใกล้เคียงเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่