นี่เป็นกระทู้แรกของสมาชิกใหม่ รบกวนด้วยนะคะ
คือ...เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีความทางกฎหมายของคุณพ่อ พ่อเรายิงคนตาย ฟังดูโหดร้ายนะแต่มันมี้หตุอยู่ดีๆ ใครจะอยากทำใครตายให้เป็นคดีเป็นความ ตอนนี้เรื้องก็เข้าปีที่ 3 แล้ว ยังไม่มีวี่แววจะจบหรือสรุปได้ เราไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนเลย...บอกตรงๆ มาถึงตอนนี้ทั้งมึนทั้งงง
เรื่องเริ่มจากเรากับแฟนคบกันได้เกือบจะ 2 ปีแล้ว รักเราก็ปกติดีจนมาช่วงระยะหลังเราสังเกตุอาการเค้าแปลกๆ ไป ไม่เหมือนเดิม เหมือนมีเรื่องเคลียดอะไรซักอย่างแต่ก็ไมทราบเพราะถามเค้าก็ไม่บอก ตอนหลังก็เริ่มมีปากเสียงกะเราบ้าง สะสมมาเรื่อยๆ จนวันเกิดเรื่อง 28 ม.ค. 2555 เค้ามาหาเราที่ทำงานตอนกำลังเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน เมามาเลย มาถึงไม่รีรอบอกกับเราว่า"เอาเงินมา กูจะไปแล้ว ไม่อยู่กับแล้ว" เราไม่ให้ก็ยกมือเงื้อขึ้นจะตบเรา เรา แล้วเค้ามากระชากเอากระเป๋าเราล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วก็เอาบัตร ATM บัตรเฟิร์สช้อยส์อีซี่บายของเราไป พอเค้าขับรถออกไปเราก็รีบโทรอายัตบัตรทันที เพราะเค้ารู้รหัสของเรา หายไปพักนึงราวๆ 5 นาทีได้ก็ย้อนกลับมาถามว่า"อายัตบัตรหรอ?" แล้วก็สั่งเราว่า "โทรไปยกเลิกบัตรเดี๋ยวนี้นะ" เราบอกว่าไม่เค้าก็เตรียมเงื้อมือขึ้นอีก แต่ทว่าโชคดีแม่บ้านที่ทำงานเดินมาเรียกถามเราพอดีว่า"ยังไม่กลับบ้านหรอ" เค้าเลยเอามือลงแล้วบอกเราว่า "ฝากไว้ก่อนนะ" แล้วก็กลับไปโดยที่ยังไม่คืนบัตรแถมยังเอากล้องถ่ายรูปกับเงินสดในกระเป๋าเราไปอีก500 แล้วเราพยายามตั้งสติเก็บของจัดโต๊ะทำงานต่อไปแล้วออกไปรอพ่อมารับกลับบ้าน(ลืมบอกเรากับแฟนแค่คบหาดูใจกันไม่ได้อยู่ด้วยกัน)พอได้เวลาประมาณ 5 โมงเย็นเป็นเวลาปกติที่พอมารับเรากลับบ้านทุกวันพร้อมกับน้องชายและหลานอีกหนึ่งคนกลับจากโรงเรียน พอพ่อมาถึงเราก็บอกพ่อว่าให้พาเราไปที่เทศบาลก่อน จะแวะไปเอาของจากแฟน ในใจตอนนั้นก็คิดว่าถ้าเค้าเห็นพ่อเราไปคงเกรงใจบ้างหล่ะ น่าจะคืนของแต่โดยดี แต่พอไปถึงเหตุการณ์ก็กลับตะละปัด ทันทีที่เค้าเห็นรถพ่อเรา เค้าก็ลุกยืนขึ้นและขว้างโทรศัพททิ้งลงพื้นทันทีที่เห็นเราลงจากรถ เราก็พูดดีๆ บอกว่า"คืนของของเค้ามาเถอะ" เค้าจึงเดินไปเปิดประตูสำนักงานงานป้องกันฯ(พอดีแฟนเราเป็นพนักงานงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เปิดประตูเป็นบ้านแบบสวิง ด้วยแรงของเค้าทำให้ประตูเปิดสวิงออกอย่างแรงมองเห็นด้านใน ช่วงนั้นไม่มีใครอยู่เลย เพราะเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ที่อยูเวรจะผลัดเปลี่ยนกันไปกินข้าวอาบน้ำก่อนจะมานอนอยู่เวรกลางคืน พอเค้าเดินออกมาก็เอาบัตรคืนให้เราทุกใบยกเว้นบัตร ATM เราเลยถามว่าบัตร ATM กล้อง แล้วเงิน ล่ะ? และนี่คือคำตอบ "บัตรอายัตไปแล้วก็ไปทำใหม่เอา ส่วงเงินกับกล้องกูขอ!!" ยังไม่ทันที่เราจะตอบเสียงนี้ก็ดังขึ้น "มันเป็นอะไรกันละ มีอะไรกัน" ไม่ใช่ใครคะ พ่อเราเองลงรถมาตอนไหนไม่รู้ และนี่คือเสียงที่ตอบกลับไป "ไม่มีอะไรหรอก กับกูยังไงก็ได้ คนละนัดก็ได้!!!" ไม่พูดพร่ำอะไรมาก พอเราคงฉุนแล้วหล่ะ เด็กรุ่นลูกมาท้าทายแบบนี้ และนี่คือคำที่พ่อตอบไป "งั้นไปเอาปืนมา" และสิ่งที่ทำให้เราอึ่งและตกใจมากกว่านั้นคือ ตอนนี้ปืนอยู่ในมือพ่อแล้ว (มาจากไหน??) แฟนเราด้วยฤทธิ์เหล้าก็บ้าบิ่น เดินเข้ามาหาพอตรงหน้ารถ พอเราคงเห็นจวนตัวแล้วเลยยกปืนขึ้นฟ้า แต่ไม่ทันไรเลย ด้วยฟอร์มที่ยังหนุ่มกว่าและสูงกว่าของแฟนเรา มันจึงทำให้เค้าได้เปรียบ เค้าใช้มือขวาเข้าบีบและค้ำยันอยู่ที่คอของพ่อเรา และใช้มือซ้ายกระชากมือข้างทีชูปืนลงมาเป็นช่วงเวลาที่ไวชั่วพริบตา เรายังไม่ได้อ้าปากห้ามหรืออะไรเลยเสียงปืนดัง ปั้ง!! เราตะโกนออกมาว่า พ่อ!!!! ในใจตอนนั้นคิดว่าพ่อโดนแน่ๆ ทั้งๆ ที่ตาก็มองอยู่นะ อาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกแรกคือกลัวว่าพ่อจะเป็นอะไรไป สรุปกระสุนเข้าแก้มขวาแฟนเรา แก้มฉีด ล้มฟุบลงกับพื้น ถ่หันกลับมาบอกเราว่าขึ้นรถ พ่อจะไปส่งไอ้แบงค์(นามสมมุติ)(หลาน) ที่บ้านก่อนแล้วพ่อจะมามอบตัว
มันเป็นเด็กมาท้าทายกูยังงี้ได้ไงว่ะ ไปๆๆ เราขึ้นรถไปส่งหลานแล้วมุ่งหน้ากลับบ้านส่งเรากับน้อง พ่อกำลังจะไปมอบตัว แต่ยังไม่ทันไปตำรวจก็มาถึงบ้านพอดีตำรวจคุมตัวพอไป พ่อบอกเราว่าพ่อรับสารภาพทุกอย่าง แต่ปฏิเสธเรื่องเจตนา เพราะพ่อไม่ได้เจตนาเพียงแต่มันเป็นอุบัติเหตุจากการแย่งปืนกัน สรุปคือในชั้นจับกุมและสอบสวนพอรับเรื่องการพกอาวุธแต่ปฏิเสธเรืองเจตนาฆ่า ต่อมาพนักงานสอบสวนก็ไล่สอบปากคำเตรียมรวมรวบหลักฐานส่งให้อัยการสั่งฟ้อง แต่เรื่องหน้าแปลกก็คือ สำนวนการให้ปากคำของตัวเราเองไม่ถูกส่งมา รายชื่อพยานเด็ก 2 คนก็ไม่ส่งมาด้วย ในที่สุดอัยการสั่งฟ้อง ในขั้นการสืบพยานก็ใช้เวลา 2 ปีกว่า เพราะพยานฝ่ายโจทน์ เดี๋ยวมาไม่ครบเดี๋ยวผลัด สารพัดจะแกล้งยื้อเวลา สุดท้ายสอบครบหมด พยานทุกปากของฝั่งโจทน์ ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ครบทุกขั้นตอนโดยเฉพาะตอนปืนลั่น ทุกปากจะเหลี่ยงการตอบบอกว่าไม่เห็นทั้งนั้น เห็นแต่ตอนที่ผู้ตายล้มลงข้างๆ จำเลย ต่อมาในการสืบพยานจำเลย เริ่มจากพ่อเรา และเรา จากนั้นเรา ขอเพิ่มพยานเด็กอีก 2 ปากคือ น้องกับหลานชาย โดยที่เด็กทั้ง 2 คนก็สอบสวน" ผ่านนักจิตฯ" ทั้ง 2 คน เหตุการณ์ทั้งหมดก็อย่างที่บอกมา และผลการตัดสินในชั้นต้นคือ...คำให้การของเรา น้อง และหลาน ไม่สามารถใช้หักล้างได้เนืองจากเป็นบุตรและญาติของจำเลย (แต่เค้ากับเชื่อคำของพวกที่ไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเพียงเพราะคนพวกนั้นไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวเกี่ยวข้องกับจำเลย แลวทำไมไม่คิดบ้างว่าคนพวกนั้นมันเป็นเพื่อสนิทและเพื่อนร่วมงานของคนตาย!! แล้วเด็กที่สอบผ่านนักจิตฯ ล่ะ มันไม่ได้พูดความจริงใช่มั้ย? เด็กมันแก่กล้าจนสามารถหลอกนักจิตฯ ได้ หรือนักจิตฯ ที่ทางเขาหามาจะโง่จนถามเอาความจริงจากเด็กไม่ได้ใช่มั้ย? เขาจรึงไม่เชื่อ!!!) ในคำตัดสินยังระบุอีกว่าผู้ตายเมาสุราพ่อเรามีโอการทำได้หลายอย่างแต่กลับเลือกขึ้นนกแล้วชูอาวุธปืนขึ้นแสดงให้เห็นเจตนาว่าพ่อเรามีเจตนาฆ่าผู้อื่น (อยากรู้จริงๆ ถ้าพวกเค้าโดนเด็กรุ่นลูกรามปามและท้าทายแบบนี้บ้างพวกเค้าจะเลือดขึ้นหน้ากันมั้ย? จะใจเย็นพอที่จะยืนให้เด็กด่าแล้วเดินขึ้นรถมั้ย? มันคือโทษะของมนุษย์นะเราว่านี่ขนาดแค่เหตุการณ์เฉพาะหน้านะถ้าพ่อรู้มาก่อนในสิ่งที่เค้าทำกันเราล่ะก็คงจะไม่ใช่แบบนี้ แต่เรื่องระหว่างเรากับเค้าพ่อแม่เราก็รู้แค่ว่าคบหากันในฐานะแฟนไปมาหากันทีบ้าน เราไมาเคยเอาปัญหาระหว่างเรากับเค้าเล่าให้พ่อแม่ฟัง เราคิดว่าเราโตแล้วคบไม่คบไปรอดไม่รอดเราตัดสินใจเองได้ เราไม่อยากเห็นเค้าไม่สบายใจ) และสิ่งที่เราคาใจก็คือในเมื่อมีการชันสูตรพลิกศพหาวิถีกระสุนทำไม่ไม่หาเขม่าดินปืนที่มือคนตายด้วย ในเมื่อพ่อเราให้การตั้งแต่ชั้นสอบสวนจับกุมแล้วว่ามีการยื้อแย่งปืนกัน ศาลไม่สงสัยประเด็นนี้แล้วคิดหาข้อเท็จจริงบ้างหรอ? เจ้าหน้าทีตำรวจบกพร้องมั้ย? แต่ในการตัดสินกลับไม่ให้ความสำคัญกับประเด็นการแย่งปืนเลย เพราะอะไร? เพราะไอ่พยานฝักโจทน์บอกว่าไม่เห๋นไม่ทันสนใจ คน 1 ดูทีวี อีกคน 1 กำลังล้างรถ สวนอีก 2 คน กำลังเล่นเปตอง จบข่าวสรุปไปเลยพ่อเรากัยคนตายไม่ได้แย่งปืนพ่อเราตั้งใจยิง เป็นไงซึ้งเลย เด็ก 2 คน นัดจิตฯ สอบก็บอกว่าแย่ง ก๋เหตุการณ์จริงมันเป็นอย่างนั้นนิ จะเอายังไงถึงจะเชื่อกัน? เป็นญาติน้ำหนักจึงน้อย ส่วนเด็กมันคงเก่งมาหลิกนักจิตฯได้ด้วย!!! สรุปศาลชั้นต้นจึงสั่ง จำคุกข้อหาเจตนาฆ่า 10 ปี พกพาอาวุธ 3 เดือน และปรับให้จ่ายค่าสินไหมเป็นค่าปรงศพและอุปการะมารดา 1,080,000.- นี่คือหลังจากลดนั้นโน่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ความผิดครั้งแรก รับสารภาพให้การเป็นประโยชน์ ส่วนเรื่องค่าปรับไม่ต้องพูดถึงบ้านเราจนไม่มีเงินทองให้เค้าหลอกคงตองรอเป็นคดีแพ่งกันตอไป เรายังพูดติดตลกกับแม่ว่าหมาใครให้ข้าวยังรู้บุญคุณ แต่คนกลับไม่ น่าแปลก ถ้าพวกเคามีจิตเป็นกลางซักนิดเค้าจะมองเห็นว่าคนตายตอนมีชีวิตอยู่บ้าเราไม่เคยไปทำร้ายเค้าเลยดูแลอย่างดี มาหาเราตอนเย็นแม่เราหอข้าวให้กลับไปกินทุกครั้ง ตัวเค้าหนีสินเยอะเกิดจากภรรยาเก่า เราก็ไม่ได้ถามอะไรหรอก จนบางทีเงินไม่พอใช้เรายังต้องหยิบยื่นให้เลย เค้าบอกว่าลูกเค้าตายเค้าไม่มีคนเลี้ยงดู เราอยากจะบอกว่าปกติลูกเค้าก็ไม่สนใจเลี้ยงดูเค้าอนู่แล้วเงินเดือนๆ หนึ่งๆ ถูกคนปล่อยเงินกู้นอกระบบเอาไปเกือบหมดต้องมาขอเราใช้ด้วยซ้ำไป แต่ก็ช่างเถอะคนเค้าอยากได้นี่นะ แต่จะทำไงเราก็แค่มนุษย์เงินเดือนภาระเราก็เยอะ คงต้องรอฟ้องแพ่งกันเอา
มันไม่จบแค่นั้นนะ 10 ปี 3 เดือน ทางเราพอใจแล้วถึงแมจะยังคงระบุเป็นเจตนาฆ่า แต่เราก็คุยกันว่าพอ จะไม่ทรณ์ ให้สิ้นเปลืองเงืนทองบ้านเราไม่มีเงินมากมายมาสู้ พ่อเรา ครอบครัวเรา รอให้เลขคดีแดงพ่อตก จะได้เอาไปใช้เรื่องในเรือนจพของพ่อได้ แต่ข่าวร้ายก็มาถึง เมือครบ 30 วัน เราำปขอทราบเลขคดีแดงและขอคัดสำเนาคำพิพากษาพ่อกลับได้รับคำตอบมาว่ามีการแจ้งขอขยายอุทรณ์ จากโจทน์ร่วมนะคะ เรานี่มึนไปหมด รีบโทรหาน้า น้าก็รีบมาหาเราสรุปเราต้องเขียนแก้อุทรณ์นะ เราไปขอคัดสำเนาเอกสารทุกอย่างเกี่ยวกับชั้นต้น แต่ก็อย่างที่บอกเราจนจะไปหาทนายที่ไหนได้ แต่ก็มีทนายใจดีเป็นเพื่อนกับน้าอาสาจะช่วยเขียนให้ เขียนเสร็จก็ยื่นกันไปรอฟังผล และวันนั้นก็มาถึงศาลอุทรณ์ยิ่งหนักบอกว่าพอเราปฏิเสธข้อหาฆ่าผู้อื่นทั้งๆ ที่พอเรารับมาตลอดเพียงแต่บอกว่าไม่เจตนา พ่อเรารับตั้งแต่นอตจับกุมด้วยซ้ำ บอกว่าพ่อเราปฏิเสธการชดใช้ค่าเสียหาย เรายังไม่ได้พูดอะไรกันเลยเราไม่มีเงินเรากับพอยังไม่มีใครพูดเรื่องนี้เลยว่าจะไม่จ่ายเพียงเราก็เชท่อในความยุติธรรมว่าเค้าคงเรียกไก่เกลี่ยเรื่องนี้อีกทีเรื่อการผ่อนชำระ เรายังบอกกับพอเลย คงได้ไปต่อศาลแพ่งแน่ๆ เราไม่มีจ่ายเค้านิ เพียงประเด็นแค่นี้ทุกอย่างที่ทำมาชั้นตนหายวับ ไม่มีการลดโทษ การที่พอเราเคยมีความดีความชอบอะไรก็ช่วยเค้าไม่ได้พอเราเป็นตำรวจชาวบ้าน เป็น อปพร. ไม่เคยทำใครในชุมชนเดือดร้อนมีแต่ช่วยเหลือด้วยซ้ำ พ่อเราไม่ใช่นักฆ่ามีประวัติโชกโชนจนเปนสันดาร ไร้จิตสำนึก และนี้คือสิ่งที่พ่อเราได้รับ ศาลอุธรณ์สั่งจำคุกพ่อเรา ต ล อ ด ชี วิ ต !!!!!!
ตอนนี้เรางง มากไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนทำอะไรก่อน พ่อเราผิดมากจนต้องจำคุกตลอดชีวิตจริงหรอ? มันไม่มีทางเลยใช่มั้ย พ่อเราแค่ปกป้องตัวเอง ลูก และหลาน คิดดูคนเมาเดินถึงตัวแล้วถ้ามันแย่งปืนได้ ใครตาย????? มันมาทางจะวิ่งหนีแต่ดันวิ่งเข้ามา พ่อเราใช้ปืนเป็นจะยิงตอนที่มันยืนยุก็ได้ทำไมพ่อยกปืนขึ้นไม่ยิงมัน เรื่องพวกนี้มันประกอบการพิจารณาไม่ได้เลยหรอ???? ขอรบกวนช่วยแนะนำหน่อยนะคะ เราต้องทำไงบ้าง???? 🙇🙇🙇🙇🙇🙏🙏🙏🙏
ขอคำแนะนำเรื่องคดีความของคุณพ่อหน่อยคะ ไม่รู้จะทำยังไงดี ใครที่พอรู้กฎหมายหรือมีคำแนะนำดีๆ ช่วยบอกหน่อยคะ
คือ...เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีความทางกฎหมายของคุณพ่อ พ่อเรายิงคนตาย ฟังดูโหดร้ายนะแต่มันมี้หตุอยู่ดีๆ ใครจะอยากทำใครตายให้เป็นคดีเป็นความ ตอนนี้เรื้องก็เข้าปีที่ 3 แล้ว ยังไม่มีวี่แววจะจบหรือสรุปได้ เราไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนเลย...บอกตรงๆ มาถึงตอนนี้ทั้งมึนทั้งงง
เรื่องเริ่มจากเรากับแฟนคบกันได้เกือบจะ 2 ปีแล้ว รักเราก็ปกติดีจนมาช่วงระยะหลังเราสังเกตุอาการเค้าแปลกๆ ไป ไม่เหมือนเดิม เหมือนมีเรื่องเคลียดอะไรซักอย่างแต่ก็ไมทราบเพราะถามเค้าก็ไม่บอก ตอนหลังก็เริ่มมีปากเสียงกะเราบ้าง สะสมมาเรื่อยๆ จนวันเกิดเรื่อง 28 ม.ค. 2555 เค้ามาหาเราที่ทำงานตอนกำลังเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน เมามาเลย มาถึงไม่รีรอบอกกับเราว่า"เอาเงินมา กูจะไปแล้ว ไม่อยู่กับแล้ว" เราไม่ให้ก็ยกมือเงื้อขึ้นจะตบเรา เรา แล้วเค้ามากระชากเอากระเป๋าเราล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วก็เอาบัตร ATM บัตรเฟิร์สช้อยส์อีซี่บายของเราไป พอเค้าขับรถออกไปเราก็รีบโทรอายัตบัตรทันที เพราะเค้ารู้รหัสของเรา หายไปพักนึงราวๆ 5 นาทีได้ก็ย้อนกลับมาถามว่า"อายัตบัตรหรอ?" แล้วก็สั่งเราว่า "โทรไปยกเลิกบัตรเดี๋ยวนี้นะ" เราบอกว่าไม่เค้าก็เตรียมเงื้อมือขึ้นอีก แต่ทว่าโชคดีแม่บ้านที่ทำงานเดินมาเรียกถามเราพอดีว่า"ยังไม่กลับบ้านหรอ" เค้าเลยเอามือลงแล้วบอกเราว่า "ฝากไว้ก่อนนะ" แล้วก็กลับไปโดยที่ยังไม่คืนบัตรแถมยังเอากล้องถ่ายรูปกับเงินสดในกระเป๋าเราไปอีก500 แล้วเราพยายามตั้งสติเก็บของจัดโต๊ะทำงานต่อไปแล้วออกไปรอพ่อมารับกลับบ้าน(ลืมบอกเรากับแฟนแค่คบหาดูใจกันไม่ได้อยู่ด้วยกัน)พอได้เวลาประมาณ 5 โมงเย็นเป็นเวลาปกติที่พอมารับเรากลับบ้านทุกวันพร้อมกับน้องชายและหลานอีกหนึ่งคนกลับจากโรงเรียน พอพ่อมาถึงเราก็บอกพ่อว่าให้พาเราไปที่เทศบาลก่อน จะแวะไปเอาของจากแฟน ในใจตอนนั้นก็คิดว่าถ้าเค้าเห็นพ่อเราไปคงเกรงใจบ้างหล่ะ น่าจะคืนของแต่โดยดี แต่พอไปถึงเหตุการณ์ก็กลับตะละปัด ทันทีที่เค้าเห็นรถพ่อเรา เค้าก็ลุกยืนขึ้นและขว้างโทรศัพททิ้งลงพื้นทันทีที่เห็นเราลงจากรถ เราก็พูดดีๆ บอกว่า"คืนของของเค้ามาเถอะ" เค้าจึงเดินไปเปิดประตูสำนักงานงานป้องกันฯ(พอดีแฟนเราเป็นพนักงานงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เปิดประตูเป็นบ้านแบบสวิง ด้วยแรงของเค้าทำให้ประตูเปิดสวิงออกอย่างแรงมองเห็นด้านใน ช่วงนั้นไม่มีใครอยู่เลย เพราะเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ที่อยูเวรจะผลัดเปลี่ยนกันไปกินข้าวอาบน้ำก่อนจะมานอนอยู่เวรกลางคืน พอเค้าเดินออกมาก็เอาบัตรคืนให้เราทุกใบยกเว้นบัตร ATM เราเลยถามว่าบัตร ATM กล้อง แล้วเงิน ล่ะ? และนี่คือคำตอบ "บัตรอายัตไปแล้วก็ไปทำใหม่เอา ส่วงเงินกับกล้องกูขอ!!" ยังไม่ทันที่เราจะตอบเสียงนี้ก็ดังขึ้น "มันเป็นอะไรกันละ มีอะไรกัน" ไม่ใช่ใครคะ พ่อเราเองลงรถมาตอนไหนไม่รู้ และนี่คือเสียงที่ตอบกลับไป "ไม่มีอะไรหรอก กับกูยังไงก็ได้ คนละนัดก็ได้!!!" ไม่พูดพร่ำอะไรมาก พอเราคงฉุนแล้วหล่ะ เด็กรุ่นลูกมาท้าทายแบบนี้ และนี่คือคำที่พ่อตอบไป "งั้นไปเอาปืนมา" และสิ่งที่ทำให้เราอึ่งและตกใจมากกว่านั้นคือ ตอนนี้ปืนอยู่ในมือพ่อแล้ว (มาจากไหน??) แฟนเราด้วยฤทธิ์เหล้าก็บ้าบิ่น เดินเข้ามาหาพอตรงหน้ารถ พอเราคงเห็นจวนตัวแล้วเลยยกปืนขึ้นฟ้า แต่ไม่ทันไรเลย ด้วยฟอร์มที่ยังหนุ่มกว่าและสูงกว่าของแฟนเรา มันจึงทำให้เค้าได้เปรียบ เค้าใช้มือขวาเข้าบีบและค้ำยันอยู่ที่คอของพ่อเรา และใช้มือซ้ายกระชากมือข้างทีชูปืนลงมาเป็นช่วงเวลาที่ไวชั่วพริบตา เรายังไม่ได้อ้าปากห้ามหรืออะไรเลยเสียงปืนดัง ปั้ง!! เราตะโกนออกมาว่า พ่อ!!!! ในใจตอนนั้นคิดว่าพ่อโดนแน่ๆ ทั้งๆ ที่ตาก็มองอยู่นะ อาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกแรกคือกลัวว่าพ่อจะเป็นอะไรไป สรุปกระสุนเข้าแก้มขวาแฟนเรา แก้มฉีด ล้มฟุบลงกับพื้น ถ่หันกลับมาบอกเราว่าขึ้นรถ พ่อจะไปส่งไอ้แบงค์(นามสมมุติ)(หลาน) ที่บ้านก่อนแล้วพ่อจะมามอบตัว มันเป็นเด็กมาท้าทายกูยังงี้ได้ไงว่ะ ไปๆๆ เราขึ้นรถไปส่งหลานแล้วมุ่งหน้ากลับบ้านส่งเรากับน้อง พ่อกำลังจะไปมอบตัว แต่ยังไม่ทันไปตำรวจก็มาถึงบ้านพอดีตำรวจคุมตัวพอไป พ่อบอกเราว่าพ่อรับสารภาพทุกอย่าง แต่ปฏิเสธเรื่องเจตนา เพราะพ่อไม่ได้เจตนาเพียงแต่มันเป็นอุบัติเหตุจากการแย่งปืนกัน สรุปคือในชั้นจับกุมและสอบสวนพอรับเรื่องการพกอาวุธแต่ปฏิเสธเรืองเจตนาฆ่า ต่อมาพนักงานสอบสวนก็ไล่สอบปากคำเตรียมรวมรวบหลักฐานส่งให้อัยการสั่งฟ้อง แต่เรื่องหน้าแปลกก็คือ สำนวนการให้ปากคำของตัวเราเองไม่ถูกส่งมา รายชื่อพยานเด็ก 2 คนก็ไม่ส่งมาด้วย ในที่สุดอัยการสั่งฟ้อง ในขั้นการสืบพยานก็ใช้เวลา 2 ปีกว่า เพราะพยานฝ่ายโจทน์ เดี๋ยวมาไม่ครบเดี๋ยวผลัด สารพัดจะแกล้งยื้อเวลา สุดท้ายสอบครบหมด พยานทุกปากของฝั่งโจทน์ ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ครบทุกขั้นตอนโดยเฉพาะตอนปืนลั่น ทุกปากจะเหลี่ยงการตอบบอกว่าไม่เห็นทั้งนั้น เห็นแต่ตอนที่ผู้ตายล้มลงข้างๆ จำเลย ต่อมาในการสืบพยานจำเลย เริ่มจากพ่อเรา และเรา จากนั้นเรา ขอเพิ่มพยานเด็กอีก 2 ปากคือ น้องกับหลานชาย โดยที่เด็กทั้ง 2 คนก็สอบสวน" ผ่านนักจิตฯ" ทั้ง 2 คน เหตุการณ์ทั้งหมดก็อย่างที่บอกมา และผลการตัดสินในชั้นต้นคือ...คำให้การของเรา น้อง และหลาน ไม่สามารถใช้หักล้างได้เนืองจากเป็นบุตรและญาติของจำเลย (แต่เค้ากับเชื่อคำของพวกที่ไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเพียงเพราะคนพวกนั้นไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวเกี่ยวข้องกับจำเลย แลวทำไมไม่คิดบ้างว่าคนพวกนั้นมันเป็นเพื่อสนิทและเพื่อนร่วมงานของคนตาย!! แล้วเด็กที่สอบผ่านนักจิตฯ ล่ะ มันไม่ได้พูดความจริงใช่มั้ย? เด็กมันแก่กล้าจนสามารถหลอกนักจิตฯ ได้ หรือนักจิตฯ ที่ทางเขาหามาจะโง่จนถามเอาความจริงจากเด็กไม่ได้ใช่มั้ย? เขาจรึงไม่เชื่อ!!!) ในคำตัดสินยังระบุอีกว่าผู้ตายเมาสุราพ่อเรามีโอการทำได้หลายอย่างแต่กลับเลือกขึ้นนกแล้วชูอาวุธปืนขึ้นแสดงให้เห็นเจตนาว่าพ่อเรามีเจตนาฆ่าผู้อื่น (อยากรู้จริงๆ ถ้าพวกเค้าโดนเด็กรุ่นลูกรามปามและท้าทายแบบนี้บ้างพวกเค้าจะเลือดขึ้นหน้ากันมั้ย? จะใจเย็นพอที่จะยืนให้เด็กด่าแล้วเดินขึ้นรถมั้ย? มันคือโทษะของมนุษย์นะเราว่านี่ขนาดแค่เหตุการณ์เฉพาะหน้านะถ้าพ่อรู้มาก่อนในสิ่งที่เค้าทำกันเราล่ะก็คงจะไม่ใช่แบบนี้ แต่เรื่องระหว่างเรากับเค้าพ่อแม่เราก็รู้แค่ว่าคบหากันในฐานะแฟนไปมาหากันทีบ้าน เราไมาเคยเอาปัญหาระหว่างเรากับเค้าเล่าให้พ่อแม่ฟัง เราคิดว่าเราโตแล้วคบไม่คบไปรอดไม่รอดเราตัดสินใจเองได้ เราไม่อยากเห็นเค้าไม่สบายใจ) และสิ่งที่เราคาใจก็คือในเมื่อมีการชันสูตรพลิกศพหาวิถีกระสุนทำไม่ไม่หาเขม่าดินปืนที่มือคนตายด้วย ในเมื่อพ่อเราให้การตั้งแต่ชั้นสอบสวนจับกุมแล้วว่ามีการยื้อแย่งปืนกัน ศาลไม่สงสัยประเด็นนี้แล้วคิดหาข้อเท็จจริงบ้างหรอ? เจ้าหน้าทีตำรวจบกพร้องมั้ย? แต่ในการตัดสินกลับไม่ให้ความสำคัญกับประเด็นการแย่งปืนเลย เพราะอะไร? เพราะไอ่พยานฝักโจทน์บอกว่าไม่เห๋นไม่ทันสนใจ คน 1 ดูทีวี อีกคน 1 กำลังล้างรถ สวนอีก 2 คน กำลังเล่นเปตอง จบข่าวสรุปไปเลยพ่อเรากัยคนตายไม่ได้แย่งปืนพ่อเราตั้งใจยิง เป็นไงซึ้งเลย เด็ก 2 คน นัดจิตฯ สอบก็บอกว่าแย่ง ก๋เหตุการณ์จริงมันเป็นอย่างนั้นนิ จะเอายังไงถึงจะเชื่อกัน? เป็นญาติน้ำหนักจึงน้อย ส่วนเด็กมันคงเก่งมาหลิกนักจิตฯได้ด้วย!!! สรุปศาลชั้นต้นจึงสั่ง จำคุกข้อหาเจตนาฆ่า 10 ปี พกพาอาวุธ 3 เดือน และปรับให้จ่ายค่าสินไหมเป็นค่าปรงศพและอุปการะมารดา 1,080,000.- นี่คือหลังจากลดนั้นโน่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ความผิดครั้งแรก รับสารภาพให้การเป็นประโยชน์ ส่วนเรื่องค่าปรับไม่ต้องพูดถึงบ้านเราจนไม่มีเงินทองให้เค้าหลอกคงตองรอเป็นคดีแพ่งกันตอไป เรายังพูดติดตลกกับแม่ว่าหมาใครให้ข้าวยังรู้บุญคุณ แต่คนกลับไม่ น่าแปลก ถ้าพวกเคามีจิตเป็นกลางซักนิดเค้าจะมองเห็นว่าคนตายตอนมีชีวิตอยู่บ้าเราไม่เคยไปทำร้ายเค้าเลยดูแลอย่างดี มาหาเราตอนเย็นแม่เราหอข้าวให้กลับไปกินทุกครั้ง ตัวเค้าหนีสินเยอะเกิดจากภรรยาเก่า เราก็ไม่ได้ถามอะไรหรอก จนบางทีเงินไม่พอใช้เรายังต้องหยิบยื่นให้เลย เค้าบอกว่าลูกเค้าตายเค้าไม่มีคนเลี้ยงดู เราอยากจะบอกว่าปกติลูกเค้าก็ไม่สนใจเลี้ยงดูเค้าอนู่แล้วเงินเดือนๆ หนึ่งๆ ถูกคนปล่อยเงินกู้นอกระบบเอาไปเกือบหมดต้องมาขอเราใช้ด้วยซ้ำไป แต่ก็ช่างเถอะคนเค้าอยากได้นี่นะ แต่จะทำไงเราก็แค่มนุษย์เงินเดือนภาระเราก็เยอะ คงต้องรอฟ้องแพ่งกันเอา
มันไม่จบแค่นั้นนะ 10 ปี 3 เดือน ทางเราพอใจแล้วถึงแมจะยังคงระบุเป็นเจตนาฆ่า แต่เราก็คุยกันว่าพอ จะไม่ทรณ์ ให้สิ้นเปลืองเงืนทองบ้านเราไม่มีเงินมากมายมาสู้ พ่อเรา ครอบครัวเรา รอให้เลขคดีแดงพ่อตก จะได้เอาไปใช้เรื่องในเรือนจพของพ่อได้ แต่ข่าวร้ายก็มาถึง เมือครบ 30 วัน เราำปขอทราบเลขคดีแดงและขอคัดสำเนาคำพิพากษาพ่อกลับได้รับคำตอบมาว่ามีการแจ้งขอขยายอุทรณ์ จากโจทน์ร่วมนะคะ เรานี่มึนไปหมด รีบโทรหาน้า น้าก็รีบมาหาเราสรุปเราต้องเขียนแก้อุทรณ์นะ เราไปขอคัดสำเนาเอกสารทุกอย่างเกี่ยวกับชั้นต้น แต่ก็อย่างที่บอกเราจนจะไปหาทนายที่ไหนได้ แต่ก็มีทนายใจดีเป็นเพื่อนกับน้าอาสาจะช่วยเขียนให้ เขียนเสร็จก็ยื่นกันไปรอฟังผล และวันนั้นก็มาถึงศาลอุทรณ์ยิ่งหนักบอกว่าพอเราปฏิเสธข้อหาฆ่าผู้อื่นทั้งๆ ที่พอเรารับมาตลอดเพียงแต่บอกว่าไม่เจตนา พ่อเรารับตั้งแต่นอตจับกุมด้วยซ้ำ บอกว่าพ่อเราปฏิเสธการชดใช้ค่าเสียหาย เรายังไม่ได้พูดอะไรกันเลยเราไม่มีเงินเรากับพอยังไม่มีใครพูดเรื่องนี้เลยว่าจะไม่จ่ายเพียงเราก็เชท่อในความยุติธรรมว่าเค้าคงเรียกไก่เกลี่ยเรื่องนี้อีกทีเรื่อการผ่อนชำระ เรายังบอกกับพอเลย คงได้ไปต่อศาลแพ่งแน่ๆ เราไม่มีจ่ายเค้านิ เพียงประเด็นแค่นี้ทุกอย่างที่ทำมาชั้นตนหายวับ ไม่มีการลดโทษ การที่พอเราเคยมีความดีความชอบอะไรก็ช่วยเค้าไม่ได้พอเราเป็นตำรวจชาวบ้าน เป็น อปพร. ไม่เคยทำใครในชุมชนเดือดร้อนมีแต่ช่วยเหลือด้วยซ้ำ พ่อเราไม่ใช่นักฆ่ามีประวัติโชกโชนจนเปนสันดาร ไร้จิตสำนึก และนี้คือสิ่งที่พ่อเราได้รับ ศาลอุธรณ์สั่งจำคุกพ่อเรา ต ล อ ด ชี วิ ต !!!!!!
ตอนนี้เรางง มากไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนทำอะไรก่อน พ่อเราผิดมากจนต้องจำคุกตลอดชีวิตจริงหรอ? มันไม่มีทางเลยใช่มั้ย พ่อเราแค่ปกป้องตัวเอง ลูก และหลาน คิดดูคนเมาเดินถึงตัวแล้วถ้ามันแย่งปืนได้ ใครตาย????? มันมาทางจะวิ่งหนีแต่ดันวิ่งเข้ามา พ่อเราใช้ปืนเป็นจะยิงตอนที่มันยืนยุก็ได้ทำไมพ่อยกปืนขึ้นไม่ยิงมัน เรื่องพวกนี้มันประกอบการพิจารณาไม่ได้เลยหรอ???? ขอรบกวนช่วยแนะนำหน่อยนะคะ เราต้องทำไงบ้าง???? 🙇🙇🙇🙇🙇🙏🙏🙏🙏