ในทางกฎหมาย แม้ว่าลูกชายรอง ผกก. จะให้การรับสารภาพแล้วว่าเป็นคนที่ใช้ไขควงแทงน้องปอนด์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญให้น้องปอนด์เสียชีวิต แต่ปัญหาที่ผมกังวลใจ คือ คดีนี้ ผู้ต้องหาไม่ได้ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เหตุผลที่กังวลใจ ก็เนื่องจากถึงแม้จะมีคำรับสารภาพของผู้ต้องหา แต่เนื่องจากคำรับสารภาพของผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวน ถือเป็นเพียงพยานบอกเล่าซึ่งในสายตาของศาล ถือว่ามีน้ำหนักน้อย ดังนัน ปกติในคดีอาญาอื่นๆ แม้จำเลยรับสารภาพแล้ว พนักงานสอบสวนมักจะจัดให้ผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพด้วย ซึ่งจะสามารถใช้เป็นพยานแวดล้อมประกอบเพื่อมัดจำเลยในชั้นสืบพยานในชั้นศาล โดยเฉพาะในคดีที่ไม่มีประจักษ์พยาน และจำเลยรับในชั้นสอบสวนแต่ไปกลับคำให้การในชั้นศาล หรือในคดีที่อัตราโทษจำคุกเกินกว่า 5 ปีซึ่งถึงแม้จำเลยจะรับสารภาพ แต่โจทก์หรืออัยการมีหน้าที่ต้องนำสืบพยานหลักฐานให้เป็นที่พอใจของศาล จึงจะลงโทษจำเลยได้ (อันนี้จะเป็นเหตุผลให้เวลาที่เราดูข่าวทางทีวี จะเห็นว่าในคดีที่ผู้ต้องหารับสารภาพแล้ว ตำรวจก็จะพาไปผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพด้วย ถึงแม้จะต้องฝ่าดงตีนของฝูงชนที่จ้องจะรุมประชาทัณฑ์ก็ตาม)
เพราะเพียงลำพังแค่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวน ศาลถือว่าเป็นพยานบอกเล่า มีน้ำหนักรับฟังได้น้อย ฉะนั้น ต้องนำสืบพยานหลักฐานแวดล้อมอื่นๆ ประกอบ ซึ่งศาลถือว่าภาพถ่ายของผู้ต้องหาในตอนทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น เมื่อฟังประกอบกับคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนแล้ว จะฟังดูมีน้ำหนักพอที่จะใช้ลงโทษจำเลยได้
เหตุผลที่ศาลถือว่าแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ฟังดูมีน้ำหนักเมื่อฟังประกอบคำรับสารภาพ ก็เพราะเหตุว่า การที่จำเลยสามารถแสดงท่าทาง กิริยาอาการ การต่อสู้ หรือการหยิบจับอาวุธ การเคลื่อนไหว การหลบหนี หรือแสดงรายละเอียดของการกระทำความผิดอย่างเป็นลำดับขั้นได้ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงนั้น ย่อมฟังแล้วน่าเชื่อถือกว่าคำรับสารภาพลอยๆ เพราะหากจำเลยไม่ได้กระทำความผิดจริง ก็คงยากที่จะแสดงรายละเอียดในการกระทำความผิดได้เป็นลำดับขั้นตอน
สรุป ในคดีน้องปอนด์ เหตุการณ์มันมะลุมมะต้มกันอยู่ในห้อง ซึ่งเพื่อนของน้องปอนด์หนีออกมาจากห้องแล้ว เหลือแต่พรรคพวกที่ร่วมกันกระทำความผิด ปัญหา คือ ใครกันแน่ที่เป็นคนใช้ไขควงแทงน้องปอนด์ เพราะคนนี้เป็นคนเดียวที่มีเจตนาฆ่าน้องปอนด์แน่ๆ
ตอนนี้ ลูกชายรอง ผกก. รับสารภาพออกมาแล้วว่าเป็นคนทำ แต่ไม่ยอมไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อ้างว่ากลัวจะโดนรุมประชาทัณฑ์ ตำรวจก็ยอม (ซึ่งจะว่าไป ตำรวจก็ไม่มีอำนาจบังคับ หากทางผู้ต้องหาไม่ยอมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ)
ในคดีนี้ หากตำรวจจะใช้เพียงคำรับสารภาพของมือไขควง โดยไม่มีรูปถ่ายการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ต้องระวังให้มากๆ เพราะคดีอาจจะพลิกจนศาลยกฟ้องในข้อหาเจตนาฆ่าคนตายได้ ดังนั้น ตำรวจต้องมีพยานหลักฐานอื่นๆ ให้รัดกุมด้วย แต่หลักฐานสำคัญ คือไขควงที่ใช้ฆ่าน้องปอนด์ ตำรวจก็ไมไ่ด้ใช้ความระมัดระวัง จนทำให้ลายนิ้วมือตนเองหรือใครต่อใครปะปนเข้าไปจนน่าจะใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้แล้ว
ลูกชายรองผกก.รับสารภาพแล้ว เป็นมือไขควงฆ่าน้องปอนด์ แต่ไม่ได้ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ระวังจะกลับคำให้การชั้นศาล
เหตุผลที่กังวลใจ ก็เนื่องจากถึงแม้จะมีคำรับสารภาพของผู้ต้องหา แต่เนื่องจากคำรับสารภาพของผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวน ถือเป็นเพียงพยานบอกเล่าซึ่งในสายตาของศาล ถือว่ามีน้ำหนักน้อย ดังนัน ปกติในคดีอาญาอื่นๆ แม้จำเลยรับสารภาพแล้ว พนักงานสอบสวนมักจะจัดให้ผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพด้วย ซึ่งจะสามารถใช้เป็นพยานแวดล้อมประกอบเพื่อมัดจำเลยในชั้นสืบพยานในชั้นศาล โดยเฉพาะในคดีที่ไม่มีประจักษ์พยาน และจำเลยรับในชั้นสอบสวนแต่ไปกลับคำให้การในชั้นศาล หรือในคดีที่อัตราโทษจำคุกเกินกว่า 5 ปีซึ่งถึงแม้จำเลยจะรับสารภาพ แต่โจทก์หรืออัยการมีหน้าที่ต้องนำสืบพยานหลักฐานให้เป็นที่พอใจของศาล จึงจะลงโทษจำเลยได้ (อันนี้จะเป็นเหตุผลให้เวลาที่เราดูข่าวทางทีวี จะเห็นว่าในคดีที่ผู้ต้องหารับสารภาพแล้ว ตำรวจก็จะพาไปผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพด้วย ถึงแม้จะต้องฝ่าดงตีนของฝูงชนที่จ้องจะรุมประชาทัณฑ์ก็ตาม)
เพราะเพียงลำพังแค่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวน ศาลถือว่าเป็นพยานบอกเล่า มีน้ำหนักรับฟังได้น้อย ฉะนั้น ต้องนำสืบพยานหลักฐานแวดล้อมอื่นๆ ประกอบ ซึ่งศาลถือว่าภาพถ่ายของผู้ต้องหาในตอนทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น เมื่อฟังประกอบกับคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนแล้ว จะฟังดูมีน้ำหนักพอที่จะใช้ลงโทษจำเลยได้
เหตุผลที่ศาลถือว่าแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ฟังดูมีน้ำหนักเมื่อฟังประกอบคำรับสารภาพ ก็เพราะเหตุว่า การที่จำเลยสามารถแสดงท่าทาง กิริยาอาการ การต่อสู้ หรือการหยิบจับอาวุธ การเคลื่อนไหว การหลบหนี หรือแสดงรายละเอียดของการกระทำความผิดอย่างเป็นลำดับขั้นได้ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงนั้น ย่อมฟังแล้วน่าเชื่อถือกว่าคำรับสารภาพลอยๆ เพราะหากจำเลยไม่ได้กระทำความผิดจริง ก็คงยากที่จะแสดงรายละเอียดในการกระทำความผิดได้เป็นลำดับขั้นตอน
สรุป ในคดีน้องปอนด์ เหตุการณ์มันมะลุมมะต้มกันอยู่ในห้อง ซึ่งเพื่อนของน้องปอนด์หนีออกมาจากห้องแล้ว เหลือแต่พรรคพวกที่ร่วมกันกระทำความผิด ปัญหา คือ ใครกันแน่ที่เป็นคนใช้ไขควงแทงน้องปอนด์ เพราะคนนี้เป็นคนเดียวที่มีเจตนาฆ่าน้องปอนด์แน่ๆ
ตอนนี้ ลูกชายรอง ผกก. รับสารภาพออกมาแล้วว่าเป็นคนทำ แต่ไม่ยอมไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อ้างว่ากลัวจะโดนรุมประชาทัณฑ์ ตำรวจก็ยอม (ซึ่งจะว่าไป ตำรวจก็ไม่มีอำนาจบังคับ หากทางผู้ต้องหาไม่ยอมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ)
ในคดีนี้ หากตำรวจจะใช้เพียงคำรับสารภาพของมือไขควง โดยไม่มีรูปถ่ายการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ต้องระวังให้มากๆ เพราะคดีอาจจะพลิกจนศาลยกฟ้องในข้อหาเจตนาฆ่าคนตายได้ ดังนั้น ตำรวจต้องมีพยานหลักฐานอื่นๆ ให้รัดกุมด้วย แต่หลักฐานสำคัญ คือไขควงที่ใช้ฆ่าน้องปอนด์ ตำรวจก็ไมไ่ด้ใช้ความระมัดระวัง จนทำให้ลายนิ้วมือตนเองหรือใครต่อใครปะปนเข้าไปจนน่าจะใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้แล้ว