วันนี้ (1 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดยะลาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 คดีหมายเลขดำ 312/2563 ที่พนักงานอัยการจังหวัดยะลา เป็นโจทก์ฟ้อง นายซูกรี มูเซะ อายุ 33 ปี, นายสาแปอิง สะเตาะ อายุ 39 ปี, นายแวอาแซ แวยูโซะ อายุ 34 ปี, นายมัสสัน เจะดือเระ อายุ 29 ปี และ นายอับดุลเล๊าะ มะสาเม๊าะ อายุ 30 ปี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร ความผิดต่อชีวิต และความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
.
โดยคดีนี้ จำเลยทั้งห้าถูกฟ้องจากเหตุการณ์จ่อยิงหัวชาวบ้านดับ 5 ศพพร้อมกัน เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2561 ที่ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ ซึ่ง
เป็นคดีที่ นายคณากร เพียรชนะ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งห้า หลังจากนั้น นายคณากร ก็ยิงตัวเองภายในห้องพิจารณาคดีศาลจังหวัดยะลา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อปี 2562 ทำให้ถูกสอบวินัย กระทั่งก่อเหตุยิงตัวเองที่บ้านอีกครั้งในปี 2563 จนเสียชีวิต
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ มีคนร้ายร่วมกันใช้อาวุธปืนหลายกระบอกและหลายชนิด ยิง ชาวบ้าน 5 คนถึงแก่ความตาย
พยานโจทก์เบิกความได้ละเอียดสอดคล้องกัน ปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีเหตุโกรธเคืองจำเลยทั้งห้า จึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะกลั่นแกล้งปรักปรำ ส่วนพยานโจทก์ที่ร่วมกระทำผิดเบิกความถึงการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่องในการติดต่อระหว่างก่อเหตุ ยึดได้ที่เล้าไก่ พยานโจทก์ที่ซัดทอดและร่วมกระทำผิดเล่าถึงที่มาที่ไปในการกระทำความผิดเป็นขั้นตอนชัดแจ้ง ไม่มีลักษณะเป็นการปัดความผิด จึงเชื่อได้ว่าพยานโจทก์เบิกความตามสัตย์จริง มีเหตุผลหนักแน่น
แม้จำเลยทั้งห้า จะนำสืบอ้างถูกข่มขู่ถูกทำร้ายร่างกาย เพื่อให้ยอมรับสารภาพ ก็อ้างแต่เพียงลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมานำสืบสนับสนุนให้รับฟังได้
.
พยานโจทก์ได้นำสืบการใช้โทรศัพท์ที่ยึดได้ที่เล้าไก่ ติดต่อกับพวกจำเลย โดยจำเลยที่ 2, 5 นำชี้จุดซ่อนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ แม้ไม่ได้อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ แต่พบของกลางอื่น ได้แก่กระสุนและอาวุธปืน ที่ได้นำชี้ตรวจค้นจริง บ่งชี้ได้ว่ามีการเก็บซ่อนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุจริง จำเลยทั้งห้ายอมรับต่อพนักงานสอบสวนว่าร่วมกระทำความผิดคดีนี้ โดยมีผู้นำศาสนาเข้าร่วมรับฟังการสอบสวน
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานอั้งยี่ จำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 1, 3, 4 ฐานซ่องโจร คนละ 3 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนฯ คนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนฯ คนละ 3 ปี ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2, 5 ฐานสนับสนุนร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกตลอดชีวิต
https://mgronline.com/crime/detail/9630000078676
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดความจริงก็กระจ่าง ซักทีว่า ใครกันแน่พยายามบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม
#สังคมได้ความยุติธรรม
โปะแตก! ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำคุก จำเลยคดีก่อเหตุยิงชาวบ้าน 5 ศพ จ.ยะลา ที่“คณากร” ยกฟ้อง
.
โดยคดีนี้ จำเลยทั้งห้าถูกฟ้องจากเหตุการณ์จ่อยิงหัวชาวบ้านดับ 5 ศพพร้อมกัน เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2561 ที่ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ ซึ่งเป็นคดีที่ นายคณากร เพียรชนะ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งห้า หลังจากนั้น นายคณากร ก็ยิงตัวเองภายในห้องพิจารณาคดีศาลจังหวัดยะลา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อปี 2562 ทำให้ถูกสอบวินัย กระทั่งก่อเหตุยิงตัวเองที่บ้านอีกครั้งในปี 2563 จนเสียชีวิต
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ มีคนร้ายร่วมกันใช้อาวุธปืนหลายกระบอกและหลายชนิด ยิง ชาวบ้าน 5 คนถึงแก่ความตาย
พยานโจทก์เบิกความได้ละเอียดสอดคล้องกัน ปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีเหตุโกรธเคืองจำเลยทั้งห้า จึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะกลั่นแกล้งปรักปรำ ส่วนพยานโจทก์ที่ร่วมกระทำผิดเบิกความถึงการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่องในการติดต่อระหว่างก่อเหตุ ยึดได้ที่เล้าไก่ พยานโจทก์ที่ซัดทอดและร่วมกระทำผิดเล่าถึงที่มาที่ไปในการกระทำความผิดเป็นขั้นตอนชัดแจ้ง ไม่มีลักษณะเป็นการปัดความผิด จึงเชื่อได้ว่าพยานโจทก์เบิกความตามสัตย์จริง มีเหตุผลหนักแน่น
แม้จำเลยทั้งห้า จะนำสืบอ้างถูกข่มขู่ถูกทำร้ายร่างกาย เพื่อให้ยอมรับสารภาพ ก็อ้างแต่เพียงลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมานำสืบสนับสนุนให้รับฟังได้
.
พยานโจทก์ได้นำสืบการใช้โทรศัพท์ที่ยึดได้ที่เล้าไก่ ติดต่อกับพวกจำเลย โดยจำเลยที่ 2, 5 นำชี้จุดซ่อนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ แม้ไม่ได้อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ แต่พบของกลางอื่น ได้แก่กระสุนและอาวุธปืน ที่ได้นำชี้ตรวจค้นจริง บ่งชี้ได้ว่ามีการเก็บซ่อนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุจริง จำเลยทั้งห้ายอมรับต่อพนักงานสอบสวนว่าร่วมกระทำความผิดคดีนี้ โดยมีผู้นำศาสนาเข้าร่วมรับฟังการสอบสวน
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานอั้งยี่ จำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 1, 3, 4 ฐานซ่องโจร คนละ 3 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนฯ คนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนฯ คนละ 3 ปี ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2, 5 ฐานสนับสนุนร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกตลอดชีวิต
https://mgronline.com/crime/detail/9630000078676
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดความจริงก็กระจ่าง ซักทีว่า ใครกันแน่พยายามบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม
#สังคมได้ความยุติธรรม