ถ้ามีสติ-ยับยั้งชั่งใจคงไม่เกิดเรื่อง! ศาลสั่งคุก 10 ปี วิศวะเลือดร้อนยิงโจ๋ดับ ชี้ไม่ใช่ป้องกันตัว

วันนี้อากาศร้อน อารมณ์คนก็ร้อน แต่จะร้อนยังไงก็มาดูเคสนี้ไว้เป็นที่ระลึกเตือนใจกันนะครับ

ปล.กรุณาอ่านทำความเข้าใจ และหาข้อมูลก่อนที่จะวิจารณ์นะครับ  


https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000096792
ศาลชลบุรีจำคุกชายวิศวกร 10 ปี ข้อหาฆ่าผู้ตายโดยเจตนา หลังยิงกลุ่มวัยรุ่นที่ทำร้าย จนเยาวชนวัย 17 เสียชีวิต ชี้ไม่ใช่การป้องกันตัว แต่เป็นการสมัครใจวิวาท ถ้ามีสติรู้จักยับยั้งชั่งใจคงไม่เกิดเรื่อง

วันนี้ (27 ก.ย.) ศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษาจำคุก นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 51 ปี วิศวกร เป็นเวลา 15 ปี ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ปรับ 4,000 บาท ฐานพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ หลังก่อเหตุยิง นายนวพล ผึ่งผาย หรือ ปอนด์ อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มวัยรุ่นที่มากับรถตู้อีกคันหนึ่งถึงแก่ความตาย เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ. 2560 ที่ถนนสายอ่างศิลา-สุขุมวิท ต.อ่างศิลา อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี เนื่องจากเหตุทะเลาะวิวาท แต่ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี และปรับ 2,000 บาท รวมทั้งชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 340,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี แก่นางมณีพร ผึ่งผาย มารดาผู้ตาย

โดยศาลเห็นว่า เรื่องนี้เกิดจากฝ่ายของผู้ตายจอดรถตู้และรถยนต์หน้าร้านขายของฝาก กีดขวางทางออกของจำเลย ทำให้มีปากเสียงกัน แต่เหตุวิวาทจบลง หลังรถตู้และรถยนต์ของฝ่ายผู้ตายขับออกไป โดยมิได้ท้าทายจำเลยอีก หากจำเลยมีสติรู้จักยับยั้งชั่งใจจอดรถรอสักพัก เพื่อให้โทสะคลายลง แล้วค่อยขับรถออกไปเหตุคดีนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่จำเลยกลับขับรถตาม ขับแซงและบีบแตรยาวใส่ อีกทั้งภรรยาจำเลยใช้มือถือถ่ายภาพรถยนต์ของฝ่ายผู้ตาย ย่อมเป็นการท้าทายผู้ตายกับพวกให้เกิดโทสะและเข้ามาวิวาท และเนื่องจากจำเลยพกพาอาวุธและเตรียมไว้ตั้งแต่ที่หน้าร้านขายของฝาก บ่งชี้เจตนาว่าพร้อมที่จะสมัครใจวิวาท เมื่อขับรถปาดหน้าและจอดขวางรถยนต์ฝ่ายผู้ตาย แสดงให้เห็นว่ามีเจตนาวิวาทกับผู้ตายและพวกมาตลอดทาง

เมื่อจำเลยเห็นว่าผู้ตายกับพวกมากันหลายคน เริ่มเกิดความขลาดกลัว แต่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงและคำพูดในลักษณะไว้ท่าทีว่าจะเอาเรื่อง ประกอบกับจำเลยเตรียมอาวุธปืนไว้พร้อมยิงต่อสู้ฝ่ายผู้ตาย จึงต้องฟังว่า ต่างฝ่ายต่างสมัครใจวิวาท แม้ผู้ตายกับพวกทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่เมื่อเหตุการณ์ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมาไม่ขาดตอน ตามพฤติการณ์ต่างฝ่ายต่างสมัครใจวิวาทกัน จำเลยจะอ้างว่ายิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัวไม่ได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ตายกับพวกทำร้ายมารดา ภรรยา และหลานที่มากับจำเลย จึงอ้างไม่ได้ว่าจำเลยยิงตายเพื่อป้องกันผู้อื่น จึงมีความผิดฐานพกพาอาวุธปืนและฆ่าผู้อื่นตามฟ้อง แต่เนื่องจากจำเลยมิได้มีจิตใจโหดเหี้ยมเยี่ยงโจรผู้ร้าย เพียงแต่ขาดสติยับยั้งชั่งใจในการควบคุม อีกทั้งหลังเกิดเหตุมิได้หลบหนีและยอมรับกับตำรวจในทันที เห็นสมควรลงโทษจำเลยในสถานเบา และลดโทษ 1 ใน 3 ดังกล่าว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่