Sava Dining @The Helix Quartier ชั้น 6 EmQuartier
The EmQuartier ถือเป็นแหล่งรวมร้านอาหารชั้นยอดไว้อีกที่หนึ่งของประเทศไทยเลยครับ เพราะมีมากถึงกว่า50ร้านดัง และร้านเกิดใหม่ ไม่รวมร้านเล็กๆย่อยๆในโซนFood court ร้านเด่นๆดังๆ ตัวEmQuartier จะมีตึกหลักๆอยู่3ตึกครับ จะมี
1. Helix Quartier(อาคารA)
2. Glass Quartier (อาคาร B)
3. Waterfall a (อาคาร C)
โดยแต่ละตึกก็จะมีทางเชื่อมถึงกันหมด รวมถึงทางเชื่อมมาฝั่งEmporiumด้วยครับ ตัวตึก Helix Quartier หรืออาคารA จะรวบรวมร้านค้าที่เป็น International Luxury Brands ไว้ครับ และที่พิเศษสุดสำหรับผมน่าจะเป็นชั้น6-9ครับ ที่รวบรวมร้านอาหารชื่อดังไว้มากมาย เป็นทางเดินวนไล่ระดับความสูงขึ้นไปพร้อมร้านอาหารที่ไล่เรียงรายให้เลือกสรรค์ ร้านSava Dining เป็นอีกหนึ่งร้านที่อยู่บนชั้น6ของตึก Helix Quartierครับ ถ้าออกจากลิฟต์มาเลี้ยวซ้ายออกมานิดเดียวก็จะเจอร้านนี้เลยครับ ร้านนี้หลักๆจะเสิร์ฟอาหารไทยและเทศกึ่งๆฟิวชั่นครับ รวมถึงหลายเมนูที่นำเอาอาหารไทยมาผสมผสานกับอาหารตะวันตก หรือEast meet Westครับ ส่วนการตกแต่งอาหารของที่นี่ ก็แต่งออกมาเรียบง่ายแต่ดูดีทุกจานเลยครับ
บรรยากาศร้านก็จะโปร่งๆโล่งๆครับ จัดโต๊ะไม่อึดอัดเกิน พอมีspaceระหว่างโต๊ะพอให้คุยเรื่องส่วนตัวกันได้ ร้านนี้รองรับแขกได้ประมาณเกือบร้อยที่ครับ
พอเริ่มนั่งทางร้านก็จะมีผักสดทานอย่างแครอท แตงกวา ขมิ้นขาวและใบมิ้นต์ครับ เสิร์ฟมาคู่กับDip ส่วนตัวDipจะออกคล้ายๆน้ำจิ้มงาผสมSoy Sauce ผสมมิโสะครับ รสชาติออกเค็มๆนิดๆและหอมดีครับ
เครื่องดื่มจะเป็นโกโก้เย็นจะเสิร์ฟมาแบบไม่หวานครับสามารถสั่งsyrubมาเสริมได้ครับ
Tiramisu Smoothy แก้วนี้หอม เข้มข้นอร่อยๆดีครับ
Mixed Fruits แก้วนี้ออกเปรี้ยวๆอมหวานดีครับ สดชื่นมากๆ แต่ออกจะหวานซักหน่อยสำหรับคนไม่ชอบหวานนะครับ ในแก้วยังมีส้มแมนดารินฝาน ลิ้นจี่ องุ่นและราสเบอร์รี่ครับ
อาหารเริ่มต้นที่เมนูทานเล่นแบบSnacksที่เป็นเมนูทานเล่นที่ไม่เล่นเลยครับ เพราะมาแต่ละจานก็ค่อนข้างเยอะเลยเริ่มจากปีกไก่ทอด(180บาท) เสิร์ฟมาในตระกร้าเหล็กทรงสูงครับ เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วรสไทยๆครับ ไก่ทอดจะโรยหน้ามาด้วยPamesan Cheese และที่พิเศษของเมนูนี้จะเป็น Himalayan Pink salt โดยที่พนักงานจะมาขูดให้สดๆที่โต๊ะเลยครับ ร้านอาหารในเมืองไทยหลายๆร้านก็เริ่มจะใช้Himalayan Pink saltมาเป็นตัวชูโรงในเครื่องปรุงรสของแต่ละเมนูอีกด้วยครับ เมนูนี้ผมว่าแทบไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มแจ่วเลยครับ เพราะตัวไก่ก็หมักออกมาเค็มนิดๆอยู่แล้วครับ บวกกับPamesan CheeseและHimalayan Pink salt ทำให้เค็มลงตัวดีครับ
ยำดอกขจรพริกสด (280บาท) เมนูนี้หน้าตาจะเหมือนกับยำถั่วพลูเลยครับ ตอนที่ยกมาเสิร์ฟทีแรกผมยังนึงว่าเค้าทำมาผิด แต่พอดูดีๆถึงรู้ว่าเป็นดอกขจร รสชาติก็คล้ายๆยำถั่วพลูครับ ค่อนข้างครบรสเลยทีเดียว เสิร์ฟมากับกุ้งลวกตัวใหญ่ๆ เนื้อเด้งๆกับปลาหมึกสดโรยหน้าด้วยหอมเจียวยิ่งเพิ่มความหอมเข้าไปอีกเลยครับ
ยำหัวปลีสดไก่ฉีกแบบโบราณ (280บาท) ยำมากับน้ำพริกเผาปรุงรส พร้อมเสิร์ฟมากับไข่เป็ดต้มยางมะตูม ตักทานเข้าไปเจอจะไก่ฉีกแบบเต็มปากเต็มคำเลยครับ เมนูนี้รสชาติจะจัดกว่ายำดอกขจรพริกสดครับ
ขนมปังฝรั่งเศสหน้าแหนม (190บาท) เมนูนี้เป็นBruschettaแบบผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตกครับ ถือเมนูเรียกน้ำย่อยอีกแบบหนึ่งที่ทำทานเองก็ไม่ยากครับ เมนูนี้ใช้แหนมบ้านเรามาเป็นตัวชูโรงให้ Bruschetta ดูแปลกเข้าไปอีกครับ แต่จริงๆแล้วBruschetta สามารถจะใส่อะไรเข้าไปก็ได้ครับ แต่หลักๆที่ขาดไม่ได้ก็จะมีมะเขือเทศ หอมแดง กระเทียมครับ ที่นี่ก็จะมีพริกสดเพิ่มเข้าไปด้วย และเสิร์ฟพร้อมกับแตงกวาดองและหอมดองครับ วางบนขนมปังฝรั่งเศสโรยหน้าด้วยเชดด้าชีส แล้วอบให้ชีสพอละลายครับ แบบมีชีสก็อร่อยไปอีกแบบครับ แต่ส่วนตัวผมชอบเอาเครื่องมาคลุกๆรวมกับน้ำมันมะกอกและแช่ตู้เย็นให้เย็นฉ่ำๆหน่อยครับ แล้วมาวางบนขนมปังอบให้ร้อนกรอบทานแล้วเย็นๆชื่นใจดีครับ
หมูสามชั้นตุ๋นพะโล้เหล้าจีน ขนมปังฝรั่งเศส (340บาท) อีกหนึ่งเมนู East meet West ที่นำเอาพะโล้มาทานกับขนมปังฝรั่งเศสครับ ผมไม่เคยทานด้วยกันมาก่อนเลยครับ เลยรู้สึกแปลกๆไปซักหน่อย ตัวพะโล้ออกจะหวานๆไปซักหน่อยสำหรับผม แต่ตัวเครื่องพะโล้จะได้กลิ่นเครื่องเทศ5อย่างออกชัดเจนดีครับ แต่น้ำที่ขลุกขลิกดูจะใสไปนิด ส่วนตัวผมชอบพะโล้ที่ออกแบบต้มเค็มครับ ที่น้ำจะข้นๆ เครื่องเทศชัดๆและไม่หวานเกินไปครับ
อุด้งคาโบนาร่าเมนไทโกะ(340บาท) เมนูนี้ใช้เส้นอุด้งมาผสมผสานกับซอสคาโบนาร่าครีมไข่ปลาแล้วโรยหน้าด้วยเบคอน สาหร่ายญี่ปุ่น เสิร์ฟพร้อมกับไข่ลวกออนเซ็นและปลาโออบแห้ง จริงๆเมนูนี้เริ่มมีให้เห็นเยอะในร้นอาหารญี่ปุ่นครับ ร้านนี้ก็ทำออกมาได้ดีเลยครับ แต่ผมติดที่ปลาโอแห้งเยอะไปหน่อยครับ เลยกลบความนวลของครีมซอสไปเยอะเลยครับ แต่ถ้าใครชอบปลาโออบแห้งน่าจะยิ่งชอบเมนูนี้นะครับ แต่รวมๆแล้วผมก็ค่อนข้างชอบเมนูนี้เลยครับ
สปาเก็ตตี้ครีมเนื้อปูและไข่กุ้ง(360บาท) เมนูนี้เป็นโรยหน้าด้วยสาหร่ายและParmesan Cheeseครับ และจะมีCheese Cracker โปะหน้ามาด้วย ผมเลยลองยกออกแล้วถ่ายให้ดูด้วยครับ
ผัดหมี่กระเฉดน่องเป็ดกรอบ (290บาท) เมนูหมี่ผัดผีกกระเฉดหาทานอร่อยๆยากครับ แต่ร้านนี้ผมว่าทำมาลงตัวดีครับ เอาเส้นมาผัดพริกกระเทียมหอมดี รสชาติลงตัวดี ไม่เค็มเหมือนหลายๆร้าน ส่วนตัวน่องเป็ดตุ๋น แล้วเอามาอบอีกทีให้หนังเหลืองกรอบ แต่ก็ไม่ได้ล่อนเหมือนพวกห่านอบ หรือเป็ดอบครับ ตัวเป็ดเนื้อไม่เหนียวครับ อบมารสชาติจะเค็มๆนิดนึงอร่อยดี ทานคู่กับเส้นหมี่แล้วก็เข้ากันดีครับ
ราดหน้าปลากระพงเส้นใหญ่คะน้ากรอบ (340บาท) ตอนที่เสิร์ฟมาทีแรกผมมองแบบไม่ตั้งใจ นึกว่ามีปลากระพงมาเต็มจานครับ แต่เอาเข้าจริงจะเป็นเส้นใหญ่ทอดกรอบครับ 555 แอบขำตัวเองเล็กน้อย เมนูนี้พอเอาเส้นมาทอดกรอบแล้วโดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบครับเพราะมันจะอมน้ำมันนิดๆ เวลากัดเข้าไปแล้วจะยิ่งมันในปาก แต่จะชอบให้เอาเส้นใหญ่มาผัดในกระทะให้มีกลิ่นไหม้นิดๆอร่อยกว่า(สำหรับผมครับ) ส่วนตัวก้านคะน้ากรอบอร่อยดีครับ แต่จะมีเสี้ยนติดที่ปลายคำเล็กน้อย ซึ่งผมก็แจ้งทางร้านไปเรียบร้อยแล้วครับ และตัวปลากระพงเสิร์ฟมาในเมนูนี้ชิ้นใหญ่พอสมควรครับ เนื้อปลาหวานสดดีครับ
รวมๆแล้วอาหารทุกเมนูจัดมาเรียบง่ายแต่ดูดีทุกจานครับ ส่วนรสชาติในหลายๆเมนูผมชอบครับ ติดเพียงไม่กี่เมนูตามที่คอมเม้นต์ไป ที่ร้านยังมีเมนูที่น่าสนใจอีกหลายเมนูที่ผมอยากลองมากๆครับ อย่างปอเปี๊ยะไส้ไข่ปลา สปาเก็ตตี้ผัดกะปิหมูฮ้อง สปาเก็ตตี้ผัดหมูคั่วเค็ม อุด้งขี้เมาทะเล พัฟแกงเขียวหวานไก่ ร้านนี้ราคาอาหารจะเฉลี่ยอยู่ที่100-300++ครับ ก็ถือว่าราคากลางๆ+นะครับ
ฝากติดตามรีวิวร้านอื่นๆของเราได้เพิ่มเติมอีกสองช่องทางนะครับ
1. ทางเฟส
http://www.facebook.com/LetsEatThailand และ
2. ทางBlog
http://www.LetsEatThailand.com ด้วยนะคร้าบบบบ ขอบคุณครับ
[SR] Let's Eat รีวิว: Sava Dining @The Helix Quartier ชั้น 6 EmQuartier หลากหลายอาหารFusionทั้งไทยและเทศ สวยหล่อทุกเมนู
The EmQuartier ถือเป็นแหล่งรวมร้านอาหารชั้นยอดไว้อีกที่หนึ่งของประเทศไทยเลยครับ เพราะมีมากถึงกว่า50ร้านดัง และร้านเกิดใหม่ ไม่รวมร้านเล็กๆย่อยๆในโซนFood court ร้านเด่นๆดังๆ ตัวEmQuartier จะมีตึกหลักๆอยู่3ตึกครับ จะมี
1. Helix Quartier(อาคารA)
2. Glass Quartier (อาคาร B)
3. Waterfall a (อาคาร C)
โดยแต่ละตึกก็จะมีทางเชื่อมถึงกันหมด รวมถึงทางเชื่อมมาฝั่งEmporiumด้วยครับ ตัวตึก Helix Quartier หรืออาคารA จะรวบรวมร้านค้าที่เป็น International Luxury Brands ไว้ครับ และที่พิเศษสุดสำหรับผมน่าจะเป็นชั้น6-9ครับ ที่รวบรวมร้านอาหารชื่อดังไว้มากมาย เป็นทางเดินวนไล่ระดับความสูงขึ้นไปพร้อมร้านอาหารที่ไล่เรียงรายให้เลือกสรรค์ ร้านSava Dining เป็นอีกหนึ่งร้านที่อยู่บนชั้น6ของตึก Helix Quartierครับ ถ้าออกจากลิฟต์มาเลี้ยวซ้ายออกมานิดเดียวก็จะเจอร้านนี้เลยครับ ร้านนี้หลักๆจะเสิร์ฟอาหารไทยและเทศกึ่งๆฟิวชั่นครับ รวมถึงหลายเมนูที่นำเอาอาหารไทยมาผสมผสานกับอาหารตะวันตก หรือEast meet Westครับ ส่วนการตกแต่งอาหารของที่นี่ ก็แต่งออกมาเรียบง่ายแต่ดูดีทุกจานเลยครับ
บรรยากาศร้านก็จะโปร่งๆโล่งๆครับ จัดโต๊ะไม่อึดอัดเกิน พอมีspaceระหว่างโต๊ะพอให้คุยเรื่องส่วนตัวกันได้ ร้านนี้รองรับแขกได้ประมาณเกือบร้อยที่ครับ
พอเริ่มนั่งทางร้านก็จะมีผักสดทานอย่างแครอท แตงกวา ขมิ้นขาวและใบมิ้นต์ครับ เสิร์ฟมาคู่กับDip ส่วนตัวDipจะออกคล้ายๆน้ำจิ้มงาผสมSoy Sauce ผสมมิโสะครับ รสชาติออกเค็มๆนิดๆและหอมดีครับ
เครื่องดื่มจะเป็นโกโก้เย็นจะเสิร์ฟมาแบบไม่หวานครับสามารถสั่งsyrubมาเสริมได้ครับ
Tiramisu Smoothy แก้วนี้หอม เข้มข้นอร่อยๆดีครับ
Mixed Fruits แก้วนี้ออกเปรี้ยวๆอมหวานดีครับ สดชื่นมากๆ แต่ออกจะหวานซักหน่อยสำหรับคนไม่ชอบหวานนะครับ ในแก้วยังมีส้มแมนดารินฝาน ลิ้นจี่ องุ่นและราสเบอร์รี่ครับ
อาหารเริ่มต้นที่เมนูทานเล่นแบบSnacksที่เป็นเมนูทานเล่นที่ไม่เล่นเลยครับ เพราะมาแต่ละจานก็ค่อนข้างเยอะเลยเริ่มจากปีกไก่ทอด(180บาท) เสิร์ฟมาในตระกร้าเหล็กทรงสูงครับ เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วรสไทยๆครับ ไก่ทอดจะโรยหน้ามาด้วยPamesan Cheese และที่พิเศษของเมนูนี้จะเป็น Himalayan Pink salt โดยที่พนักงานจะมาขูดให้สดๆที่โต๊ะเลยครับ ร้านอาหารในเมืองไทยหลายๆร้านก็เริ่มจะใช้Himalayan Pink saltมาเป็นตัวชูโรงในเครื่องปรุงรสของแต่ละเมนูอีกด้วยครับ เมนูนี้ผมว่าแทบไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มแจ่วเลยครับ เพราะตัวไก่ก็หมักออกมาเค็มนิดๆอยู่แล้วครับ บวกกับPamesan CheeseและHimalayan Pink salt ทำให้เค็มลงตัวดีครับ
ยำดอกขจรพริกสด (280บาท) เมนูนี้หน้าตาจะเหมือนกับยำถั่วพลูเลยครับ ตอนที่ยกมาเสิร์ฟทีแรกผมยังนึงว่าเค้าทำมาผิด แต่พอดูดีๆถึงรู้ว่าเป็นดอกขจร รสชาติก็คล้ายๆยำถั่วพลูครับ ค่อนข้างครบรสเลยทีเดียว เสิร์ฟมากับกุ้งลวกตัวใหญ่ๆ เนื้อเด้งๆกับปลาหมึกสดโรยหน้าด้วยหอมเจียวยิ่งเพิ่มความหอมเข้าไปอีกเลยครับ
ยำหัวปลีสดไก่ฉีกแบบโบราณ (280บาท) ยำมากับน้ำพริกเผาปรุงรส พร้อมเสิร์ฟมากับไข่เป็ดต้มยางมะตูม ตักทานเข้าไปเจอจะไก่ฉีกแบบเต็มปากเต็มคำเลยครับ เมนูนี้รสชาติจะจัดกว่ายำดอกขจรพริกสดครับ
ขนมปังฝรั่งเศสหน้าแหนม (190บาท) เมนูนี้เป็นBruschettaแบบผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตกครับ ถือเมนูเรียกน้ำย่อยอีกแบบหนึ่งที่ทำทานเองก็ไม่ยากครับ เมนูนี้ใช้แหนมบ้านเรามาเป็นตัวชูโรงให้ Bruschetta ดูแปลกเข้าไปอีกครับ แต่จริงๆแล้วBruschetta สามารถจะใส่อะไรเข้าไปก็ได้ครับ แต่หลักๆที่ขาดไม่ได้ก็จะมีมะเขือเทศ หอมแดง กระเทียมครับ ที่นี่ก็จะมีพริกสดเพิ่มเข้าไปด้วย และเสิร์ฟพร้อมกับแตงกวาดองและหอมดองครับ วางบนขนมปังฝรั่งเศสโรยหน้าด้วยเชดด้าชีส แล้วอบให้ชีสพอละลายครับ แบบมีชีสก็อร่อยไปอีกแบบครับ แต่ส่วนตัวผมชอบเอาเครื่องมาคลุกๆรวมกับน้ำมันมะกอกและแช่ตู้เย็นให้เย็นฉ่ำๆหน่อยครับ แล้วมาวางบนขนมปังอบให้ร้อนกรอบทานแล้วเย็นๆชื่นใจดีครับ
หมูสามชั้นตุ๋นพะโล้เหล้าจีน ขนมปังฝรั่งเศส (340บาท) อีกหนึ่งเมนู East meet West ที่นำเอาพะโล้มาทานกับขนมปังฝรั่งเศสครับ ผมไม่เคยทานด้วยกันมาก่อนเลยครับ เลยรู้สึกแปลกๆไปซักหน่อย ตัวพะโล้ออกจะหวานๆไปซักหน่อยสำหรับผม แต่ตัวเครื่องพะโล้จะได้กลิ่นเครื่องเทศ5อย่างออกชัดเจนดีครับ แต่น้ำที่ขลุกขลิกดูจะใสไปนิด ส่วนตัวผมชอบพะโล้ที่ออกแบบต้มเค็มครับ ที่น้ำจะข้นๆ เครื่องเทศชัดๆและไม่หวานเกินไปครับ
อุด้งคาโบนาร่าเมนไทโกะ(340บาท) เมนูนี้ใช้เส้นอุด้งมาผสมผสานกับซอสคาโบนาร่าครีมไข่ปลาแล้วโรยหน้าด้วยเบคอน สาหร่ายญี่ปุ่น เสิร์ฟพร้อมกับไข่ลวกออนเซ็นและปลาโออบแห้ง จริงๆเมนูนี้เริ่มมีให้เห็นเยอะในร้นอาหารญี่ปุ่นครับ ร้านนี้ก็ทำออกมาได้ดีเลยครับ แต่ผมติดที่ปลาโอแห้งเยอะไปหน่อยครับ เลยกลบความนวลของครีมซอสไปเยอะเลยครับ แต่ถ้าใครชอบปลาโออบแห้งน่าจะยิ่งชอบเมนูนี้นะครับ แต่รวมๆแล้วผมก็ค่อนข้างชอบเมนูนี้เลยครับ
สปาเก็ตตี้ครีมเนื้อปูและไข่กุ้ง(360บาท) เมนูนี้เป็นโรยหน้าด้วยสาหร่ายและParmesan Cheeseครับ และจะมีCheese Cracker โปะหน้ามาด้วย ผมเลยลองยกออกแล้วถ่ายให้ดูด้วยครับ
ผัดหมี่กระเฉดน่องเป็ดกรอบ (290บาท) เมนูหมี่ผัดผีกกระเฉดหาทานอร่อยๆยากครับ แต่ร้านนี้ผมว่าทำมาลงตัวดีครับ เอาเส้นมาผัดพริกกระเทียมหอมดี รสชาติลงตัวดี ไม่เค็มเหมือนหลายๆร้าน ส่วนตัวน่องเป็ดตุ๋น แล้วเอามาอบอีกทีให้หนังเหลืองกรอบ แต่ก็ไม่ได้ล่อนเหมือนพวกห่านอบ หรือเป็ดอบครับ ตัวเป็ดเนื้อไม่เหนียวครับ อบมารสชาติจะเค็มๆนิดนึงอร่อยดี ทานคู่กับเส้นหมี่แล้วก็เข้ากันดีครับ
ราดหน้าปลากระพงเส้นใหญ่คะน้ากรอบ (340บาท) ตอนที่เสิร์ฟมาทีแรกผมมองแบบไม่ตั้งใจ นึกว่ามีปลากระพงมาเต็มจานครับ แต่เอาเข้าจริงจะเป็นเส้นใหญ่ทอดกรอบครับ 555 แอบขำตัวเองเล็กน้อย เมนูนี้พอเอาเส้นมาทอดกรอบแล้วโดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบครับเพราะมันจะอมน้ำมันนิดๆ เวลากัดเข้าไปแล้วจะยิ่งมันในปาก แต่จะชอบให้เอาเส้นใหญ่มาผัดในกระทะให้มีกลิ่นไหม้นิดๆอร่อยกว่า(สำหรับผมครับ) ส่วนตัวก้านคะน้ากรอบอร่อยดีครับ แต่จะมีเสี้ยนติดที่ปลายคำเล็กน้อย ซึ่งผมก็แจ้งทางร้านไปเรียบร้อยแล้วครับ และตัวปลากระพงเสิร์ฟมาในเมนูนี้ชิ้นใหญ่พอสมควรครับ เนื้อปลาหวานสดดีครับ
รวมๆแล้วอาหารทุกเมนูจัดมาเรียบง่ายแต่ดูดีทุกจานครับ ส่วนรสชาติในหลายๆเมนูผมชอบครับ ติดเพียงไม่กี่เมนูตามที่คอมเม้นต์ไป ที่ร้านยังมีเมนูที่น่าสนใจอีกหลายเมนูที่ผมอยากลองมากๆครับ อย่างปอเปี๊ยะไส้ไข่ปลา สปาเก็ตตี้ผัดกะปิหมูฮ้อง สปาเก็ตตี้ผัดหมูคั่วเค็ม อุด้งขี้เมาทะเล พัฟแกงเขียวหวานไก่ ร้านนี้ราคาอาหารจะเฉลี่ยอยู่ที่100-300++ครับ ก็ถือว่าราคากลางๆ+นะครับ
ฝากติดตามรีวิวร้านอื่นๆของเราได้เพิ่มเติมอีกสองช่องทางนะครับ
1. ทางเฟส http://www.facebook.com/LetsEatThailand และ
2. ทางBlog http://www.LetsEatThailand.com ด้วยนะคร้าบบบบ ขอบคุณครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น