สวรรค์บาป ตอนที่5 >>
http://ppantip.com/topic/33546228
ตอนที่6
เมื่อเห็นว่าชานนท์ชะงักโดยมิได้เหลียวหลังมามองทางตน สตรีเจ้าของเสียงจึงเดินเลยขึ้นไปหยุดอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่ม กล่าวอีกครั้งอย่างอ่อนหวานว่า
"แหม! คุณชานนท์ ใจคอจะไม่ยอมสละเวลาให้ฉันสักนิดเชียวหรือคะ?"
ชายหนุ่มสบตาหล่อนด้วยความพิศวง นึกไม่ออกว่าเขาเคยพบสตรีนางนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่!
"คุณคงจะงง แต่โปรดให้เวลากับฉันสักครู่เถอะค่ะ แล้วคุณจะเข้าใจเอง" หล่อนผู้นั้นกล่าวไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและแนนำตนเองว่า "ฉันชื่อพิมพ์มาดาค่ะ คุณชานนท์"
"คุณมีธุระอะไรกับผมไม่ทราบครับ?"
"เราขึ้นไปนั่งที่ร้านอาหารกันดีกว่านะคะ พิมพ์คิดว่ามันอาจจะดูไม่ดีเท่าไหร่ที่เรามายืนคุยนานๆในซุปเปอร์มาเก็ตอย่างนี้ คงจะเมื่อยแย่เลยค่ะ"
"เอ่อ...ผมขอโทษที่ไม่ทันคิด เชิญซิครับ" เขาก้มศีระษะกล่าวเชื้อเชิญหล่อนอย่างสุภาพ และในที่สุดหนุ่มสาวทั้งสองจึงได้ปรากฏตัวขึ้น ณ ร้านอาหารญี่ปุ่นบนห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัดชุมพรนั้น ภายหลังจากสั่งเครื่องดื่มและอาหารที่ต้องการแก่พนักงานบริการเรียบร้อยแล้ว ชานนท์จึงหันมาทางหญิงสาว ถามหล่อนอย่างอ่อนโยนว่า
"คุณมีธุระอะไรกับผมไม่ทราบครับ"
"มันเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันยาวสักหน่อยนะคะ" หญิงสาวตอบพร้อมกับจ้องหน้าขรึมคมเข้มสมชายชาตรีของเขา ด้วยแววตาเปิดเผยหัวใจอันเร้นลับของหล่อนอย่างเปิดเผยและไม่เขินอายเลยแม้แต่นิด "พิมพ์เป็นพี่สาวของกาญน์กนก"
"อ๋อ...หรือครับ"
"พิมพ์มาที่จังหวัดชุมพรนี่ก็เพื่อที่ต้องการจะเข้าไปอยู่ในบ้านเกียรติยานนท์เช่นเดียวกับคุณค่ะ พิมพ์มาถึงที่นี่ตั้งสองวันก่อนหน้าที่คุณจะมาแล้วล่ะค่ะ และเช่าโรงแรมอยู่ ก็เพื่อรอที่จะพบคุณ"
"คอยพบผม?" ชายหนุ่มเลิกคิ้วทบทวนคำอย่างรู้สึกประหลาดใจ "เพื่ออะไรไม่ทราบครับ"
"ก็เพื่อคุณจะได้ช่วยเหลือพิมพ์ให้ได้อยู่ในบ้านเกียรติยานนท์น่ะซีคะ ในฐานะอะไรก็ได้ค่ะ"
"เอ..." ชานนท์ขมวดคิ้วออกอุทานอย่างหนักใจ "ผมเองก็เป็นคนแปลกหน้าของเกียรติยานนท์ และเพิ่งมาถึงในวันนี้เหมือนกัน ผมจะช่วยคุณได้อย่างไรเล่าครับ ผมไม่อยากไปวุ่นวายกับคุณตรีรัตน์หรอกครับ เอ้อ...แต่ว่าเพราะอะไรคุณถึงอยากไปอยู่ที่นั่น"
"มันเป็นคำตอบที่ไม่ยากค่ะ" พูดพลางหล่อนก็ยิ้มให้เขาด้วยแววตาเป็นประกายประหลาดเป็นครั้งที่สอง "พิมพ์อยากอยู่ใกล้ชิดกับคุณยังไงล่ะคุณนนท์ขา พิมพ์ถึงได้ยอมลำบากมาถึงที่นี่ และยินดีที่จะอยู่ในบ้านเกียรติยานนท์แม้กระทั่งในฐานะคนรับใช้ ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณมันก็เพียงพอแล้วค่ะ"
"คุณพิมพ์มาดา!"
"คุณคงคิดว่าฉันไม่เมาก็บ้าซีนะคะ แต่พิมพ์ยอมรับค่ะว่า พิมพ์บ้ารักคุณ...รักตั้งแต่แรกเห็นในงานแต่งงานหลายเดือนก่อน พิมพ์ฺเป็นพี่สาวของกาญน์กนกแฟนน้องชายของคุณยังไงเล่าคะ!"
"คุณพิมพ์มาดา!"
ชายหนุ่มเรียกชื่อหล่อนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งตกใจและแปลกใจในความกล้าหาญอย่างไม่ถูกทางของหล่อนเป็นอย่างยิ่ง!
"โปรด...เอ่อ...อย่าคิดเหลวไหลอย่างนี้เลยครับ คุณพิมพ์มาดา" ในที่สุดชานนท์ก็กล่าวออกมาอย่างสุภาพ "มันจะทำให้คุณต้องลำบากโดยใช่เหตุ ผม...เอ่อ...อยู่ที่นี่ในฐานะคู่หมั้นของชลิตา ลูกคุณตรีรัตน์นะครับ!"
การสนทนาหยุดชะงักไปชั่วขณะเมื่อพนักงานหนุ่มได้นำอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งไว้มาวางบนโต๊ะ ซึ่งคั่นกลางระหว่างเขาทั้งสอง แต่ไม่มีใครสนใจกับอาหารตรงหน้า ถึงแม้พนักงานจะได้ถอยออกไปแล้ว และพิมพ์มาดานั่นเองเป็นผู้เปิดฉากสนทนากันอีกครั้ง
"ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจของดิฉันได้หรอกค่ะคุณชานนท์ ถึงคุณจะประณามฉันยังไงๆฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะ และก็ไม่สนใจด้วยว่าคุณจะเป็นที่หมายหมั้นของใคร ความพอใจของพิมพ์คือการได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณนะคะ ฉันรักคุณนะคะคุณนนท์ เข้าใจหรือยังคะ"
ชานนท์นิ่งอี้งไปด้วยความประหลาดใจหลายประการ และอย่างหนึ่งในความรู้สึกของเขานั้นคือ เขาเริ่มจะมองเห็นภัยแห่งความดื้อรั้นจะเอาชนะของผู้หญิงคนนี้ ชานนท์เคยได้ยินว่ามีสตรีอยู่ประเภทหนึ่งที่คอยจะหาทางจับผู้ชายดีๆด้วยวิธีการณ์อันแยบยล ซึ่งเขาก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำบอกเล่าดังนั้น แต่ทว่าในเวลานี้ พิมพ์มาดาได้เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีแล้วว่าสตรีประเภทนั้นมีอยู่จริง!
"โปรดคิดดูใหม่ให้ดีๆนะครับคุณพิมพ์มาดา" ชายหนุ่มกล่าวอีกครั้งด้วยสำเนียงสุภาพดังเดิม "ผมเกรงว่าคุณจะเสียเวลาเปล่าๆครับ ในการที่จะทำตัวใกล้ชิดผมน่ะ"
"เสียเวลา อ้อ! นี่คุณจะเห็นว่าผู้หญิงปลอมๆอย่างชลิตา น่าชื่นชมกว่าผู้หญิงแท้ๆหน้าตาดีๆอย่างพิมพ์อย่างนั้นหรือคะ พิมพ์ไม่คิดเลยว่าคุณนนท์จะโง่เง่าขนาดนี้
"ผู้หญิงแท้หรือไม่แท้มันไม่สำคัญหรอกนะครับ ข้อสำคัญอยู่ที่ความเป็นคนดีเท่านั้นแหละครับคุณพิมพ์มาดา ผมอาจจะแต่งงานกับเพศเดียวกันอย่างชลิตา ถ้าหากเธอเป็นคนดี!"
พิมพ์มาดาเปล่งเสียงหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อจบคำพูดของชานนท์
"คุณนนท์คงจะลืมเสียแล้วล่ะมั้งคะ ว่าคุณเป็นเพียง สุทธินันท์ ชญากรตัวปลอมเท่านั้น อ้อ บางทีคุณนนท์คงจะเห็นแก่มรดกพันล้านของนังกะเทยนั่นก็ได้มั้งคะ คุณถึงได้คิดจะใช้ชีวิตกับนังนั่น!"
"หยุดก้าวร้าวผมเสียทีเถอะ!" ชานนท์ทำเสียงขุ่น ดวงหน้าคมสันเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความโทสะ กรามถูกขบกันแน่น
"อุ๊ย! ตายจริง พิมพ์ไม่น่าจะยั่วให้คุณโกรธเลยนะคะ ในเมื่อฉันจะขอความช่วยเหลือจากคุณแท้ๆ" พิมพ์มาดาพูดพลางเอียงคอและยังคงยิ้มออกมาหน้าตาเฉย "พิมพ์หวังว่าคุณนนท์คงจะไม่ปฏิเสธหรอกนะคะ ว่าถ้าคุณให้ฉันไปอยู่ใรบ้านเกียรติยานนท์ พิมพ์สัญญาว่าความลับมันจะยังคงเป็นความลับต่อไป"
นึกอยู่แล้วเชียวว่าพิมพ์มาดาจะต้องเอาเรื่องนี้มาขู่เขา กาญน์กนกนั้นก็เหมือนกัน ทั้งๆที่เขาปลอมตัวเป็นสุทธิ์นันท์ก็เพราะต้องการช่วยเหลือหล่อนและสุทธิ์นันท์โดยแท้ หล่อนก็ยังไม่สามารถรักษาความลับของเขากับสุทธิ์นันท์ไม่ได้
เอาเถอะ...เขาคิดว่าถ้าหากเขาจะจบเรื่องนี้ เดินทางกลับกรุงเทพฯเสีย ปล่อยให้สุทธิ์นันท์กลับมารับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองล่ะ!
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็คงจะกลับกรุงเทพฯด้วยความไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง นอกจากความพ่ายแพ้ของเขาจะก่อความขัดเคืองให้แก่สุทธิ์นันท์ บุตรชายผู้มีพระคุณของเขา และที่สำคัญเขาอดจะคิดถึงใบหน้าของชลิตา ใบหน้าที่สวยและอ่อนหวานของ ชลิตานั้นสร้างความปั่นป่วนในหัวใจของเขาไม่น้อย เพียงแค่พบกันในวันแรก ถึงแม้ว่าการที่ชลิตาจะแสดงอาการให้เห็นว่าไม่ชอบหน้าเขาก็ตาม แต่เขาก็ประหลาดใจและรู้สึกอยากจะเอาชนะขึ้นมาเหมือนกัน
และเขาก็คิดถึงอนาคตของชลิตาเหมือนกันว่ามันคงจะไม่ดีแน่ กับการที่ต้องมาอยู่กับผู้ชายอย่างสุทธิ์นันท์ ผู้ชายที่มีจิตใจแข็งกระด้างและไม่มีทางที่จะยอมรับสาวประเภทสองมาเป็นคู่ชีวิต
เขามองไม่เห็นทางที่จะปฏิเสธพิมพ์มาดาเสียแล้ว ชานนท์บอกตนเองภายหลังที่นั่งตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง เหตุผลที่จะอยู่ในบ้านเกียรติยานนท์นั้น มันหนักแน่นกว่าการที่จะกลับกรุงเทพฯเป็นไหนๆ
"คุณคงจะไม่ปฏิเสธใช่ไหมคะคุณชานนท์" พิมพ์มาดาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น พลางเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คข้อความในไลน์ที่ดังเตือนอยู่เป็นระยะๆ และกระนั้นพิมพ์มาดาก็เงยหน้าดูท่าทีอ้ำอึ้งของชายหนุ่ม พลางยิ้มน้อยๆอย่างผู้ที่มีชัยชนะ!
ผู้หญิงหมดความน่ารักก็ตรงหมดความละอายและความไว้ตัวนี่เอง ชานนท์นึกเหยียดหยามสตรีที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาอย่างที่สุด หล่อนเป็นปลิงผู้หญิง ชนิดที่ทำความเดือดร้อนให้แก่เขาขนาดไหนก็ไม่รู้ได้!
"พิมพ์จะให้เวลาคุณนนท์อาทิตย์หนึ่งนะคะ สำหรับการหาทางให้พิมพ์ไปอยู่ในบ้านเกียรติยานนท์ แต่ถ้าคุณบิดพลิ้วนั่นหมายถึงว่าความลับของคุณที่คุณไม่ใช่สุทธิ์นันท์ตัวจริง มันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไปสำหรับคุณตรีรัตน์!"
"ถ้าผมทำตามความต้องการของคุณ ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะรักษาความลับไว้จริงๆ?" ชานนท์ย้อนถามเสียงเรียบ
"อุ๊ย...แน่นอนค่ะ พิมพ์ไม่อยากให้คุณเกลียดขี้หน้าพิมพ์ไปมากว่านี้หรอกค่ะ คุณนนท์ขา..."
****************************
"หนูตาลองดูซีจ๊ะว่าใครฝากดอกกุหลาบดอกนี้มาให้คุณหนู"
ชลิตาแนบแก้มลงบนดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ในมือของหล่อน พลางสูดดมความหอมนั้นอย่างชื่นใจ และตอบว่า
"ชาญใช่ไหมคะย่าแจ้ว?"
ชาญคือลูกชายของคุณสุภาพเพื่อนสนิทของคุณนายตรีรัตน์ผู้เป็นมารดา เขาเป็นเพื่อนเล่นและเรียนมาด้วยกันตั้งแต่สมัยประถมฯ จนถึงมัธยมฯ มาห่างเหินกันไปบ้างเมื่อชาญต้องไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ แต่ทุกคราวที่สถานศึกษาปิดภาคเรียน ชาญก็จะมาหาชลิตาทุกครั้ง หรือไม่หล่อนก็ขึ้นไปหาชาญผู้เป็นเพื่อนรักที่เชียงใหม่
ชาญเขาเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของชลิตา เขาไม่เคยรังเกียจที่ชลิตาเป็นสาวประเภทสองและหล่อนก็รู้ว่าชาญคิดเกินเพื่อนกับหล่อน!
"ไม่ใช่คุณชาญหรอกค่ะคุณหนู คุณหนูลองคิดดีๆซีคะ"
"ถ้าไม่ใช่ชาญ ก็คงจะเป็นผู้ชายหนึ่งในหลายๆคนของตามั้งคะ อ้อ...ว่าแต่คงไม่ใช่ของนายสุทธิ์อะไรนั้นนะคะ" ชลิตาไม่วายกล่าวถึงชายหนุ่มหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาอาศัยอยู่กับหล่อน
"ก็โชติยังไงเล่าคะ ตาโชติที่เป็นคนพเนจรไม่มีหลักแหล่งมานอนป่วยอยู่ตรงประตูหน้าบ้านเมื่อหลายวันก่อน คนที่คุณหนูมาพบแล้วช่วยเหลือพาไปส่งโรงพยาบาลน่ะ"
"อ๋อตาโชติน่ะเอง" ชลิตานึกออกทันที ชายชราที่หล่อนช่วยเหลือพาไปรักษาในโรงพยาบาล หล่อนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกถูกชะตากับชายชราคนนี้เหลือเกิน
หลังจากชายชราหายดีแล้ว หล่อนถึงขนาดขอร้องให้มารดาอนุญาตรับนายโชติมาเป็นคนงานของที่บ้าน เนื่องจากหล่อนสอบถามชายชรา เขาไม่มีบ้านและญาติพี่น้องที่ไหนเลย! และการที่หล่อนรับชายชรามาอยู่ในบ้านในตอนแรกนั้น คุณนายตรีรัตน์ก็ไม่อยากจะรับสักเท่าไหร่ คุณนายตรีรัตน์ได้กล่าวไว้กับหล่อนว่า
"แม่ไม่อยากรับคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในบ้านเราสักเท่าไหร่หรอกนะ มันเป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ เรามีคนงานหลายคนแล้ว และอีกอย่างแม่ไม่ค่อยจะไว้ใจคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ เราให้เงินแกสักก้อนไปตั้งตัวยังดีเสียกว่านะลูก"
"คนแก่ๆอย่างตาโชติคงไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเราหรอกนะคะแม่ ตาสงสารคนแก่ๆน่ะค่ะ คุณแม่รับตาโชติไว้อีกสักคนเถอะค่ะ ถึงคุณแม่จะให้เงินเดือนแกน้อย แต่มันคงไม่สำคัญไปกว่าการที่แกมีข้าวกินกับที่ซุกหัวนอนหรอกนะคะ"
ในที่สุดคุณนายตรีรัตน์ก็อนุญาตให้นายโชติมาเป็นคนงานในบ้านเกียรติยานนต์ในฐานะคนสวนอีกคนในบ้าน
"เออ...เมื่อกี้คุณหนูจะบอกว่าอะไรนะคะ" ยายแจ้วพูดออกมาทำลายความครุ่นคิดคำนึงของชลิตา ในมือของหญิงชราก็กำลังวุ่นอยู่กับการเปลี่ยนดอกไม้สดในแจกันบนโต๊ะริมหน้าต่าง ในภายหลังที่เสร็จจากการพับผ้าใส่ตู้เสื้อผ้าแล้ว แวบหนึ่งที่ยายแจ้วมองดูชลิตาอย่างไม่ตั้งใจนั้น หล่อนแลเห็นชลิตาเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง ก่อนเอ่ยตอบช้าๆว่า
"วันนี้จะมีญาติห่างๆก็นายสุทธิ์นันท์มาอยู่ในบ้านนี้กับเราค่ะ ชื่อพิมพ์มาดา!"
"เอ๊ะ" ยายแจ้วอุทานพลางชะงักมือจากการจัดช่อดอกไม้ เหลือบมองดูนายสาวที่ขณะนี้มีใบหน้าแสดงออกว่าไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่หล่อนกำลังคิด ยายแจ้วไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เลยถามกลับไปอีกครั้ง "จริงหรือคะคุณหนู ย่าไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย"
"จริงซิคะย่า ตาก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันค่ะ หนอย...มาอยู่บ้านเราไม่เท่าไหร่ จะพาผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นญาติที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่ด้วยกันอีก ตาว่านะคะคงไม่ใช่ญาติหรอกค่ะ คงจะเป็นเมียมากกว่า!"
ชลิตากล่าวออกมาอย่างกระแทกกระทั้น และไม่วายที่จะกระแนะกระแหนชายหนุ่ม บุคคลที่จะเข้ามาเป็นคู่หมั้นของหล่อน
"แล้วตาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่ยังยอมต้อนรับมันอีก!"
"ย่าว่าคุณหนูใจเย็นๆนะลูก ดูแล้วคุณสุทธิ์นันท์เธอก็ดูนิสัยดีไม่น่าจะนำใครที่เป็นเมียเข้ามาหรอกค่ะ และถ้าหากเธอมีเมียแล้วจริงๆย่าก็คิดว่ามันน่าจะเกินจริงไปหน่อยนะกับการที่จะเอาเมียมาอยู่ด้วยน่ะ"
"อะไรๆมันก็เป็นไปแล้วและเกินจริงทั้งนั้นแหละจ้ะย่าแจ้ว ถ้ามันไม่เกินจริง คุณแม่ก็คงไม่ให้เขาแต่งงานกับตาหรอก!"
"ยายแจ้วครับ คุณป้าตรีรัตน์เรียกให้ไปพบที่ห้องโถงน่ะครับ!"
สวรรค์บาป (ตัวเดินเรื่องเป็นสาวประเภทสอง) ตอนที่6
ตอนที่6
เมื่อเห็นว่าชานนท์ชะงักโดยมิได้เหลียวหลังมามองทางตน สตรีเจ้าของเสียงจึงเดินเลยขึ้นไปหยุดอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่ม กล่าวอีกครั้งอย่างอ่อนหวานว่า
"แหม! คุณชานนท์ ใจคอจะไม่ยอมสละเวลาให้ฉันสักนิดเชียวหรือคะ?"
ชายหนุ่มสบตาหล่อนด้วยความพิศวง นึกไม่ออกว่าเขาเคยพบสตรีนางนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่!
"คุณคงจะงง แต่โปรดให้เวลากับฉันสักครู่เถอะค่ะ แล้วคุณจะเข้าใจเอง" หล่อนผู้นั้นกล่าวไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและแนนำตนเองว่า "ฉันชื่อพิมพ์มาดาค่ะ คุณชานนท์"
"คุณมีธุระอะไรกับผมไม่ทราบครับ?"
"เราขึ้นไปนั่งที่ร้านอาหารกันดีกว่านะคะ พิมพ์คิดว่ามันอาจจะดูไม่ดีเท่าไหร่ที่เรามายืนคุยนานๆในซุปเปอร์มาเก็ตอย่างนี้ คงจะเมื่อยแย่เลยค่ะ"
"เอ่อ...ผมขอโทษที่ไม่ทันคิด เชิญซิครับ" เขาก้มศีระษะกล่าวเชื้อเชิญหล่อนอย่างสุภาพ และในที่สุดหนุ่มสาวทั้งสองจึงได้ปรากฏตัวขึ้น ณ ร้านอาหารญี่ปุ่นบนห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัดชุมพรนั้น ภายหลังจากสั่งเครื่องดื่มและอาหารที่ต้องการแก่พนักงานบริการเรียบร้อยแล้ว ชานนท์จึงหันมาทางหญิงสาว ถามหล่อนอย่างอ่อนโยนว่า
"คุณมีธุระอะไรกับผมไม่ทราบครับ"
"มันเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันยาวสักหน่อยนะคะ" หญิงสาวตอบพร้อมกับจ้องหน้าขรึมคมเข้มสมชายชาตรีของเขา ด้วยแววตาเปิดเผยหัวใจอันเร้นลับของหล่อนอย่างเปิดเผยและไม่เขินอายเลยแม้แต่นิด "พิมพ์เป็นพี่สาวของกาญน์กนก"
"อ๋อ...หรือครับ"
"พิมพ์มาที่จังหวัดชุมพรนี่ก็เพื่อที่ต้องการจะเข้าไปอยู่ในบ้านเกียรติยานนท์เช่นเดียวกับคุณค่ะ พิมพ์มาถึงที่นี่ตั้งสองวันก่อนหน้าที่คุณจะมาแล้วล่ะค่ะ และเช่าโรงแรมอยู่ ก็เพื่อรอที่จะพบคุณ"
"คอยพบผม?" ชายหนุ่มเลิกคิ้วทบทวนคำอย่างรู้สึกประหลาดใจ "เพื่ออะไรไม่ทราบครับ"
"ก็เพื่อคุณจะได้ช่วยเหลือพิมพ์ให้ได้อยู่ในบ้านเกียรติยานนท์น่ะซีคะ ในฐานะอะไรก็ได้ค่ะ"
"เอ..." ชานนท์ขมวดคิ้วออกอุทานอย่างหนักใจ "ผมเองก็เป็นคนแปลกหน้าของเกียรติยานนท์ และเพิ่งมาถึงในวันนี้เหมือนกัน ผมจะช่วยคุณได้อย่างไรเล่าครับ ผมไม่อยากไปวุ่นวายกับคุณตรีรัตน์หรอกครับ เอ้อ...แต่ว่าเพราะอะไรคุณถึงอยากไปอยู่ที่นั่น"
"มันเป็นคำตอบที่ไม่ยากค่ะ" พูดพลางหล่อนก็ยิ้มให้เขาด้วยแววตาเป็นประกายประหลาดเป็นครั้งที่สอง "พิมพ์อยากอยู่ใกล้ชิดกับคุณยังไงล่ะคุณนนท์ขา พิมพ์ถึงได้ยอมลำบากมาถึงที่นี่ และยินดีที่จะอยู่ในบ้านเกียรติยานนท์แม้กระทั่งในฐานะคนรับใช้ ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณมันก็เพียงพอแล้วค่ะ"
"คุณพิมพ์มาดา!"
"คุณคงคิดว่าฉันไม่เมาก็บ้าซีนะคะ แต่พิมพ์ยอมรับค่ะว่า พิมพ์บ้ารักคุณ...รักตั้งแต่แรกเห็นในงานแต่งงานหลายเดือนก่อน พิมพ์ฺเป็นพี่สาวของกาญน์กนกแฟนน้องชายของคุณยังไงเล่าคะ!"
"คุณพิมพ์มาดา!"
ชายหนุ่มเรียกชื่อหล่อนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งตกใจและแปลกใจในความกล้าหาญอย่างไม่ถูกทางของหล่อนเป็นอย่างยิ่ง!
"โปรด...เอ่อ...อย่าคิดเหลวไหลอย่างนี้เลยครับ คุณพิมพ์มาดา" ในที่สุดชานนท์ก็กล่าวออกมาอย่างสุภาพ "มันจะทำให้คุณต้องลำบากโดยใช่เหตุ ผม...เอ่อ...อยู่ที่นี่ในฐานะคู่หมั้นของชลิตา ลูกคุณตรีรัตน์นะครับ!"
การสนทนาหยุดชะงักไปชั่วขณะเมื่อพนักงานหนุ่มได้นำอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งไว้มาวางบนโต๊ะ ซึ่งคั่นกลางระหว่างเขาทั้งสอง แต่ไม่มีใครสนใจกับอาหารตรงหน้า ถึงแม้พนักงานจะได้ถอยออกไปแล้ว และพิมพ์มาดานั่นเองเป็นผู้เปิดฉากสนทนากันอีกครั้ง
"ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจของดิฉันได้หรอกค่ะคุณชานนท์ ถึงคุณจะประณามฉันยังไงๆฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะ และก็ไม่สนใจด้วยว่าคุณจะเป็นที่หมายหมั้นของใคร ความพอใจของพิมพ์คือการได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณนะคะ ฉันรักคุณนะคะคุณนนท์ เข้าใจหรือยังคะ"
ชานนท์นิ่งอี้งไปด้วยความประหลาดใจหลายประการ และอย่างหนึ่งในความรู้สึกของเขานั้นคือ เขาเริ่มจะมองเห็นภัยแห่งความดื้อรั้นจะเอาชนะของผู้หญิงคนนี้ ชานนท์เคยได้ยินว่ามีสตรีอยู่ประเภทหนึ่งที่คอยจะหาทางจับผู้ชายดีๆด้วยวิธีการณ์อันแยบยล ซึ่งเขาก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำบอกเล่าดังนั้น แต่ทว่าในเวลานี้ พิมพ์มาดาได้เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีแล้วว่าสตรีประเภทนั้นมีอยู่จริง!
"โปรดคิดดูใหม่ให้ดีๆนะครับคุณพิมพ์มาดา" ชายหนุ่มกล่าวอีกครั้งด้วยสำเนียงสุภาพดังเดิม "ผมเกรงว่าคุณจะเสียเวลาเปล่าๆครับ ในการที่จะทำตัวใกล้ชิดผมน่ะ"
"เสียเวลา อ้อ! นี่คุณจะเห็นว่าผู้หญิงปลอมๆอย่างชลิตา น่าชื่นชมกว่าผู้หญิงแท้ๆหน้าตาดีๆอย่างพิมพ์อย่างนั้นหรือคะ พิมพ์ไม่คิดเลยว่าคุณนนท์จะโง่เง่าขนาดนี้
"ผู้หญิงแท้หรือไม่แท้มันไม่สำคัญหรอกนะครับ ข้อสำคัญอยู่ที่ความเป็นคนดีเท่านั้นแหละครับคุณพิมพ์มาดา ผมอาจจะแต่งงานกับเพศเดียวกันอย่างชลิตา ถ้าหากเธอเป็นคนดี!"
พิมพ์มาดาเปล่งเสียงหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อจบคำพูดของชานนท์
"คุณนนท์คงจะลืมเสียแล้วล่ะมั้งคะ ว่าคุณเป็นเพียง สุทธินันท์ ชญากรตัวปลอมเท่านั้น อ้อ บางทีคุณนนท์คงจะเห็นแก่มรดกพันล้านของนังกะเทยนั่นก็ได้มั้งคะ คุณถึงได้คิดจะใช้ชีวิตกับนังนั่น!"
"หยุดก้าวร้าวผมเสียทีเถอะ!" ชานนท์ทำเสียงขุ่น ดวงหน้าคมสันเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความโทสะ กรามถูกขบกันแน่น
"อุ๊ย! ตายจริง พิมพ์ไม่น่าจะยั่วให้คุณโกรธเลยนะคะ ในเมื่อฉันจะขอความช่วยเหลือจากคุณแท้ๆ" พิมพ์มาดาพูดพลางเอียงคอและยังคงยิ้มออกมาหน้าตาเฉย "พิมพ์หวังว่าคุณนนท์คงจะไม่ปฏิเสธหรอกนะคะ ว่าถ้าคุณให้ฉันไปอยู่ใรบ้านเกียรติยานนท์ พิมพ์สัญญาว่าความลับมันจะยังคงเป็นความลับต่อไป"
นึกอยู่แล้วเชียวว่าพิมพ์มาดาจะต้องเอาเรื่องนี้มาขู่เขา กาญน์กนกนั้นก็เหมือนกัน ทั้งๆที่เขาปลอมตัวเป็นสุทธิ์นันท์ก็เพราะต้องการช่วยเหลือหล่อนและสุทธิ์นันท์โดยแท้ หล่อนก็ยังไม่สามารถรักษาความลับของเขากับสุทธิ์นันท์ไม่ได้
เอาเถอะ...เขาคิดว่าถ้าหากเขาจะจบเรื่องนี้ เดินทางกลับกรุงเทพฯเสีย ปล่อยให้สุทธิ์นันท์กลับมารับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองล่ะ!
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็คงจะกลับกรุงเทพฯด้วยความไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง นอกจากความพ่ายแพ้ของเขาจะก่อความขัดเคืองให้แก่สุทธิ์นันท์ บุตรชายผู้มีพระคุณของเขา และที่สำคัญเขาอดจะคิดถึงใบหน้าของชลิตา ใบหน้าที่สวยและอ่อนหวานของ ชลิตานั้นสร้างความปั่นป่วนในหัวใจของเขาไม่น้อย เพียงแค่พบกันในวันแรก ถึงแม้ว่าการที่ชลิตาจะแสดงอาการให้เห็นว่าไม่ชอบหน้าเขาก็ตาม แต่เขาก็ประหลาดใจและรู้สึกอยากจะเอาชนะขึ้นมาเหมือนกัน
และเขาก็คิดถึงอนาคตของชลิตาเหมือนกันว่ามันคงจะไม่ดีแน่ กับการที่ต้องมาอยู่กับผู้ชายอย่างสุทธิ์นันท์ ผู้ชายที่มีจิตใจแข็งกระด้างและไม่มีทางที่จะยอมรับสาวประเภทสองมาเป็นคู่ชีวิต
เขามองไม่เห็นทางที่จะปฏิเสธพิมพ์มาดาเสียแล้ว ชานนท์บอกตนเองภายหลังที่นั่งตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง เหตุผลที่จะอยู่ในบ้านเกียรติยานนท์นั้น มันหนักแน่นกว่าการที่จะกลับกรุงเทพฯเป็นไหนๆ
"คุณคงจะไม่ปฏิเสธใช่ไหมคะคุณชานนท์" พิมพ์มาดาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น พลางเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คข้อความในไลน์ที่ดังเตือนอยู่เป็นระยะๆ และกระนั้นพิมพ์มาดาก็เงยหน้าดูท่าทีอ้ำอึ้งของชายหนุ่ม พลางยิ้มน้อยๆอย่างผู้ที่มีชัยชนะ!
ผู้หญิงหมดความน่ารักก็ตรงหมดความละอายและความไว้ตัวนี่เอง ชานนท์นึกเหยียดหยามสตรีที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาอย่างที่สุด หล่อนเป็นปลิงผู้หญิง ชนิดที่ทำความเดือดร้อนให้แก่เขาขนาดไหนก็ไม่รู้ได้!
"พิมพ์จะให้เวลาคุณนนท์อาทิตย์หนึ่งนะคะ สำหรับการหาทางให้พิมพ์ไปอยู่ในบ้านเกียรติยานนท์ แต่ถ้าคุณบิดพลิ้วนั่นหมายถึงว่าความลับของคุณที่คุณไม่ใช่สุทธิ์นันท์ตัวจริง มันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไปสำหรับคุณตรีรัตน์!"
"ถ้าผมทำตามความต้องการของคุณ ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะรักษาความลับไว้จริงๆ?" ชานนท์ย้อนถามเสียงเรียบ
"อุ๊ย...แน่นอนค่ะ พิมพ์ไม่อยากให้คุณเกลียดขี้หน้าพิมพ์ไปมากว่านี้หรอกค่ะ คุณนนท์ขา..."
****************************
"หนูตาลองดูซีจ๊ะว่าใครฝากดอกกุหลาบดอกนี้มาให้คุณหนู"
ชลิตาแนบแก้มลงบนดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ในมือของหล่อน พลางสูดดมความหอมนั้นอย่างชื่นใจ และตอบว่า
"ชาญใช่ไหมคะย่าแจ้ว?"
ชาญคือลูกชายของคุณสุภาพเพื่อนสนิทของคุณนายตรีรัตน์ผู้เป็นมารดา เขาเป็นเพื่อนเล่นและเรียนมาด้วยกันตั้งแต่สมัยประถมฯ จนถึงมัธยมฯ มาห่างเหินกันไปบ้างเมื่อชาญต้องไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ แต่ทุกคราวที่สถานศึกษาปิดภาคเรียน ชาญก็จะมาหาชลิตาทุกครั้ง หรือไม่หล่อนก็ขึ้นไปหาชาญผู้เป็นเพื่อนรักที่เชียงใหม่
ชาญเขาเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของชลิตา เขาไม่เคยรังเกียจที่ชลิตาเป็นสาวประเภทสองและหล่อนก็รู้ว่าชาญคิดเกินเพื่อนกับหล่อน!
"ไม่ใช่คุณชาญหรอกค่ะคุณหนู คุณหนูลองคิดดีๆซีคะ"
"ถ้าไม่ใช่ชาญ ก็คงจะเป็นผู้ชายหนึ่งในหลายๆคนของตามั้งคะ อ้อ...ว่าแต่คงไม่ใช่ของนายสุทธิ์อะไรนั้นนะคะ" ชลิตาไม่วายกล่าวถึงชายหนุ่มหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาอาศัยอยู่กับหล่อน
"ก็โชติยังไงเล่าคะ ตาโชติที่เป็นคนพเนจรไม่มีหลักแหล่งมานอนป่วยอยู่ตรงประตูหน้าบ้านเมื่อหลายวันก่อน คนที่คุณหนูมาพบแล้วช่วยเหลือพาไปส่งโรงพยาบาลน่ะ"
"อ๋อตาโชติน่ะเอง" ชลิตานึกออกทันที ชายชราที่หล่อนช่วยเหลือพาไปรักษาในโรงพยาบาล หล่อนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกถูกชะตากับชายชราคนนี้เหลือเกิน
หลังจากชายชราหายดีแล้ว หล่อนถึงขนาดขอร้องให้มารดาอนุญาตรับนายโชติมาเป็นคนงานของที่บ้าน เนื่องจากหล่อนสอบถามชายชรา เขาไม่มีบ้านและญาติพี่น้องที่ไหนเลย! และการที่หล่อนรับชายชรามาอยู่ในบ้านในตอนแรกนั้น คุณนายตรีรัตน์ก็ไม่อยากจะรับสักเท่าไหร่ คุณนายตรีรัตน์ได้กล่าวไว้กับหล่อนว่า
"แม่ไม่อยากรับคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในบ้านเราสักเท่าไหร่หรอกนะ มันเป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ เรามีคนงานหลายคนแล้ว และอีกอย่างแม่ไม่ค่อยจะไว้ใจคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ เราให้เงินแกสักก้อนไปตั้งตัวยังดีเสียกว่านะลูก"
"คนแก่ๆอย่างตาโชติคงไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเราหรอกนะคะแม่ ตาสงสารคนแก่ๆน่ะค่ะ คุณแม่รับตาโชติไว้อีกสักคนเถอะค่ะ ถึงคุณแม่จะให้เงินเดือนแกน้อย แต่มันคงไม่สำคัญไปกว่าการที่แกมีข้าวกินกับที่ซุกหัวนอนหรอกนะคะ"
ในที่สุดคุณนายตรีรัตน์ก็อนุญาตให้นายโชติมาเป็นคนงานในบ้านเกียรติยานนต์ในฐานะคนสวนอีกคนในบ้าน
"เออ...เมื่อกี้คุณหนูจะบอกว่าอะไรนะคะ" ยายแจ้วพูดออกมาทำลายความครุ่นคิดคำนึงของชลิตา ในมือของหญิงชราก็กำลังวุ่นอยู่กับการเปลี่ยนดอกไม้สดในแจกันบนโต๊ะริมหน้าต่าง ในภายหลังที่เสร็จจากการพับผ้าใส่ตู้เสื้อผ้าแล้ว แวบหนึ่งที่ยายแจ้วมองดูชลิตาอย่างไม่ตั้งใจนั้น หล่อนแลเห็นชลิตาเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง ก่อนเอ่ยตอบช้าๆว่า
"วันนี้จะมีญาติห่างๆก็นายสุทธิ์นันท์มาอยู่ในบ้านนี้กับเราค่ะ ชื่อพิมพ์มาดา!"
"เอ๊ะ" ยายแจ้วอุทานพลางชะงักมือจากการจัดช่อดอกไม้ เหลือบมองดูนายสาวที่ขณะนี้มีใบหน้าแสดงออกว่าไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่หล่อนกำลังคิด ยายแจ้วไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เลยถามกลับไปอีกครั้ง "จริงหรือคะคุณหนู ย่าไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย"
"จริงซิคะย่า ตาก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันค่ะ หนอย...มาอยู่บ้านเราไม่เท่าไหร่ จะพาผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นญาติที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่ด้วยกันอีก ตาว่านะคะคงไม่ใช่ญาติหรอกค่ะ คงจะเป็นเมียมากกว่า!"
ชลิตากล่าวออกมาอย่างกระแทกกระทั้น และไม่วายที่จะกระแนะกระแหนชายหนุ่ม บุคคลที่จะเข้ามาเป็นคู่หมั้นของหล่อน
"แล้วตาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่ยังยอมต้อนรับมันอีก!"
"ย่าว่าคุณหนูใจเย็นๆนะลูก ดูแล้วคุณสุทธิ์นันท์เธอก็ดูนิสัยดีไม่น่าจะนำใครที่เป็นเมียเข้ามาหรอกค่ะ และถ้าหากเธอมีเมียแล้วจริงๆย่าก็คิดว่ามันน่าจะเกินจริงไปหน่อยนะกับการที่จะเอาเมียมาอยู่ด้วยน่ะ"
"อะไรๆมันก็เป็นไปแล้วและเกินจริงทั้งนั้นแหละจ้ะย่าแจ้ว ถ้ามันไม่เกินจริง คุณแม่ก็คงไม่ให้เขาแต่งงานกับตาหรอก!"
"ยายแจ้วครับ คุณป้าตรีรัตน์เรียกให้ไปพบที่ห้องโถงน่ะครับ!"