สวรรค์บาป (ตัวเดินเรื่องเป็นสาวประเภทสอง) ตอนที่ 8 (สงครามประสาทเพิ่งจะเริ่มต้น)

สวรรค์บาป ตอนที่7 >> http://ppantip.com/topic/33549841

ตอนที่8

ชลิตาพินิจดูใบหน้าของพิมพ์มาดา เห็นว่าไม่มีส่วนใดจะคล้ายชานนท์เลยแม้แต่นิด นั่นยิ่งทำให้หล่อนมั่นใจว่าสตรีสาวผู้นี้ไม่ได้เป็นพี่สาวของสุทธิ์นันท์แน่นอน

ชลิตาจะต้องแกล้งทำเป็นพูดเพื่อที่จะทำให้พิมพ์มาดาหึงและแสดงอาการออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หล่อนจะต้องจับให้ได้ขาหนังขาเขา!

"ฉันต้องขอโทษคุณพิมพ์มาดาด้วยนะคะ ที่อยู่คุยกับพี่สุทธิ์นานไปหน่อย จนทำให้คุณพิมพ์ต้องเดินทางมาด้วยตนเอง" พลางหล่อนก็เดินเข้าไปและนำมือของหล่อนคล้องแขนของชายหนุ่ม ชานนท์รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ชลิตาทำอย่างนี้กับเขาเป็นครั้งแรกต่อหน้าพิมพ์มาดา

พิมพ์มาดามองและนึกริษยาอยู่ในใจ ทั้งเรื่องที่หล่อนทำท่าทางสนิทสนมกับชานนท์และเรื่องที่ชลิตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อย่างที่ทนายประยุทธิ์บอกกับหล่อนในวันนั้น ชลิตาได้ทำให้จิตใจของพิมพ์มาดาขุ่นมัวและตึงเครียดเสียแล้ว และพร้อมกันนั้นหล่อนก็ลงความเห็นว่าชลิตา คือศัตรูหมายเลขหนึ่งของเธอ!

"อีตาทนายแก่นั่นมันช่างโกหกเราได้" พิมพ์มาดานึก "บอกเราได้ว่านังนี่ขี้เหร่ แต่ที่ไหนได้สวยราวกับรูปปั้น! ดีนะที่มันยังเป็นกะเทยพอที่จะให้ชานนท์กระดากอายอยู่บ้าง ไม่งั้นความสวยของมันคงจะปั่นหัวผู้ชายหลายคนเป็นแน่"

"เชิญคุณพี่พิมพ์ไปพบคุณแม่ก่อนซีคะ" ชลิตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ หล่อนพอจะดูออกว่าสายตาของพิมพ์มาดาที่มองดูหล่อนในตอนนี้ไม่มีความจริงใจและเป็นมิตรกับหล่อนเลย

"เดี๋ยวก่อนก็ได้จ้ะ พี่ยังไม่หายไปไหนหรอก พี่อยากจะพูดอะไรกับคนรักของเธอสักสองสามคำ เธอคงจะไม่รังเกียจหรอกนะ ชลิตา ถ้าพี่จะอยู่ตามลำพังกับตาสุทธิ์สักพัก"

"อุ๊ย...เชิญตามสบายเลยค่ะ พี่กับน้องจะคุยกันตามีสิทธิ์อะไรจะห้ามได้เล่าคะ แต่อีกไม่นานเมื่อตาแต่งงานกับพี่สุทธิ์แล้วเราก็จะมีเวลาให้กันตลอดไปอยู่แล้ว กับไอ้การที่ตาจะให้พี่กับน้องคุยกันชั่วครู่ ชั่วคราว จะเป็นไรไปเล่าคะคุณพี่พิมพ์!" ชลิตาพูดอย่างใส่จริต หล่อนเน้นเสียงตรงคำว่า "ชั่วคราว" ด้วยการลากเสียงยาวทำให้ฝ่ายที่ยืนฟังหน้าชาได้ไม่มากก็น้อย

ก่อนที่หล่อนจะเดินออกไปจากห้อง...หล่อนก็ยั่วโทสะของพิมพ์มาดาอีกครั้งด้วยการหอมแก้มชานนท์เบาๆ ชานนท์ในคราบของสุทธิ์นันท์ก็ตกใจมากขึ้นกว่าครั้งแรกที่หล่อนควงแขนเขาเสียอีก เขาไม่คิดว่าชลิตาจะบ้าได้ถึงขนาดนี้...นี่คือจูบแรกของเขากับสาวประเภทสองเลยก็ว่าได้ ชานนท์รู้สึกว่าหน้าเขาร้อนผ่าวขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มให้กับความทะเล้นของหญิงสาว

ชลิตาเดินด้วยส้นเท้าดังปังๆบนพื้นไม้สักราคาแพง ยิ่งทำให้พิมพ์มาดารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก หล่อนมองตามหลังของชลิตา แววตาที่หล่อนมองไปนั้นเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้

"ท่าทางอวดดีจังเลยนะคะว่าที่คู่หมั้นคุณน่ะ แลดูเธอจะชอบคุณมากทีเดียว!"

"เขาคงคิดว่าคุณไม่ใช่พี่สาวของผมมากกว่า ถึงแสดงให้คุณหึงผม แต่เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย คุณควรจะเข้าไปพบคุณตรีรัตน์เสียก่อน"

"เดี๋ยวก็ได้ค่ะ พิมพ์อยากคุยกับคุณก่อน พิมพ์อยากจะรู้ว่าคุณนนท์คิดยังไงกับเด็กคนนี้ ในเมื่อเธอทั้งสวยทั้งรวย ถึงจะเป็นกะเทยมันก็ดูเป็นเรื่องเล็กออกจะตายไปใช่ไหมคะนนท์ขา"

ชานนท์ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม "ผมว่าคุณพิมพ์อย่าเพิ่งสนใจอะไรดีกว่า ตอนนี้คุณควรจะเข้าไปพบคุณตรีรัตน์เจ้าของบ้านเสียก่อนนะ ตามธรรมเนียมของแขกแปลกหน้า เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลังก็ได้ คุณพิมพ์ยังไงๆก็ขอให้นึกว่ากำลังแสดงละครชีวิตจริงในบทบาทพี่สาวของผมอยู่นะครับ"

"ไม่ค่ะ" พิมพ์มาดาสั่นศรีษะอย่างดื้อดึง "คุณนนท์ต้องรับปากพิมพ์ก่อนนะคะว่าคุณจะไม่ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมนังกะเทยนั่นนัก บอกตามตรงนะคะว่าพิมพ์กลัวความสวยนังนั่นเหลือเกิน! ความสวยขนาดนั้นพิมพ์รู้ดีว่ามันจะละลายหัวใจผู้ชายได้ไม่ยาก"

นี่เองคือปลิงผู้หญิงชนิดที่ร้ายกาจเป็นที่สุด ดูเอาเถอะทั้งๆที่เขาไม่เคยแสดงว่าสนใจพิมพ์มาดาเลยแม้แต่สักนิดเดียว หล่อนยังเผยอถือสิทธิความหวงแหนในตัวเขาออกมาจนได้ และเขายังไม่มีโอกาสที่จะเขี่ยหล่อนออกไปให้พ้นทางเสียด้วย ในเมื่อหล่อนเป็นผู้รู้ความลับของเขาเป็นอย่างดี ชานนท์ยกมือคลึงขมับ เขารู้สึกปวดศีรษะ และอ่อนใจกับพิมพ์มาดาอย่างมาก เขาจำใจพยักหน้ารับคำของหล่อนแบบส่งเดชพลางก็ก้าวนำหล่อนออกไปจากที่นี่โดยเร็ว

"ครับ...ครับ ผมไม่มีวันจะทำให้ชลิตาต้องมีมลทินเพราะผมหรอก ผมรู้ตัวผมดีว่าอยู่ในบ้านนี้ในฐานะอะไร ผมขออย่างเดียวขอให้คุณพิมพ์อยู่ที่นี่อย่างมีสัมมาคารวะต่อคุณตรีรัตน์และเกรงใจคุณตาบ้างก็เท่านั้น ผมก็พอใจแล้ว"

********************

"ผู้หญิงกรุงเทพฯคนนั้นสั่งมาว่า เธออยากกินหมูย่างจ๊ะแม่" นางสาวจริงใจโผล่เข้ามารายงานกับนางสายมารดาของหล่อนผู้มีหน้าที่เป็นแม่ครัวประจำบ้าน เกียรติยานนท์ และเดินเลยไปซักผ้าขี้ริ้วถูพื้นนำไปตากที่ราวหลังเรือนครัว

"อยากกินหมูย่างแต่เช้ามืดอย่างนี้ ทำไมไม่ไปซื้อที่ตลาดล่ะแม่คุ๊ณเอ๊ย! ฉันไม่ทำหรอกหมูย่างหมูปิ้งอะไรแต่เช้า แค่ไข่ดาว ไข่เจียว ข้าวต้ม ผัดๆทอดๆอะไรนี่ก็วุ่นวายพออยู่แล้ว อ้อ! ผู้หญิงกรุงเทพฯเขาเป็นอย่างนี้เองเหรอ ตื่นเช้าก็มาชี้นิ้วเรียกของบำรุงไขมันบำรุงกระเพาะแบบนี้!"

จริงใจหัวเราะอยู่คนเดียว เมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นมารดาบ่นพึมพำดังออกมาจากครัว และมันเป็นความจริงที่ว่าตั้งแต่คุณพิมพ์มาดาสาวสวยซึ่งเป็นพี่สาวของคุณสุทธิ์นันท์เข้ามาอยู่ในบ้านเกียรติยานนท์แล้ว หล่อนเห็นว่าแม่ของหล่อนบ่นมากขึ้นเป็นสิบเท่า ก่อนที่คุณพิมพ์มาดาตัวเจ้าปัญหาจะมาแม่ไม่เคยบ่นแบบนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของแม่หรอก จริงใจคิดในใจว่าหล่อนเห็นคุณพิมพ์มาดาออกจะ "เกินพอดี" ไปซะทุกเรื่องและชอบแสดงอำนาจข่มขู่คนงานในบ้านเกียรติยานนท์ยิ่งกว่าคุณตรีรัตน์เป็นไหนๆ

ตากผ้าและล้างมือเสร็จแล้วจริงใจก็เดินเรื่อยๆเข้าไปในครัว เพื่อช่วยนางสายผู้เป็นมารดาทำงานเล็กๆน้อยๆอย่างเคย

"แม่อย่าบ่นมากนักซีจ๊ะ ฉันรำคาญจะแย่อยู่แล้ว หมูย่างไม่มีก็เอาหมูหยองซีจ๊ะ ให้คุณช่างเธอกิน คุณนายท่านซื้อมาไว้ตั้งเยอะ"

"ชะ! เอ็งจะไม่ให้ข้าบ่นได้ยังไง นังใจ มันสั่งทำกับข้าวพิเศษตั้งสามมื้อ เท่านั้นยังไม่พอกลางคืนยังจิกหัวใช้ให้ทำโจ๊กบ้างข้าวต้มบ้างอีกทุกคืน ไม่รู้จะพยายามพอกไขมันไปถึงไหนกัน ทำยังกับตัวเป็นนายบ้านนี้อย่างนั้นแหละ ช่างไม่คิดเสียเลยว่าคุณนายจะสิ้นเปลืองเพราะตัวมากแค่ไหน!"

"เฮ้อ...ฉันว่าคุณพิมพ์มาดาคนนี้เธอหน้าหมั่นไส้เหลือหลายก็อีตรงที่เธอพยายามจะจับคุณสุทธิ์นันท์นั่นล่ะจ๊ะ เห็นพี่วิทย์เคยเล่าให้ฟังว่าคุณหนูมีเรื่องทะเลาะกับเจ้าหล่อนตั้งหลายครั้งแล้ว นี่ขนาดมาอยู่ได้แค่หกวันนะแม่"

"เออ เอ็งสังเกตเหมือนกันหรือนังใจ ว่าคุณพิมพ์อะไรนั่น ดูท่าทางอย่างกับ...."

"เมียคุณสุทธิ์!"

เสียงนั้นคือชลิตาลูกสาวบุญธรรมคนเดียวของคุณนายตรีรัตน์ ก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าประตูห้องครัวอย่างเงียบๆ พร้อมกับทำหน้าไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่นางสายและนางสาวจริงใจกำลังพูดถึงพิมพ์มาดา

"ยายนั่นสร้างปัญหาอะไรให้อีกล่ะแม่สาย" ชลิตาทำเสียงอย่างรำคาญเมื่อต้องกล่าวถึงบุคคลที่สาม

นางสายหันขวับมาทางเจ้านายสาว หน้าเผือดลงเล็กน้อยหากแต่ความรุนแรงของอารมณ์ยังมีอยู่มาก นางจึงอดที่จะโต้ตอบกับชลิตา แต่ด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเมื่อครู่มาก

"โธ่...คุณตาขา ป้าน่ะลองไม่หมั่นไส้ใครจริงๆละก็ไม่อยากจะนินทาว่าร้ายใครหรอกค่ะ ท่าทางคุณพิมพ์มาดาคนนั้นมันอกจะมากเรื่องเกินไปจริงๆนะคะ"

"ป้าสายอดทนอีกหน่อยนะคะ ตาจะทำให้มันอยู่ในบ้านนี้ได้อีกไม่นานหรอกค่ะ" ชลิตาพูดพร้อมกับทำสีหน้าเหมือนกับจะบอกว่าหล่อนมีแผนการบางอย่างที่จะต้องทำให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะให้พิมพ์มาดาอยู่ที่นี่ไม่ได้

ชลิตาคิดในใจว่า พิมพ์มาดาคนนี้ "ชักจะเกินไป" จริงๆอย่างที่หล่อนคิดเอาไว้ หล่อนต้องบอกเรื่องนี้กับผู้เป็นมารดาไม่ให้ตามใจกับแขกที่ไร้มารยาทอย่างพิมพ์มาดา ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าที่พิมพ์มาดาแกล้งสั่งอาหารพิเศษดีๆทุกมื้อ ก็เพื่อที่จะกลั่นแกล้งหล่อน แต่เอาเถอะแกล้งได้ก็แกล้งไป แต่ถ้าหากว่ามีปัญหาอะไรที่ทำให้หล่อนทนไม่ได้ก็อย่าคิดที่จะให้ออมมือ!

"ป้าสาย ป้าเอาของที่มีนั่นแหละไปให้มันกิน ถ้ามันจะเรียกร้องหรือไม่พอใจก็ไม่ต้องสนใจ กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็โยนทิ้งให้หมาไปเสียยังจะมีประโยชน์และได้บุญกว่าการที่ให้คนอย่างพิมพ์มาดา!"

ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวถึงในขณะนั้นกำลังนั่งหาวอย่างยืดยาว พลางลดหนังสือพิมพ์ลงจากระดับตา เมื่อแว่วเสียงฝีเท่าของอีกคนเข้ามาในห้อง

"แหมคุณนนท์ พิมพ์กำลัง..."

"จุ๊ย์ คุณพิมพ์ ผมขอร้องคุณหลายครั้งแล้วนะครับว่าให้เรียกผมว่า สุทธิ์นันท์ ทั้งต่อหน้าและลับหลังคุณเรียกผมว่านนท์บ่อยๆเดี๋ยวมีใครมาแอบได้ยินเข้ามันจะเป็นเรื่อง"

"ขอโทษค่ะ" หญิงสาวกล่าวอย่างสงบเสงี่ยม ไม่พูดจายอกย้อนกวนโทสะเหมือนคราวที่ผ่านมา "นั่งซีคะพิมพ์มีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณสักหน่อย"

"พูดธุระของคุณมาเร็วๆ บอกตามตรงนะผมไม่ค่อยอยากจะอยู่กับคุณตามลำพังโดยไม่จำเป็น" ชายหนุ่มเดินผ่านหล่อนไปยืนกอดอกหน้าเครียดอยู่ตรงประตูที่เปิดเข้าสู่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างแทนที่จะนั่งลงตามคำเชิญของหญิงสาว

"ยโสนัก นายชานนท์คนนี้" พิมพ์มาดาสบตาเขาพลางนึกต่อว่าชานนท์อยู่ในใจ "ทำท่าอย่างกับเราน่ะเป็นกิ้งกือไส่เดือน ทีนังกะเทยนั่นน่ะพูดจาดีอย่างกับมันเป็นเจ้าหญิง ฮึ! คอยดูนะหล่อนจะต้องทำให้ชานนท์มาร้องขอความรักจากฉันให้ได้!" หล่อนคิดคำนึงในใจ

***********************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่