อาสวักขยญาณ ในวิชชา๓........ตองเก้า

ถ้าถามว่า   อาสวักขยญานคืออะไร  ผมว่าพวกผู้ทรงภูมิพันทิบ คงรีบเข้ากูเกิ้ลหรือไป่ตู้
เสิร์ทหาคำว่าอาสวักขยญานกันเป็นพัลวัน.....แล้วพวกหนึ่งก็จะโพสพระสูตร  อีกพวกก็จะโพส
คำแปลในพจนานุกรมพุทธศาสตร์.......บอกให้ครับ  ถ้ามันไร้เดียงสาขนาดนั้นผมคงไม่ถามให้อายเด็กหรอกครับ

ฉะนั้นใครกำลังคิดจะทำ  ผมขอร้องว่าอย่าทำเลยครับ  ไอ้โพสพระสูตรไม่มีปี่มีขลุ่ย
หรือก๊อปปี้คำแปลในพจนานุกรมมาตอบ......มันเปลึองหน้ากระทู้ครับ

ความหมายของอาสวักขยญาน  ก็คือ  ความรู้ในอาสวะด้วยปฏิจจสมุปบาท
อาสวะก็คือผลขันธ์(กองทุกข์)ในปฏิจจสมุปบาท   อันได้แก่ โทรมนัส อุปายาส  โสกะ ปริเทวะ  ทุกข์

ความรู้ในปฏิจจสมุปบาททำให้รู้ถึงเหตุที่ทำให้เกิด  อาสวะ.....
ก็ด้วยเหตุนี้ท่านจึงบัญญัติความรู้ในปฏิจจสมุปบาทเป็นเหตุแห่งอาสวะว่า....อาสวักขยญาน

มีแผนภาพให้ศึกษาครับ.......



ในแผนภูมิท่านแสดงให้เห็นการเกิดออาสวะของบุคคล  คือเริ่มตั้งแต่อวิชชาไปจนครบวัฏจักรคือเกิดอาสวะ
แต่ในแผนภูมินี้  ต้องเข้าใจว่า  อาสวะที่เกิดนั้น   เกิดจากการกระทบหรือสังขารเพียงครั้งเดียว

ในความเป็นจริงแล้วตลอดช่วงชีวิตของบุคคล   จะไม่เกิดอาสวะเพียงครั้งเดียว
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตลอดช่วงชีวิต  บุคคลย่อมเกิดการกระทบหลายครั้ง  อาสวะย่อมสะสมตามสังขารที่เกิดขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะต้องแยกพิจารณาวัฏฏจักรของปฏิจจ์ดังนี้.......เราต้องแยก  ชาติและชรามรณะหมายเลข๑๑และ๑๒
ออกมาเพราะชาติและชรามรณะเป็นความหมายของบุคคล  หรือชีวิตหนึ่งของชาตินั้นๆ

ในปฏิจจสมุปบาทวงหนึ่ง   ก็คือชีวิตของบุคคลในชาตินั้นเพียงหนึ่งชาติ นี่ก็คือ ชาติและชรามรณะในวงปฏิจจฯ
ในวงปฏิจจฯนั้นนอกเหนือจากชาติและชรามรณะซึ่งเกิดเพียงครั้งเดียว   นับตังแต่อวิชชา๑ไปไปจน๒.๓..๔...๕..๖...๗..๘
๙.....และ๑๐คือภพ    เกิดเป็นอาสวะ    นี่เป็นเพียงการกระทบครั้งเดียว   เมื่อเกิดการกระทบใหม่ก็จะวนจาก๑ไป๑๐เป็นอาสวะเหมือนเดิม

ที่อธิบายมาก็เพื่อที่จะให้รู้ว่า  อะไรเป็นเหตุที่ทำให้เกิดอาสวะ  เมื่อเรารู้เหตุแห่งอาสวะก็หมายถึง
เกิดญานรู้เหตุแห่งอาสวะ   และเรารู้เหตุแห่งอาสวะจากอะไรนั้นก็คือปฏิจจสมุปบาท  
ฉะนั้นญานในอาสวักขยญานก็คือปฏิจจสมุปบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่