[จาvsเจียง] สัญญาที่สามารถต่อได้เองโดยอัตโนมัติแม้คู่สัญญาไม่ยินยอม แบบนี้กฎหมายให้ทำได้ด้วยหรอครับ?

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาสัญญามากางกันดีกว่า หลายคนคงลืมไปแล้ว เผอิญมีคนส่ง link ข่าวเก่าของเว็บ นสพ.ผู้จัดการ เมื่อ 2 ปีก่อนมาให้ดู

นี่คือสัญญาเจ้าปัญหาระหว่างเสี่ยเจียงกับจา พนม นะครับ ข่าวเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2556 ที่มา : http://www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9560000116218&CommentPage=2&TabID=2&









ซึ่งเรื่องที่มีคนตั้งข้อสังเกต อยู่ที่อันนี้ครับ



ดูให้ชัดๆ นะครับ



----------------------------------

ในฐานะที่ผมไม่ใช่นักกฎหมาย ( ไม่ได้จบนิติศาสตร์ ) แต่อ่านแล้วก็งงๆ สงสัยว่าสัญญาแบบนี้มันทำได้ด้วยหรอครับ ตรงนี้ขอยก พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 ขึ้นมาอ้างอิงนะครับ

ที่มา : http://www.kodmhai.com/m4/m4-17/h25/M1-15.html

มาตรา 4 ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจ การค้า หรือวิชาชีพ หรือในสัญญาสำเร็จรูป หรือในสัญญาขายฝากที่ทำให้ผู้ประกอบ ธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ หรือผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป หรือผู้ซื้อฝากได้เปรียบ คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้ เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น
ในกรณีที่มีข้อสงสัย ให้ตีความสำเร็จรูปไปในทางที่เป็นคุณแก่ฝ่าย ซึ่งมิได้เป็นผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูปนั้น
ข้อตกลงที่มีลักษณะหรือมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติหรือรับภาระ เกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ เป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่าทำให้ได้ เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น
(1) ข้อตกลงยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดที่เกิดจากการผิดสัญญา
(2) ข้อตกลงให้ต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนด
(3) ข้อตกลงให้สัญญาสิ้นสุดลงโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือให้ สิทธิบอกเลิกสัญญาได้โดยอีกฝ่ายหนึ่งมิได้ผิดสัญญาในข้อสาระสำคัญ
(4) ข้อตกลงให้สิทธิที่จะไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อหนึ่งข้อใด หรือปฏิบัติ ตามสัญญาในระยะเวลาที่ล่าช้าได้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
(5) ข้อตกลงให้สิทธิคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเรียกร้องหรือกำหนดให้อีก ฝ่ายหนึ่งต้องรับภาระเพิ่มขึ้นมากกว่าภาระที่เป็นอยู่ในเวลาทำสัญญา
(6) ข้อตกลงในสัญญาขายฝากที่ผู้ซื้อฝากกำหนดราคาสินไถ่สูงกว่า ราคาขายบวกอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละสิบห้าต่อปี
(7) ข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่กำหนดราคาค่าเช่าซื้อ หรือกำหนด ให้ผู้เช่าซื้อต้องรับภาระสูงเกินกว่าที่ควร
(8) ข้อตกลงในสัญญาบัตรเครดิตที่กำหนดให้ผู้บริโภคต้องชำระ ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าใช้จ่ายหรือประโยชน์อื่นใดสูงเกินกว่าที่ควรในกรณีที่ผิดนัด หรือที่เกี่ยวเนื่องกับการผิดนัดชำระหนี้
(9) ข้อตกลงที่กำหนดวิธีคิดดอกเบี้ยทบต้นที่ทำให้ผู้บริโภคต้องรับ ภาระสูงเกินกว่าที่ควร
ในการพิจารณาข้อตกลงที่ทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งตาม วรรคสาม จะเป็นก ารได้เปรียบเกินสมควรหรือไม่ ให้นำ มาตรา 10 มาใช้ โดยอนุโลม

มาตรา 5 ข้อตกลงจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพในการประกอบอาชีพ การงาน หรือการทำนิติกรรมที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจการค้าหรือวิชาชีพ ซึ่งไม่เป็นโมฆะ แต่เป็นข้อตกลงที่ทำให้ผู้ถูกจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพต้องรับภาระ มากกว่าที่จะพึงคาดหมายได้ตามปกติ ให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและ พอสมควรแก่กรณีเท่านั้น
ในการวินิจฉัยว่าข้อตกลงตามวรรคหนึ่งทำให้ผู้ถูกจำกัดสิทธิหรือ เสรีภาพต้องรับภาระมากกว่าที่จะพึงคาดหมายได้หรือไม่ ให้พิเคราะห์ถึง ขอบเขตในด้านพื้นที่และระยะเวลาของการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพ รวมทั้ง ความสามารถและโอกาสในการประกอบอาชีพการงานหรือการทำนิติกรรม ในรูปแบบอื่นหรือกับบุคคลอื่นของผู้ถูกจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพ ประกอบกับ ทางได้เสียทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมายของคู่สัญญาด้วย

มาตรา 10 ในการวินิจฉัยว่าข้อสัญญาจะมีผลบังคับเพียงใดจึงจะ เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณี ให้พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ทั้งปวง รวมทั้ง
(1) ความสุจริต อำนาจต่อรอง ฐานะทางเศรษฐกิจ ความรู้ ความเข้าใจ ความสันทัดจัดเจน ความคาดหมาย แนวทางที่เคยปฏิบัติ ทางเลือก อย่างอื่น และทางได้เสียทุกอย่างของคู่สัญญาตามสภาพที่เป็นจริง
(2) ปกติประเพณีของสัญญาชนิดนั้น
(3) เวลาและสถานที่ในการทำสัญญาหรือในการปฏิบัติตามสัญญา
(4) การรับภาระที่หนักกว่ามากของคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบ กับคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง

----------------------------------


ทีนี้มาดูนิยามว่าด้วยการทำสัญญานะครับ ข้อมูลจากเนติบัณฑิตยสภา

ที่มา : https://www.thethaibar.or.th/thaibarweb/fileadmin/DAM/2555/PDF/Lecture/LectureTerm1/20/1.pdf





ดูข้อ 2 ดีๆ นะครับ



----------------------------------

สรุปว่าสัญญาจะเกิดขึ้นได้ ต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ปัญหาคือ ด้านหนึ่งในสัญญานี้มีลายเซ็นต์ของจา พนม ขณะที่อีกด้าน ก็เป็นตัวของจา พนม เองที่บอกว่าไม่ประสงค์จะเซ็นต์สัญญาฉบับนี้

ที่มา : http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000111194



ซึ่งก็จะสอดคล้องกับคำให้การของ หัทยา ยีรัมพ์ พี่สาวของจา พนม ที่แม้จะได้รับจดหมายแจ้งต่อสัญญาจากเสี่ยเจียงจริง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะเป็นเรื่องที่จา พนม น้องชาย ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง

“เสี่ยเขาส่งมาอยู่ค่ะแต่ว่าเราติดต่อจายังไม่ได้ค่ะว่าจะแจ้งเขาแต่ติดต่อไม่ได้ เขาก็ไม่ติดต่อ ช่วงนั้นก็เป็นช่วงพ่อไม่สบายด้วยก็เลยมัวแต่คลุกคลีกับพ่อจนทำให้มันล่วงเลยไป แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจก็ฝากบอกทางญาติไปด้วยให้ช่วยติดต่อจาให้อีกแรงด้วย ถ้าติดต่อได้เมื่อไหร่ก็ให้ติดต่อเรื่องสัญญา
เราเป็นคนเซ็นรับไปรษณีย์ว่าเราได้รับเอกสารแล้ว และก็เปิดอ่านพบว่าเป็นสัญญา เรื่องการต่อสัญญา ก็พยายามติดต่อน้องทุกวิถีทางก็ติดต่อไม่ได้ คิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงรู้แหละมั้งเพราะเขาเข้าหาเสี่ยอยู่บ่อยๆ เขาอยู่กับอาจารย์พันนาทำงานด้วยกัน เขามีสัญญาควบด้วยกันอยู่ด้วยก็คงจะคุยกันนั่นแหละ คิดว่าเขาคงรู้เรื่องเพราะเขาใกล้ชิดมากกว่าเราด้วยซ้ำไป เพราะเราติดต่อเขาไม่ได้มานานแล้ว
ในจดหมายไม่มีอะไรให้เซ็นตอบกลับไปซักอย่าง คุณพ่อก็ไม่ได้เซ็นอะไรกลับไป ในหนังสือก็จะมีบอกเรื่องวันหมดสัญญา เอกสารจะเขียนว่า(อ่านสัญญาทั้งหมดให้ฟัง) สัญญานักแสดงในสังกัดคือ นายจาพนม ยีรัมย์ นายกฤติยา ลาดพันนา ครูฝึก และนายปรัชญา ปิ่นแก้ว อ้างถึงสัญญาจ้างในการเป็นนักแสดงในสังกัดระหว่างสหมงคลฟิล์ม นักแสดง ครูฝึก และผู้ควบคุม ลงฉบับวันที่ 25 กรกฎาคม 2546 ในวงเล็บติดสัญญา ตามที่บริษัท นักแสดง ครูฝึก และผู้ควบคุม ได้ตกลงทำสัญญากันตามเงื่อนไขและข้อตกลงตามสัญญานั้น บัดนี้สัญญาดังกล่าวกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 และบริษัทมีความประสงค์ที่จะต่อสัญญาออกไป ดังนั้นอาศัยความตามข้อ 3 ในสัญญาบริษัท จึงขอใช้หนังสือฉบับนี้แจ้งความประสงค์การต่อสัญญาดังกล่าวออกไปอีก เป็นระยะเวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2556 ถึง 24 กรกฎาคม 2566 โดยให้เงื่อนไขข้อตกลงและรายละเอียดอื่นๆ เป็นไปตามสัญญาจ้างเป็นนักแสดงในสังกัด ฉบับลงวันที่ 25 กรกฏาคม 2546 ทุกประการ จึงเรียนมาเพื่อทราบ
เป็นการเรียนมาให้รู้ว่าต่อสัญญาแล้วนะครบกำหนด ถ้าจะแย้งก็ไปแย้งแต่เราติดต่อจาเขาไม่ได้อย่างที่รู้กันเขาไม่เคยติดต่อกลับมาที่บ้าน เฮ้อ...ไม่อยากให้เกิดขึ้นแบบนี้เลย ถ้าเขาติดต่อมาก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย ในเมื่อเป็นแบบนี้เป็นห่วงมากกว่าถ้ามันเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ยังไงอยากให้น้องกลับบ้านมามากกว่ามาคุยกัน ไม่อยากให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่เขาโกอินเตอร์ก็ดีใจกับเขาแต่การไปของเขาก็ไม่อยากให้มีเรื่องสัญญาหรือเรื่องราวเกิดขึ้นแบบนี้ค่ะ ถ้าจะไปอะไรยังไงก็ขออย่าให้มีเรื่องแบบนี้มันไม่สบายใจค่ะ”


----------------------------------

ข่าวนี้ถูกเผยแพร่เมื่อ 4 ก.ย. 2556 สังเกตที่ขีดเส้นใต้ดีๆ นะครับ จะพบว่าในช่วงเวลาที่จดหมายนี้ส่งมา ตัวของจา พนม ไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้ว ขณะที่พี่สาวของจา ยืนยันว่าไม่มีการเซ็นต์ใดๆ เพื่อต่อสัญญาออกไปเด็ดขาด ( มีเพียงการเซ็นต์รับกับ จนท. ไปรษณีย์ ซึ่งก็เป็นปกติของไปรษณีย์ลงทะเบียน ถ้าไม่เซ็นต์ก็แกะซองไม่ได้ ก็จะไม่มีทางรู้ได้ว่าในซองเป็นอะไร ) เมื่อนำมาประกอบกับจดหมายของจา พนม ที่แสดงความจำนง ก็น่าจะได้ข้อสรุปว่าจา พนมไม่อยากต่อสัญญาแล้ว

คำถามคือ..ในทางกฎหมาย เงื่อนไขที่ของสัญญามีผลเป็นการต่อสัญญาออกไปต่อเนื่องอัตโนมัติเมื่อหมดสัญญาแล้วในคราวแรก โดยที่อีกฝ่ายซึ่งเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ( อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ) และเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่ต้องแสดงความยินยอม สัญญาแบบนี้มันสามารถบังคับใช้ได้จริงๆ หรอครับ? เพราะถ้าให้คนทั่วๆ ไปมาอ่าน ก็เชื่อว่าจะต้องรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมแน่ๆ แบบไม่ต้องคิดเลย

รบกวนนักกฏหมายทุกท่านด้วยครับ ว่าสัญญาแบบนี้มันทำได้ด้วยหรอ? แล้วถ้าจาจะฟ้องกลับเพื่อให้ยกเลิกสัญญา จะเป็นไปได้ไหมครับ?
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 33
ขอตอบตามความเห็นทางกฎหมายส่วนตัวนะครับ

ความเห็นทางกฎหมายในประเด็นสัญญาระหว่างจากับเสี่ย

1. ประเด็นที่หลายคนสงสัยว่าสัญญาทำฝ่ายเดียวได้หรือไม่?
      แม้ตามหลักทั่วไปสัญญาจะทำขึ้นฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะต้องมีการเสนอสนองต้องตรงกันของคู่สัญญา แต่กรณีนี้เป็นกรณีที่มีสัญญาต่อกันอยู่แล้วและมีข้อสัญญาเกี่ยวกับการต่อสัญญา โดยในข้อสัญญานี้อนุญาตให้มีการต่อสัญญาโดยอาศัยเจตนาแต่เพียงฝ่ายเดียวของคู่สัญญา ซึ่งจาได้สนองรับข้อสัญญานี้แล้ว เมื่อข้อสัญญาได้เกิดขึ้นตามหลักเสรีภาพในการแสดงเจตนาก็ย่อมบังคับได้ (หลักทางแพ่ง คือ บุคคลสามารถตกลงกันอย่างใดก็ได้ ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งข้อสัญญาเกี่ยวกับการต่อสัญญาโดยฝ่ายเดียวไม่ใช่ข้อสัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน สามารถบังคับใช้ได้)
      
       ฉะนั้น ในประเด็นนี้จึงต่างจากการทำสัญญาทั่วไป เพราะมีการตกลงกันก่อนแล้วว่าการต่ออายุสัญญาไม่ต้องอาศัยการสนองรับเจตนาของฝ่ายจา ซึ่งจาได้ยินยอมรับข้อสัญญานี้แล้วตั้งแต่ต้น จึงมิใช่ว่าไม่เกิดสัญญาเพราะไม่มีการเสนอสนองรับแต่อย่างใด

2. การส่งคำขอต่อสัญญา
     ประเด็นที่ต้องวิเคราะห์ต่อไป คือ การส่งคำขอต่อสัญญาของเสี่ยนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะในสัญญาระบุว่าจะต้องส่งให้นักแสดง ซึ่งหากเทียบจากหลักของการแสดงเจตนาที่ซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทาง การแสดงเจตนานั้นจะมีผลเมื่อไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา ศาลเคยตีความเอาว่าการไปถึงนั้น แม้จะมีผู้รับไว้แทนการแสดงเจตนานั้นก็อาจมีผลได้เช่นกัน แต่กรณีจากับเสี่ย ตัวผู้รับแทนเองก็ไม่สามารถติดต่อจาได้ (ยกเว้นในทางนำสืบสามารถสืบได้เป็นอย่างอื่น) น่าจะต้องถือว่าการแสดงเจตนาขอต่อข้อสัญญานั้นยังไม่ไปถึงจาภายในกำหนดระยะเวลา อันมีผลให้ไม่เกิดการต่อสัญญาระหว่างจากับเสี่ย อย่างไรก็ดี กรณีศาลอาจเห็นว่าการแสดงเจตนาต่อข้อสัญญามีผลแล้วก็ได้ ขึ้นอยู่กับแนวความเห็นทางกฎหมายของศาลและการนำสืบพยานในข้อเท็จจริง แต่แม้ศาลจะเห็นว่ามีการต่ออายุสัญญาแล้วก็ยังอาจมีข้อต่อสู้ในประเด็นถัดไปเรื่องข้อสัญญาไม่เป็นธรรมได้

3. ข้อสัญญาไม่เป็นธรรม
    ในเรื่องข้อสัญญาไม่เป็นธรรมจะนำมาวิเคราะห์เมื่อศาลเห็นว่าสัญญาระหว่างจากับเสี่ยมีการต่อสัญญากันแล้ว ซึ่งถ้าจาได้สู้ในประเด็นนี้ไว้ ก็จะเป็นเรื่องดุลยพินิจศาลที่จะวินิจฉัยว่าสัญญาดังกล่าวเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งหากศาลเห็นว่าสัญญาดังกล่าวไม่เป็นธรรม ตามแนวคำพิพากษาฎี ศาลอาจใช้อำนาจปรับลดข้อสัญญา หรือแม้กระทั่งวินิจฉัยว่าข้อสัญญาดังกล่าวไม่มีผลบังคับใช้เลยก็เป็นได้ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าข้อสัญญาดังกล่าวไม่เป็นธรรมเพราะผลของอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจระหว่างจากับเสี่ยและข้อสัญญาดังกล่าวก่อให้เกิดภาระอันเกินสมควร คือ สามารถต่อสัญญาไปอีก 10 ปี ได้โดยอาศัยการแสดงเจตนาแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยอีกฝ่ายไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อสัญญาได้

Executive Summary (ข้อสรุปสำหรับคนขี้เกียจอ่าน)

1. ข้อสัญญาให้สามารถต่อสัญญาแต่เพียงฝ่ายเดียวสามารถทำได้ ไม่มีกฎหมายห้าม ไม่ขัดกับหลักความสงบเรียบร้อย (ตามหลักกฎหมายเอกชน เมื่อไม่มีกฎหมายห้าม ย่อมทำได้)

2. แต่การแสดงเจตนาต่อสัญญาของเสี่ยจะมีผลสมบูรณ์หรือไม่ ขึ้นกับความเห็นทางกฎหมายของศาลและผลการนำสืบข้อเท็จจริง

3. แม้จะมีการต่อสัญญา จาก็อาจต่อสู้ในเรื่องข้อสัญญาไม่เป็นธรรม เพื่อให้ศาลปรับลดหรือมีคำสั่งว่าข้อสัญญานั้นไม่มีผลบังคับใช้ก็ได้
ความคิดเห็นที่ 49
สรุปคร่าวๆ ก็คือ

- สัญญาหมดเดือน กรกฎาคม 2556
- ทางบริษัทส่งสัญญามาให้จา แต่จาไม่อยู่บ้าน พี่สาวรับแทน แต่ไม่ยุ่งเกี่ยว พยายามติดต่อจา แต่ติดต่อไม่ได้
  เลยปล่อยเลยตามเลย เพราะคิดว่าเด่วจาก็คงไปคุยเอง
- จาไม่ได้รับสัญญา เลยไปขอลาออก มีเอกสารพร้อมลายเซ็น
- จาเป็นนักแสดงอิสระเต็มตัว ผจก หางานมาป้อนให้ ได้เล่น Fast 7 (จาเริ่มโปรโมทว่าได้เล่น Fast 7
  ประมาณเดือน กันยา - ตุลา 56 ซึ่งแน่นอน พี่เขาเป็นอิสระแล้ว)

แล้วจาทำผิดอะไร ถึงจะต้องถูกฟ้อง?
หรือเพราะในสัญญาระบุไว้ว่า ถ้าส่งเแกสารให้แล้ว ถือว่าต่อสัญญา
แม้จะไม่เซ็น ไม่ตอบรับ ก็ถือว่าสัญญาแล้ว

วลีนี้คุ้นๆ จังวุ้ย เหมือนมีคนเคยทำ ประเภทเอาดอกไม้มาใส่มือแล้วบอกว่า
ดอกไม้อยู่ในมือเองแล้ว ยังไงเองก็ต้องจ่ายตังค์ ไม่งั้นข้าโวย
ความคิดเห็นที่ 20
สัญญาที่สหมงคลอ้างโดยมีไปรษณีย์ตอบรับที่ทนายอ้าง
ไม่มีผลทางกฎหมายแน่นอนครับผม
เมื่อไม่มีการเซ็นสัญญาจากฝ่ายจา พนม
ในกฎหมายที่สหมงคลอ้างเค้าเรียกว่าคำเสนอ
แต่เมื่อไม่มีคำสนองตอบรับตรงกันจากฝ่ายจา พนม
และไม่มีลายเซ็นต์ของจาพนม
สัญญาย่อมไม่มีผลบังคับใช้ได้
อยากเป็นทนายให้ จา พนม จุงเบย
ทนายหนึ่ง
ความคิดเห็นที่ 3
สัญญาไอ่เจียงมันสัญญาทาสมากเลยเจียง   ถ้าดาราที่มุงปั้นไม่ดังมุงก็ทิ้ง ถ้าดังมุงก็ต่อได้สัญญาเองโดยอัตโนมัติ มุงมันทำนาบนหลังคน + มัดมือชก มากมายเลยเจียง   สมควรแล้วที่จาพนมจะก่อกบฎต้าเซิน   ไอ่เจียง มุง....@#%$$#@******(K....y)^&$##@!

                                                   
ความคิดเห็นที่ 51
ผมว่าจารู้ครับ แล้วจาก็อยากฟ้องมากๆ... แต่มันมีเรื่องเยอะกว่านั้นครับ....
เค้าอ้างบุญคุณหลายๆอย่างที่เค้าเคยทำให้จา...เห็นทนายเค้าเปยๆว่า ให้เงินซื้อรถซื้อบ้าน  อะไรซักอย่างนี่แหละครับ
คือคนไทย คุณก็รู้นะครับ เอาคุณวุฒมาข่มกัน.....  จาเค้าเป็นคนดีครับไม่ให้ร้ายไม่หักหลัง....
เค้าเลยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก.... ใครไม่เป็นจา ก็คงไม่รู้สึกตรงนั้น.... เราเองเป็นคนนอก  ช่วยกันให้กำลังใจจาครับ
จาทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่พวกเราชาวไทยแล้ว...จงยึดหมั่นและทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป อย่าได้หวั่นเกรงผู้ใด...
เราพร้อมเป็นกำลังใจให้จา... ถ้าจาไม่ไหวเรื่องเงิน ผมไม่รวยนะแต่จะมอบเงินเก็บส่วนน้อยๆให้จาเลย...
เพราะผมรู้ว่านี่แหละ  คน โครตคน..ที่มีประโยชน์ต่อคนรุ่นใหม่และคนไทยหัวก้าวหน้าทุกๆคน.....ผมช่วยพี่สุดใจครับ...

พูดแล้วมันขึ้นครับ สงคมไทยเนี่ย....ย่ำกันให้จม  เห็นแก่ตัวที่สุด..... อยากร้องให้แทนจาจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่