วินาทีนั้นเอง.....ที่หนังสือเล่มหนึ่งกำลังจะตกลงสู่พื้น มันเป็นเพียงหนังสือธรรมดาๆเล่มหนึ่งเท่านั้น เเต่ทว่า วินาทีนั้นกลับค่อยๆเลยผ่านไปช้าๆอย่างมีความหมาย คล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น จู่ๆหัวใจของฉันก็เต้นเร็วอย่างบอกไม่ถูก ทันใดนั้นเองเมื่อเสียงของปกหนังสือเล่มนี้ตกกระทบกับพื้น
“อุ๊ย!” เสียงหญิงสาวร้องขึ้น พลางยื่นมือออกไปจะเก็บหนังสือ
“อ๊ะ เดี๋ยวผมเก็บให้เองครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเก็บเองค่ะ” แต่ไม่ทันเสียแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นได้ก้มลงเก็บหนังสือเล่มนั้น พร้อมๆกับที่เธอก็ก้มลงเก็บเช่นกัน แล้วช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์ใจก็พลันเกิดขึ้น มือของทั้งคู่สัมผัสกัน เกิดกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านจากอีกมือสู่อีกมือ สายตาสบประสานกันเกิดเป็นความรู้สึกสะท้านไปถึงหัวใจ….
…………………………………………………………………………………….........................................................................
ฉันกำลังนั่งอยู่คนเดียวในร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง วันนี้คนในร้านไม่เยอะเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาอาหารก็ได้ ฉันเองก็สั่งเพียงกาแฟหนึ่งแก้ว แล้วนั่งจิบไปเรื่อยๆและ...เรื่อยๆ ไม่รีบร้อน พลางมองดูผู้คนเดินผ่านไปมานอกหน้าต่างร้านอย่างสนใจ อันที่จริงการที่ฉันมานั่งอยู่ในที่นี้ได้ มันเริ่มตั้งเเต่ตอนฉันตื่นนอน วันนี้มีอะไรบางอย่างที่แรงกล้าปลุกฉันให้ตื่น เมื่อลืมตาขึ้น ฉันรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง เหมือนวันนี้ฉันได้กลายเป็นคนใหม่ ช่างสดชื่นเเละเป็นสุข แม้เเต่เล็บมือเล็บเท้าก็ดูสว่างไสวผิดปกติ ในขณะเดียวกัน ฉันก็มีความรู้สึกตื่นเต้นอยู่ลึกๆ ไม่แน่ใจว่าทำไม เหมือนมีอะไรรอฉันอยู่ แต่ฉันก็มักจะเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว อาการแปลกๆพวกนี้จะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตั้งแต่ตอนฉันอายุได้ประมาณ 4 ขวบ ตอนนั้นฉันก็ไม่เข้าใจหรอก... แน่ล่ะ ใครจะไปเข้าใจได้ เเต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันเป็นคนมี ‘เซ้นส์’ !
ฉันมักจะเซ้นส์ได้ถึงอะไรหลายๆอย่าง ตั้งเเต่เรื่องธรรมดา เช่น ฝนตกแดดออก ไปจนถึงเวลาที่หลานฉันจะคลอด ฉันถึงกับต้องโทรไปบ่นกับพี่สาวฉันทั้งวัน ให้พี่รีบๆคลอดซะที เพราะฉันรำคาญตัวเองที่เฝ้าแต่จะกินนมตลอดเวลาและเคลิ้มเวลาเห็นพวงโมบาย แต่สำหรับวันนี้ฉันรู้สึกถูกกระตุ้นอย่างแรง...แรงกว่าที่ผ่านๆมา แม้ฉันจะยังไม่เข้าใจว่าคืออะไร แต่ก็ตัดสินใจที่จะทำตามเซ้นส์ที่ว่า
เมื่ออาบน้ำเสร็จ จู่ๆฉันก็รู้สึกว่าต้องไปที่ร้านอาหารตรงหัวมุมถนน มันอยู่ใกล้ที่พักมากๆ แต่เซ้นส์ก็เล็งไปที่ตู้เสื้อผ้า ดลใจให้ฉันเลือกชุดกระโปรงที่สวยที่สุดและสั้นที่สุดออกมาใส่…...ถึงกระนั้นเซ้นส์อันรุนแรงนี้ก็ดูเหมือนยังไม่พอใจในความเซ็กซี่ที่บังเกิดขึ้นบนตัวฉัน ฉันต้องคว้ากรรไกรมาตัดกระโปรงให้สั้นกว่าเดิมไปอีกถึงสองนิ้วครึ่ง คราวนี้ก็เรียบร้อย ฉันรู้สึกได้ถึงความโล่งโจ้งและเสน่ห์อันล้นเหลือของตัวเอง และนี่ก็นับว่านี่เป็นเซ้นส์ที่แปลกมาก เพราะตอนนี้เพิ่งจะ 8 นาฬิกาเห็นจะได้ “เอาว่ะ ไหนๆก็ไหนๆละ ดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้น” หลังจากนั้นฉันก็เดินมาที่ร้านหัวมุมถนน ระหว่างทางที่เดินมาฉันรู้สึกเหมือนตัวเองคอยทิ้งรอยเท้าไว้ทุกๆฝีก้าว เสมือนกับจะทิ้งรอยไว้ให้ใครสักคนตามทางมาเจอ
ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง กาแฟในแก้วหมดไปนานแล้ว พร้อมกับเมนูอาหารเช้าชุดใหญ่ แต่สายตาฉันยังคงทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนกำลังมองหาใคร แต่ก็ไม่รู้ว่ากำลังมองหาใคร ที่น่าแปลกก็คือฉันไม่มีความรู้สึกรำคาญหรือลังเลใจที่จะทิ้งเซ้นส์นี้เลยแม่แต่น้อย ฉันรู้สึกสงบและแน่ใจ แต่แล้วมือฉันก็ซุ่มซ่ามปัดกระเป๋าสตางค์ตกพื้น ฉันก้มลงเก็บ เเละกำลังพยายามกลับขึ้นมานั่งตามปกติ ทันใดนั้นเอง! เหมือนจะได้เวลา ฉันยังไม่ทันนั่งดีๆพลันสายตาฉันก็มองไปที่กระดิ่งประตูของร้าน และเเล้วเขาคนนั้นก็เข้ามา…..
ทุกอย่างนิ่งสนิท.....มือของฉันปล่อยกระเป๋าสตางค์ให้อยู่ที่พื้นตามเดิมอย่างไม่รู้ตัว มีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่ในสายตา ฉันเริ่มได้ยินเสียงเพลง “เพียงเธอเท่านั้น” (Only you) ที่แสนไพเราะและโหยหวน บรรเลงอยู่ข้างหูฉัน
แล้วจู่ๆภายในร้านอาหารก็เต็มไปด้วยละอองประหลาดสีทอง ลอยละล่องเหมือนอยู่ในความฝัน ดวงตาฉันเบิกกว้าง ความรู้สึกแห่งความปิติท่วมท้นล้นอิ่มไปทั้งตัว จนรู้สึกเหมือนกับจะสำลักตายด้วยความรู้สึกนี้ น้ำตาเริ่มเอ่อล้นระรื้นขึ้นมา ขนชันลุกซู่ไปทั้งตัว เสียงเหมือนจะแหบแห้งหายไปในลำคอ หัวใจฉันเต้นรัวเร็ว “แน่แล้ว อย่างนี้นี่เอง ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว นี่สินะ บุพเพสันนิวาส ไม่ผิดแน่! คนคนนี้คือคนที่ฉันเฝ้ารอ... เขาเป็นเนื้อคู่ของฉันนี่เอง! ”
โอ...ฉันไม่อยากจะเชื่อ ว่าวันนี้เซ้นส์จะนำพาฉันมาเจอกับเรื่องที่น่า...น่า...น่าอะไรดีล่ะ โอ๊ย! ตอนนี้คำพูดฉันมันถูกกลืนกินไปหมดแล้ว ความรู้สึกดีใจมันเต็มไปหมด ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะอธิบายออกมาได้อย่างไร ฉันได้แต่จ้องมองเขาด้วยใจระทึก เขากำลังค่อยๆเดินมานั่งที่โต๊ะด้านหน้าฉัน ห่างไปเพียง 2-3 โต๊ะ ฉันจึงมองเค้าได้อย่างถนัดตา ไหนดูซิ ว่าพ่อเนื้อคู่ของฉันเป็นอย่างไร ….อืม เขาหล่อมากทีเดียว หน้าตาของเขาดูอ่อนโยน แต่ก็เข้มเเข็ง ดวงตาของเขาออกสีน้ำตาลอ่อน...กลม...โต ขนตาของเขาก็ยาว ยาว...ยาวกว่าของฉัน จมูกก็โด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูปและ...อวบอิ่ม ชั้นเผลอยิ้มด้วยความเขินอายกับตัวเอง แล้วพิจารณาส่วนต่อไป ร่างกายเขาไงล่ะ โอ….ตายแล้ว! ทันทีที่ฉันมองร่างของเขา ฉันถึงกับต้องหันหน้าหนีออกไปนอกร้าน เงยหน้ามองท้องฟ้าที่แสนสดใสเบื้องบน แล้วกระซิบผ่านลำคอที่แหบแห้งว่า “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ”
มันช่างงดงาม งดงามมาก ฉันพนันได้เลยว่ารอบยับต่างๆที่ทำให้ดูเหมือนเสื้อของเขาแทบจะปริในไม่กี่วินาทีนี้ ต้องเกิดขึ้นจากกล้ามเป็นมัดๆที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตัวนั้น ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตา...ซึมซาบความประทับใจนี้พลางคิดว่า ให้ตายสิ....ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คน แต่เป็นประเทศสักประเทศ เขาจะต้องเป็นประเทศที่มีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่สวยงามและวิเศษที่สุด และที่สำคัญคือไม่ใช่ประเทศธรรมดาๆ แต่เป็นประเทศที่มีฉันเป็นเจ้าของอีกด้วย! เป็นประเทศที่มีฉันเป็นราชินี! เป็นเจ้าของทุกๆตารางนิ้ว! และฉัน...จะทำอะไรกับตารางนิ้วที่ว่าก็ได้! มันจะเป็นสิทธิ์แก่ฉันแต่เพียงผู้เดียว! โอ้วว ถึงตรงนี้ฉันก็รู้สึกจะเป็นลมตาย ความสุขสามารถฆ่าคนได้อย่างนี้นี่เอง ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ...ฉันหัวเราะเบาๆห้าครั้งกับตัวเอง
แต่เมื่อลืมตาขึ้น ความจริงตรงหน้าก็คือประเทศอาณานิคมของฉันผู้นั้นได้หายไปแล้ว ฮะ!? อะไรกัน เขาหายไปไหน? ฉันหลับตาไปแค่แป๊บเดียวเอง! ไม่นะ! เอ๊ะ...หรือเขาแค่ไปเข้าห้องน้ำ หรือว่าเขาออกไปแล้ว! ฉันจะทำยังไงดี! ไปเช็คที่ห้องน้ำก่อนดีมั้ย? อ่าว...แล้วถ้าจริงๆเขาออกไปแล้วล่ะ?! ระหว่างที่ฉันไปยืนเช็คที่ห้องน้ำ เขาก็อาจจะเดินไปไหนต่อไหนแล้วน่ะสิ! โอ๊ะ! นี่มันยากมากๆ….งั้นเอาอย่างนี้ ฉันต้องรีบวิ่งออกไปเช็คนอกร้าน แต่ต้องเช็คแบบรวดเร็ว กวาดสายตาอย่างละเอียด แม่นยำ เเละรวดเร็วมากๆ ถ้าเขาอยู่ข้างนอกนั่น ฉันต้องเจอเขา! ถ้าไม่มี ยังไงซะ ก็รีบกลับมาที่ร้าน เขาอาจจะเเค่เข้าห้องน้ำไปก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะเจอเขาอยู่ดี เอาล่ะ...แผนนี้ล่ะ! ที่จะทำให้ฉันเจอเขาไม่นอกร้านก็ในร้านนี้ล่ะวะ!
ว่าเเล้วฉันก็รีบลุกขึ้น และออกก้าวเดิน แต่แล้วพนักงานของร้านคนหนึ่งก็เข้ามา
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ไม่ทราบคุณลูกค้าต้องการให้คิดเงินเลยรึเปล่าคะ?” อุ๊ปส์... จริงสินะ
“อ้อ ขอโทษด้วยค่ะ พอดีฉันรีบไปหน่อย ลืมไปเลย น่าอายจัง...เอ่อ เท่าไหร่คะ” ฉันรีบเดินตามพนักงานไปที่เคาน์เตอร์
“มีกาแฟแก้วนึงนะคะ ราคา 50 บาทค่ะ”
“ไม่ค่ะๆ มีอาหารเช้าชุดใหญ่ด้วยค่ะ” โอ...เร็วๆหน่อยเถอะ
“คะ? อาหารเช้าเหรอคะ? ในรายการไม่มีบอกไว้น่ะค่ะ ขอเช็คสักครู่นะคะ” ฮะ?! นี่ฉันไปทักทำไม(วะ)เนี่ย ยิ่งรีบๆอยู่
“อ...เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ คือ..พอดีกำลังรีบน่ะค่ะ งั้นขอจ่ายเลยเเล้วกันค่ะ ไม่ต้องทอนค่ะ” ฉันรีบบอกพลางควานหากระเป๋าสตางค์ โดยไม่ทันนึกเอะใจเลยว่า คำพูดของฉันจะไปกระตุกจิตสำนึกอันรุนเเรงของพนักงานหญิงคนนี้เข้า
“อุ้ย ไม่ได้หรอกค่ะคุณลูกค้า ดิฉันไม่สามารถเอาเปรียบคุณลูกค้าได้ค่ะ! กรุณารอสักครู่นะคะ ดิฉันเป็นพนักงานดีเด่นมาถึงสามเดือนซ้อน! ดิฉันมีความมั่นใจในการบริการและเชื่อมั่นเหลือเกินในความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าค่ะ ดิฉันจะเช็ครายการให้คุณลูกค้าอย่างถูกต้องเสมอค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ” เธอพูดด้วยสีหน้าของพนักงานดีเด่นสามเดือนซ้อนจริงๆ แต่ฉันน่ะ...ฉันจะกรี๊ดอยู่เเล้ว ทำไมนะ ทำไมมันต้องชักช้าและยุ่งยากขนาดนี้ด้วย ทำไมต้องตอนนี้ด้วย!
“นี่คุณ คุณมองตาฉันนี่ เห็นเส้นเลือดในตาฉันมั้ย!! ถ้าคุณไม่ยอมรับเงินของฉัน! ทำให้ฉันตามไปเจอเนื้อคู่ของฉันไม่ทัน! และฉันต้องนอนรอเซ้นส์นี้ไปอีก 10 หรือ 20 ปีล่ะก็! ฉันขอรับรองเลยว่าคุณจะไม่ได้อยู่เป็นพนักงานดีเด่น เดือนที่ 4 แน่!!!” โดยไม่รู้ตัว ตายจริง…. นี่ฉันกำลังใช้มือจิกเคาน์เตอร์ นี่ฉันกลายเป็นอะไรไปแล้ว?!
“คุณลูกค้า….นี่คุณลูกค้าพูดว่ากำลังรีบไปเจอเนื้อคู่เหรอคะ?” เธอทำสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“โธ่เอ๊ย! คุณไม่เข้าใจ ฉันรู้ว่ามันฟังดู…..”
“ไปเถอะค่ะ!” หือ…...
“ดิฉันเข้าใจสิคะ คุณลูกค้าคะ... เนื้อคู่เป็นเรื่องสำคัญ เป็นสิ่งอัศจรรย์ที่มนุษย์คนนึงจะมีได้ หากมันเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าดิฉันแบบนี้แล้ว ดิฉันต้องสนับสนุนส่งเสริมทุกทางค่ะ! ไปเถอะค่ะ! สำหรับค่าอาหารมื้อนี้ไม่ต้องจ่ายค่ะ ทำไมคุณยังไม่ไปอีกคะ!! ไปสิคะ!!” ฉันสะดุ้งเฮือก ช่างเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด พิลึกเสียจริงคนคนนี้
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ เอ้อ...ขอโทษที่จิกเคาน์เตอร์คุณค่ะ ” ฉันละล่ำละลักขอบคุณด้วยใจจริง แล้ววิ่งไปที่ประตูร้าน แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูออกไป
“เดี๋ยวค่ะ! คุณลูกค้า!” ฮะ!? จะอะไรอีกละเนี่ย
“คุณทำกระเป๋าสตางค์ตกไว้ที่พื้นน่ะค่ะ” …..ฉันไม่แน่ใจว่าฉันส่งรังสีชนิดใดออกไปแต่พนักงานคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า
“เอ่อ...ไปเถอะค่ะ!! เดี๋ยวดิฉันจะเก็บไว้ให้นะคะ...”
ได้ไปสักที มีอย่างนึงละที่แน่นอน เขาไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ เขาออกมาเเล้ว ไม่เช่นนั้นคงได้เจอกันในร้านไปแล้ว แต่เขาไม่ได้อยู่ที่หน้าร้าน เอายังไงดีนะ ต้องเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา? เซ้นส์!...ได้โปรดมาเดี๋ยวนี้นะ เซ้นส์! มาเดี๋ยวนี้!! ต้องช่วยฉันนะ! แล้วฉันก็ได้ยินเสียงก้องกังวาน เป็นเสียงใสบริสุทธิ์ ดังมาจากกะพรวนอันจิ๋วของเจ้าแมวน้อยสีขาวตัวหนึ่ง มันกระโดดมาอยู่ตรงหน้าฉัน ขนของมันสีขาวฟูฟ่อง แต่ไม่ใช่สีขาวทั่วๆไป แมวตัวนี้มีสีขาวเป็นประกาย คล้ายสีขาวมุก ดูสวยอย่างวิเศษ ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ลูกกะพรวนถูกคล้องอยู่กับปลอกคอสีทอง….ยังคงส่งเสียงใส ตาสีฟ้าเหลือบเทาให้ความรู้สึกลึกลับและแสนประหลาดของมันกำลังจ้องตาฉันไม่กะพริบ และทันใดนั้นมันก็ออกวิ่งตรงไปทางขวา ฉันรีบวิ่งตามไป เจ้าแมววิ่งลัดเลาะขาของผู้คนที่เดินสวนกันไปมา ฉันต้องรีบตามให้ทัน พลางภาวนาในใจอย่างแน่วแน่ ...ขอให้ได้เจอ อย่าให้เราต้องคลาดกัน อย่าคลาดกันเชียวนะ!......แต่ก็เหมือนคำขอของฉันเล่นตลกกับฉันเสียเอง จู่ๆ เจ้าแมวก็หายไป…..ไม่จริง ฉันจับตามองอยู่ตลอด หายไปได้ยังไงกัน?
บุพเพสันนิวาส ฉบับพิเศษ
“อุ๊ย!” เสียงหญิงสาวร้องขึ้น พลางยื่นมือออกไปจะเก็บหนังสือ
“อ๊ะ เดี๋ยวผมเก็บให้เองครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเก็บเองค่ะ” แต่ไม่ทันเสียแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นได้ก้มลงเก็บหนังสือเล่มนั้น พร้อมๆกับที่เธอก็ก้มลงเก็บเช่นกัน แล้วช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์ใจก็พลันเกิดขึ้น มือของทั้งคู่สัมผัสกัน เกิดกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านจากอีกมือสู่อีกมือ สายตาสบประสานกันเกิดเป็นความรู้สึกสะท้านไปถึงหัวใจ….
…………………………………………………………………………………….........................................................................
ฉันกำลังนั่งอยู่คนเดียวในร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง วันนี้คนในร้านไม่เยอะเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาอาหารก็ได้ ฉันเองก็สั่งเพียงกาแฟหนึ่งแก้ว แล้วนั่งจิบไปเรื่อยๆและ...เรื่อยๆ ไม่รีบร้อน พลางมองดูผู้คนเดินผ่านไปมานอกหน้าต่างร้านอย่างสนใจ อันที่จริงการที่ฉันมานั่งอยู่ในที่นี้ได้ มันเริ่มตั้งเเต่ตอนฉันตื่นนอน วันนี้มีอะไรบางอย่างที่แรงกล้าปลุกฉันให้ตื่น เมื่อลืมตาขึ้น ฉันรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง เหมือนวันนี้ฉันได้กลายเป็นคนใหม่ ช่างสดชื่นเเละเป็นสุข แม้เเต่เล็บมือเล็บเท้าก็ดูสว่างไสวผิดปกติ ในขณะเดียวกัน ฉันก็มีความรู้สึกตื่นเต้นอยู่ลึกๆ ไม่แน่ใจว่าทำไม เหมือนมีอะไรรอฉันอยู่ แต่ฉันก็มักจะเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว อาการแปลกๆพวกนี้จะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตั้งแต่ตอนฉันอายุได้ประมาณ 4 ขวบ ตอนนั้นฉันก็ไม่เข้าใจหรอก... แน่ล่ะ ใครจะไปเข้าใจได้ เเต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันเป็นคนมี ‘เซ้นส์’ !
ฉันมักจะเซ้นส์ได้ถึงอะไรหลายๆอย่าง ตั้งเเต่เรื่องธรรมดา เช่น ฝนตกแดดออก ไปจนถึงเวลาที่หลานฉันจะคลอด ฉันถึงกับต้องโทรไปบ่นกับพี่สาวฉันทั้งวัน ให้พี่รีบๆคลอดซะที เพราะฉันรำคาญตัวเองที่เฝ้าแต่จะกินนมตลอดเวลาและเคลิ้มเวลาเห็นพวงโมบาย แต่สำหรับวันนี้ฉันรู้สึกถูกกระตุ้นอย่างแรง...แรงกว่าที่ผ่านๆมา แม้ฉันจะยังไม่เข้าใจว่าคืออะไร แต่ก็ตัดสินใจที่จะทำตามเซ้นส์ที่ว่า
เมื่ออาบน้ำเสร็จ จู่ๆฉันก็รู้สึกว่าต้องไปที่ร้านอาหารตรงหัวมุมถนน มันอยู่ใกล้ที่พักมากๆ แต่เซ้นส์ก็เล็งไปที่ตู้เสื้อผ้า ดลใจให้ฉันเลือกชุดกระโปรงที่สวยที่สุดและสั้นที่สุดออกมาใส่…...ถึงกระนั้นเซ้นส์อันรุนแรงนี้ก็ดูเหมือนยังไม่พอใจในความเซ็กซี่ที่บังเกิดขึ้นบนตัวฉัน ฉันต้องคว้ากรรไกรมาตัดกระโปรงให้สั้นกว่าเดิมไปอีกถึงสองนิ้วครึ่ง คราวนี้ก็เรียบร้อย ฉันรู้สึกได้ถึงความโล่งโจ้งและเสน่ห์อันล้นเหลือของตัวเอง และนี่ก็นับว่านี่เป็นเซ้นส์ที่แปลกมาก เพราะตอนนี้เพิ่งจะ 8 นาฬิกาเห็นจะได้ “เอาว่ะ ไหนๆก็ไหนๆละ ดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้น” หลังจากนั้นฉันก็เดินมาที่ร้านหัวมุมถนน ระหว่างทางที่เดินมาฉันรู้สึกเหมือนตัวเองคอยทิ้งรอยเท้าไว้ทุกๆฝีก้าว เสมือนกับจะทิ้งรอยไว้ให้ใครสักคนตามทางมาเจอ
ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง กาแฟในแก้วหมดไปนานแล้ว พร้อมกับเมนูอาหารเช้าชุดใหญ่ แต่สายตาฉันยังคงทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนกำลังมองหาใคร แต่ก็ไม่รู้ว่ากำลังมองหาใคร ที่น่าแปลกก็คือฉันไม่มีความรู้สึกรำคาญหรือลังเลใจที่จะทิ้งเซ้นส์นี้เลยแม่แต่น้อย ฉันรู้สึกสงบและแน่ใจ แต่แล้วมือฉันก็ซุ่มซ่ามปัดกระเป๋าสตางค์ตกพื้น ฉันก้มลงเก็บ เเละกำลังพยายามกลับขึ้นมานั่งตามปกติ ทันใดนั้นเอง! เหมือนจะได้เวลา ฉันยังไม่ทันนั่งดีๆพลันสายตาฉันก็มองไปที่กระดิ่งประตูของร้าน และเเล้วเขาคนนั้นก็เข้ามา…..
ทุกอย่างนิ่งสนิท.....มือของฉันปล่อยกระเป๋าสตางค์ให้อยู่ที่พื้นตามเดิมอย่างไม่รู้ตัว มีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่ในสายตา ฉันเริ่มได้ยินเสียงเพลง “เพียงเธอเท่านั้น” (Only you) ที่แสนไพเราะและโหยหวน บรรเลงอยู่ข้างหูฉัน
แล้วจู่ๆภายในร้านอาหารก็เต็มไปด้วยละอองประหลาดสีทอง ลอยละล่องเหมือนอยู่ในความฝัน ดวงตาฉันเบิกกว้าง ความรู้สึกแห่งความปิติท่วมท้นล้นอิ่มไปทั้งตัว จนรู้สึกเหมือนกับจะสำลักตายด้วยความรู้สึกนี้ น้ำตาเริ่มเอ่อล้นระรื้นขึ้นมา ขนชันลุกซู่ไปทั้งตัว เสียงเหมือนจะแหบแห้งหายไปในลำคอ หัวใจฉันเต้นรัวเร็ว “แน่แล้ว อย่างนี้นี่เอง ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว นี่สินะ บุพเพสันนิวาส ไม่ผิดแน่! คนคนนี้คือคนที่ฉันเฝ้ารอ... เขาเป็นเนื้อคู่ของฉันนี่เอง! ”
โอ...ฉันไม่อยากจะเชื่อ ว่าวันนี้เซ้นส์จะนำพาฉันมาเจอกับเรื่องที่น่า...น่า...น่าอะไรดีล่ะ โอ๊ย! ตอนนี้คำพูดฉันมันถูกกลืนกินไปหมดแล้ว ความรู้สึกดีใจมันเต็มไปหมด ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะอธิบายออกมาได้อย่างไร ฉันได้แต่จ้องมองเขาด้วยใจระทึก เขากำลังค่อยๆเดินมานั่งที่โต๊ะด้านหน้าฉัน ห่างไปเพียง 2-3 โต๊ะ ฉันจึงมองเค้าได้อย่างถนัดตา ไหนดูซิ ว่าพ่อเนื้อคู่ของฉันเป็นอย่างไร ….อืม เขาหล่อมากทีเดียว หน้าตาของเขาดูอ่อนโยน แต่ก็เข้มเเข็ง ดวงตาของเขาออกสีน้ำตาลอ่อน...กลม...โต ขนตาของเขาก็ยาว ยาว...ยาวกว่าของฉัน จมูกก็โด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูปและ...อวบอิ่ม ชั้นเผลอยิ้มด้วยความเขินอายกับตัวเอง แล้วพิจารณาส่วนต่อไป ร่างกายเขาไงล่ะ โอ….ตายแล้ว! ทันทีที่ฉันมองร่างของเขา ฉันถึงกับต้องหันหน้าหนีออกไปนอกร้าน เงยหน้ามองท้องฟ้าที่แสนสดใสเบื้องบน แล้วกระซิบผ่านลำคอที่แหบแห้งว่า “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ”
มันช่างงดงาม งดงามมาก ฉันพนันได้เลยว่ารอบยับต่างๆที่ทำให้ดูเหมือนเสื้อของเขาแทบจะปริในไม่กี่วินาทีนี้ ต้องเกิดขึ้นจากกล้ามเป็นมัดๆที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตัวนั้น ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตา...ซึมซาบความประทับใจนี้พลางคิดว่า ให้ตายสิ....ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คน แต่เป็นประเทศสักประเทศ เขาจะต้องเป็นประเทศที่มีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่สวยงามและวิเศษที่สุด และที่สำคัญคือไม่ใช่ประเทศธรรมดาๆ แต่เป็นประเทศที่มีฉันเป็นเจ้าของอีกด้วย! เป็นประเทศที่มีฉันเป็นราชินี! เป็นเจ้าของทุกๆตารางนิ้ว! และฉัน...จะทำอะไรกับตารางนิ้วที่ว่าก็ได้! มันจะเป็นสิทธิ์แก่ฉันแต่เพียงผู้เดียว! โอ้วว ถึงตรงนี้ฉันก็รู้สึกจะเป็นลมตาย ความสุขสามารถฆ่าคนได้อย่างนี้นี่เอง ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ...ฉันหัวเราะเบาๆห้าครั้งกับตัวเอง
แต่เมื่อลืมตาขึ้น ความจริงตรงหน้าก็คือประเทศอาณานิคมของฉันผู้นั้นได้หายไปแล้ว ฮะ!? อะไรกัน เขาหายไปไหน? ฉันหลับตาไปแค่แป๊บเดียวเอง! ไม่นะ! เอ๊ะ...หรือเขาแค่ไปเข้าห้องน้ำ หรือว่าเขาออกไปแล้ว! ฉันจะทำยังไงดี! ไปเช็คที่ห้องน้ำก่อนดีมั้ย? อ่าว...แล้วถ้าจริงๆเขาออกไปแล้วล่ะ?! ระหว่างที่ฉันไปยืนเช็คที่ห้องน้ำ เขาก็อาจจะเดินไปไหนต่อไหนแล้วน่ะสิ! โอ๊ะ! นี่มันยากมากๆ….งั้นเอาอย่างนี้ ฉันต้องรีบวิ่งออกไปเช็คนอกร้าน แต่ต้องเช็คแบบรวดเร็ว กวาดสายตาอย่างละเอียด แม่นยำ เเละรวดเร็วมากๆ ถ้าเขาอยู่ข้างนอกนั่น ฉันต้องเจอเขา! ถ้าไม่มี ยังไงซะ ก็รีบกลับมาที่ร้าน เขาอาจจะเเค่เข้าห้องน้ำไปก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะเจอเขาอยู่ดี เอาล่ะ...แผนนี้ล่ะ! ที่จะทำให้ฉันเจอเขาไม่นอกร้านก็ในร้านนี้ล่ะวะ!
ว่าเเล้วฉันก็รีบลุกขึ้น และออกก้าวเดิน แต่แล้วพนักงานของร้านคนหนึ่งก็เข้ามา
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ไม่ทราบคุณลูกค้าต้องการให้คิดเงินเลยรึเปล่าคะ?” อุ๊ปส์... จริงสินะ
“อ้อ ขอโทษด้วยค่ะ พอดีฉันรีบไปหน่อย ลืมไปเลย น่าอายจัง...เอ่อ เท่าไหร่คะ” ฉันรีบเดินตามพนักงานไปที่เคาน์เตอร์
“มีกาแฟแก้วนึงนะคะ ราคา 50 บาทค่ะ”
“ไม่ค่ะๆ มีอาหารเช้าชุดใหญ่ด้วยค่ะ” โอ...เร็วๆหน่อยเถอะ
“คะ? อาหารเช้าเหรอคะ? ในรายการไม่มีบอกไว้น่ะค่ะ ขอเช็คสักครู่นะคะ” ฮะ?! นี่ฉันไปทักทำไม(วะ)เนี่ย ยิ่งรีบๆอยู่
“อ...เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ คือ..พอดีกำลังรีบน่ะค่ะ งั้นขอจ่ายเลยเเล้วกันค่ะ ไม่ต้องทอนค่ะ” ฉันรีบบอกพลางควานหากระเป๋าสตางค์ โดยไม่ทันนึกเอะใจเลยว่า คำพูดของฉันจะไปกระตุกจิตสำนึกอันรุนเเรงของพนักงานหญิงคนนี้เข้า
“อุ้ย ไม่ได้หรอกค่ะคุณลูกค้า ดิฉันไม่สามารถเอาเปรียบคุณลูกค้าได้ค่ะ! กรุณารอสักครู่นะคะ ดิฉันเป็นพนักงานดีเด่นมาถึงสามเดือนซ้อน! ดิฉันมีความมั่นใจในการบริการและเชื่อมั่นเหลือเกินในความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าค่ะ ดิฉันจะเช็ครายการให้คุณลูกค้าอย่างถูกต้องเสมอค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ” เธอพูดด้วยสีหน้าของพนักงานดีเด่นสามเดือนซ้อนจริงๆ แต่ฉันน่ะ...ฉันจะกรี๊ดอยู่เเล้ว ทำไมนะ ทำไมมันต้องชักช้าและยุ่งยากขนาดนี้ด้วย ทำไมต้องตอนนี้ด้วย!
“นี่คุณ คุณมองตาฉันนี่ เห็นเส้นเลือดในตาฉันมั้ย!! ถ้าคุณไม่ยอมรับเงินของฉัน! ทำให้ฉันตามไปเจอเนื้อคู่ของฉันไม่ทัน! และฉันต้องนอนรอเซ้นส์นี้ไปอีก 10 หรือ 20 ปีล่ะก็! ฉันขอรับรองเลยว่าคุณจะไม่ได้อยู่เป็นพนักงานดีเด่น เดือนที่ 4 แน่!!!” โดยไม่รู้ตัว ตายจริง…. นี่ฉันกำลังใช้มือจิกเคาน์เตอร์ นี่ฉันกลายเป็นอะไรไปแล้ว?!
“คุณลูกค้า….นี่คุณลูกค้าพูดว่ากำลังรีบไปเจอเนื้อคู่เหรอคะ?” เธอทำสีหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“โธ่เอ๊ย! คุณไม่เข้าใจ ฉันรู้ว่ามันฟังดู…..”
“ไปเถอะค่ะ!” หือ…...
“ดิฉันเข้าใจสิคะ คุณลูกค้าคะ... เนื้อคู่เป็นเรื่องสำคัญ เป็นสิ่งอัศจรรย์ที่มนุษย์คนนึงจะมีได้ หากมันเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าดิฉันแบบนี้แล้ว ดิฉันต้องสนับสนุนส่งเสริมทุกทางค่ะ! ไปเถอะค่ะ! สำหรับค่าอาหารมื้อนี้ไม่ต้องจ่ายค่ะ ทำไมคุณยังไม่ไปอีกคะ!! ไปสิคะ!!” ฉันสะดุ้งเฮือก ช่างเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด พิลึกเสียจริงคนคนนี้
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ เอ้อ...ขอโทษที่จิกเคาน์เตอร์คุณค่ะ ” ฉันละล่ำละลักขอบคุณด้วยใจจริง แล้ววิ่งไปที่ประตูร้าน แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูออกไป
“เดี๋ยวค่ะ! คุณลูกค้า!” ฮะ!? จะอะไรอีกละเนี่ย
“คุณทำกระเป๋าสตางค์ตกไว้ที่พื้นน่ะค่ะ” …..ฉันไม่แน่ใจว่าฉันส่งรังสีชนิดใดออกไปแต่พนักงานคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า
“เอ่อ...ไปเถอะค่ะ!! เดี๋ยวดิฉันจะเก็บไว้ให้นะคะ...”
ได้ไปสักที มีอย่างนึงละที่แน่นอน เขาไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ เขาออกมาเเล้ว ไม่เช่นนั้นคงได้เจอกันในร้านไปแล้ว แต่เขาไม่ได้อยู่ที่หน้าร้าน เอายังไงดีนะ ต้องเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา? เซ้นส์!...ได้โปรดมาเดี๋ยวนี้นะ เซ้นส์! มาเดี๋ยวนี้!! ต้องช่วยฉันนะ! แล้วฉันก็ได้ยินเสียงก้องกังวาน เป็นเสียงใสบริสุทธิ์ ดังมาจากกะพรวนอันจิ๋วของเจ้าแมวน้อยสีขาวตัวหนึ่ง มันกระโดดมาอยู่ตรงหน้าฉัน ขนของมันสีขาวฟูฟ่อง แต่ไม่ใช่สีขาวทั่วๆไป แมวตัวนี้มีสีขาวเป็นประกาย คล้ายสีขาวมุก ดูสวยอย่างวิเศษ ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ลูกกะพรวนถูกคล้องอยู่กับปลอกคอสีทอง….ยังคงส่งเสียงใส ตาสีฟ้าเหลือบเทาให้ความรู้สึกลึกลับและแสนประหลาดของมันกำลังจ้องตาฉันไม่กะพริบ และทันใดนั้นมันก็ออกวิ่งตรงไปทางขวา ฉันรีบวิ่งตามไป เจ้าแมววิ่งลัดเลาะขาของผู้คนที่เดินสวนกันไปมา ฉันต้องรีบตามให้ทัน พลางภาวนาในใจอย่างแน่วแน่ ...ขอให้ได้เจอ อย่าให้เราต้องคลาดกัน อย่าคลาดกันเชียวนะ!......แต่ก็เหมือนคำขอของฉันเล่นตลกกับฉันเสียเอง จู่ๆ เจ้าแมวก็หายไป…..ไม่จริง ฉันจับตามองอยู่ตลอด หายไปได้ยังไงกัน?