เส้นทางรักลวงใจ
ตอน ๒ ระลึกความหลัง
เธอนึกถึงเหตุการณ์ครั้งที่เธอ และอรินทร์รู้จักกันในตอนแรก เหตุการณ์เกิดขึ้น ณ ตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่ง
...กานดานั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างจากปากทางที่รถสองแถวหยุดให้เธอลง นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์รับจ้างตรงปากทางเพื่อรีบไปโรงเรียน มองเห็นทุ่งนามีต้นข้าวสีเขียวตลอดสองข้างทางไม่นานก็จะกลายเป็นทุ่งทองในฤดูหนาวปีนี้ ผ่านหมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้าน ระยะทางจากถนนใหญ่ไปโรงเรียนประมาณสี่กิโลเมตรมองเห็น เป็นกิจวัตรในทุกวันที่เธอต้องรีบไปโรงเรียนให้ทันเวลาก่อนที่จะถึงเวลาเข้าแถวหน้าเสาธง บางวันเพื่อนร่วมงานก็ให้เธอติดรถเขามาด้วย เธอมาทำงานที่โรงเรียนแห่งนี้ได้หนึ่งเทอมแล้วในตำแหน่งครูอัตราจ้าง โรงเรียนได้ถูกสร้างไว้ชั่วคราวในที่แห่งนี้เพื่อรองรับนักเรียนจนกว่าสถานที่ก่อสร้างโรงเรียนถาวรซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตรจะแล้วเสร็จ
เห็นนักเรียนกำลังนั่งเล่นตามสุมทุมพุ่มไม้บ้าง เล่นกีฬากันบ้าง อาคารเรียนเป็นอาคารชั่วคราวแบ่งออกเป็นห้องพักครู ส่วนห้องเรียนสามห้องเรียนนั้นยังไม่มีฝาผนัง พรุ่งนี้เธอต้องช่วยโรงเรียนจัดกิจกรรมนำนักเรียนไปทำบุญที่วัดในประเพณีวันเข้าพรรษา
เด็กหญิงคนหนึ่งเห็นเธอลงจากรถจักรยานยนต์รับจ้าง ก็ยืนรอทำความเคารพเธอ
“สวัสดีค่ะ อาจารย์กานดา” เด็กหญิงน้อมตัวไหว้ทำความเคารพ
เธอยิ้มให้นักเรียน “สวัสดีค่ะเรไร”
เมื่อเดินมาถึงห้องพักครูก็ได้ยินอาจารย์หลายท่านกำลังปรึกษาหารือ และนัดหมายที่จะนำนักเรียนไปทำบุญที่วัดกัน เธอทำความเคารพอาจารย์ทุกท่าน แล้วนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อทำงานตามหน้าที่ต่อไป
หลังกิจกรรมเข้าแถวเคารพธงชาติแล้วเธอต้องสอนห้องมัธยมศึกษาปีที่สองซึ่งเป็นห้องที่เด็กหญิงเรไรเรียนอยู่ วันนี้เธอสอนนักเรียนทุกชั้น โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนอยู่แค่สามระดับชั้นในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เด็กนักเรียนบางกลุ่มมักมาพูดคุยกับเธอในเวลาว่างเสมอ ส่วนใหญ่จะเป็นตอนเช้าก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ และตอนเที่ยงหลังรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว
...วันนี้เป็นเหมือนทุกวัน กานดานั่งทำงานก่อนไปดูแลเด็กเคารพธงชาติ มองดูปฏิทินตั้งโต๊ะ อีกไม่ถึงเดือนเธอก็จะหมดสัญญาที่โรงเรียนแห่งนี้แล้ว เพราะอายุยังไม่มาก และมีประสบการณ์ในการทำงานยังไม่มากเช่นกัน เธอจึงไม่รู้สึกกังวลว่าจะต้องหางานทำในที่แห่งใหม่หากสัญญาจ้างที่นี่หมดลง
เดินออกมาจากห้องพักครูเพราะเตรียมการสอนเรียบร้อยแล้ว เห็นเรไรและเพื่อนๆ กำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้เสาธง เธอเดินไปที่นั่นเพื่อจะพูดคุยกับเด็กๆ
“ทำอะไรกันอยู่คะ”
“กำลังคุยเรื่องลูกพี่ลูกน้องของเรไรที่มาบวชตอนวันเข้าพรรษาค่ะ ตอนแรกว่าจะบวชก่อนแต่งงานแต่ก็ไม่แต่งแล้วค่ะ” เด็กหญิงประทุม เด็กหญิงผิวขาวตัวอวบอ้วนลูกสาวผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเล่าให้เธอฟัง
“เหรอจ๊ะ ...แปลกจัง ทำไมหรือคะ!” เธอให้ความสนใจในสิ่งที่นักเรียนพูดคุยกันอยู่
“พี่ชายของหนูยังไม่พร้อมค่ะ ตอนนี้คู่หมั้นเลยมีคนรักใหม่ และกำลังจะแต่งงานกันแล้วค่ะ” สีหน้าของคนเล่าไม่ดีนัก แต่ก็เล่าให้เธอฟังต่อไป
“พี่ชายของหนูทำงานเพื่อครอบครัว จนสร้างบ้านได้หนึ่งหลัง ตอนนี้ก็อยู่รอเกี่ยวข้าวค่ะ ไม่ได้ทำงานมานานแล้วค่ะ”
“น่าสงสารนะ เป็นคนตั้งใจทำงาน คงประสบความสำเร็จสักวัน” เธอให้กำลังใจลูกศิษย์ แม้ไม่เคยรู้จักญาติผู้พี่ของเด็กหญิงเรไรมาก่อน
สีหน้าของลูกศิษย์ดีขึ้นจนเธอพอใจ เพราะอย่างน้อยเด็กหญิงเรไรก็ไม่ต้องเศร้าใจเรื่องพี่ชายให้เธอเห็นอีก
หลังเด็กๆ เคารพธงชาติแล้วเธอได้ยินคุณครูจับกลุ่มกันวิจารณ์เรื่องที่นักเรียนชายชื่อสุนัยมาเล่าให้ฟังว่ามีนักเรียนชายคนหนึ่งเห็นถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วถูกทิ้งเรี่ยราดอยู่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง แต่เธอก็ไม่ทราบว่าคือที่ใด แต่เดาไปว่าน่าจะเป็นบ้านลูกพี่ลูกน้องของเรไร เพราะได้ยินว่ามาจากคนที่หยุดงานมาอยู่ที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้สนใจนักเพระว่าเป็นเรื่องไกลตัวเธอ และเธอไม่ใช่คนแถวนี้จึงไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นอะไรมาก
“สุนัยมาเล่าให้ฟังเรื่องบ้านหลังนั้นอีกแล้วอรไท”อาจารย์สมพลกล่าว
ครูสาวทำท่าทางกระอักกระอ่วนใจ “ไม่รู้ว่าเด็กๆ ไปเห็นได้อย่างไร คนแถวนั้นก็แปลกทิ้งของไม่เป็นที่เป็นทางเลย นี่เราคงต้องอบรมเด็กเรื่องเพศสัมพันธ์และสุขอนามัยให้มาก เพราะช่วงนี้ก็เป็นช่วงระบาดของโรคฉี่หนูด้วย” เธอหัวเราะน้อยๆ
“เตรียมตัวไปสอนกันเถอะ เด็กๆ คงรอพร้อมแล้ว” อาจารย์อีกท่านบอก
การสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้ทำความหนักใจให้เธอเท่าใดนัก เพราะเด็กๆ ค่อนข้างว่านอนสอนง่าย
...ต่อมาเรไรก็ได้พูดชมถึงความดีงามของพี่ชายเธอให้กานดาฟังอยู่เสมอในเวลาที่เจอกัน
“พี่อ๋อ พี่ของหนูกลับมาบ้าน มาบวชตอนเข้าพรรษาปีนี้ค่ะ เพื่อที่จะเป็นการบวชก่อนแต่งงาน แต่ตอนนี้ว่าที่เจ้าสาวก็ทนรอไม่ไหว แต่งงานไปกับคนอื่นแล้วค่ะ เพราะพี่หนูไม่ว่างสักที ต้องทำนั่นทำนี่ให้ครอบครัวตามหน้าที่ลูกที่ดี และเป็นพี่ชายคนโต พอสึกก็บอกคู่หมั้นว่าไม่อยากแต่งงานเร็วๆ นี้ ตามที่นัดหมายไว้กับญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง เพราะยังไม่พร้อม ฝ่ายหญิงก็เลยน้อยใจมาก คู่หมั้นของพี่อ๋อจึงไปแต่งกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมของเธอค่ะ”
เธอเชื่อในคำพูดของลูกศิษย์ทุกคำ และคิดว่าพี่ชายของเรไรคงเป็นคนดี และรักครอบครัวมาก
“พี่อ๋อ ทำงานกับกลุ่มเยาวชนค่ะ พี่อ๋อใช้เวลาว่างมาดูแลเยาวชนเล่นกีฬาค่ะ” เด็กหญิงผมหยิกตัวเล็กพูดถึงการเสียสละเวลาส่วนตัวของพี่ชายในหมู่บ้านเล็กๆ นี้ หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ก่อนมาถึงโรงเรียน
“พี่อ๋อของหนูนิสัยดี แต่ก็ไม่ค่อยมีเพื่อนค่ะ พี่อยู่อย่างเหงา ได้แต่ดูแลนาข้าวไปวันๆ”
เธอเคยคิดว่าอยากมีเพื่อนบ้างเหมือนกัน แม้จะเป็นเพื่อนต่างเพศ ซึ่งจากคำบอกเล่าของเรไรแล้ว ดูว่าเขาคงเป็นคนดีไม่มีพิษภัย
เธอจึงเอ่ยปาก “ครูก็อยากมีเพื่อนเหมือนกันค่ะเรไร หากครูได้เพื่อนที่ดีอย่างพี่ชายของเรไรอีกคนก็คงดี บางทีถ้านิสัยใจคอไปกันได้ ครูก็อาจเลือกเป็นแฟนเพราะตอนนี้เขาก็ไม่มีใคร และครูก็ยังไม่มีแฟนเลย” จริงๆ แล้วกานดาไม่มีคนรัก และคิดว่าหากพี่ชายเรไรนิสัยดีจริงเธอคงเลือกมาเป็นคู่ครอง แต่ก็ต้องคบหาดูใจกันก่อน
เด็กหญิงมีสีหน้าบ่งบอกว่าดีใจ “จริงหรือคะครูกานดา ถ้าอย่างนั้นหนูจะบอกพี่อ๋อค่ะ”
“จริงค่ะ” เธอตกปากรับคำไปอย่างง่ายๆ
...หลังจากนึกตรึกตรองเพราะพลั้งปากเผลอตกลงจะเป็นเพื่อนของพี่ชายเด็กหญิงเรไรไปแล้ว เธอเกิดกังวลขึ้นมา เพราะเธอเพิ่งย้ายจากบ้านเกิดที่เคยพักอาศัยอยู่กับมารดาแล้วมาอยู่ที่จังหวัดนี้กับบิดา และทำงานหลังจากเรียนจบได้ไม่นาน ยังไม่รู้จักคุ้นเคยกับท้องถิ่นของเรไรดี จึงไม่อยากจะมีเพื่อนทันที และยิ่งเป็นเพื่จึงตัดสินใจที่จะยกเลิกกับเรไรไปว่าไม่อยากมีเพื่อนใหม่เลย
...วันนี้เป็นเหมือนทุกวัน ที่โรงเรียนมีนักเรียนและครูช่วยกันทำกิจกรรมต่างๆในตอนเช้า
‘ลมที่อีสานใต้นี่ก็แรงและเย็นจัดไม่เบา สงสารนักเรียนจัง อีกไม่กี่เดือนก็จะหนาวแล้ว ห้องเรียนก็ไม่มีฝา คิดถึงเมื่อปีที่แล้วก็ไม่สบายใจ เพราะต้องทนอยู่ท่ามกลางกระแสลมแรงทั้งวัน โดยเฉพาะตอนที่ไม่มีแสงอาทิตย์ หนาวสะบั้นมาก!’ เธอนึกถึงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือน
หลังรับประทานอาหารเที่ยงกานดาเดินไปหาเด็กหญิงเรไร
“เรไร เดินมาทางนี่หน่อยค่ะ” เธอเรียกเรไรเพราะไม่อยากให้เด็กคนอื่นได้ยินที่สนทนากัน
“ครูไม่อยากไปพบพี่ของเธอเลย ครูไม่ไปได้ไหมคะ” เธอถามเรไร
เด็กหญิงหน้าเศร้าเพราะผิดหวัง “แต่หนูบอกพี่ชายของหนูไปแล้วค่ะ”
กานดารู้สึกเสียใจที่ไม่อาจปฏิเสธในตอนนี้ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเคยทำความตกลงกับเรไรแล้วว่าวันเสาร์ที่จะถึงพี่ชายของเรไรจะมารับไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ‘ถ้าไม่ทำตามที่พูดเรไรคงเศร้าใจ’ เธอคิด จึงเปลี่ยนใจกลับมาตกลงที่จะไปตามนัดเหมือนเดิม
วันเสาร์พี่ชายของเรไรมารับเธอที่ปากซอยใกล้บ้าน เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจออรินทร์ “สวัสดีค่ะ พี่อ๋อ” กานดายกมือไหว้ชายหนุ่มผิวคล้ำตรงหน้านับจากนั้นมา เธอจึงได้รู้จัก ‘พี่อ๋อ หรืออรินทร์’ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรไร เขาพาเธอไปเที่ยวที่ต่างๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยแนะนำให้เธอรู้จักญาติๆ ของเขาเท่าใดนัก เขาไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุราให้เธอเห็น เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง
แต่ที่บ้านของกานดา กำลังมีปัญหาในเรื่องของอรินทร์ เพราะญาติๆ ของกานดาไม่เชื่อว่าอรินทร์จะเป็นคนดี แต่ก็หาหลักฐานใดๆ มาพิสูจน์ให้กานดาเข้าใจไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าจะแกล้งให้เธอเสียใจเพราะแค่มีเพื่อนผู้ชายมารับเธอออกไปเที่ยวแค่นั้น
“เขาไม่มีงานทำ เขาไม่ทำงาน” ญาติคนหนึ่งของเธอพูด ด้วยทีท่ามั่นใจว่าอรินทร์ไม่มีงานทำ
“เขาเป็นคนไม่ดีหรอก” แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลหรือหลักฐานมาทำให้เธอมั่นใจได้
ฯลฯ
‘จะแกล้งเราทำไมนะ บอกแบบนั้นแบบนี้ แล้วเราจะเชื่อได้อย่างไรกัน’ เธอคิดว่าช่างไม่เป็นเรื่องส่วนตัวเลย ไหนจะดูถูกคล้ายกับว่าเธออรินทร์แอบลักลอบไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกัน
‘อยู่ดีๆ ก็ว่านั่นว่านี่ เราดูเองก็ได้ ถ้าดูไปแล้วพี่อ๋อจะใช้ไม่ได้ เราก็ไม่คบหรอก เราก็เลือกคนเป็นเหมือนกัน’ เธอคิดน้อยใจขึ้นมา
เธออยากพิสูจน์ดูว่าจะจริงเท็จแค่ไหน เพราะที่เธอคบกับเขา ก็เห็นเขาไม่มีพิษมีภัยอะไร หากคบหากันแล้วอรินทร์ไม่ดีจริงก็จะเลิกคบหากัน คงไม่เสียหายอะไร เขาคงไม่มีพิษมีภัยเหมือนเพื่อนต่างเพศของเธอที่เธอได้เคยรู้จักมา และเธอจะปกปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ญาติๆ ทราบเพราะไม่ชอบการถกเถียงกันภายในครอบครัว
อรินทร์เล่าให้เธอฟังว่าเขาต้องจากบ้านเกิดมาทำงานที่เมืองท่องเที่ยวตั้งแต่เรียนอยู่ ม. 2 เนื่องจากต้องย้ายมาอยู่กับคุณแม่ซึ่งมาทำงานเป็นพนักงานของโรงแรม นั่นทำให้เขาไม่สามารถเรียนต่อจนจบมัธยมศึกษาตอนต้นได้
“คุณพ่อพี่เสีย ...คุณแม่เลยต้องดูแลครอบครัว” เขาเล่าให้เธอฟัง
เวลานี้ทุกชีวิตในครอบครัวของเขา รวมทั้งญาติบางคนก็ได้งานทำที่โรงแรมเดียวกัน จนปีนี้อายุเขาก็จะเข้าเลขสามแล้ว
ที่ห้องครัวในบ้านหลังใหม่ของอรินทร์ เขากำลังก้มหน้าเตรียมของเพื่อทำอาหาร เธอคิดในใจว่าเขาคงขยันทำงานมากจึงเก็บเงินปลูกบ้านหลังเล็กๆ ได้หนึ่งหลังที่บ้านเกิด แทนบ้านไม้ที่เก่าลงเรื่อยๆ ตามที่เรไรลูกพี่ลูกน้องของเขาเคยเล่าให้เธอฟัง
“พี่อ๋อเก่งจังนะคะ เรไรเคยเล่าให้ปลาฟังว่าพี่อ๋อ เก็บเงินปลูกบ้านได้” เธอกล่าวชื่นชม
“เป็นเงินที่รวบรวมกันจากสมาชิกในครอบครัวพี่เอง... ไม่ใช่ของพี่คนเดียวทั้งหมดหรอก”
เขาอธิบายที่มาที่ไปของเงินที่นำมาปลูกบ้านชั้นเดียวหลังนั้นให้เธอฟัง
ไม่นานอรินทร์อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาจะเป็นไปในรูปแบบใด เนื่องจากอรินทร์ยังไม่ออกลายให้เธอเห็น เธอจึงบอกกฎกติกาที่เธอตั้งไว้ในใจ ว่าหากเธอ และอรินทร์เป็นเพื่อนกันครบสามปีแล้ว และนิสัยใจคอเข้ากันได้ดีไม่มีปัญหาอะไรก็จะตกลงแต่งงานด้วย
“ปลาไม่อยากมีแฟนบ่อย หากเราคบกันแล้วไปกันได้ ปลาก็จะเป็นแฟนกับพี่อ๋อ หลังจากเรารู้จักรู้ใจกันเป็นเวลาสามปีแล้วค่ะ” เธอตอบเขาไปแบบใสซื่อ ตรงตามที่เธอคิดไว้ เธอมั่นใจในการวางแผนว่าจะสามารถพิสูจน์เขาได้จริงๆ โดยที่เธอไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย
เขาเล่าถึงบรรยากาศการทำงานที่โรงแรมเก่าที่เคยทำ “พี่เบื่องานที่โรงแรมมาก ...พี่คงไม่หวนกลับไปอีก... พี่จะหางานทำที่นี่” อรินทร์เล่าให้เธอฟังอย่างไม่สดชื่นนัก ท่าทางเขาดูหดหู่เศร้าซึม เหมือนชอกช้ำจนไม่อยากจะใช้ชีวิตในโรงแรมอีกเลย แต่เธอยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ว่าเขามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ตัดสินใจเด็ดขาดขนาดนั้น
“หรือคะพี่อ๋อ... ดีนะสิคะ ...พี่จะได้มีงานทำเสียที นี่ก็เห็นว่าไม่ได้ทำงานอะไรเป็นกิจจะลักษณะมานานนับปี” เธอสนับสนุน
เส้นทางรักลวงใจ ตอนต่อมา (กรุณาแนะนำด้วยนะคะ พอจะเป็นนวนิยายสั้นได้หรือเปล่าค่ะ ขอบคุณมากค่ะ)
ตอน ๒ ระลึกความหลัง
เธอนึกถึงเหตุการณ์ครั้งที่เธอ และอรินทร์รู้จักกันในตอนแรก เหตุการณ์เกิดขึ้น ณ ตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่ง
...กานดานั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างจากปากทางที่รถสองแถวหยุดให้เธอลง นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์รับจ้างตรงปากทางเพื่อรีบไปโรงเรียน มองเห็นทุ่งนามีต้นข้าวสีเขียวตลอดสองข้างทางไม่นานก็จะกลายเป็นทุ่งทองในฤดูหนาวปีนี้ ผ่านหมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้าน ระยะทางจากถนนใหญ่ไปโรงเรียนประมาณสี่กิโลเมตรมองเห็น เป็นกิจวัตรในทุกวันที่เธอต้องรีบไปโรงเรียนให้ทันเวลาก่อนที่จะถึงเวลาเข้าแถวหน้าเสาธง บางวันเพื่อนร่วมงานก็ให้เธอติดรถเขามาด้วย เธอมาทำงานที่โรงเรียนแห่งนี้ได้หนึ่งเทอมแล้วในตำแหน่งครูอัตราจ้าง โรงเรียนได้ถูกสร้างไว้ชั่วคราวในที่แห่งนี้เพื่อรองรับนักเรียนจนกว่าสถานที่ก่อสร้างโรงเรียนถาวรซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณหนึ่งกิโลเมตรจะแล้วเสร็จ
เห็นนักเรียนกำลังนั่งเล่นตามสุมทุมพุ่มไม้บ้าง เล่นกีฬากันบ้าง อาคารเรียนเป็นอาคารชั่วคราวแบ่งออกเป็นห้องพักครู ส่วนห้องเรียนสามห้องเรียนนั้นยังไม่มีฝาผนัง พรุ่งนี้เธอต้องช่วยโรงเรียนจัดกิจกรรมนำนักเรียนไปทำบุญที่วัดในประเพณีวันเข้าพรรษา
เด็กหญิงคนหนึ่งเห็นเธอลงจากรถจักรยานยนต์รับจ้าง ก็ยืนรอทำความเคารพเธอ
“สวัสดีค่ะ อาจารย์กานดา” เด็กหญิงน้อมตัวไหว้ทำความเคารพ
เธอยิ้มให้นักเรียน “สวัสดีค่ะเรไร”
เมื่อเดินมาถึงห้องพักครูก็ได้ยินอาจารย์หลายท่านกำลังปรึกษาหารือ และนัดหมายที่จะนำนักเรียนไปทำบุญที่วัดกัน เธอทำความเคารพอาจารย์ทุกท่าน แล้วนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อทำงานตามหน้าที่ต่อไป
หลังกิจกรรมเข้าแถวเคารพธงชาติแล้วเธอต้องสอนห้องมัธยมศึกษาปีที่สองซึ่งเป็นห้องที่เด็กหญิงเรไรเรียนอยู่ วันนี้เธอสอนนักเรียนทุกชั้น โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนอยู่แค่สามระดับชั้นในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เด็กนักเรียนบางกลุ่มมักมาพูดคุยกับเธอในเวลาว่างเสมอ ส่วนใหญ่จะเป็นตอนเช้าก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ และตอนเที่ยงหลังรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว
...วันนี้เป็นเหมือนทุกวัน กานดานั่งทำงานก่อนไปดูแลเด็กเคารพธงชาติ มองดูปฏิทินตั้งโต๊ะ อีกไม่ถึงเดือนเธอก็จะหมดสัญญาที่โรงเรียนแห่งนี้แล้ว เพราะอายุยังไม่มาก และมีประสบการณ์ในการทำงานยังไม่มากเช่นกัน เธอจึงไม่รู้สึกกังวลว่าจะต้องหางานทำในที่แห่งใหม่หากสัญญาจ้างที่นี่หมดลง
เดินออกมาจากห้องพักครูเพราะเตรียมการสอนเรียบร้อยแล้ว เห็นเรไรและเพื่อนๆ กำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้เสาธง เธอเดินไปที่นั่นเพื่อจะพูดคุยกับเด็กๆ
“ทำอะไรกันอยู่คะ”
“กำลังคุยเรื่องลูกพี่ลูกน้องของเรไรที่มาบวชตอนวันเข้าพรรษาค่ะ ตอนแรกว่าจะบวชก่อนแต่งงานแต่ก็ไม่แต่งแล้วค่ะ” เด็กหญิงประทุม เด็กหญิงผิวขาวตัวอวบอ้วนลูกสาวผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเล่าให้เธอฟัง
“เหรอจ๊ะ ...แปลกจัง ทำไมหรือคะ!” เธอให้ความสนใจในสิ่งที่นักเรียนพูดคุยกันอยู่
“พี่ชายของหนูยังไม่พร้อมค่ะ ตอนนี้คู่หมั้นเลยมีคนรักใหม่ และกำลังจะแต่งงานกันแล้วค่ะ” สีหน้าของคนเล่าไม่ดีนัก แต่ก็เล่าให้เธอฟังต่อไป
“พี่ชายของหนูทำงานเพื่อครอบครัว จนสร้างบ้านได้หนึ่งหลัง ตอนนี้ก็อยู่รอเกี่ยวข้าวค่ะ ไม่ได้ทำงานมานานแล้วค่ะ”
“น่าสงสารนะ เป็นคนตั้งใจทำงาน คงประสบความสำเร็จสักวัน” เธอให้กำลังใจลูกศิษย์ แม้ไม่เคยรู้จักญาติผู้พี่ของเด็กหญิงเรไรมาก่อน
สีหน้าของลูกศิษย์ดีขึ้นจนเธอพอใจ เพราะอย่างน้อยเด็กหญิงเรไรก็ไม่ต้องเศร้าใจเรื่องพี่ชายให้เธอเห็นอีก
หลังเด็กๆ เคารพธงชาติแล้วเธอได้ยินคุณครูจับกลุ่มกันวิจารณ์เรื่องที่นักเรียนชายชื่อสุนัยมาเล่าให้ฟังว่ามีนักเรียนชายคนหนึ่งเห็นถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วถูกทิ้งเรี่ยราดอยู่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง แต่เธอก็ไม่ทราบว่าคือที่ใด แต่เดาไปว่าน่าจะเป็นบ้านลูกพี่ลูกน้องของเรไร เพราะได้ยินว่ามาจากคนที่หยุดงานมาอยู่ที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้สนใจนักเพระว่าเป็นเรื่องไกลตัวเธอ และเธอไม่ใช่คนแถวนี้จึงไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นอะไรมาก
“สุนัยมาเล่าให้ฟังเรื่องบ้านหลังนั้นอีกแล้วอรไท”อาจารย์สมพลกล่าว
ครูสาวทำท่าทางกระอักกระอ่วนใจ “ไม่รู้ว่าเด็กๆ ไปเห็นได้อย่างไร คนแถวนั้นก็แปลกทิ้งของไม่เป็นที่เป็นทางเลย นี่เราคงต้องอบรมเด็กเรื่องเพศสัมพันธ์และสุขอนามัยให้มาก เพราะช่วงนี้ก็เป็นช่วงระบาดของโรคฉี่หนูด้วย” เธอหัวเราะน้อยๆ
“เตรียมตัวไปสอนกันเถอะ เด็กๆ คงรอพร้อมแล้ว” อาจารย์อีกท่านบอก
การสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้ทำความหนักใจให้เธอเท่าใดนัก เพราะเด็กๆ ค่อนข้างว่านอนสอนง่าย
...ต่อมาเรไรก็ได้พูดชมถึงความดีงามของพี่ชายเธอให้กานดาฟังอยู่เสมอในเวลาที่เจอกัน
“พี่อ๋อ พี่ของหนูกลับมาบ้าน มาบวชตอนเข้าพรรษาปีนี้ค่ะ เพื่อที่จะเป็นการบวชก่อนแต่งงาน แต่ตอนนี้ว่าที่เจ้าสาวก็ทนรอไม่ไหว แต่งงานไปกับคนอื่นแล้วค่ะ เพราะพี่หนูไม่ว่างสักที ต้องทำนั่นทำนี่ให้ครอบครัวตามหน้าที่ลูกที่ดี และเป็นพี่ชายคนโต พอสึกก็บอกคู่หมั้นว่าไม่อยากแต่งงานเร็วๆ นี้ ตามที่นัดหมายไว้กับญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง เพราะยังไม่พร้อม ฝ่ายหญิงก็เลยน้อยใจมาก คู่หมั้นของพี่อ๋อจึงไปแต่งกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมของเธอค่ะ”
เธอเชื่อในคำพูดของลูกศิษย์ทุกคำ และคิดว่าพี่ชายของเรไรคงเป็นคนดี และรักครอบครัวมาก
“พี่อ๋อ ทำงานกับกลุ่มเยาวชนค่ะ พี่อ๋อใช้เวลาว่างมาดูแลเยาวชนเล่นกีฬาค่ะ” เด็กหญิงผมหยิกตัวเล็กพูดถึงการเสียสละเวลาส่วนตัวของพี่ชายในหมู่บ้านเล็กๆ นี้ หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ก่อนมาถึงโรงเรียน
“พี่อ๋อของหนูนิสัยดี แต่ก็ไม่ค่อยมีเพื่อนค่ะ พี่อยู่อย่างเหงา ได้แต่ดูแลนาข้าวไปวันๆ”
เธอเคยคิดว่าอยากมีเพื่อนบ้างเหมือนกัน แม้จะเป็นเพื่อนต่างเพศ ซึ่งจากคำบอกเล่าของเรไรแล้ว ดูว่าเขาคงเป็นคนดีไม่มีพิษภัย
เธอจึงเอ่ยปาก “ครูก็อยากมีเพื่อนเหมือนกันค่ะเรไร หากครูได้เพื่อนที่ดีอย่างพี่ชายของเรไรอีกคนก็คงดี บางทีถ้านิสัยใจคอไปกันได้ ครูก็อาจเลือกเป็นแฟนเพราะตอนนี้เขาก็ไม่มีใคร และครูก็ยังไม่มีแฟนเลย” จริงๆ แล้วกานดาไม่มีคนรัก และคิดว่าหากพี่ชายเรไรนิสัยดีจริงเธอคงเลือกมาเป็นคู่ครอง แต่ก็ต้องคบหาดูใจกันก่อน
เด็กหญิงมีสีหน้าบ่งบอกว่าดีใจ “จริงหรือคะครูกานดา ถ้าอย่างนั้นหนูจะบอกพี่อ๋อค่ะ”
“จริงค่ะ” เธอตกปากรับคำไปอย่างง่ายๆ
...หลังจากนึกตรึกตรองเพราะพลั้งปากเผลอตกลงจะเป็นเพื่อนของพี่ชายเด็กหญิงเรไรไปแล้ว เธอเกิดกังวลขึ้นมา เพราะเธอเพิ่งย้ายจากบ้านเกิดที่เคยพักอาศัยอยู่กับมารดาแล้วมาอยู่ที่จังหวัดนี้กับบิดา และทำงานหลังจากเรียนจบได้ไม่นาน ยังไม่รู้จักคุ้นเคยกับท้องถิ่นของเรไรดี จึงไม่อยากจะมีเพื่อนทันที และยิ่งเป็นเพื่จึงตัดสินใจที่จะยกเลิกกับเรไรไปว่าไม่อยากมีเพื่อนใหม่เลย
...วันนี้เป็นเหมือนทุกวัน ที่โรงเรียนมีนักเรียนและครูช่วยกันทำกิจกรรมต่างๆในตอนเช้า
‘ลมที่อีสานใต้นี่ก็แรงและเย็นจัดไม่เบา สงสารนักเรียนจัง อีกไม่กี่เดือนก็จะหนาวแล้ว ห้องเรียนก็ไม่มีฝา คิดถึงเมื่อปีที่แล้วก็ไม่สบายใจ เพราะต้องทนอยู่ท่ามกลางกระแสลมแรงทั้งวัน โดยเฉพาะตอนที่ไม่มีแสงอาทิตย์ หนาวสะบั้นมาก!’ เธอนึกถึงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือน
หลังรับประทานอาหารเที่ยงกานดาเดินไปหาเด็กหญิงเรไร
“เรไร เดินมาทางนี่หน่อยค่ะ” เธอเรียกเรไรเพราะไม่อยากให้เด็กคนอื่นได้ยินที่สนทนากัน
“ครูไม่อยากไปพบพี่ของเธอเลย ครูไม่ไปได้ไหมคะ” เธอถามเรไร
เด็กหญิงหน้าเศร้าเพราะผิดหวัง “แต่หนูบอกพี่ชายของหนูไปแล้วค่ะ”
กานดารู้สึกเสียใจที่ไม่อาจปฏิเสธในตอนนี้ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเคยทำความตกลงกับเรไรแล้วว่าวันเสาร์ที่จะถึงพี่ชายของเรไรจะมารับไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ‘ถ้าไม่ทำตามที่พูดเรไรคงเศร้าใจ’ เธอคิด จึงเปลี่ยนใจกลับมาตกลงที่จะไปตามนัดเหมือนเดิม
วันเสาร์พี่ชายของเรไรมารับเธอที่ปากซอยใกล้บ้าน เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจออรินทร์ “สวัสดีค่ะ พี่อ๋อ” กานดายกมือไหว้ชายหนุ่มผิวคล้ำตรงหน้านับจากนั้นมา เธอจึงได้รู้จัก ‘พี่อ๋อ หรืออรินทร์’ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรไร เขาพาเธอไปเที่ยวที่ต่างๆ แต่ก็ยังไม่ค่อยแนะนำให้เธอรู้จักญาติๆ ของเขาเท่าใดนัก เขาไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุราให้เธอเห็น เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง
แต่ที่บ้านของกานดา กำลังมีปัญหาในเรื่องของอรินทร์ เพราะญาติๆ ของกานดาไม่เชื่อว่าอรินทร์จะเป็นคนดี แต่ก็หาหลักฐานใดๆ มาพิสูจน์ให้กานดาเข้าใจไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าจะแกล้งให้เธอเสียใจเพราะแค่มีเพื่อนผู้ชายมารับเธอออกไปเที่ยวแค่นั้น
“เขาไม่มีงานทำ เขาไม่ทำงาน” ญาติคนหนึ่งของเธอพูด ด้วยทีท่ามั่นใจว่าอรินทร์ไม่มีงานทำ
“เขาเป็นคนไม่ดีหรอก” แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลหรือหลักฐานมาทำให้เธอมั่นใจได้
ฯลฯ
‘จะแกล้งเราทำไมนะ บอกแบบนั้นแบบนี้ แล้วเราจะเชื่อได้อย่างไรกัน’ เธอคิดว่าช่างไม่เป็นเรื่องส่วนตัวเลย ไหนจะดูถูกคล้ายกับว่าเธออรินทร์แอบลักลอบไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกัน
‘อยู่ดีๆ ก็ว่านั่นว่านี่ เราดูเองก็ได้ ถ้าดูไปแล้วพี่อ๋อจะใช้ไม่ได้ เราก็ไม่คบหรอก เราก็เลือกคนเป็นเหมือนกัน’ เธอคิดน้อยใจขึ้นมา
เธออยากพิสูจน์ดูว่าจะจริงเท็จแค่ไหน เพราะที่เธอคบกับเขา ก็เห็นเขาไม่มีพิษมีภัยอะไร หากคบหากันแล้วอรินทร์ไม่ดีจริงก็จะเลิกคบหากัน คงไม่เสียหายอะไร เขาคงไม่มีพิษมีภัยเหมือนเพื่อนต่างเพศของเธอที่เธอได้เคยรู้จักมา และเธอจะปกปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ญาติๆ ทราบเพราะไม่ชอบการถกเถียงกันภายในครอบครัว
อรินทร์เล่าให้เธอฟังว่าเขาต้องจากบ้านเกิดมาทำงานที่เมืองท่องเที่ยวตั้งแต่เรียนอยู่ ม. 2 เนื่องจากต้องย้ายมาอยู่กับคุณแม่ซึ่งมาทำงานเป็นพนักงานของโรงแรม นั่นทำให้เขาไม่สามารถเรียนต่อจนจบมัธยมศึกษาตอนต้นได้
“คุณพ่อพี่เสีย ...คุณแม่เลยต้องดูแลครอบครัว” เขาเล่าให้เธอฟัง
เวลานี้ทุกชีวิตในครอบครัวของเขา รวมทั้งญาติบางคนก็ได้งานทำที่โรงแรมเดียวกัน จนปีนี้อายุเขาก็จะเข้าเลขสามแล้ว
ที่ห้องครัวในบ้านหลังใหม่ของอรินทร์ เขากำลังก้มหน้าเตรียมของเพื่อทำอาหาร เธอคิดในใจว่าเขาคงขยันทำงานมากจึงเก็บเงินปลูกบ้านหลังเล็กๆ ได้หนึ่งหลังที่บ้านเกิด แทนบ้านไม้ที่เก่าลงเรื่อยๆ ตามที่เรไรลูกพี่ลูกน้องของเขาเคยเล่าให้เธอฟัง
“พี่อ๋อเก่งจังนะคะ เรไรเคยเล่าให้ปลาฟังว่าพี่อ๋อ เก็บเงินปลูกบ้านได้” เธอกล่าวชื่นชม
“เป็นเงินที่รวบรวมกันจากสมาชิกในครอบครัวพี่เอง... ไม่ใช่ของพี่คนเดียวทั้งหมดหรอก”
เขาอธิบายที่มาที่ไปของเงินที่นำมาปลูกบ้านชั้นเดียวหลังนั้นให้เธอฟัง
ไม่นานอรินทร์อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาจะเป็นไปในรูปแบบใด เนื่องจากอรินทร์ยังไม่ออกลายให้เธอเห็น เธอจึงบอกกฎกติกาที่เธอตั้งไว้ในใจ ว่าหากเธอ และอรินทร์เป็นเพื่อนกันครบสามปีแล้ว และนิสัยใจคอเข้ากันได้ดีไม่มีปัญหาอะไรก็จะตกลงแต่งงานด้วย
“ปลาไม่อยากมีแฟนบ่อย หากเราคบกันแล้วไปกันได้ ปลาก็จะเป็นแฟนกับพี่อ๋อ หลังจากเรารู้จักรู้ใจกันเป็นเวลาสามปีแล้วค่ะ” เธอตอบเขาไปแบบใสซื่อ ตรงตามที่เธอคิดไว้ เธอมั่นใจในการวางแผนว่าจะสามารถพิสูจน์เขาได้จริงๆ โดยที่เธอไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย
เขาเล่าถึงบรรยากาศการทำงานที่โรงแรมเก่าที่เคยทำ “พี่เบื่องานที่โรงแรมมาก ...พี่คงไม่หวนกลับไปอีก... พี่จะหางานทำที่นี่” อรินทร์เล่าให้เธอฟังอย่างไม่สดชื่นนัก ท่าทางเขาดูหดหู่เศร้าซึม เหมือนชอกช้ำจนไม่อยากจะใช้ชีวิตในโรงแรมอีกเลย แต่เธอยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ว่าเขามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ตัดสินใจเด็ดขาดขนาดนั้น
“หรือคะพี่อ๋อ... ดีนะสิคะ ...พี่จะได้มีงานทำเสียที นี่ก็เห็นว่าไม่ได้ทำงานอะไรเป็นกิจจะลักษณะมานานนับปี” เธอสนับสนุน