ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง...หนึ่งสลึง

กระทู้สนทนา

หนึ่งสลึง

“มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท           อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง                   อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน”

“กลอนสุนทรภู่ให้คติสอนใจเราดีนะคะ” เด็กหญิง ป. 4 ท่องกลอนโปรด เมื่อเห็นแม่ของตนกำลังนั่งนับธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ต่าง ๆ รวมทั้งเหรียญสลึงด้วย

“แม่ถึงต้องนั่งทำรายรับรายจ่ายของครอบครัว เพื่อให้รู้ที่มาที่ไปของเงิน จะได้วางแผนการใช้เงินให้เพียงพอในแต่ละเดือนไงจ้ะ” กานดา คุณแม่ยังสาว ผู้มีความมัธยัสถ์ใช้จ่ายอย่างประหยัด บอกเหตุผลของการนับเงินเพื่อทำบัญชี

“หนูอยากทำบ้างค่ะ คุณแม่สอนหนูหน่อยนะคะ” พูดพลางเดินไปซบแขนของแม่เพื่ออ้อนให้ทำในสิ่งที่หนูน้อยต้องการ

“ได้จ้า หนูใบเฟิร์น” กานดายิ้มและตอบตกลงรับคำกับลูกของเธอทันที รู้สึกดีใจที่ลูกอยากทำสิ่งนี้ด้วยตนเองโดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ เพราะเธอคิดในใจว่า รอให้ลูกโตกว่านี้อีกหน่อยจะบอกให้ทำอยู่แล้ว

หลังจากกานดาสอนลูกจนเข้าใจการทำบัญชีรับจ่ายแล้ว ทั้งสองก็เข้านอน

วันนี้วันจันทร์ กานดาและใบเฟิร์นตื่นแต่เช้าเพราะต้องไปโรงเรียน คุณแม่หยิบเงินส่งให้ลูกสามสิบบาท เมื่อเด็กน้อยทำกิจวัตรเสร็จเรียบร้อย กำลังจะออกจากบ้าน

ใบเฟิร์นพนมมือขอบคุณและหอมแก้วกานดา แม่สุดที่รักก่อนเริ่มเดินทาง

“ต้องจำให้ได้ว่า วันนี้ซื้อของอะไรบ้าง และกี่บาท เพราะจะได้กลับบ้านไปจดในสมุดได้ถูกต้อง” ใบเฟิร์นนึกถึงคำพูดของแม่เมื่อวานที่สอนเธอ ขณะกำลังนั่งอยู่บนรถสองแถว

“นี่ค่ะ สองบาทห้าสิบสตางค์” เด็กน้อยพูดกับคนขับรถสองแถว เมื่อรถไปถึงหน้าโรงเรียน

“ทอนสองบาทห้าสิบนะ” คนขับยื่นตังค์ทอนให้ หลังจากได้รับเหรียญห้าบาทมาในตอนแรก

เด็กน้อยเดินเข้าโรงเรียน มือกำตังค์ทอนไว้แน่น เมื่อไปถึงที่นั่งในห้อง เธอจึงนำเงินจากกระเป๋าสตางค์ขึ้นมานับรวมกัน

“เหรียญสิบ สองเหรียญ เหรียญห้า หนึ่งเหรียญ เหรียญบาทสองเหรียญ เหรียญห้าสิบสตางค์หนึ่งเหรียญ” เด็กหญิงยิ้ม รู้สึกสนุก และดีใจที่เงินเหลือครบ เมื่อหักค่าสองแถวไปแล้ว

“กริ๊งงงง” เสียงกริ่งอาหารกลางวันดัง ใบเฟิร์นเดินไปที่โรงอาหารพร้อมกับเพื่อน ๆ รู้สึกดีใจที่จะได้ใช้เงินอีก

“หมูหวานกับผัดถั่วงอก 10 บาทจ้ะ” แม่ค้าร้านข้าวแกงบอกกับเด็กหญิง เธอจึงรูดซิปกระเป๋า แล้วนำเหรียญสิบออกมาส่งให้

“ตอนนี้เหลือ สิบเจ็ดบาทห้าสิบสตางค์แล้ว” เด็กน้อยบ่นพึมพำขณะกำลังนั่งกินข้าว โดยมีน้ำเปล่าที่โรงเรียนมีบริการให้เด็ก ๆ อยู่บนโต๊ะ

“กริ๊งงงง” เสียงกริ่งเลิกเรียนดัง ใบเฟิร์นนึกถึงเงินในกระเป๋าอีกครั้ง เธอคิดว่าจะซื้อมันฝรั่งทอดหนึ่งถุงในร้านสะดวกซื้อหน้าโรงเรียน

เด็กน้อยยิ้ม เมื่อดูที่ป้ายราคาของขนมนั้น “สี่บาทเจ็ดสิบห้าสตางค์” ขนมถุงโปรดของเธอลดราคาไป “หนึ่งสลึง”

ใบเฟิร์นนำถุงขนมใส่กระเป๋าหลังจากจ่ายเงินให้คนขาย และนั่งรถสองแถวกลับบ้าน

เมื่อถึงบ้าน เด็กน้อยรีบนำสมุดและดินสอออกมาจดรายรับรายจ่าย และนับเงินที่เหลือว่าตรงกันหรือไม่

“ต้องเหลือเงินสิบบาทยี่สิบห้าสตางค์นี่ แต่มีแค่เหรียญสิบเหรียญเดียวเอง” เด็กหญิงรู้สึกแปลกใจที่เหรียญสลึงหายไป

“กริ๊งงงง” มีคนกดกริ่งบ้านของใบเฟิร์น เป็นพนักงานขายที่ร้านสะดวกซื้อคนเมื่อสักครู่นี่เอง บ้านของพี่เขาอยู่ซอยเดียวกับเด็กน้อย

“เมื่อกี้หนูลืมตังค์ทอนจ้ะ พี่กลับบ้านพอดี เลยแวะมาให้นะครับ” ส่งเหรียญหนึ่งสลึงให้ เด็กหญิงยื่นมือรับด้วยความยินดียิ่ง นำเหรียญสิบและเหรียญสลึงหยอดกระปุกเป็นเงินออม ดีใจที่วันนี้ทำภารกิจสำเร็จ รอคอยที่จะได้ทำอีกในวันรุ่งขึ้น
 
จบ.

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ^^

เรื่องนี้ต้องอ่านไปด้วย คำนวณไปด้วยนะคะ อิอิ

นานามาลัย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่