ของขวัญ
ณ โรงเรียนเล็ก ๆ ในชนบทที่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญ มีคุณครูใหญ่ ‘น้ำฝน’ เป็นผู้บริหารสถานศึกษาขนาดกระทัดรัดแห่งนี้
โรงเรียนนี้มีนักเรียนแค่ 10 คน และเป็นเด็กหญิงทั้งหมด อายุระหว่าง 6 ถึง 13 ปี
และนอกจากครูใหญ่แล้ว มีบุคคลากรอีกเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น คือ ครูมานี ครูชูใจ และภารโรงสมศรี
“ใกล้จะปีใหม่แล้วนะคะพวกเรา ครูใหญ่อยากจะจัดงานในวันสิ้นปี คุณครูและนักเรียนทุกคนคิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้างคะ ใครอยากตอบให้ยกมือขึ้นนะคะ” ครูน้ำฝนกล่าวอย่างอารมณ์ดีหน้าเสาธงในตอนเช้าหลังจากเคารพธงชาติเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เห็นด้วยค่ะครูใหญ่ เราไม่ได้จัดงานรื่นเริงให้เด็ก ๆ สนุกมาสองปีแล้วนะคะ” ครูมานีดีใจและสนับสนุน
“เห็นด้วย ๆ ค่ะ” ครูชูใจรีบสมทบ
“โลดเลยค่ะครูใหญ่” นางสมศรีตะโกนมาแต่ไกลอย่างยินดี
“แล้วเด็ก ๆ ล่ะ ว่าไงบ้างจ๊ะ ครูจะอธิบายสิ่งที่ครูคิดไว้ก่อนนะว่า ในงานจะมีอะไรบ้าง” ครูน้ำฝนนำกระดาษแข็งสีเหลืองที่ม้วนเตรียมไว้กางออกมา สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือคำว่า หน้ากาก ร้องเพลง อาหาร และของขวัญ
“ว้าว อะไรคะคุณครู” เด็กหญิงวารี อายุ 13 ขวบ รีบยกมือถาม
“ชื่อกิจกรรมที่พวกเราจะทำกันค่ะ หนึ่งหน้ากาก...ให้พวกเราทุกคนใส่หน้ากากตัวอะไรก็ได้ การ์ตูนหรือสัตว์ จะซื้อหรือทำเองก็ได้นะคะ สองร้องเพลง...ให้พวกเราฝึกร้องเพลงมาคนละหนึ่งเพลงนะคะ ครูรู้ว่าพวกเราทำได้อยู่แล้ว สามอาหาร...ให้พวกเราเตรียมอาหารมาคนละอย่างสองอย่างไม่ต้องมากมายนะคะ เดี๋ยวกินกันไม่หมด และสี่ของขวัญ อันนี้เด็ก ๆ ไม่ต้องนำมานะคะ พวกคุณครูจะจัดเตรียมไว้ให้พวกเราจับฉลาก หรือสอยดาวกันค่ะ” พูดจบ เด็กนักเรียนและคุณครูทุกคนต่างส่งเสียงร้องและปรบมือแสดงความดีใจที่จะมีงานเลี้ยงที่น่าสนุกในเร็ววันนี้
และแล้วก็ถึงวันที่ทุกคนรอคอย ตอนเช้าของวันที่ 30 ธันวาคม วันสุดท้ายของวันเรียนในปีนี้ เด็ก ๆ ทะยอยกันมาถึงโรงเรียน ทุกคนใส่หน้ากากมา ส่วนใหญ่จะเป็นหน้ากากเจ้าหญิง เด็กหญิงวารีก็เช่นกัน เธอใส่หน้ากากโฟรเซ่น เจ้าหญิงหิมะ
ทุกคนต่างคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งคุณครูใหญ่สั่นกระดิ่งเป็นสัญญาณว่าจะเริ่มงานแล้ว ทุกคนจึงเงียบ และรอฟังคุณครูกล่าวเปิดงาน
“ให้ทุกคนนำอาหารที่เตรียมมาวางรวมกันที่โต๊ะนี้นะคะ เมื่อวางกันครบแล้ว ก็เริ่มทานกันได้เลยค่ะ เด็กนักเรียนที่อายุมากที่สุดจะเริ่มออกมาร้องเพลงคนแรกเลยนะคะ” ครูใหญ่มองมาทางเด็กหญิงวารี ซึ่งเพลงที่เธอเตรียมมาก็คือเพลง ตุ๊กตา (หนูอยากกลับบ้าน) เพลงจากละครดังหลังข่าวเกี่ยวกับตุ๊กตาผีสิง
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารและร้องเพลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงกิจกรรมสุดท้ายคือการจับรางวัล รางวัลที่หนึ่งคือตุ๊กตาเรซิ่นสีส้ม หามาโดยคุณครูใหญ่ รางวัลที่สองคือตุ๊กตาแก้วสีชมพู หามาโดยคุณครูมานี รางวัลที่สามคือตุ๊กตาปูนสีเทา หามาโดยคุณครูชูใจ รางวัลที่สี่คือตุ๊กตาเปลือกข้าวโพดสีเหลือง ทำเองโดยนางสมศรี โดยที่ทุกตัวเป็นรูปผู้หญิงสาว ส่วนอีกหกรางวัลเป็นตุ๊กตาทำจากเศษผ้าที่มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามบริจาคให้
เด็กหญิงวารีได้เบอร์ห้า เป็นตุ๊กตาตัวตลก “ก็น่ารักดีนะ” เธอพึมพำ
เมื่อกลับถึงบ้าน เด็กหญิงรีบไปอวดรางวัลที่ได้รับมากับแม่ซึ่งกำลังทำกับข้าวอยู่
“น่ารักมั้ยคะแม่ ตุ๊กตาตัวตลก หนูจับของขวัญได้” ยื่นส่งให้แม่ดู
“แม่ว่าน่ากลัวมากกว่านะ ดูสิ ผมสีแดง จมูกก็สีแดง แถมปากก็ยิ้มแปลก ๆ อีก” แม่พูดไปตามที่คิด
“หนูว่าน่ารักดีออก เอ๊ะ! แม่คะ มีที่ไขลานอยู่ข้างหลังด้วยค่ะ ลองไขดูดีกว่า” ว่าแล้วก็บิดหมุนปุ่มดัง “แกร็ก ๆ ๆ ๆ”
แต่เมื่อปล่อยมือ ปุ่มนั้นก็ไม่หมุนย้อนกลับ พร้อมกับเสียงเพลงก็ไม่ดังออกมา
“สงสัยจะฝืดน่ะจ้ะ ลองใช้น้ำมันหยดดูนะ” แม่แนะนำ แล้วใช้น้ำมันพืชที่เตรียมทำน้ำพริกมาหยด
“ยังไม่ดังเลยค่ะ” เด็กน้อยหน้าเสีย
“ต้องรอให้น้ำมันซึมเข้าไปก่อนนะ” แม่อธิบาย
เด็กหญิงวารีจึงนำตุ๊กตาไปไว้ที่ห้องนอน และออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนนอกบ้าน
หลังจากพระอาทิตย์ตก เด็กหญิงอาบน้ำและเข้าห้องนอน ขณะนอนเล่นอยู่บนเตียง ก็มีเสียงเพลงจากตุ๊กตาตัวตลกดังขึ้น
“ติ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” เป็นเสียงทำนองเพลงดนตรี
“เพราะดีจัง” เด็กหญิงเอ่ย สักพักเธอก็รู้สึกง่วงนอนในทันที และหลับไปอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีค่ะ คุณน้าทำอะไรอยู่คะ” เด็กหญิงกล่าวทักทายน้าสาวข้างบ้านอย่างเช่นทุกวัน แต่เมี่อเด็กหญิงมองไปที่ท้องของหญิงสาว กลับเห็นมีดปักอยู่ มีเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาเลอะเทอะเต็มไปหมด
เด็กหญิงตกใจลืมตาตื่นขึ้น หัวใจของเธอเต้นระรัว รู้สึกขวัญเสียกับฝันร้ายเมื่อครู่ เธอไม่เคยฝันร้ายแบบนี้เลย
“น่ากลัวจัง” เด็กหญิงเอาผ้าห่มคลุมศีรษะ หลับตาปี๋ แล้วพยายามนอนหลับต่อ
เช้ามืดวันต่อมา มีเสียงเอะอะโวยวายนอกบ้านทำให้เด็กหญิงตื่นขึ้น พอเดินออกไปหน้าบ้านเจอแม่กำลังยืนมองข้างบ้านอยู่
“คุณน้าข้างบ้านของหนูโดนแทงตายจ้ะ” แม่พูดอย่างตกใจพร้อมกับคว้าตัวลูกสาวมากอด
“อะ..อะไรนะคะ มันเหมือนกับในฝันของหนูเมื่อคืนเลยค่ะ” เด็กหญิงแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ตำรวจยังไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร เพราะไม่มีร่องรอยหลักฐานอะไรเลย และของมีค่าก็ไม่ได้ถูกขโมยไปแม้แต่ชิ้นเดียว” แม่กล่าวตามที่ได้ยินมา
แล้วสองแม่ลูกก็เข้าบ้าน เด็กหญิงครุ่นคิดว่า ทำไมความฝันของเธอจึงเป็นจริง แล้วใครเป็นคนฆ่า
วันนี้เป็นวันที่ 31 ธันวาคม วันสิ้นปีและเป็นวันหยุด เด็ก ๆ ทุกคนจึงไม่ได้ไปโรงเรียน แต่เด็กหญิงวารีและเด็ก ๆ ในละแวก ถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้านไปวิ่งเล่น เพราะเหตุฆาตกรรมเมื่อคืนนั่นเอง พ่อแม่ทุกคนต่างกลัวว่าเด็ก ๆ จะเกิดอันตราย เพราะยังจับตัวคนร้ายไม่ได้
เด็กหญิงวารีหลังจากช่วยแม่ทำงานบ้านเสร็จในตอนสาย จึงเก็บตัวอยู่ในห้องนอน เธอนำตุ๊กตาที่เพิ่งได้เมื่อวาน มาไขลานอีกครั้ง
“แกร็ก ๆ ๆ ๆ ... ติ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” คราวนี้เสียงดนตรีดังออกมาทันที เฟืองไม่ฝืดเหมือนตอนแรก และเธอก็รู้สึกง่วงนอนและหลับไปอย่างรวดเร็วเหมือนเคย
“มาเล่นกัน” เด็กหญิงวารีชวนเพื่อนในห้องเรียนที่เด็กกว่าซึ่งกำลังนั่งพับเพียบอยู่ในบ้าน แต่เพื่อนของเธอเอาแต่ก้มหน้า เธอจึงเดินเข้าไปในบ้านเพื่อชวนใกล้ ๆ เด็กหญิงเห็นมีดกำลังปักท้องของเพื่อนของเธออยู่ มีเลือดไหลเต็มท้องและนองเต็มพื้น
เด็กหญิงตกใจลืมตาตื่นขึ้น หัวใจของเธอเต้นระรัวอีกครั้ง
“ฝันร้ายแบบเดิมอีกแล้ว” เด็กหญิงมองไปที่นาฬิกาซึ่งเข็มชี้บอกว่า ตอนนี้เวลาบ่ายสองโมงกว่า
เธอใจคอไม่ค่อยดี รีบวิ่งออกจากบ้านไปที่บ้านของเพื่อนที่ฝันถึง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ลูกแม่” เด็กหญิงได้ยินแม่ของเพื่อนส่งเสียงกรีดร้องเมื่อไปถึง
เธอเห็นเพื่อนของเธอนอนจมกองเลือดอยู่ และมีมีดปักอยู่ที่ท้องคล้ายในฝัน เด็กหญิงตกใจรีบวิ่งกลับบ้านทันที
เด็กหญิงวารีรีบเข้าไปในห้องนอน และมองตุ๊กตาตัวตลก คิดในใจพูดกับตุ๊กตาว่า ‘มันไม่ตลกนะ’ เพราะเธอมั่นใจว่าเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้งต้องเป็นฝีมือของเจ้าตุ๊กตาตัวนี้แน่ ๆ
ตุ๊กตาตัวตลกเอียงคอเล็กน้อยไปมาเองสองสามที ทำให้เด็กหญิงรู้สึกตกใจกลัว และเมื่อเธอมองไปที่มือของเธอ จึงได้เห็นว่ามีคราบเลือดเลอะเต็มมือไปหมด เสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่ก็เต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดง
ทันใดนั้นความทรงจำเก่า ๆ ตั้งแต่เมื่อคืนวานก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอ
หลังจากที่เธอฟังเสียงดนตรีจากตุ๊กตาตัวตลกครั้งแรกจบ เธอไม่ได้นอนหลับ แต่เธอเหมือนคนละเมอ เดินไปบ้านของคุณน้าข้างบ้าน แล้วใช้มีดซึ่งก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่มือของเธอได้อย่างไร แทงไปที่คุณน้า ซึ่งออกมานอกบ้านพอดี ไม่ได้เกิดการต่อสู้ใด ๆ เพราะหญิงสาวข้างบ้านไม่ทันระวังตัวเนื่องจากเป็นคนคุ้นเคยกัน เมื่อแทงเสร็จ เด็กหญิงเดินถอยหลังออกมา แล้วเหมือนได้สติ จึงเกิดเหตุการณ์เหมือนในฝัน แต่มันคือความจริง เธอรีบวิ่งกลับบ้านไปนอน
จากนั้น ก็นึกถึงตอนที่เธอฟังเสียงดนตรีจากตุ๊กตาตัวตลกครั้งที่สองจบ เธอเดินละเมอ ไปที่บ้านเพื่อน แล้วใช้มีดในมือ แทงไปที่ท้องของเพื่อนซึ่งกำลังนั่งพับเพียบอยู่ในบ้าน เหมือนครั้งแรก เมื่อแทงเสร็จ ก็เดินถอยหลังออกมา แล้วก็เห็นเหมือนในฝัน จากนั้นก็รีบกลับบ้านไปนอน
ตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บที่ท้อง จึงก้มมองดู มีมีดปักท้องของเธออยู่ เลือดที่เห็นเปื้อนมือกับเสื้อผ้าอยู่ เป็นเลือดของเธอนั่นเอง เพราะตัวตลก ได้แทงเธอเมื่อตอนที่กลับมาถึงห้องโดยไม่รู้ตัว
“ทำไมเธอถึงต้องแทงฉันด้วยล่ะ” เด็กหญิงถามตุ๊กตาตัวตลกอย่างแผ่วเบา
“เพราะเธอทำงานสำเร็จแล้วไงล่ะสาวน้อย เธอได้ฆ่าคนตายสมใจฉันแล้ว ฮ่า ๆ ๆ และที่สำคัญเธอรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของฉันเอง ” ตุ๊กตาตัวตลกพูดและหัวเราะโดยไม่ได้ขยับปากแต่อย่างใด
มันสายไปเสียแล้ว เด็กหญิงทรุดตัวลงแล้วนอนหายใจรวยรินโดยมีเลือดไหลเต็มพื้นไปหมด คิดถึงใบหน้าแม่ซึ่งมีน้ำตาไหลอาบแก้ม เพราะต้องเสียใจมากถ้าเธอตายไป ตอนนี้เธอไม่มีแรงที่จะสามารถตะโกนเรียกแม่ให้มาช่วยเธอได้
ทันใดนั้น แม่เปิดประตูเข้ามาในห้อง หัวใจของแม่คงแตกสลายเมื่อเห็นสภาพของลูกสาว แต่ทำใจแข็งรีบอุ้มเด็กหญิงไปข้างนอก ร้องตะโกนเพื่อนบ้านให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล
“ตื่นได้แล้ว สายมากแล้วนะ เดี๋ยวตอนเที่ยงเราจะไปวัดกันไง คุณน้าข้างบ้านก็จะไปกับเราด้วยนะ เพื่อน ๆ ลูกที่โรงเรียนก็ไปกันด้วย แล้วคืนนี้ที่วัดก็จัดงานเค้าท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คงจะสนุกกันน่าดูเลยล่ะ” แม่ยืนพูดอยู่ข้างเตียงลูกสาวซึ่งยังคงนอนหลับตาอยู่
เด็กหญิงตื่น ลืมตาลุกขึ้นนั่ง นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ คงเป็นความฝัน
“แม่คะ หนูฝันร้ายค่ะ ฝันว่าตุ๊กตาตัวตลกสั่งให้หนูไปฆ่าคน” มองไปทางตุ๊กตาที่พูดถึงบนหัวเตียง แต่ไม่มี มันไม่อยู่แล้ว
“พอดีเมื่อเช้าครูใหญ่มาขอคืนจ้ะ บอกว่าคนบริจาคอยากได้คืน จึงเอาตัวใหม่มาให้ นี่ไงจ๊ะ” แม่รีบออกไปนอกห้องแล้วกลับมาพร้อมตุ๊กตาตัวใหม่
“โห น่ารักจังค่ะแม่ ตุ๊กตาสโนไวท์ใส่ชุดสีชมพู ดีใจจังเลยค่ะ หนูไม่ชอบตุ๊กตาตัวตลกนั่น มันน่ากลัวจริง ๆ ด้วยค่ะ” พูดอย่างขนลุกขนพอง
ทันใดนั้นเด็กหญิงก็ได้ยินเสียงไขลานและเสียงดนตรีเหมือนกับที่ได้ยินจากตุ๊กตาตัวตลก
“แกร็ก ๆ ๆ ๆ ... ติ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” พ่อกลับมาแล้วจ้า พ่อซื้อของขวัญเป็นตุ๊กตาไขลานเด็กผู้หญิงมาฝากด้วยนะ ซื้อมาจากร้านแถวที่ทำงานในกรุงเทพฯ
“อ้อ คนละตัวกัน หนูตกใจแทบแย่แน่ะค่ะพ่อ แต่หนูขอไม่เล่นกับมันนะคะ แหะ ๆ” เด็กหญิงมองตุ๊กตาที่พ่ออุ้มอยู่แล้วยิ้มแหย ๆ
- จบ -
เรื่องสั้น : ของขวัญ
และนอกจากครูใหญ่แล้ว มีบุคคลากรอีกเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น คือ ครูมานี ครูชูใจ และภารโรงสมศรี
“ใกล้จะปีใหม่แล้วนะคะพวกเรา ครูใหญ่อยากจะจัดงานในวันสิ้นปี คุณครูและนักเรียนทุกคนคิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้างคะ ใครอยากตอบให้ยกมือขึ้นนะคะ” ครูน้ำฝนกล่าวอย่างอารมณ์ดีหน้าเสาธงในตอนเช้าหลังจากเคารพธงชาติเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เห็นด้วยค่ะครูใหญ่ เราไม่ได้จัดงานรื่นเริงให้เด็ก ๆ สนุกมาสองปีแล้วนะคะ” ครูมานีดีใจและสนับสนุน
“เห็นด้วย ๆ ค่ะ” ครูชูใจรีบสมทบ
“โลดเลยค่ะครูใหญ่” นางสมศรีตะโกนมาแต่ไกลอย่างยินดี
“แล้วเด็ก ๆ ล่ะ ว่าไงบ้างจ๊ะ ครูจะอธิบายสิ่งที่ครูคิดไว้ก่อนนะว่า ในงานจะมีอะไรบ้าง” ครูน้ำฝนนำกระดาษแข็งสีเหลืองที่ม้วนเตรียมไว้กางออกมา สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือคำว่า หน้ากาก ร้องเพลง อาหาร และของขวัญ
“ว้าว อะไรคะคุณครู” เด็กหญิงวารี อายุ 13 ขวบ รีบยกมือถาม
“ชื่อกิจกรรมที่พวกเราจะทำกันค่ะ หนึ่งหน้ากาก...ให้พวกเราทุกคนใส่หน้ากากตัวอะไรก็ได้ การ์ตูนหรือสัตว์ จะซื้อหรือทำเองก็ได้นะคะ สองร้องเพลง...ให้พวกเราฝึกร้องเพลงมาคนละหนึ่งเพลงนะคะ ครูรู้ว่าพวกเราทำได้อยู่แล้ว สามอาหาร...ให้พวกเราเตรียมอาหารมาคนละอย่างสองอย่างไม่ต้องมากมายนะคะ เดี๋ยวกินกันไม่หมด และสี่ของขวัญ อันนี้เด็ก ๆ ไม่ต้องนำมานะคะ พวกคุณครูจะจัดเตรียมไว้ให้พวกเราจับฉลาก หรือสอยดาวกันค่ะ” พูดจบ เด็กนักเรียนและคุณครูทุกคนต่างส่งเสียงร้องและปรบมือแสดงความดีใจที่จะมีงานเลี้ยงที่น่าสนุกในเร็ววันนี้
และแล้วก็ถึงวันที่ทุกคนรอคอย ตอนเช้าของวันที่ 30 ธันวาคม วันสุดท้ายของวันเรียนในปีนี้ เด็ก ๆ ทะยอยกันมาถึงโรงเรียน ทุกคนใส่หน้ากากมา ส่วนใหญ่จะเป็นหน้ากากเจ้าหญิง เด็กหญิงวารีก็เช่นกัน เธอใส่หน้ากากโฟรเซ่น เจ้าหญิงหิมะ
ทุกคนต่างคุยกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งคุณครูใหญ่สั่นกระดิ่งเป็นสัญญาณว่าจะเริ่มงานแล้ว ทุกคนจึงเงียบ และรอฟังคุณครูกล่าวเปิดงาน
“ให้ทุกคนนำอาหารที่เตรียมมาวางรวมกันที่โต๊ะนี้นะคะ เมื่อวางกันครบแล้ว ก็เริ่มทานกันได้เลยค่ะ เด็กนักเรียนที่อายุมากที่สุดจะเริ่มออกมาร้องเพลงคนแรกเลยนะคะ” ครูใหญ่มองมาทางเด็กหญิงวารี ซึ่งเพลงที่เธอเตรียมมาก็คือเพลง ตุ๊กตา (หนูอยากกลับบ้าน) เพลงจากละครดังหลังข่าวเกี่ยวกับตุ๊กตาผีสิง
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารและร้องเพลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงกิจกรรมสุดท้ายคือการจับรางวัล รางวัลที่หนึ่งคือตุ๊กตาเรซิ่นสีส้ม หามาโดยคุณครูใหญ่ รางวัลที่สองคือตุ๊กตาแก้วสีชมพู หามาโดยคุณครูมานี รางวัลที่สามคือตุ๊กตาปูนสีเทา หามาโดยคุณครูชูใจ รางวัลที่สี่คือตุ๊กตาเปลือกข้าวโพดสีเหลือง ทำเองโดยนางสมศรี โดยที่ทุกตัวเป็นรูปผู้หญิงสาว ส่วนอีกหกรางวัลเป็นตุ๊กตาทำจากเศษผ้าที่มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามบริจาคให้
เด็กหญิงวารีได้เบอร์ห้า เป็นตุ๊กตาตัวตลก “ก็น่ารักดีนะ” เธอพึมพำ
เมื่อกลับถึงบ้าน เด็กหญิงรีบไปอวดรางวัลที่ได้รับมากับแม่ซึ่งกำลังทำกับข้าวอยู่
“น่ารักมั้ยคะแม่ ตุ๊กตาตัวตลก หนูจับของขวัญได้” ยื่นส่งให้แม่ดู
“แม่ว่าน่ากลัวมากกว่านะ ดูสิ ผมสีแดง จมูกก็สีแดง แถมปากก็ยิ้มแปลก ๆ อีก” แม่พูดไปตามที่คิด
“หนูว่าน่ารักดีออก เอ๊ะ! แม่คะ มีที่ไขลานอยู่ข้างหลังด้วยค่ะ ลองไขดูดีกว่า” ว่าแล้วก็บิดหมุนปุ่มดัง “แกร็ก ๆ ๆ ๆ”
แต่เมื่อปล่อยมือ ปุ่มนั้นก็ไม่หมุนย้อนกลับ พร้อมกับเสียงเพลงก็ไม่ดังออกมา
“สงสัยจะฝืดน่ะจ้ะ ลองใช้น้ำมันหยดดูนะ” แม่แนะนำ แล้วใช้น้ำมันพืชที่เตรียมทำน้ำพริกมาหยด
“ยังไม่ดังเลยค่ะ” เด็กน้อยหน้าเสีย
“ต้องรอให้น้ำมันซึมเข้าไปก่อนนะ” แม่อธิบาย
เด็กหญิงวารีจึงนำตุ๊กตาไปไว้ที่ห้องนอน และออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนนอกบ้าน
หลังจากพระอาทิตย์ตก เด็กหญิงอาบน้ำและเข้าห้องนอน ขณะนอนเล่นอยู่บนเตียง ก็มีเสียงเพลงจากตุ๊กตาตัวตลกดังขึ้น
“ติ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” เป็นเสียงทำนองเพลงดนตรี
“เพราะดีจัง” เด็กหญิงเอ่ย สักพักเธอก็รู้สึกง่วงนอนในทันที และหลับไปอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีค่ะ คุณน้าทำอะไรอยู่คะ” เด็กหญิงกล่าวทักทายน้าสาวข้างบ้านอย่างเช่นทุกวัน แต่เมี่อเด็กหญิงมองไปที่ท้องของหญิงสาว กลับเห็นมีดปักอยู่ มีเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาเลอะเทอะเต็มไปหมด
เด็กหญิงตกใจลืมตาตื่นขึ้น หัวใจของเธอเต้นระรัว รู้สึกขวัญเสียกับฝันร้ายเมื่อครู่ เธอไม่เคยฝันร้ายแบบนี้เลย
“น่ากลัวจัง” เด็กหญิงเอาผ้าห่มคลุมศีรษะ หลับตาปี๋ แล้วพยายามนอนหลับต่อ
เช้ามืดวันต่อมา มีเสียงเอะอะโวยวายนอกบ้านทำให้เด็กหญิงตื่นขึ้น พอเดินออกไปหน้าบ้านเจอแม่กำลังยืนมองข้างบ้านอยู่
“คุณน้าข้างบ้านของหนูโดนแทงตายจ้ะ” แม่พูดอย่างตกใจพร้อมกับคว้าตัวลูกสาวมากอด
“อะ..อะไรนะคะ มันเหมือนกับในฝันของหนูเมื่อคืนเลยค่ะ” เด็กหญิงแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ตำรวจยังไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร เพราะไม่มีร่องรอยหลักฐานอะไรเลย และของมีค่าก็ไม่ได้ถูกขโมยไปแม้แต่ชิ้นเดียว” แม่กล่าวตามที่ได้ยินมา
แล้วสองแม่ลูกก็เข้าบ้าน เด็กหญิงครุ่นคิดว่า ทำไมความฝันของเธอจึงเป็นจริง แล้วใครเป็นคนฆ่า
วันนี้เป็นวันที่ 31 ธันวาคม วันสิ้นปีและเป็นวันหยุด เด็ก ๆ ทุกคนจึงไม่ได้ไปโรงเรียน แต่เด็กหญิงวารีและเด็ก ๆ ในละแวก ถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้านไปวิ่งเล่น เพราะเหตุฆาตกรรมเมื่อคืนนั่นเอง พ่อแม่ทุกคนต่างกลัวว่าเด็ก ๆ จะเกิดอันตราย เพราะยังจับตัวคนร้ายไม่ได้
เด็กหญิงวารีหลังจากช่วยแม่ทำงานบ้านเสร็จในตอนสาย จึงเก็บตัวอยู่ในห้องนอน เธอนำตุ๊กตาที่เพิ่งได้เมื่อวาน มาไขลานอีกครั้ง
“แกร็ก ๆ ๆ ๆ ... ติ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” คราวนี้เสียงดนตรีดังออกมาทันที เฟืองไม่ฝืดเหมือนตอนแรก และเธอก็รู้สึกง่วงนอนและหลับไปอย่างรวดเร็วเหมือนเคย
“มาเล่นกัน” เด็กหญิงวารีชวนเพื่อนในห้องเรียนที่เด็กกว่าซึ่งกำลังนั่งพับเพียบอยู่ในบ้าน แต่เพื่อนของเธอเอาแต่ก้มหน้า เธอจึงเดินเข้าไปในบ้านเพื่อชวนใกล้ ๆ เด็กหญิงเห็นมีดกำลังปักท้องของเพื่อนของเธออยู่ มีเลือดไหลเต็มท้องและนองเต็มพื้น
เด็กหญิงตกใจลืมตาตื่นขึ้น หัวใจของเธอเต้นระรัวอีกครั้ง
“ฝันร้ายแบบเดิมอีกแล้ว” เด็กหญิงมองไปที่นาฬิกาซึ่งเข็มชี้บอกว่า ตอนนี้เวลาบ่ายสองโมงกว่า
เธอใจคอไม่ค่อยดี รีบวิ่งออกจากบ้านไปที่บ้านของเพื่อนที่ฝันถึง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ลูกแม่” เด็กหญิงได้ยินแม่ของเพื่อนส่งเสียงกรีดร้องเมื่อไปถึง
เธอเห็นเพื่อนของเธอนอนจมกองเลือดอยู่ และมีมีดปักอยู่ที่ท้องคล้ายในฝัน เด็กหญิงตกใจรีบวิ่งกลับบ้านทันที
เด็กหญิงวารีรีบเข้าไปในห้องนอน และมองตุ๊กตาตัวตลก คิดในใจพูดกับตุ๊กตาว่า ‘มันไม่ตลกนะ’ เพราะเธอมั่นใจว่าเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้งต้องเป็นฝีมือของเจ้าตุ๊กตาตัวนี้แน่ ๆ
ตุ๊กตาตัวตลกเอียงคอเล็กน้อยไปมาเองสองสามที ทำให้เด็กหญิงรู้สึกตกใจกลัว และเมื่อเธอมองไปที่มือของเธอ จึงได้เห็นว่ามีคราบเลือดเลอะเต็มมือไปหมด เสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่ก็เต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดง
ทันใดนั้นความทรงจำเก่า ๆ ตั้งแต่เมื่อคืนวานก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอ
หลังจากที่เธอฟังเสียงดนตรีจากตุ๊กตาตัวตลกครั้งแรกจบ เธอไม่ได้นอนหลับ แต่เธอเหมือนคนละเมอ เดินไปบ้านของคุณน้าข้างบ้าน แล้วใช้มีดซึ่งก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่มือของเธอได้อย่างไร แทงไปที่คุณน้า ซึ่งออกมานอกบ้านพอดี ไม่ได้เกิดการต่อสู้ใด ๆ เพราะหญิงสาวข้างบ้านไม่ทันระวังตัวเนื่องจากเป็นคนคุ้นเคยกัน เมื่อแทงเสร็จ เด็กหญิงเดินถอยหลังออกมา แล้วเหมือนได้สติ จึงเกิดเหตุการณ์เหมือนในฝัน แต่มันคือความจริง เธอรีบวิ่งกลับบ้านไปนอน
จากนั้น ก็นึกถึงตอนที่เธอฟังเสียงดนตรีจากตุ๊กตาตัวตลกครั้งที่สองจบ เธอเดินละเมอ ไปที่บ้านเพื่อน แล้วใช้มีดในมือ แทงไปที่ท้องของเพื่อนซึ่งกำลังนั่งพับเพียบอยู่ในบ้าน เหมือนครั้งแรก เมื่อแทงเสร็จ ก็เดินถอยหลังออกมา แล้วก็เห็นเหมือนในฝัน จากนั้นก็รีบกลับบ้านไปนอน
ตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บที่ท้อง จึงก้มมองดู มีมีดปักท้องของเธออยู่ เลือดที่เห็นเปื้อนมือกับเสื้อผ้าอยู่ เป็นเลือดของเธอนั่นเอง เพราะตัวตลก ได้แทงเธอเมื่อตอนที่กลับมาถึงห้องโดยไม่รู้ตัว
“ทำไมเธอถึงต้องแทงฉันด้วยล่ะ” เด็กหญิงถามตุ๊กตาตัวตลกอย่างแผ่วเบา
“เพราะเธอทำงานสำเร็จแล้วไงล่ะสาวน้อย เธอได้ฆ่าคนตายสมใจฉันแล้ว ฮ่า ๆ ๆ และที่สำคัญเธอรู้แล้วว่าเป็นฝีมือของฉันเอง ” ตุ๊กตาตัวตลกพูดและหัวเราะโดยไม่ได้ขยับปากแต่อย่างใด
มันสายไปเสียแล้ว เด็กหญิงทรุดตัวลงแล้วนอนหายใจรวยรินโดยมีเลือดไหลเต็มพื้นไปหมด คิดถึงใบหน้าแม่ซึ่งมีน้ำตาไหลอาบแก้ม เพราะต้องเสียใจมากถ้าเธอตายไป ตอนนี้เธอไม่มีแรงที่จะสามารถตะโกนเรียกแม่ให้มาช่วยเธอได้
ทันใดนั้น แม่เปิดประตูเข้ามาในห้อง หัวใจของแม่คงแตกสลายเมื่อเห็นสภาพของลูกสาว แต่ทำใจแข็งรีบอุ้มเด็กหญิงไปข้างนอก ร้องตะโกนเพื่อนบ้านให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล
“ตื่นได้แล้ว สายมากแล้วนะ เดี๋ยวตอนเที่ยงเราจะไปวัดกันไง คุณน้าข้างบ้านก็จะไปกับเราด้วยนะ เพื่อน ๆ ลูกที่โรงเรียนก็ไปกันด้วย แล้วคืนนี้ที่วัดก็จัดงานเค้าท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คงจะสนุกกันน่าดูเลยล่ะ” แม่ยืนพูดอยู่ข้างเตียงลูกสาวซึ่งยังคงนอนหลับตาอยู่
เด็กหญิงตื่น ลืมตาลุกขึ้นนั่ง นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ คงเป็นความฝัน
“แม่คะ หนูฝันร้ายค่ะ ฝันว่าตุ๊กตาตัวตลกสั่งให้หนูไปฆ่าคน” มองไปทางตุ๊กตาที่พูดถึงบนหัวเตียง แต่ไม่มี มันไม่อยู่แล้ว
“พอดีเมื่อเช้าครูใหญ่มาขอคืนจ้ะ บอกว่าคนบริจาคอยากได้คืน จึงเอาตัวใหม่มาให้ นี่ไงจ๊ะ” แม่รีบออกไปนอกห้องแล้วกลับมาพร้อมตุ๊กตาตัวใหม่
“โห น่ารักจังค่ะแม่ ตุ๊กตาสโนไวท์ใส่ชุดสีชมพู ดีใจจังเลยค่ะ หนูไม่ชอบตุ๊กตาตัวตลกนั่น มันน่ากลัวจริง ๆ ด้วยค่ะ” พูดอย่างขนลุกขนพอง
ทันใดนั้นเด็กหญิงก็ได้ยินเสียงไขลานและเสียงดนตรีเหมือนกับที่ได้ยินจากตุ๊กตาตัวตลก
“แกร็ก ๆ ๆ ๆ ... ติ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” พ่อกลับมาแล้วจ้า พ่อซื้อของขวัญเป็นตุ๊กตาไขลานเด็กผู้หญิงมาฝากด้วยนะ ซื้อมาจากร้านแถวที่ทำงานในกรุงเทพฯ
“อ้อ คนละตัวกัน หนูตกใจแทบแย่แน่ะค่ะพ่อ แต่หนูขอไม่เล่นกับมันนะคะ แหะ ๆ” เด็กหญิงมองตุ๊กตาที่พ่ออุ้มอยู่แล้วยิ้มแหย ๆ