เวลานั่งวิปัสสนา เอาธาตุลม เป็นผู้รู้ กับ เอาธาตุรู้ เป็นผู้รู้ แตกต่างกันยังไง ครับ

อุบายการภาวนา ให้หาน้ำเย็นๆ 1 แก้ว  ดื่มลงไป  นั่งนิ่งๆ มีสติระลึกรู้ตามน้ำเย็นไปเรื่อยๆ ค่อยๆ สังเกตไปเรื่อยๆ น้ำเย็นจะค่อยๆ แผ่วๆ ตรงสุดท้ายที่ความเย็นหยุดนิ่ง ให้เอาเป็นฐานการระลึกรู้ของการภาวนา  จะภาวนาอะไรก็ได้ แต่จริงๆ ตรงนั้นคือตัวผู้รู้

จะลืมตาหรือไม่ลืมตา ก็ระลึกรู้ตรงนี้ได้ ให้รู้สึกอยู่ตรงน้ำ   การกำหนดตรงนี้แตกต่างจากการกำหนดลมที่ต้องมีลมเข้า ลมออก  แต่ตรงนี้ น้ำเป็นตัวนำทางความรู้สึกเข้าไป  และระลึกรู้อยู่ตรงนี้ ตรงความเย็นของน้ำหยุดอยู่  ดูผู้รู้สึกอยู่ตรงนี้  เป็นฐานการระลึกรู้การภาวนา หลับตาก็รู้ได้ ความรู้ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับลม ลมก็คือธาตุลม  ธาตุรู้ก็คือธาตุรู้

ส่วนมากนักปฏิบัติจะเอาลมเป็นธาตุรู้  แต่ที่อาตมาปฏิบัติมาแล้ว ไม่ต้องใช้ลมตามไป  แต่ใช้ธาตุรู้เป็นที่ตั้ง  ธาตุรู้ตรงนี้ปรุงแต่งไม่ได้ เราไปคิดที่อื่นก็ไม่ได้ เพราะความรู้อยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะเดินไปไหนหรือทำงานก็แล้วแต่ ก็อยู่ตรงนี้ตลอด ถึงความเย็นของน้ำจะหายไป แต่ตำแหน่งความเย็นยังคงอยู่  การภาวนา ตรงนี้เป็นการกำจัดความฟุ้งซ่าน การปรุงแต่ง จิตแล่นออกจากกาย จิตจะอยู่กับผู้รู้อย่างเดียว และต่อไปทำอย่างไรต่อ  ก็ให้รู้สึกอยู่ตรงนี้ มันจะปรุงแต่งไม่ได้ ธาตุที่ปรุงแต่งไม่ได้เรียกว่า จิต  แต่ที่ว่าปรุงแต่งไม่ใช่จิต เป็นอาการของจิต ถ้าไปถึงจิตแล้ว จิตจะนิ่งอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกจะไม่เคลื่อนไหวไปตามกายที่เคลื่อนไหว แต่อยู่ในตำแหน่งรู้ และนิมิตทั้งหมดก็หายไป

ในตัวของเราคือจิต ตัวผู้รู้เป็นจิตตัวจริงไม่ใช่อาการของจิต  จะให้ความยึดมั่นถือมั่นนอกจากผู้รู้ไม่มี  หลวงปู่ดูลย์จึงว่า จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค ก็เป็นลักษณะเช่นนี้
http://watkaosala.page.tl/%26%233623%3B%26%233636%3B%26%233608%3B%26%233637%3B%26%233585%3B%26%233634%3B%26%233619%3B%26%233611%3B%26%233599%3B%26%233636%3B%26%233610%3B%26%233633%3B%26%233605%3B%26%233636%3B%26%233616%3B%26%233634%3B%26%233623%3B%26%233609%3B%26%233634%3B.htm
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่