เมื่อจิตเกิดใหม่เป็นโสดาบันแล้ว ทำไมไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสืออีก

ให้ไปปฎิบัติกับปฎิเวกเลย เพราะจิตมันจะสอนกันเองจริงไหม ไม่ต้องดูหนังสือ ดูอภิธรรม

ศึกษาธรรมและปฏิบัติภาวนาตั้งแต่ปี 2515 เริ่มในวันแรกที่บวช โดยศึกษากับหลวงปู่ดุลย์ ซึ่งท่านได้สอบจิตทำความสงบ สามารถปฏิบัติภาวนาได้รวดเร็วมีจิตสงบนิ่ง หลวงปู่ดุลย์จึงได้สนับสนุนให้ปฏิบัติธรรม โดยท่านกล่าวว่า "จิตเข้าสู่โลกุตรธรรมแล้ว ไม่ต้องเรียนหนังสือ ให้ปฏิบัติธรรมต่อไป"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล บวชเมื่อปี 2515 เมื่อท่านอายุได้ 20 ปี เมื่อท่านได้บวชแล้ว วันแรกหลวงปู่บอกว่าให้ไปนั่งภาวนากับหมู่เพื่อน โดยบอกว่าให้กำหนดลมหายใจเข้าพุท ออกโธ เหมือนปกติที่ตามแบบวัดป่า  หลวงพ่อท่านได้เล่าให้ฟังว่า  ท่านก็กำหนดตามที่หลวงปู่สอน  แต่ในจิตลึกๆ มันบอกท่านว่า ถ้ามัวจะตามลมหายใจเข้า และออกอยู่อย่างนี้มันจะสงบได้อย่างไร  ท่านจึงเปลี่ยนใหม่ว่า เมื่อกำหนดลมหายใจเข้าแล้ว  เวลาลมหายใจออกท่านไม่ตามลมออก  กลับกำหนดเข้าไปข้างใน

ท่านบอกว่าท่านนั่งกำหนดได้ไม่นาน มันกลับดิ่งเข้าไปจนมันทะลุ แล้วจิตท่านก็เปลี่ยนเลย ท่านบอกว่าครั้งแรกที่นั่งมันเหมือนตาย ตายแล้วเกิดใหม่  เช้าวันรุ่งขึ้น หลวงปู่เรียกหาเณรให้ไปดูพระที่เพิ่งบวชใหม่ให้มาหาหลวงปู่  หลวงปู่ก็ถามว่า ภาวนา เป็นยังไง  หลวงพ่อบอกว่า  ไม่ทราบว่ายังไงนะครับหลวงปู่ แต่จิตผมมันว่าพุทโธเองอยู่ในใจนี่แม๊บๆๆ ไม่ยอมออก หลวงปู่ช่วยเอาออกที หลวงปู่จึงได้นั่งกำหนดดูอยู่  แล้วก็บอกว่า  เอาออกไม่ได้หรอก จิตเขาว่าพุทโธเอง ตอนนี้คุณน่ะเปลี่ยนแล้ว

หลวงตาเยื้อน ท่านเล่าให้ฟังว่า  ท่านบอกว่าตอนนั้นจิตมันว่าแต่พุทโธเอง  จะคิดถึงบ้านก็ไม่ได้  จะนึกถึงแม่ก็ไม่ได้  ตาที่มองไปทางไหนมันก็ทะลุไปหมด เห็นอะไรก็ละลายไปหมด  ตอนนั้นท่านบอกว่า ท่านอยากนั่ง ใจมันก็สั่งให้เดินจงกรม  เดินจงกรมรอบโบสถ์วัดบูรพ์อยู่อย่างนั้น  เห็นโบสถ์โบสถ์ก็ละลายหายไปหมด  ท่านบอกว่า ท่านยังไม่ได้เรียนหนังสือธรรมเลย  อ่านหนังสือก็ไม่ค่อยออก เพราะจบ ป.4  ไม่รู้จักคำว่าไตรลักษณ์ แต่เข้าใจว่า ทุกอย่างมันละลายหมด


วันที่สอง หลวงปู่สั่งไม่ให้ไปภาวนากับหมู่เพื่อน  ให้ไปภาวนาเดี่ยวเลย  ท่านก็นั่งภาวนาตั้งแต่หัวค่ำ  วันที่สองนี้จิตมันได้พิจารณาธาตุ ขันธ์ กลับไปกลับมาเองจนไม่เหลืออะไร  ท่านได้เคยพูดให้ผู้เขียนฟังว่า  จิตมันตัดสินของมันเอง  จิตมันเอาความว่างแยกความว่าง เอาจิตแยกจิต  ท่านจับเอาความว่างตรงนั้นชนความว่าง เพราะจิตมันคิดว่า ให้มีความว่าง มันก็ยังมีตัว ยังเป็นอวิชชา ท่านก็เลยเอาตรงที่เห็นมันใสๆ ว่างๆ ตรงนั้นจับชนกัน จนแตกละเอียด  จิตจึงลอยเด่น เหมือนพระจันทร์เต็มดวง วันรุ่งขึ้นหลวงปู่ดุลย์ก็เรียกอีกครั้ง  คราวนี้ท่านนั่งกำหนดดูนานทีเดียว แล้วก็บอกว่า  ต่อจากไปนี้ ออกพรรษาแล้ว ผมจะส่งคุณไปอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด ไปอยู่กับพระอาจารย์มหาบัว  ไปเอาข้อวัตรหลวงปู่มั่น

หลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อเยื้อนท่านจึงไปอยู่กับหลวงตามหาบัวที่บ้านตาด  เป็นเวลา 4 ปี ท่านทำหน้าที่อุปฐากหลวงตา หลวงตาท่านจะเรียกหลวงพ่อเยื้อนว่า “ธรรมสุรินทร์”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่