รวบรวมความกล้ามาเขียนเรื่องนี้ซักทีนึงแล้วกันนะครับ
จริงๆแล้วมันไม่ค่อยเกี่ยวกับการเมืองเท่าไหร่
ขออภัยมา ณ ที่นี้
จะว่าไป คนอย่างผม จะเขียนอะไรไป "แตะ" ศาสนาน่ะ
มันก็ไม่อยากหรอกครับ
ภาษาชาวบ้านเรียก "เหาขึ้นหัว"
ขี้เกียจสระผม แต่ก็เอาน่ะ ลองซักที
ต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ
อย่าเชื่อผมง่ายๆ และโปรดใช้วิจารณญานครับ
ผมพูดไว้เสมอ ว่า อะไร อะไร ในโลกน่ะ มันเป็นไปด้วยเหตุ-ปัจจัย
หมายความว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาได้เฉยๆ โดยไม่มีเหตุ ก่อนหน้านั้น
ทุกอย่างเป็นอย่างนี้จริงๆครับ ไม่มีเว้น
ความนิยมในธรรมกายก็เช่นเดียวกัน
ชาวพุทธ ตระหนักในความสำคัญของการทำบุญครับ
ก็ดีนะครับ
ผมเคยอ่านหนังสือเล่มเล็กๆ ของสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่กล่าวไว้
เรื่อง ขั้นตอนของการทำบญ เงื่อนไข และ องค์ประกอบต่างๆ
เรื่องทาน เรื่องการรักษาศีล เรื่องภาวนา
บุญจากการทำทานก็จะได้ระดับหนึ่ง
บุญแห่งการรักษาศีลก็จะได้ระดับหนึ่ง
บุญอันเกิดดจาการภาวนาก็จะได้อีกระดับหนึ่ง เป็นระดับที่สูง
ถามว่า ทำไมบุญกุศลอันเกิดจากการเจริญสติภาวนา จึงเป็นบุญที่สุดยอด
เพราะ การเจริญสติ วิปัสนา มันนำไปสู่ "ปัญญา" ไงครับ...โบนัสเพียบ
สังคมคนไทยทุกวันนี้ คนไทยตังค์เยอะครับ
แต่เวลาไม่มี แล้วก็ขี้เกียจ
สังคมไทยที่มีลักษณะ "เอาง่ายเข้าว่า" จึง ทำทาน ทำบุญ
ทำเข้าไป ตั้งหน้าตั้งตาทำบุญ ทำทาน
ทำเข้าไป...ทำเข้าไป
เห็นไหมครับ ว่า "ดีมานด์" มันเยอะขนาดไหน
มันมหาศาล
ใครล่ะ จะเป็น "ซัพพลาย" ที่ดีได้เท่าโรงงานใหญ่ๆ กำลังการผลิตสูง
ธรรมกายนี่ไงครับ
เป็นผู้ผลิตบุญรายใหญ่ อันดับ 1 ของประเทศ !
โรงงานเบ้อเริ่มเทิ่ม แถวคลองหลวง กรรมวิธีทันสมัย สด สะอาด ปราศจากฮอร์โมน
เหมือน CP เราดีๆนี่แหละ
ธรรมกายจึงเปิดโรงงานผลิตบุญ จับบุญแบ่งใส่ถุงขาย หีบห่อสวยงาม ดูดี มีราคา
ก็เข้าทางคนไทยซิครับ
ยิ่งหลวงพ่อออกไมค์ประกาศ ทำมากได้มาก เร่เข้ามา เร่เข้ามา เชิญทางนี้เลยโยม
ถุงละ 3พันห้า สามถุงหมื่น ได้เหรียญรุ่น "รวยไม่เลิก" เป็นที่ระลึก
มีการทำการตลาดแบบ MLM มีการล่านักช้อปบุญ มีการจัดลำดับผู้มีอุปการะคุณ
ใครทำเยอะ ได้นั่งแถวหน้า หน้าบานเป็นกระด้ง
ยิ่งเข้าทางคนไทยใหญ่เลยครับ
แข่งกันทำบุญเลยคราวนี้
คนไทยขี้เกียจรักษาศีลครับ
คนไทยขี้เกียจ เจริญสติ วิปัสสนา
คนไทยเอาเวลาไปทำมา หาเงิน
คนไทยขี้เกียจทำความดี ไม่มีเวลา
ทำบุญนี่แหละ แม่มโคตรง่ายเลย 5 5 5 5
ซื้อเค้ากินเอาดีก่า...
ไม่ต้องทำความดง ความดีอะไร ไม่ต้องลงแรง ลงสติ...ลงแค่ตังค์ ได้บุญมาใส่กระเป๋าเก็บไว้สบายใจ
แล้วก็มานั่งแหกตาตัวเองว่า เป็นคนดี
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ดี หรือ ไม่ดีของคน มันอยู่ที่การกระทำ
ไม่ได้อยู่ที่ทำบุญมาก หรือน้อย
ไม่งั้นคนจนไม่มีตังค์ทำบุญก็เลวหมดน่ะซิ
ท้ายที่สุดแล้ว คนทำบุญก็สบายใจครับ
การกระทำการใดๆ ที่มีสติประคองอยู่ล้วนเป็นสิ่งดีงาม
แต่ถามว่า ทำบุญด้วยกระหายบุญซะขนาดนี้ มันส่งเสริมให้ลด หรือเพิ่มกิเลสกันแน่ ? ? ?
บางครอบครัว ต้องพังไปทางการเงิน เพราะ หัวหน้าครอบครัว เอาเงินไปทุ่มซื้อบุญหมด
เพราะเชื่อตามที่หลวงพ่อมบอกไง... ว่ายิ่งทำ ก็ยิ่งรวย
สรุปว่า คนไทยทำบุญเพราะอยากรวย ...ขำกลิ้ง
ไม่ได้มีเจตนาที่จะเรียนรู้การสละออก ลดการเห็นแก่ตน
โคตรน่าสมเพชเลย ผับผ่า
ไม่สามารถหาความดีงามใดกว่านี้อีกแล้ว มาประดับตน เลยทำได้แค่...บุญ
60 ครั้ง เท่าอายุหลวงพ่อม !
ตกลง มันส่งเสริมให้ประชาชนได้มีสติ หรือ เสียสติกันแน่ ? ? ?
แล้วเมื่อขาดสติไปซะอย่าง ชาตินี้ปัญญามันจะเกิดไหม
ไม่มีทาง !
ย้อนกลับมาที่เก่า
ที่ผมบอกว่า ทุกอย่างในโลก เป็นไปตามเหตุ-ปัจจัย...
ก็เพราะสังคมเรามันเป็นอย่างนี้ครับ...
มันอยากมี...มากกว่าอยาก "ดี"
เราไม่ค่อยอิจฉาคนดี
แต่เราอิจฉา "คนมี" เสมอ โดยไม่ค่อยดูว่าเขาทำอะไรมาบ้าง
ทุ่มเทอะไรขนาดไหน ล้มลุกคลุกคลานมาขนาดไหน กว่าจะ "มี"
ไม่รู้อาะ ก็กรูอยาก "มี" อ่ะ มีมากๆด้วย !
นี่ไง...เพราะค่านิยมเราเป็นอย่างนี้
เราอยาก "มี" มากกว่าอยาก "ดี"
ไอ้องค์กรแบบนี้มันจึงเกิดขึ้นมาได้งอกงาม จนใหญ่โตคับฟ้า
ผมคิดอย่างนี้
และขอรับผลแห่งความคิดนั้น ด้วยความเต็มใจ
แสดงความเห็นวันนี้ เพียงเท่านี้ครับ
ขอบคุณครับ
ธรรมกาย...ธรรมกลาย
จริงๆแล้วมันไม่ค่อยเกี่ยวกับการเมืองเท่าไหร่
ขออภัยมา ณ ที่นี้
จะว่าไป คนอย่างผม จะเขียนอะไรไป "แตะ" ศาสนาน่ะ
มันก็ไม่อยากหรอกครับ
ภาษาชาวบ้านเรียก "เหาขึ้นหัว"
ขี้เกียจสระผม แต่ก็เอาน่ะ ลองซักที
ต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ
อย่าเชื่อผมง่ายๆ และโปรดใช้วิจารณญานครับ
ผมพูดไว้เสมอ ว่า อะไร อะไร ในโลกน่ะ มันเป็นไปด้วยเหตุ-ปัจจัย
หมายความว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาได้เฉยๆ โดยไม่มีเหตุ ก่อนหน้านั้น
ทุกอย่างเป็นอย่างนี้จริงๆครับ ไม่มีเว้น
ความนิยมในธรรมกายก็เช่นเดียวกัน
ชาวพุทธ ตระหนักในความสำคัญของการทำบุญครับ
ก็ดีนะครับ
ผมเคยอ่านหนังสือเล่มเล็กๆ ของสมเด็จพระสังฆราชฯ ที่กล่าวไว้
เรื่อง ขั้นตอนของการทำบญ เงื่อนไข และ องค์ประกอบต่างๆ
เรื่องทาน เรื่องการรักษาศีล เรื่องภาวนา
บุญจากการทำทานก็จะได้ระดับหนึ่ง
บุญแห่งการรักษาศีลก็จะได้ระดับหนึ่ง
บุญอันเกิดดจาการภาวนาก็จะได้อีกระดับหนึ่ง เป็นระดับที่สูง
ถามว่า ทำไมบุญกุศลอันเกิดจากการเจริญสติภาวนา จึงเป็นบุญที่สุดยอด
เพราะ การเจริญสติ วิปัสนา มันนำไปสู่ "ปัญญา" ไงครับ...โบนัสเพียบ
สังคมคนไทยทุกวันนี้ คนไทยตังค์เยอะครับ
แต่เวลาไม่มี แล้วก็ขี้เกียจ
สังคมไทยที่มีลักษณะ "เอาง่ายเข้าว่า" จึง ทำทาน ทำบุญ
ทำเข้าไป ตั้งหน้าตั้งตาทำบุญ ทำทาน
ทำเข้าไป...ทำเข้าไป
เห็นไหมครับ ว่า "ดีมานด์" มันเยอะขนาดไหน
มันมหาศาล
ใครล่ะ จะเป็น "ซัพพลาย" ที่ดีได้เท่าโรงงานใหญ่ๆ กำลังการผลิตสูง
ธรรมกายนี่ไงครับ
เป็นผู้ผลิตบุญรายใหญ่ อันดับ 1 ของประเทศ !
โรงงานเบ้อเริ่มเทิ่ม แถวคลองหลวง กรรมวิธีทันสมัย สด สะอาด ปราศจากฮอร์โมน
เหมือน CP เราดีๆนี่แหละ
ธรรมกายจึงเปิดโรงงานผลิตบุญ จับบุญแบ่งใส่ถุงขาย หีบห่อสวยงาม ดูดี มีราคา
ก็เข้าทางคนไทยซิครับ
ยิ่งหลวงพ่อออกไมค์ประกาศ ทำมากได้มาก เร่เข้ามา เร่เข้ามา เชิญทางนี้เลยโยม
ถุงละ 3พันห้า สามถุงหมื่น ได้เหรียญรุ่น "รวยไม่เลิก" เป็นที่ระลึก
มีการทำการตลาดแบบ MLM มีการล่านักช้อปบุญ มีการจัดลำดับผู้มีอุปการะคุณ
ใครทำเยอะ ได้นั่งแถวหน้า หน้าบานเป็นกระด้ง
ยิ่งเข้าทางคนไทยใหญ่เลยครับ
แข่งกันทำบุญเลยคราวนี้
คนไทยขี้เกียจรักษาศีลครับ
คนไทยขี้เกียจ เจริญสติ วิปัสสนา
คนไทยเอาเวลาไปทำมา หาเงิน
คนไทยขี้เกียจทำความดี ไม่มีเวลา
ทำบุญนี่แหละ แม่มโคตรง่ายเลย 5 5 5 5
ซื้อเค้ากินเอาดีก่า...
ไม่ต้องทำความดง ความดีอะไร ไม่ต้องลงแรง ลงสติ...ลงแค่ตังค์ ได้บุญมาใส่กระเป๋าเก็บไว้สบายใจ
แล้วก็มานั่งแหกตาตัวเองว่า เป็นคนดี
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ดี หรือ ไม่ดีของคน มันอยู่ที่การกระทำ
ไม่ได้อยู่ที่ทำบุญมาก หรือน้อย
ไม่งั้นคนจนไม่มีตังค์ทำบุญก็เลวหมดน่ะซิ
ท้ายที่สุดแล้ว คนทำบุญก็สบายใจครับ
การกระทำการใดๆ ที่มีสติประคองอยู่ล้วนเป็นสิ่งดีงาม
แต่ถามว่า ทำบุญด้วยกระหายบุญซะขนาดนี้ มันส่งเสริมให้ลด หรือเพิ่มกิเลสกันแน่ ? ? ?
บางครอบครัว ต้องพังไปทางการเงิน เพราะ หัวหน้าครอบครัว เอาเงินไปทุ่มซื้อบุญหมด
เพราะเชื่อตามที่หลวงพ่อมบอกไง... ว่ายิ่งทำ ก็ยิ่งรวย
สรุปว่า คนไทยทำบุญเพราะอยากรวย ...ขำกลิ้ง
ไม่ได้มีเจตนาที่จะเรียนรู้การสละออก ลดการเห็นแก่ตน
โคตรน่าสมเพชเลย ผับผ่า
ไม่สามารถหาความดีงามใดกว่านี้อีกแล้ว มาประดับตน เลยทำได้แค่...บุญ
60 ครั้ง เท่าอายุหลวงพ่อม !
ตกลง มันส่งเสริมให้ประชาชนได้มีสติ หรือ เสียสติกันแน่ ? ? ?
แล้วเมื่อขาดสติไปซะอย่าง ชาตินี้ปัญญามันจะเกิดไหม
ไม่มีทาง !
ย้อนกลับมาที่เก่า
ที่ผมบอกว่า ทุกอย่างในโลก เป็นไปตามเหตุ-ปัจจัย...
ก็เพราะสังคมเรามันเป็นอย่างนี้ครับ...
มันอยากมี...มากกว่าอยาก "ดี"
เราไม่ค่อยอิจฉาคนดี
แต่เราอิจฉา "คนมี" เสมอ โดยไม่ค่อยดูว่าเขาทำอะไรมาบ้าง
ทุ่มเทอะไรขนาดไหน ล้มลุกคลุกคลานมาขนาดไหน กว่าจะ "มี"
ไม่รู้อาะ ก็กรูอยาก "มี" อ่ะ มีมากๆด้วย !
นี่ไง...เพราะค่านิยมเราเป็นอย่างนี้
เราอยาก "มี" มากกว่าอยาก "ดี"
ไอ้องค์กรแบบนี้มันจึงเกิดขึ้นมาได้งอกงาม จนใหญ่โตคับฟ้า
ผมคิดอย่างนี้
และขอรับผลแห่งความคิดนั้น ด้วยความเต็มใจ
แสดงความเห็นวันนี้ เพียงเท่านี้ครับ
ขอบคุณครับ