มาวัด​ แล้ว​ไม่ได้​ บุญ​

กระทู้คำถาม
มาวัด มาศึกษาข้อปฏิบัติ
  
"ก่อนจะถูกได้ ก็เพราะมีการดัดแปลง 
สร้างขึ้น ทำขึ้น อย่าเข้าใจว่า...มาวัดแล้ว
ได้บุญเลย 
เหมือนกับไปโรงเรียน ไปโรงเรียนจะต้องเรียนหนังสือให้เข้าใจหนังสือ อ่านหนังสือได้  เขียนหนังสือได้ มาวัดก็เหมือนกัน ฉันใด 
มาศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ ให้มันเข้าใจ 
  
  
ลักษณะที่เราทั้งหลายเป็นอยู่นั้น คืออะไร ?
ตาเรา ก็ตาคน  หู ก็หูคน  ปากเรา ก็ปากคน 
กาย ก็กายคน  แต่ว่า...มันไม่ใช่คนโดยบริสุทธิ์ มันเป็นเพียงชื่อคนเฉย ๆ อาศัยที่มันหุ้มห่อดวงจิต ของเรา ให้มีความโลภ ให้มีความโกรธ ให้มีความหลง มีความอิจฉาพยาบาทต่าง ๆ นานา 
มันเป็นมาแล้ว...จิตใจ ของเรา 
แต่ร่างกาย ก็เป็นคนอยู่  ตา เป็นคน  หู เป็นคน ปาก เป็นคน  มันเป็นคนอยู่...แต่ลักษณะที่ไม่ใช่คน  มันมีในใจของเราอยู่...
ใจ ยังไม่มีศีล  ใจ ยังไม่มีธรรม  ถ้าหากว่า...
เป็นคนธรรมดา เป็นมนุษย์เป็นจริงมีมนุษยธรรมเกิดขึ้นมา เป็นผู้ประกอบด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อยู่ในใจ 
  
  
ดังนั้น พ่อแม่ครูบาอาจารย์ให้พยายาม
รับศีล พยายามฟังเทศน์ เราพากันมารับศีล ก็รับศีล แต่ไม่ได้พิจารณาศีล รับเฉย ๆ พระพูด ก็พูดไปตามพระ พูดแล้วก็ว่า ตัวได้ศีล  มันไม่ใช่ศีลนะ ที่ท่านพูดข้อห้ามท่านนะ มันไม่ใช่ศีล 
บางคนท่องตัวมันได้ก็ว่า...ตัวได้ศีล ไม่ใช่ศีลอยู่ตรงนั้น ตัวศีลจริง ๆ นั้น ท่านบอกว่า...
ไม่ให้ฆ่าสัตว์  เรา ก็เลิก  
ไม่ให้ลักทรัพย์  เรา ก็เลิก 
ไม่ให้ล่วงเกินกันทางกามคุณ 
ไม่ให้โกหก  เรา ก็หยุด 
ไม่ให้กินเหล้า  เรา ก็หยุดซะ 
การหยุดกระทำนี่แหละ มันเป็นศีล
  
ประเภทที่พูดตามไปเรื่อย ๆ 
แม้จะพูดสักร้อยรอบขอบจักรวาล มันไม่เป็นศีลไม่เป็นธรรม ถ้ามันไม่เป็นศีลเป็นธรรมแล้ว...
พ่อออกแม่ออก*จะไม่รู้จักศีลจักธรรมสักทีหรอก เหมือนกับโยมกำกล้วยไว้ กำไว้เฉย ๆ ไม่รู้จักว่ามันหวานหรอก รสมันหวาน เราจะรู้จักไหม กำไว้เฉยๆ นะ  อย่าเอาใส่ปาก เคยมีไหมเมืองอุดรฯ เรากำจนเละ จนเละเน่าอยู่นั่นแหละ...
กล้วย ไม่รู้จักหวานหรอกฉันใด เราจะว่าจะพูดไปตามที่ท่านพูด พาหยุดก็หยุดพูดไปเรื่อย ไม่ว่าแต่ชาตินี้เลย พระเจ้าเมตไตรย*มาให้อีกก็ไม่เป็นศีล หรือพระพุทธเจ้าหลายๆ องค์ ก็ไปไม่ได้
  
เพราะอะไร ? ก็เหมือนกับคนกำกล้วย 
กำจนตายก็ไม่รู้จักหวาน กำดูสิ ถ้าไม่เชื่อ กำดูก็ได้ ไม่รู้จักรสชาติมันนี่แหละ 
เราเข้าใกล้ศีลใกล้ธรรมอยู่หรอก  แต่ว่ามันไกล ลักษณะประพฤติ ลักษณะปฏิบัติจึงใช่ 
ถ้าไม่เข้าใจในศีล ไม่ปฏิบัติศีล อานิสงส์ของศีล
ก็เกิดขึ้นมาไม่ได้  เหมือนกับเรากำกล้วยไว้ในมือของเรา มันหวานก็จริง แต่ไม่รู้จักรสของมัน
ว่ามันหวานอย่างไร เราก็ไม่รู้จัก เหมือนกันกับเรารับศีลไปนี่แหละ รับไปพูดไปเฉย ๆ แต่ใจของเราไม่ได้ระงับโลภ ไม่ระงับโกรธ ไม่ระงับหลง ไม่กลับเป็นเมตตา กรุณา มุทิตา เมื่อใด  ใจมัน ก็ดีด
ก็ดิ้น มันก็เป็นสัตว์อยู่อย่างนั้น 
ของอย่างนี้ว่าเฉยๆ มันเป็นไปไม่ได้ 
เราจะเข้าใจว่า...ได้ศีลได้ธรรม มันไม่ได้ง่ายๆ หรอกเรื่องศีล การประพฤติปฏิบัติให้มันถึงจิต
ถึงใจจริงๆ ถึงจะรู้ว่า...พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เป็นอย่างนี้ นี่การรักษาศีล 
  
การฟังธรรม ก็เหมือนกัน 
ถ้าได้ฟังธรรมก็นึกว่า...ได้บุญเลย ไปฟังเทศน์กับเขาก็เข้าใจว่าได้บุญ เวลากลับก็กลับเลย เหมือนกับทางบ้านอาตมาที่อุบลราชธานี ไปฟังหมอลำ…ลำมหาชาติ* ฟังตั้งแต่เช้าจนค่ำ ท่านว่าจะได้เห็นหน้าพระเจ้าเมตไตรย ถ้าไม่เมตตาเมื่อใด มันก็คงจะไม่ได้เห็นหน้า ก็มาทำบุญอยู่อย่างนั้น ความชั่วที่เคยทำก็ทำอยู่อย่างนั้น...
ตั้งใจจะไปนั่งฟังเอาบุญมหาชาติ เฉพาะวันนั้นเท่านั้น ด้วยความเข้าใจว่าพระเมตไตรยคืออะไร เครื่องมือที่จะทำให้เห็นพระเมตไตรย ของเรา 
พระเจ้าเมตไตรยท่านเป็นคนงาม 
ของอะไรไม่น่าเอา ท่านก็ไม่เอา เช่นมะม่วงเน่าเรายังไม่เอาเลย ยังรู้จักทิ้ง ท่านเป็นพระเป็นเจ้า ของไม่ดีท่านจะเอาไปทำไม ให้เข้าใจอย่างนั้น การฟังเทศน์อย่างนั้น ไม่ได้เข้าใจว่า..ท่านปฏิบัติอย่างไร  ท่านทำอย่างไร ไปนั่งฟังเอาบุญเฉยๆ ไม่รู้จักอะไร กลับมาก็เฉยๆ ไม่ได้ละทิ้งสิ่งที่ควรละ ไม่ได้ทำบำเพ็ญสิ่งที่ควรบำเพ็ญ 
คิดถึงเฉพาะบุญวันเดียว ที่ไปนั่งฟัง 
รอเอาวันนั้นวันเดียว ถ้าใครคิดแบบนั้นให้ลองไปพิจารณาใหม่."
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง.
ที่มา : "มาวัด มาศึกษาข้อปฏิบัติ"
  
  
* พ่อออก พระเรียกโยมผู้ชาย ถ้าเป็นโยมผู้หญิงเรียก แม่ออก
*พระศรีอารยเมตไตรย พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ซึ่งจะอุบัติขึ้นในภายหน้า
*ลำมหาชาติ คือ เทศน์มหาชาติ หนังสือเทศน์ของพระสงฆ์ในวัดวาอารามลุ่มน้ำโขง สมัยก่อนแต่งด้วยขับลำคำคล้องจอง เพื่อให้อ่านหรือเทศน์เป็นลีลาทำนองที่กำหนด จึงเรียกหนังสือชุดนั้นๆ ว่า ลำ
  
  
จาก มรดกธรรมเล่มที่ ๑๐ “ภาวนาคือพิจารณาให้รู้ตามเป็นจริง” หน้า ๔๒-๔๕
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่