(คัดลอกจาก สัมโมหวิโนทนี อรรถกถาพระวิภังคปกรณ์ แปล เล่ม1)
สำหรับผู้ที่ได้ศึกษากรรมฐานด้วยวิธีการอย่างนี้แล้ว พึงเว้นโทษแห่งเสนาสนะ 18 อย่างที่กล่าวไว้ในคัมภีร์วิสุทธิมัคค์ แล้วอยู่ในเสนาสนะที่ประกอบด้วยองค์5 แม้ตนเองก็ต้องประกอบด้วยองค์แห่งความเพียร 5 กลับจากบิณฑบาตแล้ว ในเวลาปัจฉาภัต ต้องอยู่ในโอกาสที่สงัด พึงมนสิการกรรมฐาน. และเมื่อมนสิการ พึงมนสิการอาการ 32 มี ผมเป็นต้นทีละส่วนๆ ด้วยสามารถแห่งสี สัณฐาน ทิศ โอกาส และปริจเฉท แล้วในที่สุดพึงยังมนสิการให้เป็นไปอย่างนี้:-
มนสิการในเรื่องผม
ชื่อว่า ผม เหล่านี้ เกิดอยู่บนหนังหุ้มกระโหลกศีรษะ. ในเรื่องผมนั้น พึงมนสิการดังนี้-แม้หญ้าแฝกหอมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอยู่บนจอมปลวก ฉันใด หนังหุ้มกระโหลกศีรษะก็ไม่รู้ว่า ผมเกิดอยู่บนตัวเอง ทั้งผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเกิดอยู่บนหนังหุ้มศีรษะ ฉันนั้นนั่นแล. สิ่งเหล่านี้ย่อมเว้นจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ ชื่อว่า ผมจึงเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนา เป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ แข็งกระด้าง จึงชื่อว่าเป็นปฐวีธาตุ.
มนสิการในเรื่องขน
ขน ก็เกิดอยู่บนหนังหุ้มสรีระ. ในเรื่องขนนั้น พึงมนสิการดังนี้- เมื่อหญ้าแพรกเกิดอยู่ในที่ว่างจากบ้าน ที่ว่างจากบ้านย่อมไม่รู้ว่าหญ้าแพรกเกิดอยู่บนตัวเอง แม้หญ้าแพรกเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอยู่ที่ว่างจากบ้าน ฉันใด หนังหุ้มสรีระก็ไม่รู้ว่ามีขนเกิดอยู่บนตัวเอง ทั้งขนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอยู่บนหนังหุ้มสรีระ ฉันนั้นเหมือนกัน. สิ่งเหล่านี้ย่อมเว้นจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ ชื่อว่า ขน จึงเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่เจตนา เป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ เป็นของแข็ง จึงชื่อว่า เป็นปฐวีธาตุ.
มนสิการในเรื่องเล็บ
เล็บ เกิดอยู่ที่ปลายนิ้ว. ในเรื่องเล็บนั้น พึงมนสิการดังนี้- เมื่อพวกเด็กๆเอาไม้เสียบเม็ดมะซางเล่นอยู่ ไม้ย่อมไม่รู้ว่าเม็ดมะซางตั้งอยู่ที่ตัวเอง แม้เม็ดมะซางเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองตั้งอยู่ที่ไม้ ฉันใด นิ้วก็ไม่รู้ว่ามีเล็บเกิดอยู่ที่ปลายของตัวเอง ทั้งเล็บเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอยู่ที่ปลายนิ้ว ฉันนั้นนั่นแล. สิ่งเหล่านี้ย่อมปราศจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ เล็บซึ่งเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนาเป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ เป็นของแข็ง จึงชื่อว่าเป็นปฐวีธาตุ.
มนสิการในเรื่องฟัน
ฟัน เกิดอยู่ที่กระดูกคาง. ในเรื่องฟันนั้น พึงมนสิการดังนี้-เมื่อช่างไม้เอายางเหนียวอย่างใดอย่างหนึ่งเชื่อมเสาติดตั้งไว้ที่ครกหิน ครกหินย่อมไม่รู้ว่ามีเสาตั้งอยู่ที่ตัวเอง แม้เสาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองตั้งอยู่ที่ครกหินฉันใด กระดูกคางก็ไม่รู้ว่ามีฟันเกิดอยู่ที่ตัวเอง ทั้งฟันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอยู่ที่กระดูกคาง ฉันนั้นนั่นแล. สิ่งเหล่านี้ย่อมปราศจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ ฟันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนา เป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ เป็นของแข็ง จึงชื่อว่าเป็นปฐวีธาตุ.
มนสิการในเรื่องหนัง
หนัง ย่อมห่อหุ้มทั่วทั้งสรีระอยู่. ในเรื่องหนังนั้น พึงมนสิการดังนี้-เมื่อเอาหนังโคสดหุ้มพิณใหญ่แล้ว พิณใหญ่ย่อมไม่รู้ว่าตัวเองถูกหุ้มด้วยหนังโคสด แม้หนังโคสดก็ไม่รู้ว่าตัวเองหุ้มพิณใหญ่อยู่ฉันใด สรีระก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกหุ้มไว้ด้วยหนัง ทั้งหนังเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองหุ้มสรีระไว้ ฉันนั้นเหมือนกัน. สิ่งเหล่านี้ย่อมปราศจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ หนังซึ่งเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนา เป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ เป็นของแข็ง จึงชื่อว่าเป็นปฐวีธาตุ.
มนสิการในเรื่องเนื้อ
เนื้อ ย่อมฉาบติดอยู่ตามโครงกระดูก. ในเรื่องเนื้อนั้น พึงมนสิการดังนี้-เมื่อเอาดินเหนียวก้อนใหญ่ๆมาฉาบฝา ดินเหนียวก้อนใหญ่ย่อมไม่รู้ว่าตัวเองถูกฉาบฝาไว้ แม้ฝาก็ไม่รู้ว่าดินเหนียวก้อนใหญ่ฉาบตัวเองไว้, ฉันใด โครงกระดูกก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกฉาบด้วยเนื้อ 900 ชิ้น ทั้งเนื้อเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองฉาบโครงกระดูกไว้ ฉันนั้นนั่นแล. สิ่งเหล่านี้ย่อมปราศจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ เนื้อซึ่งเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนา เป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ เป็นของแข็ง จึงชื่อว่าเป็นปฐวีธาตุ
<!--/data/user/0/com.samsung.android.app.notes/files/clipdata/clipdata_bodytext_241211_114313_026.sdocx-->
(คัดลอกจาก สัมโมหวิโนทนี อรรถกถาพระวิภังคปกรณ์ แปล เล่ม1) สำหรับผู้ที่ได้ศึกษากรรมฐานด้วยวิธีการอย่างนี้แล้ว พึงเว้นโทษแ
สำหรับผู้ที่ได้ศึกษากรรมฐานด้วยวิธีการอย่างนี้แล้ว พึงเว้นโทษแห่งเสนาสนะ 18 อย่างที่กล่าวไว้ในคัมภีร์วิสุทธิมัคค์ แล้วอยู่ในเสนาสนะที่ประกอบด้วยองค์5 แม้ตนเองก็ต้องประกอบด้วยองค์แห่งความเพียร 5 กลับจากบิณฑบาตแล้ว ในเวลาปัจฉาภัต ต้องอยู่ในโอกาสที่สงัด พึงมนสิการกรรมฐาน. และเมื่อมนสิการ พึงมนสิการอาการ 32 มี ผมเป็นต้นทีละส่วนๆ ด้วยสามารถแห่งสี สัณฐาน ทิศ โอกาส และปริจเฉท แล้วในที่สุดพึงยังมนสิการให้เป็นไปอย่างนี้:-
มนสิการในเรื่องผม
ชื่อว่า ผม เหล่านี้ เกิดอยู่บนหนังหุ้มกระโหลกศีรษะ. ในเรื่องผมนั้น พึงมนสิการดังนี้-แม้หญ้าแฝกหอมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอยู่บนจอมปลวก ฉันใด หนังหุ้มกระโหลกศีรษะก็ไม่รู้ว่า ผมเกิดอยู่บนตัวเอง ทั้งผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเกิดอยู่บนหนังหุ้มศีรษะ ฉันนั้นนั่นแล. สิ่งเหล่านี้ย่อมเว้นจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ ชื่อว่า ผมจึงเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนา เป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ แข็งกระด้าง จึงชื่อว่าเป็นปฐวีธาตุ.
มนสิการในเรื่องขน
ขน ก็เกิดอยู่บนหนังหุ้มสรีระ. ในเรื่องขนนั้น พึงมนสิการดังนี้- เมื่อหญ้าแพรกเกิดอยู่ในที่ว่างจากบ้าน ที่ว่างจากบ้านย่อมไม่รู้ว่าหญ้าแพรกเกิดอยู่บนตัวเอง แม้หญ้าแพรกเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอยู่ที่ว่างจากบ้าน ฉันใด หนังหุ้มสรีระก็ไม่รู้ว่ามีขนเกิดอยู่บนตัวเอง ทั้งขนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอยู่บนหนังหุ้มสรีระ ฉันนั้นเหมือนกัน. สิ่งเหล่านี้ย่อมเว้นจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ ชื่อว่า ขน จึงเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่เจตนา เป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ เป็นของแข็ง จึงชื่อว่า เป็นปฐวีธาตุ.
มนสิการในเรื่องเล็บ
เล็บ เกิดอยู่ที่ปลายนิ้ว. ในเรื่องเล็บนั้น พึงมนสิการดังนี้- เมื่อพวกเด็กๆเอาไม้เสียบเม็ดมะซางเล่นอยู่ ไม้ย่อมไม่รู้ว่าเม็ดมะซางตั้งอยู่ที่ตัวเอง แม้เม็ดมะซางเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองตั้งอยู่ที่ไม้ ฉันใด นิ้วก็ไม่รู้ว่ามีเล็บเกิดอยู่ที่ปลายของตัวเอง ทั้งเล็บเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอยู่ที่ปลายนิ้ว ฉันนั้นนั่นแล. สิ่งเหล่านี้ย่อมปราศจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ เล็บซึ่งเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนาเป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ เป็นของแข็ง จึงชื่อว่าเป็นปฐวีธาตุ.
มนสิการในเรื่องฟัน
ฟัน เกิดอยู่ที่กระดูกคาง. ในเรื่องฟันนั้น พึงมนสิการดังนี้-เมื่อช่างไม้เอายางเหนียวอย่างใดอย่างหนึ่งเชื่อมเสาติดตั้งไว้ที่ครกหิน ครกหินย่อมไม่รู้ว่ามีเสาตั้งอยู่ที่ตัวเอง แม้เสาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองตั้งอยู่ที่ครกหินฉันใด กระดูกคางก็ไม่รู้ว่ามีฟันเกิดอยู่ที่ตัวเอง ทั้งฟันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอยู่ที่กระดูกคาง ฉันนั้นนั่นแล. สิ่งเหล่านี้ย่อมปราศจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ ฟันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนา เป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ เป็นของแข็ง จึงชื่อว่าเป็นปฐวีธาตุ.
มนสิการในเรื่องหนัง
หนัง ย่อมห่อหุ้มทั่วทั้งสรีระอยู่. ในเรื่องหนังนั้น พึงมนสิการดังนี้-เมื่อเอาหนังโคสดหุ้มพิณใหญ่แล้ว พิณใหญ่ย่อมไม่รู้ว่าตัวเองถูกหุ้มด้วยหนังโคสด แม้หนังโคสดก็ไม่รู้ว่าตัวเองหุ้มพิณใหญ่อยู่ฉันใด สรีระก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกหุ้มไว้ด้วยหนัง ทั้งหนังเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองหุ้มสรีระไว้ ฉันนั้นเหมือนกัน. สิ่งเหล่านี้ย่อมปราศจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ หนังซึ่งเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนา เป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ เป็นของแข็ง จึงชื่อว่าเป็นปฐวีธาตุ.
มนสิการในเรื่องเนื้อ
เนื้อ ย่อมฉาบติดอยู่ตามโครงกระดูก. ในเรื่องเนื้อนั้น พึงมนสิการดังนี้-เมื่อเอาดินเหนียวก้อนใหญ่ๆมาฉาบฝา ดินเหนียวก้อนใหญ่ย่อมไม่รู้ว่าตัวเองถูกฉาบฝาไว้ แม้ฝาก็ไม่รู้ว่าดินเหนียวก้อนใหญ่ฉาบตัวเองไว้, ฉันใด โครงกระดูกก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกฉาบด้วยเนื้อ 900 ชิ้น ทั้งเนื้อเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองฉาบโครงกระดูกไว้ ฉันนั้นนั่นแล. สิ่งเหล่านี้ย่อมปราศจากการนึกและการพิจารณาของกันและกัน. ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ เนื้อซึ่งเป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะในสรีระนี้ ไม่มีเจตนา เป็นอพยากฤต เป็นของสูญ ปราศจากความเป็นสัตว์ เป็นของแข็ง จึงชื่อว่าเป็นปฐวีธาตุ
<!--/data/user/0/com.samsung.android.app.notes/files/clipdata/clipdata_bodytext_241211_114313_026.sdocx-->