ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ขันธ์ 5 หรือร่างกาย ที่เราอาศัยอยู่นี้ เป็นเรือนร่างหรือบ้านชั่วคราว ไม่มีความเที่ยงแท้ถาวร
ร่างกายนี้เป็นชิ้นใหญ่ เป็นส่วน ไม่เป็นแท่งทึบ มีผังผืด เอ็นใหญ่ เอ็นน้อย ร้อยรัดตรึงชิ้นส่วน
กระดูกเนื้อหนัง ประคับประคองกันเข้าไว้เป็นเรือนร่าง มีหนังห่อหุ้มปกปิดสิ่งปฏิกูลไว้ภายใน
ร่างกายนี้เต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก เต็มไปด้วยอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำเลือด น้ำหนอง ตับไต ไส้พุง เป็นต้น
มีสภาพเหมือนส้วมเคลื่อนที่
ร่างกายนี้ประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ มีอากาศธาตุ บรรจุในช่องว่างของร่างกายทุกส่วน
มีวิญญาณธาตุ เป็นธาตุรับรู้ความร้อน - หนาว- หิวโหย -เจ็บป่วย- เวทนา เป็นต้น ธาตุเหล่านี้หาความเที่ยงเเท้แน่นอนไม่ได้
ฉะนั้น เราจะยึดถือว่าร่างกายนี้ว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นสิ่งน่ารัก น่าหวงแหนอยู่อีกทำไม
การต้องเกิดมาในสภาพของขันธ์ 5 คือ รูปขันธ์-เวทนาขันธ์-สัญญาขันธ์-สังขารขันธ์-วิญญาณขันธ์ นี้ก็เป็นเพราะ "อวิชชา" หรือความโง่ของเราเป็นปัจจัย
หลงเชื่อความชั่ว คือกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน และอกุศลกรรม ชักนำเรามาอาศัยในเรือนร่างที่เจ้าความชั่วสร้างขึ้น
เมื่อร่างกายที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลสกปรกโสโครก เต็มไปด้วยความทุกข์ เป็นสิ่งน่ากลัว น่าเบื่อหน่าย ไม่เที่ยงแท้ถาวรเช่นนี้
และเราเกิดมาแล้วต้องตายเป็นธรรมดาเพราะความตายเป็นของเที่ยง จะตายเช้า-ตายสาย-ตายบ่าย-ตายเย็น-ตายวันนี้-ตายพรุ่งนี้
หรือตายเมื่อใดๆก็ตาม เราต้องตายแน่ๆ
ดังนั้นเราคือจิตอันประภัสสร จะอาลัยใยดีกับร่างกายนี้อีกทำไม เลิกคบกันทีชาตินี้
ถือว่าเป็นชาติสุดท้ายของเรา ความเกิดเพื่อแก่ ความเกิดเพื่อเจ็บไข้ ความเกิดเพื่อตาย จะไม่มีแก่เราอีกต่อไป
ร่างกายนี้แตกดับเมื่อใด เมื่อนั้นถือว่าเป็นการสิ้นสุดเวร สิ้นกรรมเสียที
ขันธ์ 5 นี้ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ 5
ญาติ-มิตร-ลูก-เมีย-หลาน-เหลน - เราไม่มี
ทรัพย์สมบัติใดๆ เราไม่มี
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เราไม่มี
เราไม่อาลัยใยดี ยึดถือร่างกายนี้เป็นเรา เป็นของเราอีกต่อไป
เราสักแต่ว่าเห็น ว่านี้คือร่างกายเท่านั้น
เมื่อร่างกายนี้แตกดับ
ทางที่จะไปของเรา มีทางเดียวเท่านั้น นั่นคือพระนิพพาน
นิพพานัง ปรมังสุขัง
(ที่มาจากหนังสือ พ่อรักลูก เล่ม 1 โพสต์ไว้เพื่อให้ผู้ปฏิบัติพิจารณาธรรม กายคตา มรณานุสติ กรรมฐาน)
กายคตา มรณานุสติ กรรมฐาน
ขันธ์ 5 หรือร่างกาย ที่เราอาศัยอยู่นี้ เป็นเรือนร่างหรือบ้านชั่วคราว ไม่มีความเที่ยงแท้ถาวร
ร่างกายนี้เป็นชิ้นใหญ่ เป็นส่วน ไม่เป็นแท่งทึบ มีผังผืด เอ็นใหญ่ เอ็นน้อย ร้อยรัดตรึงชิ้นส่วน
กระดูกเนื้อหนัง ประคับประคองกันเข้าไว้เป็นเรือนร่าง มีหนังห่อหุ้มปกปิดสิ่งปฏิกูลไว้ภายใน
ร่างกายนี้เต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก เต็มไปด้วยอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำเลือด น้ำหนอง ตับไต ไส้พุง เป็นต้น
มีสภาพเหมือนส้วมเคลื่อนที่
ร่างกายนี้ประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ มีอากาศธาตุ บรรจุในช่องว่างของร่างกายทุกส่วน
มีวิญญาณธาตุ เป็นธาตุรับรู้ความร้อน - หนาว- หิวโหย -เจ็บป่วย- เวทนา เป็นต้น ธาตุเหล่านี้หาความเที่ยงเเท้แน่นอนไม่ได้
ฉะนั้น เราจะยึดถือว่าร่างกายนี้ว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นสิ่งน่ารัก น่าหวงแหนอยู่อีกทำไม
การต้องเกิดมาในสภาพของขันธ์ 5 คือ รูปขันธ์-เวทนาขันธ์-สัญญาขันธ์-สังขารขันธ์-วิญญาณขันธ์ นี้ก็เป็นเพราะ "อวิชชา" หรือความโง่ของเราเป็นปัจจัย
หลงเชื่อความชั่ว คือกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน และอกุศลกรรม ชักนำเรามาอาศัยในเรือนร่างที่เจ้าความชั่วสร้างขึ้น
เมื่อร่างกายที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลสกปรกโสโครก เต็มไปด้วยความทุกข์ เป็นสิ่งน่ากลัว น่าเบื่อหน่าย ไม่เที่ยงแท้ถาวรเช่นนี้
และเราเกิดมาแล้วต้องตายเป็นธรรมดาเพราะความตายเป็นของเที่ยง จะตายเช้า-ตายสาย-ตายบ่าย-ตายเย็น-ตายวันนี้-ตายพรุ่งนี้
หรือตายเมื่อใดๆก็ตาม เราต้องตายแน่ๆ
ดังนั้นเราคือจิตอันประภัสสร จะอาลัยใยดีกับร่างกายนี้อีกทำไม เลิกคบกันทีชาตินี้
ถือว่าเป็นชาติสุดท้ายของเรา ความเกิดเพื่อแก่ ความเกิดเพื่อเจ็บไข้ ความเกิดเพื่อตาย จะไม่มีแก่เราอีกต่อไป
ร่างกายนี้แตกดับเมื่อใด เมื่อนั้นถือว่าเป็นการสิ้นสุดเวร สิ้นกรรมเสียที
ขันธ์ 5 นี้ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ 5
ญาติ-มิตร-ลูก-เมีย-หลาน-เหลน - เราไม่มี
ทรัพย์สมบัติใดๆ เราไม่มี
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เราไม่มี
เราไม่อาลัยใยดี ยึดถือร่างกายนี้เป็นเรา เป็นของเราอีกต่อไป
เราสักแต่ว่าเห็น ว่านี้คือร่างกายเท่านั้น
เมื่อร่างกายนี้แตกดับ
ทางที่จะไปของเรา มีทางเดียวเท่านั้น นั่นคือพระนิพพาน
นิพพานัง ปรมังสุขัง
(ที่มาจากหนังสือ พ่อรักลูก เล่ม 1 โพสต์ไว้เพื่อให้ผู้ปฏิบัติพิจารณาธรรม กายคตา มรณานุสติ กรรมฐาน)