ธรรมชาตินั้น อลังการณ์
หมายว่า   มีปรากฏการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น ตามไทม์ไลน์ หมุนเวียนแปรเปลี่ยนไปในหนึ่งวัน หนึ่งเดือน และหรือหนึ่งปี

อย่างเช่นวันนี้  เริ่มจากคุณตื่นในตอนเช้ามืด  มีลมเย็นพัดโชยระหว่างเดินไปปากซอย
ฟ้าค่อยๆสาง  แต่ถูกบดบังด้วยเมฆหนากระจายตัวคลุมปกไปทั่ว  ทำให้ความอึมครึมครอบครองเนินนานกว่าปกติ
และแล้ว  ก็กลับมาฝนตก อย่างกระจายไปในหลายเขต  ของ วันอาทิตย์ที่คนส่วนใหญ่หยุดงาน หรือยังนอนกันอยู่

พอสายๆ ใกล้เที่ยง  แดดกลับสาดส่องแสงจ้า และความร้อนแผดเผาผืนปฐมพี อย่างฉับพลัน
ทำให้ความเปียกชื้นก่อนหน้า  หายไปอย่างรวดเร็ว  บรรยากาศประหนึ่งท่ามกลางฤดูร้อน ก็ไม่ปาน

ในปรากฏการณ์ใหญ่ของธรรมชาติ  ย่อมบรรจุลีลาปรากฏการณ์ย่อยๆไว้หลากหลาย  นี่คือความอลังการณ์ของธรรมชาติ
มนุษย์ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลนี้  ของ วันคืนและฤดูกาล ที่ผันแปร  สร้างสีสรรและอารมณ์พื้นฐานให้กับมนุษย์ที่บรรจุอยู่ในนั้น

บางคนอาจสัมผัสมัน  บางคนแม้จะรับรู้แต่ก็ไม่ได้สัมผัส หรือใส่ใจอะไรเลย ก็ได้
เพราะ  ความงามจะเผยตัวมันเอง ก็ต่อเมื่อสายตานั้นพร้อมเปิดรับ
แต่ถ้าปิด....แม้มีหู ก็จักไม่ได้ยิน   แม้มีตา  ก็จักไม่เห็น ...

โดยเฉพาะแง่มุมของความสอดคล้อง    แง่มุมของอัตราเร่ง   
แง่มุมของความยิ่งใหญ่ และแง่มุมของจุลจักรวาลภายในตัวเขาเอง