กรุงเทพฯ หนาวสุดในรอบหลายปี ผู้เชี่ยวชาญชี้ ผลกระทบจากลานีญาและปรากฏการณ์ IOD
กรุงเทพฯ เผชิญอากาศหนาวไม่ปกติ
กรุงเทพฯ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งอากาศร้อน ได้สัมผัสกับอากาศหนาวที่หาได้ยากในปีนี้ เมื่ออุณหภูมิลดลงเหลือเพียง 15.2 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ซึ่งถือเป็นอุณหภูมิที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปี
สำนักข่าว CNN รายงานว่า บรรยากาศในกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยผู้คนที่สวมเสื้อกันหนาวและฮู้ดเพื่อสร้างความอบอุ่น บางคนถึงกับล้วงกระเป๋าเสื้อเพื่อป้องกันลมเย็น “ปีนี้ต่างจากปีก่อนๆ ฉันจำไม่ได้เลยว่ากรุงเทพฯ เคยหนาวแบบนี้เมื่อไร” ไก่ แม่ค้าขายเครื่องดื่มวัย 63 ปี ให้สัมภาษณ์กับ CNN
กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า อุณหภูมิที่หนาวนี้เกิดจากมวลอากาศเย็นจากจีนที่แผ่ปกคลุมทั่วประเทศ แม้ว่าอุณหภูมิจะเริ่มอุ่นขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ แต่คาดว่าสภาพอากาศเย็นจะยังคงอยู่ทั่วประเทศจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
ทั้งนี้ กรุงเทพฯ ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่เดียวที่ได้รับผลกระทบ ภาคเหนือของไทย เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมักมีอากาศเย็นอยู่แล้ว ก็มีอุณหภูมิลดต่ำลงกว่าปกติ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในพื้นที่มักอยู่ที่ 15 องศาเซลเซียส ในเดือนมกราคม
ลานีญาส่งผลต่ออากาศไทย
รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิชาการด้านชีววิทยาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายผ่านเฟซบุ๊กว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นในปีนี้เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ปรากฏการณ์นี้ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกลดต่ำลง และส่งผลต่อสภาพอากาศทั่วโลก
รศ. ดร.เจษฎา เน้นว่า ลานีญาในปีนี้อยู่ในระดับอ่อน แต่มีผลทำให้ฤดูร้อนในประเทศไทยปีนี้ไม่ร้อนจัดเหมือนปีก่อนๆ และมีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองมากขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม ช่วงฤดูฝนอาจมีปริมาณน้ำฝนสูงกว่าปกติในบางเดือน แต่ก็อาจมีช่วงที่ฝนทิ้งช่วงในบางพื้นที่
“ผลดีของลานีญาคือการลดความรุนแรงของความแห้งแล้งในช่วงฤดูร้อน รวมถึงช่วยลดปัญหาไฟป่าในภาคเหนือ ซึ่งเป็นสาเหตุของฝุ่น PM2.5 ในช่วงต้นปี” รศ. ดร.เจษฎาอธิบาย
ลานีญาและปรากฏการณ์ IOD ทำงานร่วมกัน
Mr.Vop คอลัมนิสต์ด้านสภาพอากาศจาก THE STANDARD อธิบายถึงปรากฏการณ์ Indian Ocean Dipole หรือ IOD ว่าคือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก โดย IOD มี 3 เฟส ได้แก่ เฟสกลาง (Neutral) ที่ทำให้ฝนตกตามปกติในอาเซียนและออสเตรเลีย เฟสบวก (Positive) ที่ทำให้ฝนลดลงในอาเซียนและออสเตรเลีย แต่ฝนตกหนักในอินเดียและแอฟริกา และเฟสลบ (Negative) ที่ส่งผลให้ฝนตกชุกในอาเซียนและออสเตรเลีย แต่แห้งแล้งในอินเดียและแอฟริกา
ในปี 2567 นั้น IOD อยู่ในเฟสบวก (Positive) ซึ่งส่งผลให้ปริมาณฝนในไทยและภูมิภาคอาเซียนลดลง ขณะที่ฝนตกหนักในอินเดียและแอฟริกา อย่างไรก็ตาม การผสานระหว่าง IOD และลานีญา ซึ่งเมื่อปีที่แล้วอยู่ในระดับอ่อน (Weak La Niña) ส่งผลให้สภาพอากาศในไทยเกิดการหักล้างกันบางส่วน โดยฝนยังตกในบางพื้นที่ แต่ไม่ถึงขั้นแห้งแล้งอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ประเทศไทยตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ทำให้ได้รับผลกระทบจากทั้งสองปรากฏการณ์ การผสานหรือหักล้างระหว่างลานีญาและ IOD มีบทบาทสำคัญต่อปริมาณน้ำฝน ความชื้น และสภาพอากาศโดยรวมในภูมิภาค ตัวอย่างเช่น หากลานีญาแบบอ่อนเกิดขึ้นพร้อมกับ IOD เฟสบวกแบบอ่อน ผลกระทบของลานีญาอาจไม่เด่นชัดเท่าที่ควร ส่งผลให้จำนวนพายุหมุนเขตร้อนลดลง ปริมาณฝนจากมรสุมในไทยอาจน้อยกว่าที่คาดการณ์
ในทางกลับกัน หากเกิดลานีญาแบบรุนแรงร่วมกับ IOD เฟสลบแบบรุนแรง จะทำให้ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่อาเซียน ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์น้ำท่วมร้ายแรงเหมือนปี 2011 ที่ประเทศไทยประสบกับน้ำท่วมครั้งใหญ่
การติดตามปรากฏการณ์ลานีญาและ IOD อย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสองปรากฏการณ์นี้ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะ IOD ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เพิ่งมีการศึกษาและสร้างแบบจำลองได้ไม่นาน ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความแม่นยำในอนาคต
ท้ายที่สุดแล้ว ความหนาวเย็นที่มาเยือนกรุงเทพฯ และหลายพื้นที่ของไทยในปีนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์ธรรมชาติทั่วไป แต่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศระดับโลกนั่นเอง ดังนั้นการเตรียมพร้อมและเฝ้าติดตามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับมือกับสภาพอากาศทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ที่มา : The Standard
เกิดอะไรขึ้น ทำไมไทยหนาวนานในรอบหลายปี และเกี่ยวข้องอะไรกับ ‘ลานีญา’
กรุงเทพฯ เผชิญอากาศหนาวไม่ปกติ
กรุงเทพฯ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งอากาศร้อน ได้สัมผัสกับอากาศหนาวที่หาได้ยากในปีนี้ เมื่ออุณหภูมิลดลงเหลือเพียง 15.2 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ซึ่งถือเป็นอุณหภูมิที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปี
สำนักข่าว CNN รายงานว่า บรรยากาศในกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยผู้คนที่สวมเสื้อกันหนาวและฮู้ดเพื่อสร้างความอบอุ่น บางคนถึงกับล้วงกระเป๋าเสื้อเพื่อป้องกันลมเย็น “ปีนี้ต่างจากปีก่อนๆ ฉันจำไม่ได้เลยว่ากรุงเทพฯ เคยหนาวแบบนี้เมื่อไร” ไก่ แม่ค้าขายเครื่องดื่มวัย 63 ปี ให้สัมภาษณ์กับ CNN
กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า อุณหภูมิที่หนาวนี้เกิดจากมวลอากาศเย็นจากจีนที่แผ่ปกคลุมทั่วประเทศ แม้ว่าอุณหภูมิจะเริ่มอุ่นขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ แต่คาดว่าสภาพอากาศเย็นจะยังคงอยู่ทั่วประเทศจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
ทั้งนี้ กรุงเทพฯ ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่เดียวที่ได้รับผลกระทบ ภาคเหนือของไทย เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมักมีอากาศเย็นอยู่แล้ว ก็มีอุณหภูมิลดต่ำลงกว่าปกติ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในพื้นที่มักอยู่ที่ 15 องศาเซลเซียส ในเดือนมกราคม
ลานีญาส่งผลต่ออากาศไทย
รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิชาการด้านชีววิทยาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายผ่านเฟซบุ๊กว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นในปีนี้เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ปรากฏการณ์นี้ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกลดต่ำลง และส่งผลต่อสภาพอากาศทั่วโลก
รศ. ดร.เจษฎา เน้นว่า ลานีญาในปีนี้อยู่ในระดับอ่อน แต่มีผลทำให้ฤดูร้อนในประเทศไทยปีนี้ไม่ร้อนจัดเหมือนปีก่อนๆ และมีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองมากขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม ช่วงฤดูฝนอาจมีปริมาณน้ำฝนสูงกว่าปกติในบางเดือน แต่ก็อาจมีช่วงที่ฝนทิ้งช่วงในบางพื้นที่
“ผลดีของลานีญาคือการลดความรุนแรงของความแห้งแล้งในช่วงฤดูร้อน รวมถึงช่วยลดปัญหาไฟป่าในภาคเหนือ ซึ่งเป็นสาเหตุของฝุ่น PM2.5 ในช่วงต้นปี” รศ. ดร.เจษฎาอธิบาย
ลานีญาและปรากฏการณ์ IOD ทำงานร่วมกัน
Mr.Vop คอลัมนิสต์ด้านสภาพอากาศจาก THE STANDARD อธิบายถึงปรากฏการณ์ Indian Ocean Dipole หรือ IOD ว่าคือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก โดย IOD มี 3 เฟส ได้แก่ เฟสกลาง (Neutral) ที่ทำให้ฝนตกตามปกติในอาเซียนและออสเตรเลีย เฟสบวก (Positive) ที่ทำให้ฝนลดลงในอาเซียนและออสเตรเลีย แต่ฝนตกหนักในอินเดียและแอฟริกา และเฟสลบ (Negative) ที่ส่งผลให้ฝนตกชุกในอาเซียนและออสเตรเลีย แต่แห้งแล้งในอินเดียและแอฟริกา
ในปี 2567 นั้น IOD อยู่ในเฟสบวก (Positive) ซึ่งส่งผลให้ปริมาณฝนในไทยและภูมิภาคอาเซียนลดลง ขณะที่ฝนตกหนักในอินเดียและแอฟริกา อย่างไรก็ตาม การผสานระหว่าง IOD และลานีญา ซึ่งเมื่อปีที่แล้วอยู่ในระดับอ่อน (Weak La Niña) ส่งผลให้สภาพอากาศในไทยเกิดการหักล้างกันบางส่วน โดยฝนยังตกในบางพื้นที่ แต่ไม่ถึงขั้นแห้งแล้งอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ประเทศไทยตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ทำให้ได้รับผลกระทบจากทั้งสองปรากฏการณ์ การผสานหรือหักล้างระหว่างลานีญาและ IOD มีบทบาทสำคัญต่อปริมาณน้ำฝน ความชื้น และสภาพอากาศโดยรวมในภูมิภาค ตัวอย่างเช่น หากลานีญาแบบอ่อนเกิดขึ้นพร้อมกับ IOD เฟสบวกแบบอ่อน ผลกระทบของลานีญาอาจไม่เด่นชัดเท่าที่ควร ส่งผลให้จำนวนพายุหมุนเขตร้อนลดลง ปริมาณฝนจากมรสุมในไทยอาจน้อยกว่าที่คาดการณ์
ในทางกลับกัน หากเกิดลานีญาแบบรุนแรงร่วมกับ IOD เฟสลบแบบรุนแรง จะทำให้ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่อาเซียน ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์น้ำท่วมร้ายแรงเหมือนปี 2011 ที่ประเทศไทยประสบกับน้ำท่วมครั้งใหญ่
การติดตามปรากฏการณ์ลานีญาและ IOD อย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสองปรากฏการณ์นี้ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะ IOD ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เพิ่งมีการศึกษาและสร้างแบบจำลองได้ไม่นาน ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความแม่นยำในอนาคต
ท้ายที่สุดแล้ว ความหนาวเย็นที่มาเยือนกรุงเทพฯ และหลายพื้นที่ของไทยในปีนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์ธรรมชาติทั่วไป แต่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศระดับโลกนั่นเอง ดังนั้นการเตรียมพร้อมและเฝ้าติดตามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับมือกับสภาพอากาศทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ที่มา : The Standard