พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด ๑๑ ก.พ.๕๘

พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด

ชุดที่ ๓ สุวรรณมาลีผู้มีกรรม

ตอนที่ ๒ ทั้งคมขำสำอางอย่างกินร

ฑ.มณฑา

จนรุ่งเช้าสินสมุทจึงฟื้นขึ้นมา แล้วก็มีแรงหาส้มสูกลูกไม้ มาเลี้ยงกันพอรอดชีวิตไปได้วันหนึ่ง ๆ
โดยไม่มีความหวังว่าจะกลับไปยังกรุงผลึกได้โดยวิธีใด

แต่สินสมุทกับนางสุวรรณมาลีอาศัยอยู่บนเกาะร้างนั้นได้ไม่กี่วัน ก็มีเรือสลัดของโจร สุหรั่ง แวะเข้ามาจอดทอดสมอ
แล้วพวกกะลาสีก็ลงเรือเล็กมาพบสองแม่ลูกเข้า สินสมุทจึงขออาศัยไปด้วย พวกกะลาสีสมุนโจรก็พาสินสมุท กับนางสุวรรณมาลี
ขึ้นไปบนเรือใหญ่ สุหรั่งนายโจรชอบใจนางสุวรรณมาลี ก็จัดห้องหับให้พักอาศัยอย่างดี แล้วก็วางแผน หลอกสินสมุทให้มากินเลี้ยง
และมอมเหล้าเสียจนเมาหลับไป จากนั้นก็ย่องเข้าไปในห้องนางสุวรรณมาลี หวังจะเผด็จศึกเสียให้สมใจ

นางสุวรรณมาลีตกใจก็ร้องเรียกหาสินสมุท แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบมา จึงใช้อุบายหลอกล่อว่า เวลายังกลางวันอยู่
รอให้พลบค่ำลงเสียก่อนจึงค่อยมาใหม่ อย่าเพิ่งกวนใจเวลานี้

"โจรสุหรั่งอังกฤษติดจะโง่
เห็นนางโกรธาเถียงจนเสียงแข็ง
ฉวยเฉินฉุกจุกจิกจะพลิกแพลง
ทำยิ้มแห้งห้ามว่าเจ้าอย่าอึง
เพลานี้พี่จะอดสกดจิต
พอมืดมิดก็จะมาหาให้ถึง
แล้วผันผายกายก่ำดังตำลึง
ให้รุยิ้มร้อนรนสกลกาย"

พอสินสมุทสร่างเมาตื่นขึ้นมา ก็รีบกลับไปห้องนางสุวรรณมาลี แม่เลี้ยงก็เล่าเรื่องนายโจรสุหรั่งได้เข้ามาลวนลามให้ฟัง
เวลานี้ก็ผัดผ่อนไปจนถึงค่ำ ถ้ามันมาก็จะขอยอมตาย ขอให้สิน สมุทช่วยเผาเรือมัน ให้วอดวายเป็นการแก้แค้น
แล้วหนีไปเสีย ถ้าแม้นพบปะพระอภัยก็บอกด้วยว่า แม่ขอลาตายไปก่อนแล้ว ชาติหน้าค่อยพบกันใหม่

สินสมุท ได้ฟัง นางสุวรรณมาลี เล่าเรื่องที่นายโจรทำลวนลามก็โกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความที่เป็นบุตรของนางผีเสื้อสมุทร มีกำลังเข้มแข็งผิดมนุษย์ กับเป็นศิษย์ของพระโยคีสอนวิชาอาวุธและเวทย์มนต์คาถา
ทั้งคงทนแทงฟันไม่ระคายผิว ก็วิ่งออกจากห้อง ไปหาโจรสุหรั่ง ร้องด่าแล้วก็ถีบตกจากเตียง พวกโจรก็เข้ารุมล้อมรบ
สินสมุทฉวยขวานได้ ก็เหวี่ยงฟาดพวกโจรแตกกระจายไป สุหรั่งจะเข้ามาจัดการก็เลย โดนเหยียบอก
ฉีกแขนขาออกกวัดแกว่งไล่ตีพลไพร่พวกโจร จนตกใจกลัวยอมอ่อนน้อมหมดทั้งลำเรือ
สินสมุทจึงสำทับว่า นายโจรทำให้เจ็บแค้นจึงฆ่าเสีย ถ้าผู้ใดยอมอ่อนน้อมด้วย ก็จะเลี้ยงดูต่อไป

อังกุหร่า นายรองของโจรสุหรั่ง ก็เข้ามามอบตัว และยอมเป็นข้าให้ใช้สอย พร้อมกับมอบเรือใหญ่
และเรือบริวารทั้งห้าร้อยลำ ให้อยู่ในบังคับบัญชาของนางสุวรรณมาลีและสินสมุท สุดแท้แต่ว่าจะสั่งให้ไปทางไหน
นางสุวรรณมาลีก็ออกคำสั่งห้ามไม่ให้เที่ยวปล้นสดมภ์เรือค้าขายอีกต่อไป ให้เอาเงินทองข้าวของที่มีอยู่ในคลัง
มาแจกจ่ายแก่ไพร่พลทุกคน แล้วก็สั่งขบวนเรือแล่นตระเวนไปในท้องทะเล เพื่อหาท้าวสิลราชและพระอภัยมณี
เผื่อจะยังมีชีวิตรอดอยู่ ณ ที่ใด

สินสมุทคุมเรือของโจรสลัดท่องทะเลอยู่นานถึงสามเดือน ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบใครรอดตายอยู่เลย
เสบียงอาหารในขบวนเรือก็ขัดสนใกล้จะหมดลง เพราะไม่ได้ปล้นใครเอามาเพิ่มเติม นางสุวรรณมาลีก็ให้เอาเงินในคลัง
มาซื้อหาจากบ้านเมืองที่จะเจอข้างหน้า อังกุหร่าบอกว่าเดิมเป็นโจรมีแต่คนเกลียดชัง คงไม่มีใครค้าขายด้วย

สินสมุทก็บอกว่า ถ้าเจอเมืองใดมีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ ให้พวกเราขึ้นไปขอซื้อ ถ้าเขาขับไล่ไม่ขาย
ก็ยกพลเข้ารบเอาเมืองเสียเลย อังกุหร่าก็ว่าขณะนี้ได้เข้ามาใกล้เมืองรมจักร ซึ่งเป็นเมืองใหญ่มีทหารมากมาย
เห็นจะทำอย่างนั้นไม่ได้แน่ สินสมุทก็สั่งให้เข้าไปลองดูก่อน

อังกุหร่าก็ให้สำเภาใหญ่และขบวนเรือบริวาร ทอดสมออยู่ห่างจากปากแม่น้ำเมืองรมจักรประมาณโยชน์หนึ่ง
แล้วก็ส่งเรือค้าขายห้าสิบลำ ล่วงหน้าเข้าไปก่อนตั้งแต่ย่ำค่ำ แล้วให้เรือรบตามไปอีกร้อยลำเมื่อยามสอง
กับให้เรือสำรองเป็นกองหนุน อีกสองร้อยลำตามไปเมื่อรุ่งสาง โดยให้อังกุหร่าเป็นนายกอง

พวกเรือชาวด่านของเมืองรมจักร ที่แล่นตรวจตรารักษาปากน้ำอยู่เห็นเรือกองหน้าของสินสมุทแล่นเข้ามาในเวลากลางคืน
ก็ยิงปืนป้องกันไว้ จึงเกิดการสู้รบขึ้น จนถึงเช้าเรือกองกลางและกองหลังของสินสมุทตามไปทัน
ก็ช่วยกันโจมตีกองเรือรักษาด่านแตก แล้วยกขึ้นบกไล่ติดตามไปจนบ้านด่านก็แตกอีก
พวกโจรสลัดเก่าเข้ายึดป้อมค่ายไว้ได้ ก็เก็บเอาทรัพย์สินสิ่งของรวมทั้งเสบียงอาหารในยุ้งฉางลงเรือ
อังกุหร่าก็ให้นายรองขนไปขึ้นกำปั่นใหญ่ แล้วรับคำสั่งมาว่า จะเอาเพียงแค่นี้หรือจะตีเอาเมืองเสียเลย

สินสมุทก็ขออนุญาตนางสุวรรณมาลี ว่าจะขึ้นบกไปชมเมืองบ้าง เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
นางก็สั่งว่าให้ไปนำกองทัพกลับมาเสียอย่ามัวทำศึกให้เป็นที่ครหาต่อไป
แต่เมื่อสินสมุทไปถึงป้อมเมืองด่าน ที่อังกุหร่ายึดไว้ได้แล้ว ก็ปรึกษาว่าจะเข้าตีเอาเมืองให้ได้
อังกุหร่าก็ท้วงว่าให้รอดูท่าทีข้าศึกก่อน จะได้ให้ไพร่พลพักผ่อนด้วย

พอรุ่งเช้าอีกวันก็เห็นกองทัพหลวงของเมืองรมจักร ยกออกมาตั้งห่าง ป้อมประมาณยี่สิบเส้น
ตัวนายทัพขี่ม้ายืนกางกลด มีเครื่องยศอย่างกษัตริย์ อังกุหร่าก็ว่าควรจะรักษาป้อมค่ายไว้ก่อน
สินสมุทก็แย้งว่าเขายกมาแล้ว ไม่ออกไปต่อสู้ก็จะหาว่ากลัว ถ้าท่านเหนื่อยนักก็พักก่อน
เราจะแบ่งพลกันคนละครึ่ง เฝ้าค่ายส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเราจะออกไปรบ
ว่าแล้วสินสมุทก็คุมพลออกจากค่าย เข้าโจมตีกองทัพเมืองรมจักร โดยไม่ต้องพูดจาว่ากล่าวอะไรกันเลย

สินสมุทบุกเข้าไปถึงตัวเจ้าเมืองรมจักร เห็นหน้าตาดูละม้ายคล้ายพระอภัยมณีผู้บิดาก็ใจอ่อนไม่อาจจะรบได้
เลยเหม่อมองให้เจ้าเมืองรมจักรเอากระบองฟาด ถูกสินสมุทตกม้าลงไปนอนสลบอยู่บนพื้นดิน
กองทัพฝ่ายเมืองรมจักรก็ตีกองทัพของสินสมุทแตกกลับเข้าค่ายและรักษาค่ายไว้รอสินสมุทอยู่
ถ้าถึงเช้าไม่มาก็จะได้ถอยลงเรือกลับไป

ฝ่ายสินสมุทนอนสลบ อยู่กลางสนามรบ โดยไม่มีใครรู้ว่าเป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายรุกราน พอตกดึกน้ำค้างพรมก็ฟื้นขึ้นมาได้
เมื่อภาวนาอาคมปัดเป่าลูบไล้ทั่วกายแล้ว ที่เจ็บขัดยอกอยู่ก็หายไป เห็นกองทัพของเมืองรมจักรล้อมค่ายอยู่
ก็ตีฝ่ากองทัพเข้าไปในค่าย อังกุหร่าก็ถามว่ารอดมาได้อย่างไร

"มาถามข่าวเจ้านายว่าวายวอด
ไฉนรอดกลับมาได้ไม่อาสัญ
กุมาราว่าเราเข้าประจัญ
กับคนกั้นกลดทองกระบองไว
ดูรูปร่างช่างเหมือนพระบิตุราช
ไม่เคลื่อนคลาดเคลิ้มจิตคิดสงสัย
เขาโจมตีชีวันแทบบรรลัย
พอดึกได้น้ำค้างค่อยสร่างทรวง"

พอรุ่งเช้าสินสมุทก็ยกทัพออกจากค่าย ไปถึงที่ตั้งทัพของเมืองรมจักร
ร้องท้าทายให้แม่ทัพออกมารบกันอีก

"ฝ่ายพระองค์ทรงพระแสงกระบองเหล็ก
เห็นลูกเล็กหลากจิตคิดกังขา
อ้ายกุมารวานนี้สิ้นชีวา
ยังกลับมาองอาจประหลาดใจ
จึงแต่งองค์ทรงม้ามาหน้าทัพ
แล้วหยุดยับยั้งถามตามสงสัย
ดูราทารกนี้นามใด
เหตุไฉนจึงมาตีบุรีเรา
เป็นโจรเรือเชื้อฝรั่งหรืออังกฤษ
สมคบคิดคุมพลเที่ยวปล้นเขา
ดูชันษาอายุก็ยังเยาว์
มารบเราชีวันจะบรรลัย"

สินสมุทก็มิได้มีความเกรงกลัว จึงตอบโต้ไปตามความจริง

"สินสมุทพูดจาประสาเด็ก
ถึงทั้งเล็กก็ไม่พรั่นประหวั่นไหว
เราชื่อว่าสินสมุทวุฒิไกร
พระอภัยบพิตรเป็นบิดา
ล้วนเหล่ากอหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์
ผ่านสมบัติบำรุงราษฎร์ศาสนา
จะแล่นใบไปทางกลางคงคา
ชาวพารารบเราจึงเข้าตี
ท่านชื่อไรจงบอกออกมาบ้าง
เป็นขุนนางหรือบำรุงซึ่งกรุงศรี
แม้นรักตัวกลัวตายวายชีวี
อัญชลีแล้วจะกลับกองทัพไป"

เจ้าเมืองรมจักรถามว่าบิดาเจ้าอยู่ที่ไหน ถ้ามาด้วยก็ให้ออกมารบกัน
สินสมุทโกรธว่าไม่ต้องถามถึงบิดา มารบกันตัวต่อตัวดีกว่า อย่าให้เปลืองไพร่พล
แล้วก็เข้ารบกันเป็นอุตลุด สินสมุทถูกตีด้วยกระบองอีกห้าหกที ก็ไม่ระคายผิวหนัง
กลับคว้าเอากระบองไว้ได้ จึงฉุดตกลงจากหลังม้าด้วยกัน พวกโจรก็ช่วยกันกลุ้มรุม
จับตัวเจ้าเมืองรมจักรเข้าค่ายไป

สินสมุทให้เอาตัวเชลยมาซักถาม เห็นเจ้าเมืองร้องไห้ก็หัวเราะเยาะว่า คิดถึงเมียหรือ
เป็นกษัตริย์ถ้ากลัวตายแล้วออกมารบทำไม ก็ได้รับคำตอบว่า

"จงเร่งมาฆ่าตีเอาชีวาตม์
เราก็ขาติชายใช่น้ำใจหญิง
ใช่จะของ้องอนมาวอนวิง
แต่เห็นสิ่งของต้องนองน้ำตา
ธำรงค์วงที่เจ้าผูกหัตถ์
เพชรรัตน์เรืองเดชของเชษฐา
ทั้งผืนผ้าเจียระบาดที่คาดมา
เรารู้ว่าเป็นของพระอภัยมณี
อันตัวเรานี้เป็นน้องจึงร้องไห้
ด้วยจากไปตายเป็นไม่เห็นผี
ซึ่งท่านถามนามกรของเรานี้
เราชื่อศรีสุวรรณราชเร่งฟาดฟัน"

สินสมุทก็หวนคิดถึงเรื่องที่บิดาเคยเล่าให้ฟังว่า ได้พลัดพรากจากน้องชายที่ชื่อ ศรีสุวรรณ
จึงถามว่าพระอภัยมณีมีวิชาอะไรที่ชำนาญ และปู่ย่าอยู่เมืองใด
ศรีสุวรรณก็บอกได้ถูกต้อง แล้วก็เล่าเรื่องของตน ตั้งแต่พลัดพรากจากพระอภัยมณี
ที่ได้หายตัวไปตั้งแต่เป่าปี่ให้ฟังที่ชายหาด เมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว

แต่เรื่องราวเหล่านั้น ก็คงจะได้นำรายละเอียด มาเล่าในตอนต่อไป เพราะค่อนข้างจะยืดยาวพอสมควร.

##########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่