พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด ๑๖ ก.พ.๕๘

พระอภัยมณีฉบับเร่งรัด

ชุดที่ ๕ สินสมุทพิชิตศึก

ตอนที่ ๒ "เหมือนเสียงแก้วกลอยจิตพิศมัย"

ฑ.มณฑา

ฝ่ายอุศเรนโอรสพระเจ้ากรุงลังกานั้น ครั้งแรกได้เดินทางพร้อมด้วยพระบิดาเป็นขบวนเรือถึงห้าพันลำ จากกรุงลังกามาถึงกรุงผลึก
เพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรส แต่ได้ทราบจากนางมณฑาพระมเหสีของเจ้ากรุงผลึกว่า ขณะนี้เจ้ากรุงผลึกกับพระธิดาได้ออกไปเที่ยวทะเล
แล้วถูกพายุใหญ่พัดเรือลำที่ประทับสูญหายไป ไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดี อย่างไร ก็ขอเชิญอุศเรนให้อยู่ปกครองกรุงผลึกรอท่าก่อน
แต่อุศเรนก็เสียใจไม่คิดที่จะอยู่เฉย จะขอออกติดตามหาคู่อภิเษกด้วยตนเอง จึงขอให้พระบิดากลับไปกรุงลังกาก่อน

ตนเองกับขบวนเรืออีกพันลำ ก็แล่นตระเวนไปในมหาสมุทร เที่ยวหา พระเจ้ากรุงผลึกและนางสุวรรณมาลีอยู่ เป็นเวลาประมาณสามเดือน
จึงมาถึงเกาะร้างแห่งหนึ่ง และได้พบกับพระอภัยมณี ซึ่งรักษาเพศเป็นดาบส กับพวกที่ได้อาศัยมาากเกาะแก้วพิศดารอีกร่วมร้อยคน
พระอภัยก็เล่าเรื่องราวของตนให้อุศเรนฟัง ตั้งแต่หนีนางผีเสื้อยักษ์ไปอยู่เกาะแก้วพิศดาร แล้วอาศัยเรือเจ้ากรุงผลึกกับพระธิดาเพื่อกลับเมือง
ถูกนางผีเสื้อติดตามมา ทำให้เรือแตกต้องแยกย้ายกันไปโดยไม่รู้ชตากรรม ส่วนตนเองได้มาติดอยู่บนเกาะร้างนี้
เมื่อเป่าปี่ฆ่านางยักษ์ผีเสื้อสมุทรตายแล้ว ก็ไม่รู้จะไปไหนต้องทนอยู่เป็นเวลาถึงห้าเดือน จึงขอโดยสารเรือกลับบ้านเมืองด้วย

อุศเรนได้ทราบข่าวคราวของนางสุวรรณมาลีก็ดีใจ จึงรับพระอภัยลงเรือไปด้วยกัน เพื่อติดตามหานางสุวรรณมาลีต่อไป
พระอภัยเมื่อรู้ว่าอุศเรนเป็นคู่อภิเษก ของพระธิดาที่ตนรักก็เห็นใจ อยากจะให้ทั้งคู่ได้พบกัน
พระอภัยกับพวกเรือแตกจึงได้อาศัยเรือของอุศเรนเดินทางมา จนพบกับขบวนเรือของสินสมุทรในครั้งนี้

เมื่อทูตของ อุศเรน กลับจากเรือของ สินสมุท มาเล่าถึงผลของการเจรจาโดยละเอียดแล้ว อุศเรนก็โกรธเป็นอย่างยิ่ง
ที่สินสมุทจะยึดตัว นางสุวรรณมาลี ไว้ไม่ยอมคืนให้แก่ตน ผู้เป็นคู่อุปภิเษกโดยชอบธรรม จึงจัดแจงเตรียมพล
พร้อมที่จะยกไป รบกับสินสมุท เพื่อชิงเอาตัวนางสุวรรณมาลีคืนมาให้ได้

ข้าง พระอภัยมณี นั้น ก็ดีใจว่า จะได้พบกับลูกชาย แต่ก็สงสารและเห็นใจอุศเรน ซึ่งเป็นผู้มีบุญคุณให้อาศัยเรือรอดชีวิตมาได้
ไม่อยากจะให้ถึงกับสู้รบกัน จึงขออาสาว่าอย่าเพิ่งประกาศสงครามเลย จะขอเป่าปี่เรียกตัวนายใหญ่ของฝ่ายข้าศึกให้มาพบก่อน
จะได้ทราบเรื่องราวโดยละเอียด ซึ่งอุศเรนก็เห็นด้วยจึงยินยอมให้พระอภัย ดำเนินการตามที่ประสงค์
เพราะไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่า ให้ได้ตัวพระธิดาของเจ้ากรุงผลึก กลับไปกรุงลังกาเท่านั้น

พระอภัยจึงเป่าปี่เป็นสำนวนดังนี้

"พระเป่าปี่เปิดเสียงสำเนียงเอก
เสนาะดังฟังวิเวกกังวานหวาน
ละห้อยหวนครวญเพลงบรรเลงลาน
โอ้สงสารสุริย์ฉายจะบ่ายคล้อย
พี่คลาดแคล้วแก้วตามาว้าเหว่
ท้องทะเลแลเปล่าให้เศร้าสร้อย
ป่านนี้น้องสองคนกับลูกน้อย
จะล่องลอยไปอยู่หนตำบลใด
เรื่อยเรื่อยเฉื่อยวายุพัดแผ้ว
เหมือนเสียงแก้วกลอยจิตพิศมัย
หอมรวยรวยชวยชื่นรื่นฤทัย
เหมือนใกล้ใกล้เข้ามาแล้วแก้วพี่เอย
เขาบอกว่ามาในลำเรือกำปั่น
หรือสุวรรณมาลีเจ้าพี่เอ๋ย
สินสมุทรไม่มาหาบิดาเลย
พ่อจะเชยใครเล่าเจ้าพ่ออา"

อุศเรนและพลเรือกำปั่นทุกลำ พอได้ยินเสียงปี่วิเศษของพระอภัย ก็พา กันหลับใหลไม่เป็นสมประดีจนหมดสิ้น
เสียงปี่ล่องลอยข้ามน้ำ มาถึงกองเรือของสินสมุท นางสุวรรณมาลีและ ศรีสุวรรณ
ได้ยินก็จำได้ว่าเป็นเสียงปี่ของพระอภัยอย่างแน่นอน ทั้งสินสมุทก็แน่ใจ จึงจะว่ายน้ำไปพาบิดามาเสียเดี๋ยวนั้นเลย
ศรีสุวรรณกับนางสุวรรณมาลีก็ห้ามปรามว่า จะทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะพระบิดาได้อาศัยเรือเขามาจึงรอดชีวิต
เขามีบุญคุณต่อกันอยู่จะทำให้หมางใจกันเสียเปล่า

แต่สินสมุทก็ไม่ฟังเสียง กระโดดลงไปในทะเล แล้วดำน้ำไปอย่างรวดเร็ว ผ่านกองเรือของอุศเรนไปโดยไม่มีใครรู้
เพราะหลับกันไปหมดทุกลำ สินสมุทก็ว่ายน้ำตามเสียงปี่ไปจนถึงเรือลำทรงของอุศเรน ปีนขึ้นไปบนกำปั่น
วิ่งเข้าไปกราบเท้าบิดาแล้วก็ร้องไห้ พระอภัยก็หยุดเป่าปี่ก้มลงกอดลูกชายไว้ แล้วก็กันแสงจนสลบไป

ส่วนพรรคพวกเรือแตกที่มากับพระอภัยนั้น ไม่ได้หลับไปด้วยเพราะรู้ตัวจึงเอามือจุกหูไว้ไม่ยอมฟัง
ต่างก็ช่วยกันแก้ไขทั้งสองพ่อลูก และปลุกอุศเรนกับพวกลูกเรือให้ตื่นขึ้นมา
สินสมุทก็เล่าเรื่องราว ตั้งแต่เรือแตกพลัดกับบิดา ไปจนพบอาศรีสุวรรณแล้ว ชวนกันลงเรือติดตามหาบิดามาจนพบกันที่นี่
พระอภัยก็แนะนำให้สินสมุทรู้จักอุศเรน และเชิญให้ไปรับนางสุวรรณมาลี ที่เรือของสินสมุท

เมื่อมาถึงเรือใหญ่ ศรีสุวรรณก็ออกมาต้อนรับ ส่วนนางสุวรรณมาลีได้หนีเข้าไปแอบอยู่ในห้อง พระอภัยก็รับขวัญน้องชาย
แล้วต่างก็เล่าถึงความหลัง ในระหว่างที่จากกันไปตั้งเกือบสิบปีให้กันฟัง ต่างก็รำพันถึงญาติวงศ์ที่คิดว่าจะไม่ได้พบหน้ากันอีกเสียแล้ว

อุศเรนก็ถามถึงนางสุวรรณมาลี สินสมุทก็โกรธบอกว่า แม่ของตนนี้ได้ ประกาศไว้แล้วว่า จะไม่ยอมให้ใครไปเลย
พระอภัยก็ปลอบสินสมุทให้ช่วยพานางสุวรรณมาลี มาคืนให้อุศเรนเป็นการแทนคุณบิดา ที่ได้อาศัยเรือเขารอดตายมาได้

สินสมุทยิ่งแค้นหนัก รีบเข้าไปหานางสุวรรณมาลีในห้อง แล้วเล่าความตามประสาแม่ลูก ว่าพระบิดาเห็นแก่อุศเรนจะให้คืนแม่ไป
จึงขอถามว่าแม่จะคิดอย่างไร ถ้าจะไปก็ไม่ขัดขืน นางสุวรรณมาลีก็เสียใจร้องไห้รำพันว่าเสียแรงพระอภัยเคยออกปากฝากรักผ่านลูกชาย
ตั้งแต่เมื่ออยู่บนเรือของเจ้ากรุงผลึก จนได้แลกแหวนกับสร้อยสังวาลย์กันไว้แล้ว กลับมาเปลี่ยนใจจะให้ไปอุปภิเษกกับอุศเรน
อยู่ไปเห็นจะมีแต่ความอัปยศ จึงถอดแหวนของพระอภัยออกจากมือส่งให้สินสมุท บอกว่าแหวนนี้เอามาแต่ผู้ใด
จงเอาไปคืนเขาเสียแม่จะขอลาไปเดี๋ยวนี้ ว่าแล้วก็ชักกริชออกมาจะฆ่าตัวตายเสีย สินสมุทก็แย่งชิงเอาไว้ได้ แล้วก็ปลอบว่า

"พระบิดาให้การด้วยความซื่อ
ควรแล้วหรือแม่จะตายให้อายผี
ถึงมาตรแม้นแค้นบิดาไม่ปราณี
ลูกยังมีแม่ก็ไม่อาลัยเลย"

นางสุวรรณมาลีก็ร้องไห้ว่าแสนจะรักสินสมุทร แต่ไม่สามารถอยู่ดูหน้าผู้คนต่อไปได้ เหมือนเป็นหญิงเลวที่ชายเขาไม่ปรารถนา
แม้ตายไปแล้วชาติหน้า ก็ขอให้สินสมุทรได้เกิดมาเป็นลูกในอุทร ดื่มนมจากอกแม่เถิด

"เจ้ารักแม่แม่ก็รู้อยู่ว่ารัก
มิใช่จักลืมคุณทำฉุนเฉียว
แต่เหลืออายหลายสิ่งจริงจริงเจียว
เป็นหญิงเดียวชายสองต้องหมองมัว
เมื่อแรกเราเล่าบอกเขาออกอื้อ
อ้างเอาชื่อพระบิดาว่าเป็นผัว
ครั้นคู่เก่าเขามารับก็กลับกลัว
แกล้งออกตัวให้มาถามว่าตามใจ
จึงเจ็บจิตคิดแค้นแม้นจะอยู่
ก็อดสูเสียสัตย์ต้องตัดษัย
กันแสงพลางทางสอื้นขืนอาลัย
พระชลนัยน์ไหลซาบอาบพัตรา"

แล้วก็เอาแต่ร้องไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจทั้งรักทั้งแค้น สินสมุทก็เรียกอรุณรัศมี ลูกสาวของศรีสุวรรณ
ให้ช่วยดูแลมารดาไว้อย่าให้ทำร้ายตนเองได้ แล้วก็ออกไปบอกอุศเรนว่า นางสุวรรณมาลีไม่ยอมไปด้วย
อุศเรนก็โกรธหันมาเล่นงานพระอภัยว่า ได้เคยให้สัตย์ไว้ว่าจะเป็นพี่เป็นน้องกันเรื่องนี้จะว่าอย่างไร
พระอภัยก็จนปัญญาจึงชี้แจง ให้สินสมุทเห็นคุณของการรักษาความสัตย์ และโทษของความอกตัญญู

"พระบิดามาด้วยอุศเรนนี้
คุณเขามีมากล้นพ้นกำหนด
เจ้าทำผิดก็เหมือนพ่อทรยศ
จงออมอดเอ็นดูพ่อแต่พองาม"

ศรีสุวรรณเห็นท่าไม่ดีจึงช่วยพูดไกล่เกลี่ยกับอุศเรนว่า นางสุวรรณมาลี ได้จากบ้านเมืองและญาติพี่น้องมาแต่ตัวคนเดียว
จึงยังไม่อยากไปกับผู้อื่น ไม่ใช่พระอภัย หรือตนเองจะขัดขวาง แต่สินสมุทซึ่งเป็นผู้ช่วยเหลือนางให้พ้นภัย
ก็เข้าไปตามแล้วนางไม่ยอมไปเองก็ช่วยอะไรไม่ได้

อุศเรนก็ประกาศด้วยความแค้นว่า อย่างนั้นก็ต้องรบกัน

"ซึ่งวอนว่าพระอภัยให้ช่วยขอ
คิดว่าพ่อลูกกันเหมือนมั่นหมาย
เมื่อรักหญิงทิ้งสัตย์ตัดผู้ชาย
ไม่เสียดายคำแล้วก็แล้วไป
แต่หากว่าถ้าฉันกับสินสมุท
สัประยุทธกันก็จิตจะคิดไฉน
จะช่วยฉันหรือว่าพระจะช่วยใคร
ขอรู้ใจจงแถลงให้แจ้งการณ์"

พระอภัยก็ต้องฝืนทนให้เขาด่าว่า แล้วบอกว่าใจจริงนั้นไม่อยากเห็นทั้ง สองฝ่ายรบกันเลย
ทั้งสินสมุทก็มีวิชาอาคมเก่งกล้าสาระพัน ยากที่จะเอาชนะได้ ตนจะขอเป็นกลางอยู่กับน้องศรีสุวรรณ
ถ้าสินสมุทจะฆ่าอุศเรนก็จะช่วยป้องกัน แต่ถ้าอุศเรนจะฆ่าลูก ก็จะไม่ช่วยเลย

อุศเรนก็หัวเราะเยาะเย้ยพระอภัย แล้วก็ลงเรือกลับไปคุมไพร่พลเรือสำเภาทั้งพันลำ เข้าโจมตีกองเรือของสินสมุท
พระอภัยก็อยู่กับศรีสุวรรณ แต่ก็ไม่วายสั่งให้สินสมุทปรึกษาการทำศึก กับผู้มีความรู้เอาเอง
ขออย่างเดียวคือให้ไว้ชีวิตอุศเรนอย่าฆ่าให้ตายเลย

สินสมุทกับ อังกุหร่า รองหัวหน้าโจรที่สามิภักดิ์ด้วย ก็ช่วยกันวางแผน ทำสงครามทางเรือกับอุศเรนอย่างเข้มแข็ง
นางสุวรรณมาลีเป็นห่วงสินสมุท จึงแต่งตัวเป็นชายออกไปช่วยควบคุมพลทำการรบด้วย จนกระทั่งเรือเข้าประชิดกัน
สินสมุทก็โดดขึ้นไปบนเรืออุศเรน ไล่ฆ่าฟันทหารฝรั่งตายเกลื่อน ส่วนตนเองอยู่ยงคงกระพัน ถูกอาวุธก็ไม่เป็นอันตราย
สุดท้ายก็จับตัวอุศเรนมัดไว้ได้ พวกข้าศึกจึงยอมทิ้งอาวุธเลิกสู้รบต่อไป

สินสมุทพาเอาตัวอุศเรน กลับมาอวดแม่เลี้ยงที่เรือของตน นางสุวรรณมาลี ก็เวทนาขอร้องไว้ไม่ให้ฆ่า แล้วก็เลี่ยงหลบเข้าห้องไป
พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณ ก็เข้ามาขอโทษไว้อีก สินสมุทจึงปล่อยตัวอุศเรนกลับไป แล้วก็สั่งให้กองเรือของตนเดินทางกลับบ้านเมือง

ครั้งแรกพระอภัยจะให้ไปกรุงรัตนา เพื่อพบวงศาคณาญาติของตนก่อน แต่นางสุวรรณมาลีรู้ทันว่า พระอภัยวางแผนชุบมือเปิบ
จึงขอร้องให้สินสมุทกลับไปเมืองผลึกก่อน เพราะเหลือแต่พระมารดา แล้วจะได้ให้สินสมุทเป็นเจ้ากรุงผลึกอยู่รักษาบ้านเมืองต่อไป
เผื่อทางกรุงลังกาจะยกทัพมาแก้แค้น ก็จะได้มีกำลังไว้ต่อสู้ป้องกัน พระอภัยจึงต้องยอมตามใจ

ทางฝ่ายอุศเรนนั้นไม่ยอมกลับ แต่รวบรวมเรือกำปั่นที่เหลืออยู่เพียงหก ร้อยลำ ติดตามมาโจมตีขบวนเรือของสินสมุทอีกในเวลาเที่ยงคืน
แต่สินสมุทก็ต้านทานไว้ได้ คราวนี้อุศเรนถูกปืนหน้าแข้งหัก เรือรบก็แตกเสียหายยับเยิน เหลืออยู่แค่สามสิบลำ
จึงจำใจต้องบ่ายหน้ากลับไปกรุงลังกา พร้อมด้วยความแค้นแน่นอุรา ทั้งเสียใจที่ต้องพ่ายแพ้แก่เด็กน้อย
และเสียดายนางสุวรรณมาลีเป็นข้อใหญ่ ส่วนจะกลับมาแก้แค้นอีกเมื่อไรหรือไม่นั้น คงจะต้องใช้เวลาอีกนาน.

ฝ่ายสินสมุทเมื่อได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาดในการรบแล้ว ก็พาพระอภัยมณีผู้บิดาและศรีสุวรรณผู้เป็นอา
เดินทางกลับไปยังกรุงผลึก ตามความตั้งใจของนางสุวรรณมาลีมารดาเลี้ยง ต่อไป.

###########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่