ฝ่ายนางสุวรรณมาลีกับศรีสุวรรณ ที่อยู่บนเรือกำปั่นได้ฟังเสียงปี่พระอภัยก็จำได้ ด้วยเคยฟังมาก่อน รู้แน่ว่าเป็นพระอภัยขอให้ไปหา สินสมุทรจึงขออาสาไปรับพระอภัยมาที่เรือ แต่สองกษัตริย์ตรัสห้ามไว้ว่า อุศเรนมีพระคุณกับบิดา ควรจะไปไต่ถามเขาก่อน อย่าให้ฝ่ายเขาว่าได้ จะเป็นที่ขัดข้องหมองใจ อาจเป็นศึกขึ้นมา ก็จะเสียทีเพราะพระอภัยอยู่กับเขา จึงขอให้สินสมุทรอยู่กับน้อง และป้องกันแม่ไว้ แต่สินสมุทรก็ไม่ยอมให้พระเจ้าอาไป ตนจะขอไปเองโดยจะไปไต่ถามแต่โดยดี ถ้าย่ำยีจึงจักสู้ดูฝีมือ แล้วสินสมุทรก็กระโดดลงน้ำดำไป ศรีสุวรรณไม่ไว้ใจฝ่ายอุศเรน จึงสั่งการให้เตรียมเรือไว้สามสิบลำ ออกแล่นคอยดูอยู่ห่าง ๆ เอาไว้แก้ไขสถานการณ์
สินสมุทรดำน้ำมาถึงกำปั่นที่พระอภัยยังเป่าปี่อยู่ แล้วก็ปีนขึ้นกำปั่นไปเห็นพวกไพร่พลนอนหลับอยู่กลาดเกลื่อน ส่วนพวกที่ตื่นอยู่ก็เป็นพวกจีนจาม ที่เคยรู้จักมาก่อน จึงตรงเข้ากอดบาทพระบิดาแล้วร้องไห้
พระอภัยเห็นลูกก็มีความรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ สงสารลูกจนสลบไป
อุศเรนเห็นสินสมุทรจึงถามพวกพระอภัยว่าเป็นใคร เขาทูลตอบว่าเป็นพระโอรส พระอภัยฟื้นขึ้นมาเห็นอุศเรนกับสินสมุทรกับบรรดาพวกไพร่พลอยู่กันพร้อมหน้า สินสมุทรถามถึงความเป็นมาแต่หนหลัง พระอภัยก็เล่าความให้ฟังแล้วจึงตรัสถามความทางฝ่ายสินสมุทร สินสมุทรก็ทูลความให้ฟังทั้งหมด
พระอภัยรู้ว่าพระอนุชามากับสินสมุทรด้วยก็ชื่นชมยินดียิ่งนัก จึงตรัสบอกอุศเรนว่าสินสมุทรเป็นบุตรของตน เมื่อเรือแตกได้แบกพระธิดามากลางน้ำ จนได้มากับเรือกำปั่น นับว่าเป็นเดชะบุญที่ไม่ต้องชิงนาง แล้วจึงเชิญอุศเรนไปยังเรือกำปั่นของลูก จะได้พบพระธิดา แล้วสอนให้สินสมุทรไปกราบอุศเรน
ฝ่ายอุศเรนรู้เรื่องแล้วก็มีความยินดียิ่งนัก เรียกสินสมุทรมานั่งเคียงข้าง บอกว่าจะไม่ลืมบุญคุณของสินสมุทรไปจนวันตาย
จากนั้นก็เอาเครื่องทรงอย่างกษัตริย์มาให้สินสมุทร แต่สินสมุทรบอกว่าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ตนรักแต่แม่สุวรรณมาลี พระอภัยจึงกลบเกลื่อนว่าอย่าถือความ แล้วเชิญไปหาพระธิดา
อุศเรนได้ฟังคำพระอภัยจึงค่อยคลาย แล้วสั่งไพร่พลเตรียมเดินทางไปพบพระธิดา
สั่งล้าต้าต้นหนคนทั้งปวง ตามพระทรวงซ้ายขวาสิบห้าลำ
ทั้งลำทรงธงทองเป็นสองแถว เลิศแล้วลายหลังคาเลขาขำ
หัศเกนเจนปืนยืนประจำ เข้าเคียงลำกำปั่นใหญ่ดังใจจง
อุศเรนรื่นเริงบันเทิงจิต เข้าสถิตเตียงทองที่ห้องสรง
ไขสุหร่ายปรายละอองมาต้ององค์ แล้วสอดทรงสนับเพลาเนาวรัตน์
ฉลององค์ทรงสวมกรวมสลับ ดุมประดับแต่ล้วนเพชรเจ็ดกะรัต
ปั้นเหน่งเนื่องเฟื่องกระหนกกระหนาบรัด แล้วทรงทัดพระมหามาลาระบาย
แซมดอกไม้ไหวสว่างหางการเวก เป็นอย่างเอกอวดผู้หญิงหยิ่งใจหาย
ธำมรงค์ทรงหัตถ์จำรัสพราย พระกรซ้ายเกี่ยวผ้าเช็ดหน้ากรอง
สอดเสน่าเหน็บตรีกระบี่ถือ สนับมือสอดใส่ไว้ทั้งสอง
ส่านจุหรี่สีกุหร่าดั่นหน้าทอง สอดฉลองพระบาทเพชรเสด็จมา
เมื่อมาถึงเรือ ศรีสุวรรณมาต้อนรับทำความเคารพพระอภัย ส่วนนางสุวรรณมาลีหนีเข้าห้อง ทั้งสององค์ได้ไต่ถามความหลังกัน
อุศเรนถามถึงนางสุวรรณมาลี สินสมุทรได้ฟังก็ขัดเคืองบอกว่าแม่ของตนจะไม่ยอมให้แก่ใคร พระอภัยจึงตรัสปลอบว่า อุศเรนช่วยให้พระองค์ได้โดยสารเรือมา และเป็นผู้ที่ผูกรักอยู่กับนางสุวรรณมาลีมาแต่เดิม
สินสมุทรได้ฟังก็มีความแค้นแน่นใจ สุดคิดที่จะขัดขวางจึงเข้าไปหาพระธิดาแล้วร้องไห้ พระธิดาถามสินสมุทรว่าทางอุศเรนพูดว่าอะไร และกลับไปหรือยัง สินสมุทรจึงถามพระธิดาว่ารักหรือชังอุศเรน แล้วบอกว่าตอนนี้เขาจะรับไปอภิเษก จะทิ้งตนไปหรืออย่างไร นางจึงตอบว่าถึงเขาสู่ขอแต่ก็ไม่เคยคุ้น แล้วย้อนถามสินสมุทรว่า ตอนนี้จะยอมให้แม่ไปหรือ คงจะกลัวฝีมือเขาจึงเอาแต่ร้องไห้
สินสมุทรตอบว่าพระแม่ไม่เข้าใจตน ถึงจะมีศึกมากน้อยอย่างไรก็ไม่ถอย แต่แค้นใจพระบิดาที่รักอุศเรน จะให้พระแม่คืนไป ตนถึงถามใจพระแม่จะรักอุศเรน ตนก็จะไม่ขัดขืน
นางสุวรรณมาลีได้ฟังก็แค้นคำพระอภัยที่มาทำเช่นนี้ทำให้อับอาย แล้วจึงบอกแก่สินสมุทรว่าเรื่องมาถึงเช่นนี้แล้วก็ขอตาย เสียดีกว่าอยู่ให้อัประมาณ แล้วนางก็ถอดธำมรงค์ของพระอภัยให้สินสมุทร บอกให้เอากลับไปให้พระบิดา ตนจะขอลาตายแล้วชักกริชจะฆ่าตัวตาย สินสมุทรจึงเข้าแย่งยุดไว้แล้วเอากริชขว้างทิ้งไป บอกว่าแม้นว่าแค้นพระบิดา ลูกก็ยังมี จะไม่อาลัยเลยหรืออย่างไรนางสุวรรณมาลีจึงตอบว่า
ค นางกอดบุตรสุดขืนสะอื้นไห้ เหลืออาลัยแล้วพ่อคุณของแม่เอ๋ย
เหมือนหญิงร้ายชายชังไม่หวังเชย จะแหงนเงยดูมนุษย์ก็สุดอาย
ถึงม้วยแล้วแก้วตาอย่าปรารภ จะขอพบสุดสวาทเหมือนมาดหมาย
ขอให้พ่อก่อเกิดกับร่างกาย ได้กินสายกษิรามารดาเดียว
เจ้ารักแม่แม่ก็รู้อยู่ว่ารัก มิใช่จักลืมคุณทำฉุนเฉียว
แต่เหลืออายหลายสิ่งจริงจริงเจียว เป็นหญิงเดียวชายสองต้องหมองมัว
เมื่อแรกเราเล่าบอกเขาออกอื้อ อ้างเอาชื่อพระบิดาว่าเป็นผัว
ครั้นคู่เก่าเขามารับก็กลับกลัว แกล้งออกตัวให้มาถามว่าตามใจ
จึงเจ็บจิตคิดแค้นแม้นจะอยู่ ก็อดสูเสียสัตย์ต้องตัดษัย
กันแสงพรางทางสะอื้นขืนอาลัย พระชลนัยน์ไหลซาบอาบพักตรา ฯ
สินสมุทสงสารแม่ยิ่งนัก แล้วกล่าวแก้แทนพระบิดาว่า ความจริงพระบิดาไม่รู้ว่าเรามาอ้างไว้อย่างนั้น จึงให้ถามไปตามซื่อ เมื่ออุศเรนไปแล้ว ตนจะต่อว่าพระบิดาให้ แล้วคืนแหวนให้นางสุวรรณมาลี ถ้ายังไม่รับและกลับกลายเป็นตน ก็จะทวงคืนสายสังวาลของนางสุวรรณมาลีคืน ขออยู่ตามประสาแม่ลูก แล้วเรียกให้นางอรุณรัศมีคอยอยู่เป็นเพื่อนป้าสะใภ้
สินสมุทรกลับออกมานั่งบัลลังก์นอก แล้วแกล้งบอกว่าแม่สุวรรณมาลีไม่อยากออกมา อุศเรนจึงกล่าวว่า เรื่องนี้บิดาเจ้าก็รู้อยู่เต็มจิต ว่าเราได้สู่ขอนางและผู้ใหญ่ก็ยกให้แล้ว นางสุวรรณมาลีจึงเป็นของเรา เราได้รับพระอภัยมาให้แก่สินสมุทรแล้ว จึงชอบที่สินสมุทรจะคืนนางมาให้ตน จึงจะต้องทำนองใน สินสมุทรได้ฟังจึงตอบว่า
ค สินสมุทพูดจาประสาเด็ก ถึงเราเล็กก็ไม่ส่งอย่าสงสัย
รับบิดามาก็ช่างใครประไร หรือข้าใช้สอยเจ้าให้เอามา
เราติดตามปิตุรงค์ก็คงพบ ไม่รักคบคนนอกพระศาสนา
เจ้าเลิกทัพกลับหลังไปลังกา จะได้หาเมียงามเอาตามใจ
ที่ตรงนี้มิได้คืนอย่าขืนแค่น ถึงจะแสนโศกาน้ำตาไหล
ก็ตายเปล่าเราไม่ยักให้ใครไป อย่ากวนใจจู้จี้ข้าขี้คร้าน ฯ
อุศเรนได้ฟังก็มีความโกรธยิ่งนัก แต่แกล้งกลั้นความโกรธไว้ แล้วตรัสกับพระอภัยว่า ตนกับพระอภัยได้ให้สัตย์ต่อกันจึงขอกัน ในฉันที่คุ้นเคยและรักพระอภัยเหมือนเชษฐาว่า พระอภัยก็รู้อยู่แก่ใจ จะเมตตาประการใด ขอให้แสดงออกมาด้วย
พระอภัยได้ฟังก็อ้ำอึ่งตะลึงคิด จะคิดบิดเบือนก็ไม่เห็นทาง สงสารลูกเจ้าลังกา จึงกล่าวว่า ตนเหมือนช้างงางอก ไม่หลอกลวง แม้เลือดเนื้อของตนก็ยอมให้ได้ แต่ลูกเขาไม่ยอมเนื่องจากเขารักใคร่อาลัยกัน แล้วกล่าวกับลูกถึงบุญคุณของอุศเรน ซึ่งจะต้องรู้บุญคุณของเขา
อันรักษาศีลสัตย์กัตเวที ย่อมเป็นที่สรรเสริญเจริญคน
ทรลักษณ์อกตัญญุตาเขา เทพเจ้าก็จะแช่งทุกแห่งหน
ให้ทุกข์ร้อนวอนหวอทรพล พระเวทมนตร์เสื่อมคลายทำลายยศ
เพราะบิดามาด้วยอุศเรนนี้ คุณเขามีมากล้นพ้นกำหนด
เจ้าทำผิดก็เหมือนพ่อทรยศ จงออมอดเอ็นดูพ่อแต่พองาม ฯ
จากนั้น ศรีสุวรรณก็ช่วยพูดจาอธิบายความ หาเหตุผลมาประกอบให้ชอบกล อุศเรนก็โต้ตอบกลับไปด้วยความเจนจัด แล้ววอนขอพระอภัยให้ช่วยขอด้วยว่าเป็นพ่อลูกกัน และอยากถามใจพระอภัยว่าถ้าตนกับสินสมุทรรบกัน พระอภัยจะช่วยใคร พระอภัยตอบว่า บุญคุณของอุศเรนนั้นมีมากยิ่งนัก แต่ก็สุดจะคิดเพราะลูกของตนเขาไม่กลัวใคร ถ้าแม้นต้องรบกัน ก็จะไม่ช่วยฝ่ายใด จะอยู่กับน้อง ถ้าลูกจะฆ่าน้องก็จะช่วยป้องกัน แต่ถ้าอุศเรนจะฆ่าลูกก็ไม่ว่าไร แต่ขอห้ามด้วยความอาลัยว่า การชิงชัยกับสินสมุทรนั้น ก็ให้ยับยั้งไว้ก่อน เพราะสินสมุทรนั้นเก่งกาจสารพัด และมีวิชาขลัง
อุศเรนผู้เจนศึกไม่นึกกลัว แกล้งพูดจากเสียดแทงว่า ถ้าตนรบพุ่งได้ชัยชนะก็จะได้นางไป แล้วกลับมาเตรียมกองทัพเตรียมออกรบ
ฉวยรบพุ่งยุ่งยิ่งชิงไปได้ ก็อาลัยอยู่ด้วยนางจะห่างเห
สนิทแนบแยบคายช่างถ่ายเท เขียนจรเข้ขึ้นไว้หลอกตะคอกคน
เราก็ชายหมาดมาดว่าชาติเชื้อ ถึงปะเสือก็จะสู้ดูสักหน
ไม่รักวอนงอนง้อทรชน แล้วพาพลกลับมาเภตราพลัน
ถึงกองทัพยับยั้งนั่งเก้าอี้ สั่งให้ตีกลองสัญญาโกลาลั่น
ร้องเรียกเรือฝรั่งมาทั้งนั้น แล้วแบ่งปันเป็นแพนกแยกนาวา
กองละร้อยคอยรบสมทบทัพ เกณฑ์กำกับเกียกกายทั้งซ้ายขวา
ให้คอยล้อมพร้อมพรั่งดังสัญญา เห็นลมกล้าได้ที่ตีประดัง
ให้พวกเรือเหนือลมนั้นสมทบ เข้ารุกรบลำใหญ่เหมือนใจหวัง
แม้นขึ้นได้จุดไฟอย่าหยุดยั้ง แล้วกองหลังหนุนด้วยช่วยให้ทัน
ทั้งโยธากล้าหาญคอยราญรอน ใส่เสื้อซ้อนเกราะกระสันกันสาตรา
ทหารปืนยืนมองตามช่องกราบ ศรกำซาบแทรกรายทั้งซ้ายขวา
พร้อมทหารขานโห่เป็นโกลา ธงสัญญาโบกบอกให้ออกเรือ
กองละร้อยคอยรบไม่หลบหลีก ชักเป็นปีกกาไปทั้งใต้เหนือ
บ้างถือชุดจุดไฟไว้เป็นเชื้อ เข้าล้อมเรือลำใหญ่ระไวระวัง ฯ
ช่วยบอกข้อคิดในเรื่องพระอภัยมณี ตอน พบศรีสุวรรณกับสินสมุทร หน่อยค่ะ
สินสมุทรดำน้ำมาถึงกำปั่นที่พระอภัยยังเป่าปี่อยู่ แล้วก็ปีนขึ้นกำปั่นไปเห็นพวกไพร่พลนอนหลับอยู่กลาดเกลื่อน ส่วนพวกที่ตื่นอยู่ก็เป็นพวกจีนจาม ที่เคยรู้จักมาก่อน จึงตรงเข้ากอดบาทพระบิดาแล้วร้องไห้
พระอภัยเห็นลูกก็มีความรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ สงสารลูกจนสลบไป
อุศเรนเห็นสินสมุทรจึงถามพวกพระอภัยว่าเป็นใคร เขาทูลตอบว่าเป็นพระโอรส พระอภัยฟื้นขึ้นมาเห็นอุศเรนกับสินสมุทรกับบรรดาพวกไพร่พลอยู่กันพร้อมหน้า สินสมุทรถามถึงความเป็นมาแต่หนหลัง พระอภัยก็เล่าความให้ฟังแล้วจึงตรัสถามความทางฝ่ายสินสมุทร สินสมุทรก็ทูลความให้ฟังทั้งหมด
พระอภัยรู้ว่าพระอนุชามากับสินสมุทรด้วยก็ชื่นชมยินดียิ่งนัก จึงตรัสบอกอุศเรนว่าสินสมุทรเป็นบุตรของตน เมื่อเรือแตกได้แบกพระธิดามากลางน้ำ จนได้มากับเรือกำปั่น นับว่าเป็นเดชะบุญที่ไม่ต้องชิงนาง แล้วจึงเชิญอุศเรนไปยังเรือกำปั่นของลูก จะได้พบพระธิดา แล้วสอนให้สินสมุทรไปกราบอุศเรน
ฝ่ายอุศเรนรู้เรื่องแล้วก็มีความยินดียิ่งนัก เรียกสินสมุทรมานั่งเคียงข้าง บอกว่าจะไม่ลืมบุญคุณของสินสมุทรไปจนวันตาย
จากนั้นก็เอาเครื่องทรงอย่างกษัตริย์มาให้สินสมุทร แต่สินสมุทรบอกว่าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ตนรักแต่แม่สุวรรณมาลี พระอภัยจึงกลบเกลื่อนว่าอย่าถือความ แล้วเชิญไปหาพระธิดา
อุศเรนได้ฟังคำพระอภัยจึงค่อยคลาย แล้วสั่งไพร่พลเตรียมเดินทางไปพบพระธิดา
สั่งล้าต้าต้นหนคนทั้งปวง ตามพระทรวงซ้ายขวาสิบห้าลำ
ทั้งลำทรงธงทองเป็นสองแถว เลิศแล้วลายหลังคาเลขาขำ
หัศเกนเจนปืนยืนประจำ เข้าเคียงลำกำปั่นใหญ่ดังใจจง
อุศเรนรื่นเริงบันเทิงจิต เข้าสถิตเตียงทองที่ห้องสรง
ไขสุหร่ายปรายละอองมาต้ององค์ แล้วสอดทรงสนับเพลาเนาวรัตน์
ฉลององค์ทรงสวมกรวมสลับ ดุมประดับแต่ล้วนเพชรเจ็ดกะรัต
ปั้นเหน่งเนื่องเฟื่องกระหนกกระหนาบรัด แล้วทรงทัดพระมหามาลาระบาย
แซมดอกไม้ไหวสว่างหางการเวก เป็นอย่างเอกอวดผู้หญิงหยิ่งใจหาย
ธำมรงค์ทรงหัตถ์จำรัสพราย พระกรซ้ายเกี่ยวผ้าเช็ดหน้ากรอง
สอดเสน่าเหน็บตรีกระบี่ถือ สนับมือสอดใส่ไว้ทั้งสอง
ส่านจุหรี่สีกุหร่าดั่นหน้าทอง สอดฉลองพระบาทเพชรเสด็จมา
เมื่อมาถึงเรือ ศรีสุวรรณมาต้อนรับทำความเคารพพระอภัย ส่วนนางสุวรรณมาลีหนีเข้าห้อง ทั้งสององค์ได้ไต่ถามความหลังกัน
อุศเรนถามถึงนางสุวรรณมาลี สินสมุทรได้ฟังก็ขัดเคืองบอกว่าแม่ของตนจะไม่ยอมให้แก่ใคร พระอภัยจึงตรัสปลอบว่า อุศเรนช่วยให้พระองค์ได้โดยสารเรือมา และเป็นผู้ที่ผูกรักอยู่กับนางสุวรรณมาลีมาแต่เดิม
สินสมุทรได้ฟังก็มีความแค้นแน่นใจ สุดคิดที่จะขัดขวางจึงเข้าไปหาพระธิดาแล้วร้องไห้ พระธิดาถามสินสมุทรว่าทางอุศเรนพูดว่าอะไร และกลับไปหรือยัง สินสมุทรจึงถามพระธิดาว่ารักหรือชังอุศเรน แล้วบอกว่าตอนนี้เขาจะรับไปอภิเษก จะทิ้งตนไปหรืออย่างไร นางจึงตอบว่าถึงเขาสู่ขอแต่ก็ไม่เคยคุ้น แล้วย้อนถามสินสมุทรว่า ตอนนี้จะยอมให้แม่ไปหรือ คงจะกลัวฝีมือเขาจึงเอาแต่ร้องไห้
สินสมุทรตอบว่าพระแม่ไม่เข้าใจตน ถึงจะมีศึกมากน้อยอย่างไรก็ไม่ถอย แต่แค้นใจพระบิดาที่รักอุศเรน จะให้พระแม่คืนไป ตนถึงถามใจพระแม่จะรักอุศเรน ตนก็จะไม่ขัดขืน
นางสุวรรณมาลีได้ฟังก็แค้นคำพระอภัยที่มาทำเช่นนี้ทำให้อับอาย แล้วจึงบอกแก่สินสมุทรว่าเรื่องมาถึงเช่นนี้แล้วก็ขอตาย เสียดีกว่าอยู่ให้อัประมาณ แล้วนางก็ถอดธำมรงค์ของพระอภัยให้สินสมุทร บอกให้เอากลับไปให้พระบิดา ตนจะขอลาตายแล้วชักกริชจะฆ่าตัวตาย สินสมุทรจึงเข้าแย่งยุดไว้แล้วเอากริชขว้างทิ้งไป บอกว่าแม้นว่าแค้นพระบิดา ลูกก็ยังมี จะไม่อาลัยเลยหรืออย่างไรนางสุวรรณมาลีจึงตอบว่า
ค นางกอดบุตรสุดขืนสะอื้นไห้ เหลืออาลัยแล้วพ่อคุณของแม่เอ๋ย
เหมือนหญิงร้ายชายชังไม่หวังเชย จะแหงนเงยดูมนุษย์ก็สุดอาย
ถึงม้วยแล้วแก้วตาอย่าปรารภ จะขอพบสุดสวาทเหมือนมาดหมาย
ขอให้พ่อก่อเกิดกับร่างกาย ได้กินสายกษิรามารดาเดียว
เจ้ารักแม่แม่ก็รู้อยู่ว่ารัก มิใช่จักลืมคุณทำฉุนเฉียว
แต่เหลืออายหลายสิ่งจริงจริงเจียว เป็นหญิงเดียวชายสองต้องหมองมัว
เมื่อแรกเราเล่าบอกเขาออกอื้อ อ้างเอาชื่อพระบิดาว่าเป็นผัว
ครั้นคู่เก่าเขามารับก็กลับกลัว แกล้งออกตัวให้มาถามว่าตามใจ
จึงเจ็บจิตคิดแค้นแม้นจะอยู่ ก็อดสูเสียสัตย์ต้องตัดษัย
กันแสงพรางทางสะอื้นขืนอาลัย พระชลนัยน์ไหลซาบอาบพักตรา ฯ
สินสมุทสงสารแม่ยิ่งนัก แล้วกล่าวแก้แทนพระบิดาว่า ความจริงพระบิดาไม่รู้ว่าเรามาอ้างไว้อย่างนั้น จึงให้ถามไปตามซื่อ เมื่ออุศเรนไปแล้ว ตนจะต่อว่าพระบิดาให้ แล้วคืนแหวนให้นางสุวรรณมาลี ถ้ายังไม่รับและกลับกลายเป็นตน ก็จะทวงคืนสายสังวาลของนางสุวรรณมาลีคืน ขออยู่ตามประสาแม่ลูก แล้วเรียกให้นางอรุณรัศมีคอยอยู่เป็นเพื่อนป้าสะใภ้
สินสมุทรกลับออกมานั่งบัลลังก์นอก แล้วแกล้งบอกว่าแม่สุวรรณมาลีไม่อยากออกมา อุศเรนจึงกล่าวว่า เรื่องนี้บิดาเจ้าก็รู้อยู่เต็มจิต ว่าเราได้สู่ขอนางและผู้ใหญ่ก็ยกให้แล้ว นางสุวรรณมาลีจึงเป็นของเรา เราได้รับพระอภัยมาให้แก่สินสมุทรแล้ว จึงชอบที่สินสมุทรจะคืนนางมาให้ตน จึงจะต้องทำนองใน สินสมุทรได้ฟังจึงตอบว่า
ค สินสมุทพูดจาประสาเด็ก ถึงเราเล็กก็ไม่ส่งอย่าสงสัย
รับบิดามาก็ช่างใครประไร หรือข้าใช้สอยเจ้าให้เอามา
เราติดตามปิตุรงค์ก็คงพบ ไม่รักคบคนนอกพระศาสนา
เจ้าเลิกทัพกลับหลังไปลังกา จะได้หาเมียงามเอาตามใจ
ที่ตรงนี้มิได้คืนอย่าขืนแค่น ถึงจะแสนโศกาน้ำตาไหล
ก็ตายเปล่าเราไม่ยักให้ใครไป อย่ากวนใจจู้จี้ข้าขี้คร้าน ฯ
อุศเรนได้ฟังก็มีความโกรธยิ่งนัก แต่แกล้งกลั้นความโกรธไว้ แล้วตรัสกับพระอภัยว่า ตนกับพระอภัยได้ให้สัตย์ต่อกันจึงขอกัน ในฉันที่คุ้นเคยและรักพระอภัยเหมือนเชษฐาว่า พระอภัยก็รู้อยู่แก่ใจ จะเมตตาประการใด ขอให้แสดงออกมาด้วย
พระอภัยได้ฟังก็อ้ำอึ่งตะลึงคิด จะคิดบิดเบือนก็ไม่เห็นทาง สงสารลูกเจ้าลังกา จึงกล่าวว่า ตนเหมือนช้างงางอก ไม่หลอกลวง แม้เลือดเนื้อของตนก็ยอมให้ได้ แต่ลูกเขาไม่ยอมเนื่องจากเขารักใคร่อาลัยกัน แล้วกล่าวกับลูกถึงบุญคุณของอุศเรน ซึ่งจะต้องรู้บุญคุณของเขา
อันรักษาศีลสัตย์กัตเวที ย่อมเป็นที่สรรเสริญเจริญคน
ทรลักษณ์อกตัญญุตาเขา เทพเจ้าก็จะแช่งทุกแห่งหน
ให้ทุกข์ร้อนวอนหวอทรพล พระเวทมนตร์เสื่อมคลายทำลายยศ
เพราะบิดามาด้วยอุศเรนนี้ คุณเขามีมากล้นพ้นกำหนด
เจ้าทำผิดก็เหมือนพ่อทรยศ จงออมอดเอ็นดูพ่อแต่พองาม ฯ
จากนั้น ศรีสุวรรณก็ช่วยพูดจาอธิบายความ หาเหตุผลมาประกอบให้ชอบกล อุศเรนก็โต้ตอบกลับไปด้วยความเจนจัด แล้ววอนขอพระอภัยให้ช่วยขอด้วยว่าเป็นพ่อลูกกัน และอยากถามใจพระอภัยว่าถ้าตนกับสินสมุทรรบกัน พระอภัยจะช่วยใคร พระอภัยตอบว่า บุญคุณของอุศเรนนั้นมีมากยิ่งนัก แต่ก็สุดจะคิดเพราะลูกของตนเขาไม่กลัวใคร ถ้าแม้นต้องรบกัน ก็จะไม่ช่วยฝ่ายใด จะอยู่กับน้อง ถ้าลูกจะฆ่าน้องก็จะช่วยป้องกัน แต่ถ้าอุศเรนจะฆ่าลูกก็ไม่ว่าไร แต่ขอห้ามด้วยความอาลัยว่า การชิงชัยกับสินสมุทรนั้น ก็ให้ยับยั้งไว้ก่อน เพราะสินสมุทรนั้นเก่งกาจสารพัด และมีวิชาขลัง
อุศเรนผู้เจนศึกไม่นึกกลัว แกล้งพูดจากเสียดแทงว่า ถ้าตนรบพุ่งได้ชัยชนะก็จะได้นางไป แล้วกลับมาเตรียมกองทัพเตรียมออกรบ
ฉวยรบพุ่งยุ่งยิ่งชิงไปได้ ก็อาลัยอยู่ด้วยนางจะห่างเห
สนิทแนบแยบคายช่างถ่ายเท เขียนจรเข้ขึ้นไว้หลอกตะคอกคน
เราก็ชายหมาดมาดว่าชาติเชื้อ ถึงปะเสือก็จะสู้ดูสักหน
ไม่รักวอนงอนง้อทรชน แล้วพาพลกลับมาเภตราพลัน
ถึงกองทัพยับยั้งนั่งเก้าอี้ สั่งให้ตีกลองสัญญาโกลาลั่น
ร้องเรียกเรือฝรั่งมาทั้งนั้น แล้วแบ่งปันเป็นแพนกแยกนาวา
กองละร้อยคอยรบสมทบทัพ เกณฑ์กำกับเกียกกายทั้งซ้ายขวา
ให้คอยล้อมพร้อมพรั่งดังสัญญา เห็นลมกล้าได้ที่ตีประดัง
ให้พวกเรือเหนือลมนั้นสมทบ เข้ารุกรบลำใหญ่เหมือนใจหวัง
แม้นขึ้นได้จุดไฟอย่าหยุดยั้ง แล้วกองหลังหนุนด้วยช่วยให้ทัน
ทั้งโยธากล้าหาญคอยราญรอน ใส่เสื้อซ้อนเกราะกระสันกันสาตรา
ทหารปืนยืนมองตามช่องกราบ ศรกำซาบแทรกรายทั้งซ้ายขวา
พร้อมทหารขานโห่เป็นโกลา ธงสัญญาโบกบอกให้ออกเรือ
กองละร้อยคอยรบไม่หลบหลีก ชักเป็นปีกกาไปทั้งใต้เหนือ
บ้างถือชุดจุดไฟไว้เป็นเชื้อ เข้าล้อมเรือลำใหญ่ระไวระวัง ฯ