จะกล่าวกลับจับความไปตามเรื่อง
ถึงบาทเบื้องปรเมศพระเชษฐา
องค์อภัยมณีศรีโสภา
ตกยากอยู่คูหามาช้านาน
กับด้วยนางอสุรีนีรมิต
เป็นคู่ชิดเชยชมสมสมาน
ต้องรักใคร่ไปตามยามกันดาร
จนนางมารมีบุตรบุรุษชาย
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนองค์พระทรงเดช
แต่ดวงเนตรแดงดูดังสุริย์ฉาย
ทรงกำลังดังพระยาคชาพลาย
มีเขี้ยวคล้ายชนนีมีศักดา
พระบิตุรงค์ทรงศักดิ์ก็รักใคร่
ด้วยเนื้อไขมิได้คิดริษยา
เฝ้าเลี้ยงลูกผูกเปลแล้วเห่ช้า
จนใหญ่กล้าอายุได้แปดปี
จึงให้นามตามอย่างข้างมนุษย์
ชื่อสินสมุทรกุมารชาญชัยศรี
ธำมรงค์ทรงมาค่าบุรี
พระภูมีถอดผูกให้ลูกยา
เจียระบาดคาดองค์ก็ทรงเปลื้อง
ให้เป็นเครื่องนุ่งห่มโอรสา
สอนให้เจ้าเป่าปี่มีวิชา
เพลงสาตราสารพัดหัดชำนาญ
วันหนึ่งนางอสุรีผีเสื้อน้ำ
ออกจากถ้ำเที่ยวหาภักษาหาร
จับกระโห้โลมากุมภาพาล
กินสำราญรื่นเริงบันเทิงใจ ฯ
๏ ฝ่ายกุมารสินสมุทรสุดสวาท
ไม่ห่างบาทบิดาอัชฌาสัย
ความรักพ่อยิ่งกว่าแม่มาแต่ไร
ด้วยมิได้ขู่เข็ญเช่นมารดา
เห็นทรงธรรม์บรรทมสนิทนิ่ง
หนีไปวิ่งเล่นอยู่ในคูหา
โลดลำพองลองเชิงละเลิงมา
เห็นแผ่นผาพิงผนิดปิดหนทาง
หนักหรือเบาเยาว์อยู่ไม่รู้จัก
เข้าลองผลักด้วยกำลังก็พังผาง
เห็นหาดทรายพรายงามเป็นเงินราง
ทะเลกว้างข้างขวาล้วนป่าดง
ไม่เคยเห็นเป็นน่าสนุกสนาน
พระกุมารเพลินจิตพิศวง
ออกวิ่งเต้นเล่นทรายสบายองค์
แล้วโดดลงเล่นมหาชลาลัย
ด้วยหน่อนาถชาติเชื้อผีเสื้อสมุทร
ดำไม่ผุดเลยทั้งวันก็กลั้นได้
ยิ่งถูกน้ำกำลังยิ่งเกรียงไกร
เที่ยวเลี้ยวไล่ขี่ปลาในสาชล
ระลอกซัดพลัดเข้าในปากฉลาม
ลอดออกตามซีกเหงือก
สลน
เห็นฝูงเงือกเกลือกกลิ้งมากลางชล
คิดว่าคนมีหางเหมือนอย่างปลา
ครั้นถามไถ่ไม่พูดก็โผนจับ
ดูกลอกกลับกลางน้ำปล้ำมัจฉา
ครั้นจับได้ให้ระแวงแคลงวิญญาณ์
เช่นนี้ปลาหรืออะไรจะใคร่รู้
ฉุดกระชากลากหางขึ้นกลางหาด
แลประหลาดลักษณามีตาหู
จะเอาไปให้พระบิดาดู
แล้วลากลู่เข้าในถ้ำด้วยกำลัง
ถึงหุบห้องร้องบอกบิตุเรศ
พระลืมเนตรเหลียวหาทั้งหน้าหลัง
เห็นลูกลากเงือกน้ำแต่ลำพัง
จากบัลลังก์มาห้ามแล้วถามไป
เมื่อกี้เห็นเล่นอยู่ในคูหา
เงือกนี้เจ้าเอามาแต่ข้างไหน
พระลูกเล่าตามจริงทุกสิ่งไป
พระตกใจจึงว่าด้วยปรานี
แม้นแม่เจ้าเขารู้ว่าแรงนัก
กลัวจะลักลอบพาบิดาหนี
จะโกรธเกรี้ยวเคี้ยวเล่นเป็นธุลี
ไม่พอที่ชีวันจะบรรลัย ฯ
๏ สินสมุทรกุมารชาญฉลาด
ฟังพระบาทบิตุรงค์ให้สงสัย
จึงทูลถามความจริงด้วยกริ่งใจ
เหตุไฉนจึงจะเป็นไปเช่นนั้น ฯ
๏ พระฟังคำน้ำเนตรลงพรากพราก
คิดถึงยากยามวิโยคยิ่งโศกศัลย์
แถลงเล่าลูกยาสารพัน
จนพากันมาบรรทมที่ร่มไทร
แม่ของเจ้าเขาเป็นเชื้อผีเสื้อสมุทร
ขึ้นไปฉุดฉวยบิดาลงมาได้
จึงกำเนิดเกิดกายสายสุดใจ
จนเจ้าได้แปดปีเข้านี่แล้ว
ไปเปิดประตูคูหาถ้าเขาเห็น
ตายหรือเป็นว่าไม่ถูกเลยลูกแก้ว
แม้นสินสมุทรสุดสวาทพ่อคลาดแคล้ว
ไม่รอดแล้วบิตุรงค์ก็คงตาย ฯ
๏ พระโอรสรู้แจ้งไม่แคลงจิต
รำคาญคิดเสียใจมิใคร่หาย
ด้วยแม่กลับอัปลักษณ์เป็นยักษ์ร้าย
ก็ฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ
๏ ฝ่ายเงือกน้ำนอนกลิ้งนิ่งสดับ
กิตติศัพท์สองแจ้งแถลงไข
รู้ภาษามนุษย์แน่ในใจ
จะกราบไหว้วอนว่าให้ปรานี
ค่อนเขยื้อนเลื่อนลุกขึ้นทั้งเจ็บ
ยังมึนเหน็บน้อมประณตบทศรี
พระผ่านเกล้าเจ้าฟ้าในธาตรี
ข้าขอชีวิตไว้อย่าให้ตาย
พระราชบุตรฉุดลากลำบากเหลือ
ดังหนังเนื้อนี้จะแยกแตกสลาย
ทั้งลูกเต้าเผ่าพงศ์ก็พลัดพราย
ยังแต่กายเกือบจะดิ้นสิ้นชีวัน
พระองค์เล่าเขาก็พาเอามาไว้
เศร้าพระทัยทุกข์ตรอมเหมือนหม่อมฉัน
ขอพระองค์จงโปรดแก้โทษทัณฑ์
ช่วยผ่อนผันให้ตลอดรอดชีวา
ซึ่งปากถ้ำทำลายลงเสียหมด
ให้โอรสยกตั้งบังคูหา
ข้าเห็นอย่างนางมารจะนานมา
จะอาสาเกลี่ยทรายเสียให้ดี
หนึ่งพวกพ้องของข้าคณาญาติ
ขอรองบาทบงกชบทศรี
แม้นประสงค์สิ่งไรในนที
ที่สิ่งมีจะเอามาสารพัน ฯ
๏ พระฟังเงือกพูดได้ให้สงสาร
จึงว่าท่านคิดนี้ดีขยัน
รู้เจรจาสารพัดน่าอัศจรรย์
อยู่พูดกันอีกสักหน่อยจึงค่อยไป
เราตรองตรึกนึกจะหนีนางผีเสื้อ
แต่ใต้เหนือไม่รู้แห่งตำแหน่งไหน
ท่านเจนทางกลางทะเลคะเนใจ
ทำกระไรจึงจะพ้นทรมาน ฯ
๏ ฝ่ายเงือกน้ำคำนับอภิวาท
ข้าพระบาททราบสิ้นทุกถิ่นฐาน
อันน้ำนี้มีนามตามบุราณ
อโนมานเคียงกันสีทันดร
เป็นเขตแคว้นแดนที่นางผีเสื้อ
ข้างฝ่ายเหนือถึงมหิงษะสิงขร
ข้างทิศใต้ไปจนเกาะแก้วมังกร
หนทางจรเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา
ไปกลางย่านบ้านเรือนหามีไม่
สมุทรไทซึ้งซึกลึกหนักหนา
แต่สำเภาชาวเกาะเมืองลังกา
เขาแล่นมามีบ้างอยู่ลางปี
ถ้าเสียเรือเหลือคนแล้วนางเงือก
ขึ้นมาเลือกเอาไปชมประสมศรี
เหมือนพวกพ้องของข้ารู้พาที
ด้วยเดิมทีปู่ย่าเป็นมนุษย์
อายุข้าห้าร้อยแปดสิบเศษ
จึงแจ้งเหตุแถวทางกลางสมุทร
แม้นจะหนีผีเสื้อด้วยแรงรุทร
เห็นไม่สุดสิ้นแดนด้วยแสนไกล
แต่โยคีมีมนต์อยู่ตนหนึ่ง
อายุถึงพันเศษถือเพทไสย
อยู่เกาะแก้วพิสดารสำราญใจ
กินลูกไม้เผือกมันพรรณผลา
พวกเรือแตกแขกฝรั่งแลอังกฤษ
ขึ้นเป็นศิษย์อยู่สำนักนั้นหนักหนา
ด้วยโยคีมีมนต์ดลวิชา
ปราบบรรดาภูตพรายไม่กรายไป
แม้นพระองค์ทรงฤทธิ์จะคิดหนี
ถึงโยคีเข้าสำนักไม่ตักษัย
เผื่อสำเภาเขาซัดพลัดเข้าไป
ก็จะได้โดยสารไปบ้านเมือง
แต่ทางไกลไม่น้อยถึงร้อยโยชน์
ล้วนเขาโขดคีรีรัตน์ขนัดเนื่อง
กลางคงคาสารพัดจะขัดเคือง
จงทราบเบื้องบงกชบทมาลย์
แม้นกำลังดังข้าจะพาหนี
เจ็ดราตรีเจียวจึงจะถึงสถาน
อสุรีมีกำลังดังปลาวาฬ
ตามประมาณสามวันจะทันตัว
ถ้าแก้ไขให้นางไปค้างป่า
ได้ล่วงหน้าไปเสียบ้างจะยังชั่ว
จะอาสาพาไปมิได้กลัว
ชีวิตตัวบรรลัยไม่เสียดาย
แต่พระองค์ทรงคิดให้รอบคอบ
ถ้าเห็นชอบท่วงทีจะหนีหาย
จึงโปรดใช้ให้องค์พระลูกชาย
ไปหาดทรายหาข้าจะมาฟัง ฯ
๏ พระแจ้งความตามคำเงือกน้ำเล่า
ค่อยบรรเทาทุกข์สมอารมณ์หวัง
จึงว่าพี่มีคุณน้องสักครั้ง
ให้ได้ดังถ้อยคำที่รำพัน
ซึ่งลูกรักหักหาญให้ท่านโกรธ
จงงดโทษทำคุณอย่างหุนหัน
ช่วยไปปิดปากถ้ำที่สำคัญ
จวนสายัณห์ยักษ์มาจะว่าเรา
จึงบัญชาว่าเจ้าสินสมุทร
ไปช่วยฉุดศิลาใหญ่ขึ้นให้เขา
ขอสมาตาปู่อย่าดูเบา
ช่วยอุ้มเอาแกออกไปให้สบาย
กับลูกน้อยค่อยพยุงจูงเงือกน้ำ
มาปากถ้ำแลเห็นวนชลสาย
หวนรำลึกตรึกตรองถึงน้องชาย
พระฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย
แล้วให้ลูกเลิกศิลาเข้ามาปิด
เห็นมิดชิดมั่นคงไม่สงสัย
พระกลับมาตาเงือก
ลงไป
ลงที่ในวังวนชลธาร ฯ
๏ ฝ่ายผีเสื้อเมื่อขึ้นจากฝั่งน้ำ
จะมาถ้ำเที่ยวหาพฤกษาหาร
เก็บลูกไม้ใส่ห่อเห็นพอการ
ทั้งเปรี้ยวหวานสารพัดแล้วลัดมา
เห็นหินปิดเปิดประตูคูหากว้าง
นิมิตอย่างนางมนุษย์เสนหา
วรพักตร์นารีศรีโสภา
ลีลามาเข้าในห้องเห็นสององค์
วางลูกไม้ในห่อให้ลูกผัว
ท้องของตัวเต็มท้องไม่ต้องประสงค์
พระทรงเลือกลูกมะซางปรางมะยง
ประทานองค์โอรสสู้อดออม
ครั้นพลบค่ำทำรักนางยักษ์ร้าย
ประคองกายกอดแอบแนบถนอม
ชื่นแต่หน้าอารมณ์นั้นกรมกรอม
แต่คิดอ่านหว่านล้อมจะล่อลวง
ไม่เห็นช่องตรองตรึกนึกวิตก
ทุกข์ในอกนั้นสักเท่าภูเขาหลวง
พระกอดลูกน้อยประทับไว้กับทรวง
ให้เหงาง่วงงีบหลับระงับไป ฯ
๏ ฝ่ายผีเสื้อเมื่อจะจากพรากลูกผัว
แต่พลิกตัวกลิ้งกลับไม่หลับใหล
ให้หมกมุ่นขุ่นคล้ำในน้ำใจ
จนเสียงไก่แก้วขันสนั่นเนิน
พอม่อยหลับกลับจิตนิมิตฝัน
ว่าเทวัญอยู่ที่เกาะนั้นเหาะเหิน
มาสังหารผลาญถ้ำเยิน
แกว่งพะเนินทุบนางแทบวางวาย
แล้วอารักษ์ควักล้วงเอาดวงเนตร
สำแดงเดชเหาะกลับไปลับหาย
ทั้งกายสั่นพรั่นตัวด้วยกลัวตาย
พอฟื้นกายก็พอแจ้งแสงตะวัน
จึงก้มกราบบาทบงสุ์พระทรงศักดิ์
แล้วนางยักษ์เล่าตามเนื้อความฝัน
ไม่เคยเห็นเป็นวิบัติอัศจรรย์
เชิญทรงธรรม์ช่วยทำนายร้ายหรือดี ฯ
๏ พระฟังนางพลางนึกคะนึงหมาย
ซึ่งฝันร้ายก็เพราะจิตเราคิดหนี
เห็นจะไปได้ตลอดรอดชีวี
แต่นางผีเสื้อนั้นจะอันตราย
พอได้ช่องลองลวงดูตามเล่ห์
สมคะเนจะได้ไปดังใจหมาย
จึงกล่าวแกล้งแสร้งเสเพทุบาย
เจ้าฝันร้ายนักน้องต้องตำรา
อันเทวัญนั้นคือมัจจุราช
จะหมายมาดเอาชีวิตริษยา
แล้วเสแสร้งแกล้งทำบีบน้ำตา
อนิจจาใจหายเจียวสายใจ
แม้สิ้นสูญบุญนางในปางนี้
ไม่มีที่พึ่งพาจะอาศัย
จะกอดศพซบหน้าโศกาลัย
ระกำใจกว่าจะม้วยไปด้วยกัน
นึกจะใคร่สะเดาะพระเคราะห์เจ้า
พอบรรเทาโทษาที่อาสัญ
เหมือนงอนง้อขอชีวิตแก่เทวัญ
กลัวแต่ขวัญเนตรพี่จะมิทำ ฯ
๏ นางผีเสื้อเชื่อถือรื้อประณต
พระทรงยศจงช่วยชุบอุปถัมภ์
ตามตำราสารพัดไม่ขัดคำ
ช่วยแนะนำอนุกูลอย่าสูญใจ ฯ
๏ พระฟังคำสำราญสำเร็จคิด
จึงว่าผิดสายสมรหาสอนไม่
ตำรานั้นแต่ครั้งตั้งเมรุไกร
ว่าถ้าใครฝันร้ายจะวายปราณ
ให้ไปอยู่ผู้เดียวที่ตีนเขา
แล้วอดข้าวอดปลากระยาหาร
ถ้วนสามคืนสามวันจะบันดาล
ให้สำราญรอดตายสบายใจ ฯ
๏ ฝ่ายว่านางผีเสื้อก็เชื่อถือ
คิดว่าซื่อสุจริตพิสมัย
จึงตอบว่าถ้ากระนั้นฉันจะไป
อยู่เขาใหญ่ในป่าพนาวัน
พระโฉมยงจงอยู่ในคูหา
เลี้ยงรักษาลูกน้อยคอยหม่อมฉัน
จะอดใจให้เหมือนคำที่รำพัน
ถ้วนสามวันก็จะมาอย่าอาวรณ์
แล้ววันทาลาองค์พระทรงโฉม
ปลอบประโลมลูกแก้วแล้วสั่งสอน
อย่าแข็งนักรักตัวกลัวบิดร
แม้นไม่นอนมารดาจะมาตี ฯ
๏ สินสมุทรสุดแสนสงสารแม่
ด้วยรู้แน่ว่าบิดาจะพาหนี
ให้ห่วงหลังกังวลด้วยชนนี
เจ้าโศกีกราบก้มบังคมคัล
บิดาดูรู้แจ้งจึงแกล้งห้าม
จะวอนตามเขาไปไยในไพรสัณฑ์
อยู่เป่าปี่ตีเกราะเสนาะครัน
แล้วรับขวัญลูกน้อยกลอยฤทัย ฯ
๏ นางผีเสื้อเมื่อแรกก็แปลกจิต
ครั้นทรงฤทธิ์ปลอบลูกชายหายสงสัย
จึงรีบออกนอกคูหาแล้วคลาไคล
ไปเขาใหญ่ในป่าพนาวัน ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม
ปลอบประโลมลูกชายจะผายผัน
จึงหยิบปี่ที่เป่าเมื่อคราวนั้น
เอาผ้าพันผูกดีแล้วลีลา
ให้ลูกรักผลักแผ่นศิลาล้ม
สมอารมณ์รีบออกนอกคูหา
เลียบลีลาศหาดทรายชายคงคา
แลชลาล้วนคลื่นเสียงครื้นโครม ฯ
๏ ฝ่ายเงือกน้ำสำหรับทะเลลึก
ไม่วายนึกถึงองค์พระทรงโฉม
พอแจ่มแจ้งแสงทองผ่องโพยม
ปลอบประโลมลูกเมียเข้าเคลียคลอ
จะไปลอยคอยองค์ทรงสวัสดิ์
ให้สมนัดซึ่งสัญญาเธอมาหนอ
แล้วออกจากวนวังไม่รั้งรอ
ค่อยเคลื่อนคลายว่ายคลอกันไคลคลา
พอเห็นองค์ทรงยศโอรสราช
อยู่ชายหาดพร้อมกันก็หรรษา
จึงชวนลูกสาวนั้นกับภรรยา
คลานขึ้นมาชายฝั่งแล้วบังคม ฯ
๏ พงศ์กษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย
ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม
ประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำล้วนคำคม
ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง
ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด
ดังสุรางค์นางนาฏในวังหลวง
พระเพลินพิศคิดหมายเสียดายดวง
แล้วหนักหน่วงนึกที่จะหนีไป
จึงตรัสว่าตาเงือกมาคอยรับ
ช่างสมกับวาจาจะหาไหน
เราล่อลวงนางผีเสื้อก็เชื่อใจ
เดี๋ยวนี้ไปแรมทางกลางอรัญ
ช่วยเมตตาพาตรงไปส่งที่
พระโยคีมีเวทวิเศษขยัน
กลางคงคาปลาร้ายก็หลายพรรณ
จะป้องกันภัยพาลประการใด ฯ
๏ เงือกผู้เฒ่าเคารพอภิวาท
ขอรองบาทบริรักษ์จนตักษัย
เสด็จขึ้นทรงบ่าจะพาไป
พระหน่อไทให้ขี่ภริยา
อันอำนาจชาติเชื้อผีเสื้อน้ำ
ปลาไม่กล้ำกรายกลัวทั่วทิศา
ด้วยกลิ่นอายคล้ายท่านผู้มารดา
เมื่อจับข้าข้าจึงอ่อนหย่อนกำลัง
สัตว์ในน้ำจำแพ้แก่ผีเสื้อ
เปรียบเหมือนเนื้อเห็นพยัคฆ์ให้ชักหลัง
อย่าเกรงภัยในชลที่วนวัง
ขึ้นนั่งยังบ่าข้าจะพาไป ฯ
๏ พงศ์กษัตริย์ตรัสชวนสินสมุทร
สอนให้บุตรขอสมาอัชฌาสัย
พระทรงบ่าเงือกน้ำงามวิไล
พระหน่อไทยขอสมาขึ้นบ่านาง
เงือกประคองสององค์ลงจากฝั่ง
มีกำลังลีลาศค่อยวาดหาง
ค่อยฟูฟ่องล่องน้ำไปท่ามกลาง
ลูกสาวนางเงือกงามตามลีลา ฯ
๏ พระโฉมยงองค์อภัยมณีนาถ
เพลินประพาสพิศดูหมู่มัจฉา
เหล่าฉลามล้วนฉลามตามกันมา
ค่อยเคลื่อนคลาคล้ายคล้ายในสายชล
ฉนากอยู่คู่ฉนากไม่จากคู่
ขึ้นฟ่องฟูพ่นฟองละอองฝน
ฝูงพิมพาพาฝูงเข้าแฝงวน
บ้างผุดพ่นฟองน้ำบ้างดำจร
กระโห้เรียงเคียงกระโห้ขึ้นโบกหาง
ลอยสล้างกลางกระแสแลสลอน
มังกรเกี่ยวเลี้ยวลอดกอดมังกร
ประชุมซ่อนแฝงชลขึ้นวนเวียน
ฝูงม้าน้ำทำท่าเหมือนม้าเผ่น
ขึ้นลอยเล่นเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
ตะเพียนทองล่องน้ำนำตะเพียน
ดาษเดียรดูเพลินจนเกินมา
เห็นละเมาะเกาะเขาเขียวชอุ่ม
โขดตะคุ่มเคียงเคียงเรียงรุกขา
จะเหลียวซ้ายสายสมุทรสุดสายตา
จะแลขวาควันคลุ้มกลุ้มโพยม
จะเหลียวดูสุริย์แสงเข้าแฝงเมฆ
ให้วิเวกหวาดองค์พระทรงโฉม
ฟังสำเนียงเสียงคลื่นดังครื้นโครม
ยิ่งทุกข์โทมนัสในฤทัยทวี
พอเย็นย่ำค่ำพลบลงโพล้เพล้
ท้องทะเลมืดมัวทั่ววิถี
พระห้ามเงือกสองราด้วยปรานี
ประเดี๋ยวนี้ลมกล้าสลาตัน
เห็นละเมาะเกาะใหญ่ที่ไหนกว้าง
หยุดเสียบ้างให้สบายจึงผายผัน
เราหนีนางมาได้ก็ไกลครัน
ต่อกลางวันจึงค่อยไปให้สำราญ ฯ
๏ ตาเงือกน้ำซ้ำสอนพระทรงศักดิ์
ยังใกล้นักอย่าประมาททำอาจหาญ
นางรู้ความตามมาไม่ช้านาน
จะพบพานพากันตายวายชีวัน
อันตาข้าถ้าค่ำเห็นสว่าง
ช่วยถอดบทประพันธ์ เรื่อง พระอภัยมณี ตอนหนีนางผีเสื้อสมุทร ขอด่วนค่ะ ก่อนหนึ่งทุ่ม ขอด่วนค่ะ
ถึงบาทเบื้องปรเมศพระเชษฐา
องค์อภัยมณีศรีโสภา
ตกยากอยู่คูหามาช้านาน
กับด้วยนางอสุรีนีรมิต
เป็นคู่ชิดเชยชมสมสมาน
ต้องรักใคร่ไปตามยามกันดาร
จนนางมารมีบุตรบุรุษชาย
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนองค์พระทรงเดช
แต่ดวงเนตรแดงดูดังสุริย์ฉาย
ทรงกำลังดังพระยาคชาพลาย
มีเขี้ยวคล้ายชนนีมีศักดา
พระบิตุรงค์ทรงศักดิ์ก็รักใคร่
ด้วยเนื้อไขมิได้คิดริษยา
เฝ้าเลี้ยงลูกผูกเปลแล้วเห่ช้า
จนใหญ่กล้าอายุได้แปดปี
จึงให้นามตามอย่างข้างมนุษย์
ชื่อสินสมุทรกุมารชาญชัยศรี
ธำมรงค์ทรงมาค่าบุรี
พระภูมีถอดผูกให้ลูกยา
เจียระบาดคาดองค์ก็ทรงเปลื้อง
ให้เป็นเครื่องนุ่งห่มโอรสา
สอนให้เจ้าเป่าปี่มีวิชา
เพลงสาตราสารพัดหัดชำนาญ
วันหนึ่งนางอสุรีผีเสื้อน้ำ
ออกจากถ้ำเที่ยวหาภักษาหาร
จับกระโห้โลมากุมภาพาล
กินสำราญรื่นเริงบันเทิงใจ ฯ
๏ ฝ่ายกุมารสินสมุทรสุดสวาท
ไม่ห่างบาทบิดาอัชฌาสัย
ความรักพ่อยิ่งกว่าแม่มาแต่ไร
ด้วยมิได้ขู่เข็ญเช่นมารดา
เห็นทรงธรรม์บรรทมสนิทนิ่ง
หนีไปวิ่งเล่นอยู่ในคูหา
โลดลำพองลองเชิงละเลิงมา
เห็นแผ่นผาพิงผนิดปิดหนทาง
หนักหรือเบาเยาว์อยู่ไม่รู้จัก
เข้าลองผลักด้วยกำลังก็พังผาง
เห็นหาดทรายพรายงามเป็นเงินราง
ทะเลกว้างข้างขวาล้วนป่าดง
ไม่เคยเห็นเป็นน่าสนุกสนาน
พระกุมารเพลินจิตพิศวง
ออกวิ่งเต้นเล่นทรายสบายองค์
แล้วโดดลงเล่นมหาชลาลัย
ด้วยหน่อนาถชาติเชื้อผีเสื้อสมุทร
ดำไม่ผุดเลยทั้งวันก็กลั้นได้
ยิ่งถูกน้ำกำลังยิ่งเกรียงไกร
เที่ยวเลี้ยวไล่ขี่ปลาในสาชล
ระลอกซัดพลัดเข้าในปากฉลาม
ลอดออกตามซีกเหงือกสลน
เห็นฝูงเงือกเกลือกกลิ้งมากลางชล
คิดว่าคนมีหางเหมือนอย่างปลา
ครั้นถามไถ่ไม่พูดก็โผนจับ
ดูกลอกกลับกลางน้ำปล้ำมัจฉา
ครั้นจับได้ให้ระแวงแคลงวิญญาณ์
เช่นนี้ปลาหรืออะไรจะใคร่รู้
ฉุดกระชากลากหางขึ้นกลางหาด
แลประหลาดลักษณามีตาหู
จะเอาไปให้พระบิดาดู
แล้วลากลู่เข้าในถ้ำด้วยกำลัง
ถึงหุบห้องร้องบอกบิตุเรศ
พระลืมเนตรเหลียวหาทั้งหน้าหลัง
เห็นลูกลากเงือกน้ำแต่ลำพัง
จากบัลลังก์มาห้ามแล้วถามไป
เมื่อกี้เห็นเล่นอยู่ในคูหา
เงือกนี้เจ้าเอามาแต่ข้างไหน
พระลูกเล่าตามจริงทุกสิ่งไป
พระตกใจจึงว่าด้วยปรานี
แม้นแม่เจ้าเขารู้ว่าแรงนัก
กลัวจะลักลอบพาบิดาหนี
จะโกรธเกรี้ยวเคี้ยวเล่นเป็นธุลี
ไม่พอที่ชีวันจะบรรลัย ฯ
๏ สินสมุทรกุมารชาญฉลาด
ฟังพระบาทบิตุรงค์ให้สงสัย
จึงทูลถามความจริงด้วยกริ่งใจ
เหตุไฉนจึงจะเป็นไปเช่นนั้น ฯ
๏ พระฟังคำน้ำเนตรลงพรากพราก
คิดถึงยากยามวิโยคยิ่งโศกศัลย์
แถลงเล่าลูกยาสารพัน
จนพากันมาบรรทมที่ร่มไทร
แม่ของเจ้าเขาเป็นเชื้อผีเสื้อสมุทร
ขึ้นไปฉุดฉวยบิดาลงมาได้
จึงกำเนิดเกิดกายสายสุดใจ
จนเจ้าได้แปดปีเข้านี่แล้ว
ไปเปิดประตูคูหาถ้าเขาเห็น
ตายหรือเป็นว่าไม่ถูกเลยลูกแก้ว
แม้นสินสมุทรสุดสวาทพ่อคลาดแคล้ว
ไม่รอดแล้วบิตุรงค์ก็คงตาย ฯ
๏ พระโอรสรู้แจ้งไม่แคลงจิต
รำคาญคิดเสียใจมิใคร่หาย
ด้วยแม่กลับอัปลักษณ์เป็นยักษ์ร้าย
ก็ฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ
๏ ฝ่ายเงือกน้ำนอนกลิ้งนิ่งสดับ
กิตติศัพท์สองแจ้งแถลงไข
รู้ภาษามนุษย์แน่ในใจ
จะกราบไหว้วอนว่าให้ปรานี
ค่อนเขยื้อนเลื่อนลุกขึ้นทั้งเจ็บ
ยังมึนเหน็บน้อมประณตบทศรี
พระผ่านเกล้าเจ้าฟ้าในธาตรี
ข้าขอชีวิตไว้อย่าให้ตาย
พระราชบุตรฉุดลากลำบากเหลือ
ดังหนังเนื้อนี้จะแยกแตกสลาย
ทั้งลูกเต้าเผ่าพงศ์ก็พลัดพราย
ยังแต่กายเกือบจะดิ้นสิ้นชีวัน
พระองค์เล่าเขาก็พาเอามาไว้
เศร้าพระทัยทุกข์ตรอมเหมือนหม่อมฉัน
ขอพระองค์จงโปรดแก้โทษทัณฑ์
ช่วยผ่อนผันให้ตลอดรอดชีวา
ซึ่งปากถ้ำทำลายลงเสียหมด
ให้โอรสยกตั้งบังคูหา
ข้าเห็นอย่างนางมารจะนานมา
จะอาสาเกลี่ยทรายเสียให้ดี
หนึ่งพวกพ้องของข้าคณาญาติ
ขอรองบาทบงกชบทศรี
แม้นประสงค์สิ่งไรในนที
ที่สิ่งมีจะเอามาสารพัน ฯ
๏ พระฟังเงือกพูดได้ให้สงสาร
จึงว่าท่านคิดนี้ดีขยัน
รู้เจรจาสารพัดน่าอัศจรรย์
อยู่พูดกันอีกสักหน่อยจึงค่อยไป
เราตรองตรึกนึกจะหนีนางผีเสื้อ
แต่ใต้เหนือไม่รู้แห่งตำแหน่งไหน
ท่านเจนทางกลางทะเลคะเนใจ
ทำกระไรจึงจะพ้นทรมาน ฯ
๏ ฝ่ายเงือกน้ำคำนับอภิวาท
ข้าพระบาททราบสิ้นทุกถิ่นฐาน
อันน้ำนี้มีนามตามบุราณ
อโนมานเคียงกันสีทันดร
เป็นเขตแคว้นแดนที่นางผีเสื้อ
ข้างฝ่ายเหนือถึงมหิงษะสิงขร
ข้างทิศใต้ไปจนเกาะแก้วมังกร
หนทางจรเจ็ดเดือนไม่เคลื่อนคลา
ไปกลางย่านบ้านเรือนหามีไม่
สมุทรไทซึ้งซึกลึกหนักหนา
แต่สำเภาชาวเกาะเมืองลังกา
เขาแล่นมามีบ้างอยู่ลางปี
ถ้าเสียเรือเหลือคนแล้วนางเงือก
ขึ้นมาเลือกเอาไปชมประสมศรี
เหมือนพวกพ้องของข้ารู้พาที
ด้วยเดิมทีปู่ย่าเป็นมนุษย์
อายุข้าห้าร้อยแปดสิบเศษ
จึงแจ้งเหตุแถวทางกลางสมุทร
แม้นจะหนีผีเสื้อด้วยแรงรุทร
เห็นไม่สุดสิ้นแดนด้วยแสนไกล
แต่โยคีมีมนต์อยู่ตนหนึ่ง
อายุถึงพันเศษถือเพทไสย
อยู่เกาะแก้วพิสดารสำราญใจ
กินลูกไม้เผือกมันพรรณผลา
พวกเรือแตกแขกฝรั่งแลอังกฤษ
ขึ้นเป็นศิษย์อยู่สำนักนั้นหนักหนา
ด้วยโยคีมีมนต์ดลวิชา
ปราบบรรดาภูตพรายไม่กรายไป
แม้นพระองค์ทรงฤทธิ์จะคิดหนี
ถึงโยคีเข้าสำนักไม่ตักษัย
เผื่อสำเภาเขาซัดพลัดเข้าไป
ก็จะได้โดยสารไปบ้านเมือง
แต่ทางไกลไม่น้อยถึงร้อยโยชน์
ล้วนเขาโขดคีรีรัตน์ขนัดเนื่อง
กลางคงคาสารพัดจะขัดเคือง
จงทราบเบื้องบงกชบทมาลย์
แม้นกำลังดังข้าจะพาหนี
เจ็ดราตรีเจียวจึงจะถึงสถาน
อสุรีมีกำลังดังปลาวาฬ
ตามประมาณสามวันจะทันตัว
ถ้าแก้ไขให้นางไปค้างป่า
ได้ล่วงหน้าไปเสียบ้างจะยังชั่ว
จะอาสาพาไปมิได้กลัว
ชีวิตตัวบรรลัยไม่เสียดาย
แต่พระองค์ทรงคิดให้รอบคอบ
ถ้าเห็นชอบท่วงทีจะหนีหาย
จึงโปรดใช้ให้องค์พระลูกชาย
ไปหาดทรายหาข้าจะมาฟัง ฯ
๏ พระแจ้งความตามคำเงือกน้ำเล่า
ค่อยบรรเทาทุกข์สมอารมณ์หวัง
จึงว่าพี่มีคุณน้องสักครั้ง
ให้ได้ดังถ้อยคำที่รำพัน
ซึ่งลูกรักหักหาญให้ท่านโกรธ
จงงดโทษทำคุณอย่างหุนหัน
ช่วยไปปิดปากถ้ำที่สำคัญ
จวนสายัณห์ยักษ์มาจะว่าเรา
จึงบัญชาว่าเจ้าสินสมุทร
ไปช่วยฉุดศิลาใหญ่ขึ้นให้เขา
ขอสมาตาปู่อย่าดูเบา
ช่วยอุ้มเอาแกออกไปให้สบาย
กับลูกน้อยค่อยพยุงจูงเงือกน้ำ
มาปากถ้ำแลเห็นวนชลสาย
หวนรำลึกตรึกตรองถึงน้องชาย
พระฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย
แล้วให้ลูกเลิกศิลาเข้ามาปิด
เห็นมิดชิดมั่นคงไม่สงสัย
พระกลับมาตาเงือกลงไป
ลงที่ในวังวนชลธาร ฯ
๏ ฝ่ายผีเสื้อเมื่อขึ้นจากฝั่งน้ำ
จะมาถ้ำเที่ยวหาพฤกษาหาร
เก็บลูกไม้ใส่ห่อเห็นพอการ
ทั้งเปรี้ยวหวานสารพัดแล้วลัดมา
เห็นหินปิดเปิดประตูคูหากว้าง
นิมิตอย่างนางมนุษย์เสนหา
วรพักตร์นารีศรีโสภา
ลีลามาเข้าในห้องเห็นสององค์
วางลูกไม้ในห่อให้ลูกผัว
ท้องของตัวเต็มท้องไม่ต้องประสงค์
พระทรงเลือกลูกมะซางปรางมะยง
ประทานองค์โอรสสู้อดออม
ครั้นพลบค่ำทำรักนางยักษ์ร้าย
ประคองกายกอดแอบแนบถนอม
ชื่นแต่หน้าอารมณ์นั้นกรมกรอม
แต่คิดอ่านหว่านล้อมจะล่อลวง
ไม่เห็นช่องตรองตรึกนึกวิตก
ทุกข์ในอกนั้นสักเท่าภูเขาหลวง
พระกอดลูกน้อยประทับไว้กับทรวง
ให้เหงาง่วงงีบหลับระงับไป ฯ
๏ ฝ่ายผีเสื้อเมื่อจะจากพรากลูกผัว
แต่พลิกตัวกลิ้งกลับไม่หลับใหล
ให้หมกมุ่นขุ่นคล้ำในน้ำใจ
จนเสียงไก่แก้วขันสนั่นเนิน
พอม่อยหลับกลับจิตนิมิตฝัน
ว่าเทวัญอยู่ที่เกาะนั้นเหาะเหิน
มาสังหารผลาญถ้ำเยิน
แกว่งพะเนินทุบนางแทบวางวาย
แล้วอารักษ์ควักล้วงเอาดวงเนตร
สำแดงเดชเหาะกลับไปลับหาย
ทั้งกายสั่นพรั่นตัวด้วยกลัวตาย
พอฟื้นกายก็พอแจ้งแสงตะวัน
จึงก้มกราบบาทบงสุ์พระทรงศักดิ์
แล้วนางยักษ์เล่าตามเนื้อความฝัน
ไม่เคยเห็นเป็นวิบัติอัศจรรย์
เชิญทรงธรรม์ช่วยทำนายร้ายหรือดี ฯ
๏ พระฟังนางพลางนึกคะนึงหมาย
ซึ่งฝันร้ายก็เพราะจิตเราคิดหนี
เห็นจะไปได้ตลอดรอดชีวี
แต่นางผีเสื้อนั้นจะอันตราย
พอได้ช่องลองลวงดูตามเล่ห์
สมคะเนจะได้ไปดังใจหมาย
จึงกล่าวแกล้งแสร้งเสเพทุบาย
เจ้าฝันร้ายนักน้องต้องตำรา
อันเทวัญนั้นคือมัจจุราช
จะหมายมาดเอาชีวิตริษยา
แล้วเสแสร้งแกล้งทำบีบน้ำตา
อนิจจาใจหายเจียวสายใจ
แม้สิ้นสูญบุญนางในปางนี้
ไม่มีที่พึ่งพาจะอาศัย
จะกอดศพซบหน้าโศกาลัย
ระกำใจกว่าจะม้วยไปด้วยกัน
นึกจะใคร่สะเดาะพระเคราะห์เจ้า
พอบรรเทาโทษาที่อาสัญ
เหมือนงอนง้อขอชีวิตแก่เทวัญ
กลัวแต่ขวัญเนตรพี่จะมิทำ ฯ
๏ นางผีเสื้อเชื่อถือรื้อประณต
พระทรงยศจงช่วยชุบอุปถัมภ์
ตามตำราสารพัดไม่ขัดคำ
ช่วยแนะนำอนุกูลอย่าสูญใจ ฯ
๏ พระฟังคำสำราญสำเร็จคิด
จึงว่าผิดสายสมรหาสอนไม่
ตำรานั้นแต่ครั้งตั้งเมรุไกร
ว่าถ้าใครฝันร้ายจะวายปราณ
ให้ไปอยู่ผู้เดียวที่ตีนเขา
แล้วอดข้าวอดปลากระยาหาร
ถ้วนสามคืนสามวันจะบันดาล
ให้สำราญรอดตายสบายใจ ฯ
๏ ฝ่ายว่านางผีเสื้อก็เชื่อถือ
คิดว่าซื่อสุจริตพิสมัย
จึงตอบว่าถ้ากระนั้นฉันจะไป
อยู่เขาใหญ่ในป่าพนาวัน
พระโฉมยงจงอยู่ในคูหา
เลี้ยงรักษาลูกน้อยคอยหม่อมฉัน
จะอดใจให้เหมือนคำที่รำพัน
ถ้วนสามวันก็จะมาอย่าอาวรณ์
แล้ววันทาลาองค์พระทรงโฉม
ปลอบประโลมลูกแก้วแล้วสั่งสอน
อย่าแข็งนักรักตัวกลัวบิดร
แม้นไม่นอนมารดาจะมาตี ฯ
๏ สินสมุทรสุดแสนสงสารแม่
ด้วยรู้แน่ว่าบิดาจะพาหนี
ให้ห่วงหลังกังวลด้วยชนนี
เจ้าโศกีกราบก้มบังคมคัล
บิดาดูรู้แจ้งจึงแกล้งห้าม
จะวอนตามเขาไปไยในไพรสัณฑ์
อยู่เป่าปี่ตีเกราะเสนาะครัน
แล้วรับขวัญลูกน้อยกลอยฤทัย ฯ
๏ นางผีเสื้อเมื่อแรกก็แปลกจิต
ครั้นทรงฤทธิ์ปลอบลูกชายหายสงสัย
จึงรีบออกนอกคูหาแล้วคลาไคล
ไปเขาใหญ่ในป่าพนาวัน ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม
ปลอบประโลมลูกชายจะผายผัน
จึงหยิบปี่ที่เป่าเมื่อคราวนั้น
เอาผ้าพันผูกดีแล้วลีลา
ให้ลูกรักผลักแผ่นศิลาล้ม
สมอารมณ์รีบออกนอกคูหา
เลียบลีลาศหาดทรายชายคงคา
แลชลาล้วนคลื่นเสียงครื้นโครม ฯ
๏ ฝ่ายเงือกน้ำสำหรับทะเลลึก
ไม่วายนึกถึงองค์พระทรงโฉม
พอแจ่มแจ้งแสงทองผ่องโพยม
ปลอบประโลมลูกเมียเข้าเคลียคลอ
จะไปลอยคอยองค์ทรงสวัสดิ์
ให้สมนัดซึ่งสัญญาเธอมาหนอ
แล้วออกจากวนวังไม่รั้งรอ
ค่อยเคลื่อนคลายว่ายคลอกันไคลคลา
พอเห็นองค์ทรงยศโอรสราช
อยู่ชายหาดพร้อมกันก็หรรษา
จึงชวนลูกสาวนั้นกับภรรยา
คลานขึ้นมาชายฝั่งแล้วบังคม ฯ
๏ พงศ์กษัตริย์ทัศนานางเงือกน้อย
ดูแช่มช้อยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม
ประไพพักตร์ลักษณ์ล้ำล้วนคำคม
ทั้งเนื้อนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง
ขนงเนตรเกศกรอ่อนสะอาด
ดังสุรางค์นางนาฏในวังหลวง
พระเพลินพิศคิดหมายเสียดายดวง
แล้วหนักหน่วงนึกที่จะหนีไป
จึงตรัสว่าตาเงือกมาคอยรับ
ช่างสมกับวาจาจะหาไหน
เราล่อลวงนางผีเสื้อก็เชื่อใจ
เดี๋ยวนี้ไปแรมทางกลางอรัญ
ช่วยเมตตาพาตรงไปส่งที่
พระโยคีมีเวทวิเศษขยัน
กลางคงคาปลาร้ายก็หลายพรรณ
จะป้องกันภัยพาลประการใด ฯ
๏ เงือกผู้เฒ่าเคารพอภิวาท
ขอรองบาทบริรักษ์จนตักษัย
เสด็จขึ้นทรงบ่าจะพาไป
พระหน่อไทให้ขี่ภริยา
อันอำนาจชาติเชื้อผีเสื้อน้ำ
ปลาไม่กล้ำกรายกลัวทั่วทิศา
ด้วยกลิ่นอายคล้ายท่านผู้มารดา
เมื่อจับข้าข้าจึงอ่อนหย่อนกำลัง
สัตว์ในน้ำจำแพ้แก่ผีเสื้อ
เปรียบเหมือนเนื้อเห็นพยัคฆ์ให้ชักหลัง
อย่าเกรงภัยในชลที่วนวัง
ขึ้นนั่งยังบ่าข้าจะพาไป ฯ
๏ พงศ์กษัตริย์ตรัสชวนสินสมุทร
สอนให้บุตรขอสมาอัชฌาสัย
พระทรงบ่าเงือกน้ำงามวิไล
พระหน่อไทยขอสมาขึ้นบ่านาง
เงือกประคองสององค์ลงจากฝั่ง
มีกำลังลีลาศค่อยวาดหาง
ค่อยฟูฟ่องล่องน้ำไปท่ามกลาง
ลูกสาวนางเงือกงามตามลีลา ฯ
๏ พระโฉมยงองค์อภัยมณีนาถ
เพลินประพาสพิศดูหมู่มัจฉา
เหล่าฉลามล้วนฉลามตามกันมา
ค่อยเคลื่อนคลาคล้ายคล้ายในสายชล
ฉนากอยู่คู่ฉนากไม่จากคู่
ขึ้นฟ่องฟูพ่นฟองละอองฝน
ฝูงพิมพาพาฝูงเข้าแฝงวน
บ้างผุดพ่นฟองน้ำบ้างดำจร
กระโห้เรียงเคียงกระโห้ขึ้นโบกหาง
ลอยสล้างกลางกระแสแลสลอน
มังกรเกี่ยวเลี้ยวลอดกอดมังกร
ประชุมซ่อนแฝงชลขึ้นวนเวียน
ฝูงม้าน้ำทำท่าเหมือนม้าเผ่น
ขึ้นลอยเล่นเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
ตะเพียนทองล่องน้ำนำตะเพียน
ดาษเดียรดูเพลินจนเกินมา
เห็นละเมาะเกาะเขาเขียวชอุ่ม
โขดตะคุ่มเคียงเคียงเรียงรุกขา
จะเหลียวซ้ายสายสมุทรสุดสายตา
จะแลขวาควันคลุ้มกลุ้มโพยม
จะเหลียวดูสุริย์แสงเข้าแฝงเมฆ
ให้วิเวกหวาดองค์พระทรงโฉม
ฟังสำเนียงเสียงคลื่นดังครื้นโครม
ยิ่งทุกข์โทมนัสในฤทัยทวี
พอเย็นย่ำค่ำพลบลงโพล้เพล้
ท้องทะเลมืดมัวทั่ววิถี
พระห้ามเงือกสองราด้วยปรานี
ประเดี๋ยวนี้ลมกล้าสลาตัน
เห็นละเมาะเกาะใหญ่ที่ไหนกว้าง
หยุดเสียบ้างให้สบายจึงผายผัน
เราหนีนางมาได้ก็ไกลครัน
ต่อกลางวันจึงค่อยไปให้สำราญ ฯ
๏ ตาเงือกน้ำซ้ำสอนพระทรงศักดิ์
ยังใกล้นักอย่าประมาททำอาจหาญ
นางรู้ความตามมาไม่ช้านาน
จะพบพานพากันตายวายชีวัน
อันตาข้าถ้าค่ำเห็นสว่าง