การเลือกตั้งในสมัยก่อนโน้น ไม่มี สส ระบบสัดส่วน ประชาชนเลือก สส โดยตรง
ผลเสียที่เกิดขึ้นก็คือมีหลายคนที่มีคะแนนเสียงมากแต่สอบตก แต่ผลดีก็คือไม่เคย
มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งสีกันอย่างถาวรแบบปัจจุบันเลือกตั้งครั้งนึงก็ผสมพันธุ์
กันไปเป็นรัฐบาลเมื่อยุบสภาหรือครบวาระก็กลับมาเลือกตั้งกันใหม่
เมื่อมีระบบสสสัดส่วนขึ้นมาจะเห็นได้ว่าประชาชนถูกจำกัดให้เลือกพรรคด้วย ดังนั้น
ประชาชนเป็นจำนวนมากจึงจำเป็นจำใจต้องถือหางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งในความเป็น
จริงแล้วบางครั้งนั้นไม่ต้องการจะเลือกพรรคใดจะเลือกผู้ที่ไม่สังกัดพรรคแต่เป็นคนดี
แต่ก็ทำไม่ได้เพราะกฏหมายการเลือกตั้งบังคับให้ต้องเลือกพรรคด้วย การมีสสสัดส่วน
ในรูปแบบที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเป็นผลเสียต่อการบริหารประเทศเพราะมีการผูกขาด
อำนาจทางการเมืองโดยพรรคไม่กี่พรรคดังนั้น ท่านประยุทธและทีมงานร่างรัฐธรรมนูญ
จึงกำลังร่างรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งวิธีการเลือกตั้งสสกำลังลอกเลียนวิธีการจากเยอรมัน
ที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพราะต้องการให้สมาชิกพันทิพ ช่วยการเสนอวิธีการเลือกตั้ง
โดยที่ไม่ต้องใช้สสสัดส่วนแบบเดิม แต่ไม่เสียคะแนนเสียงของประชาชน และผมต้อง
การเสนอวิธีการที่จะได้คนที่ประชาชนเลือกโดยตรงอีกวิธีหนึ่งเพื่อมาเป็นสสในการ
เลือกตั้งใหม่ที่จะมีมาถึง
๑ สส นั้นไม่ควรจะมีความจำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง เพราะคนที่สามารถให้คนอื่น
มาเลือกตัวเองได้นั้นก็ต้องเป็นคนที่สังคมนั้นๆยอมรับแล้ว ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่สส
จะต้องสังกัดพรรคการเมือง
๒ เมื่อกำหนดจำนวนสสทั้งหมดทั่วประเทศแล้วให้จัดการเลือกตั้งแบบสมัยก่อนกล่าวคือ
ประชาชนจะเป็นคนเลือกสสของตนเองแบบแต่ก่อน สมมุติว่าให้มีจำนวนสสทั่วประเทศได้
๕๐๐ คน มีสสแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ได้ ๓๐๐ คน ใครได้คะแนนสูงสุดในเขตตามแบบ
การเลือกตั้งเดิมก็ได้เข้ามาเป็นสสอีก ๒๐๐ คนที่เหลือให้คัดจากผู้มีคะแนนสูงสุดตามลำดับ
โดยเอามาจัดอันดับจากคะแนนเสียงที่ได้รับจากประชาชนจากทุกเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ
โดยตัดสามร้อยคนแรกที่ได้รับเลือกแล้วออกไป
สมมุติว่าประเทศไทยแบ่งเป็นร้อยเขตการเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้งออกมาเขตละสามคน
ได้สส มาสามร้อยคนแล้ว อีกสองร้อยคนคัดจากผู้มีคะแนนเสียงลำดับสูงสุดของผู้สมัครที่เหลือ
(ในร้อยเขตที่ว่าไม่ระบุว่าเป็นเขตใดแต่ดูจากจำนวนคะแนนมากเป็นหลักเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
ทั่วประเทศ) ดังนี้ผู้ที่สอบตกรอบแรกแต่มีคะแนนเสียงมากกล่าวคือมีประชาชนออกเสียงเลือก
มากก็ยังสามารถถูกเลือกเข้ามาเป็นสสได้ไม่เสียคะแนนเปล่าๆ ตรงนี้จะทำให้เป็นคนของประชาชน
จริงๆเพราะมีคะแนนเสียงที่ถูกเลือกเป็นตัวเลขที่มองเห็น ยกตัวอย่างการเลือกตั้งในเขตกทม
หลายๆเขตในหลายๆจังหวัด สสสอบตกเป็นจำนวนมากมีคะแนนเสียงที่ได้รับเลือกหลายหมื่น
คะแนน หากเอาพวกที่สอบตกมาจัดลำดับคะแนนเสียงแล้วเอาโควต้าที่จะไปให้สสสัดส่วนแบบ
เดิมเอามาให้สสสอบตกรอบแรกแบบนี้น่าจะดีกว่าเพราะอย่างน้อยก็เป็นผู้ที่ประชาชนเลือกเข้ามา
โดยตรงตามลำดับคะแนนเสียง
ขอให้รัฐบาลนำวิธีการที่ผมเสนอไปศึกษาดูเทียบกับผลการเลือกตั้งที่ผ่านๆมา น่าจะเป็นวิธีหนึ่งใน
การกำจัดการแบ่งพวกอย่างถาวร และเป็นการกำจัดสสที่ประชาชนไม่ได้เลือกและไม่ต้องการให้เข้า
มาในรัฐสภาอีกวิธีหนึ่งด้วยเพราะหากยังมีระบบสสสัดส่วนตามเปอร์เซ็นต์อยู่ก็อาจจะมีพวกตะกวด
การเมืองหลุดเข้ามาในสภาได้อีก
นอกจากนั้นบรรดากลุ่มการเมืองกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องสังกัดพรรคใหญ่ๆและ
ตกอยู่ใต้อิทธิพลของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านๆมานักการเมืองสสภายใต้ระบบสสสัดส่วนนั้น
ไม่มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นอย่างในสมัยก่อน
หากสมาชิกท่านอื่นมีวิธีการอื่นก็ช่วยเสนอกันเข้ามานะครับ
สส สัดส่วน ที่มาของการผูกขาดอำนาจเผด็จการในรัฐสภา ทำอย่างไรให้คะแนนเสียงไม่เสียเปล่าโดยยกเลิกระบบ สส สัดส่วน
ผลเสียที่เกิดขึ้นก็คือมีหลายคนที่มีคะแนนเสียงมากแต่สอบตก แต่ผลดีก็คือไม่เคย
มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งสีกันอย่างถาวรแบบปัจจุบันเลือกตั้งครั้งนึงก็ผสมพันธุ์
กันไปเป็นรัฐบาลเมื่อยุบสภาหรือครบวาระก็กลับมาเลือกตั้งกันใหม่
เมื่อมีระบบสสสัดส่วนขึ้นมาจะเห็นได้ว่าประชาชนถูกจำกัดให้เลือกพรรคด้วย ดังนั้น
ประชาชนเป็นจำนวนมากจึงจำเป็นจำใจต้องถือหางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งในความเป็น
จริงแล้วบางครั้งนั้นไม่ต้องการจะเลือกพรรคใดจะเลือกผู้ที่ไม่สังกัดพรรคแต่เป็นคนดี
แต่ก็ทำไม่ได้เพราะกฏหมายการเลือกตั้งบังคับให้ต้องเลือกพรรคด้วย การมีสสสัดส่วน
ในรูปแบบที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเป็นผลเสียต่อการบริหารประเทศเพราะมีการผูกขาด
อำนาจทางการเมืองโดยพรรคไม่กี่พรรคดังนั้น ท่านประยุทธและทีมงานร่างรัฐธรรมนูญ
จึงกำลังร่างรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งวิธีการเลือกตั้งสสกำลังลอกเลียนวิธีการจากเยอรมัน
ที่ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพราะต้องการให้สมาชิกพันทิพ ช่วยการเสนอวิธีการเลือกตั้ง
โดยที่ไม่ต้องใช้สสสัดส่วนแบบเดิม แต่ไม่เสียคะแนนเสียงของประชาชน และผมต้อง
การเสนอวิธีการที่จะได้คนที่ประชาชนเลือกโดยตรงอีกวิธีหนึ่งเพื่อมาเป็นสสในการ
เลือกตั้งใหม่ที่จะมีมาถึง
๑ สส นั้นไม่ควรจะมีความจำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง เพราะคนที่สามารถให้คนอื่น
มาเลือกตัวเองได้นั้นก็ต้องเป็นคนที่สังคมนั้นๆยอมรับแล้ว ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่สส
จะต้องสังกัดพรรคการเมือง
๒ เมื่อกำหนดจำนวนสสทั้งหมดทั่วประเทศแล้วให้จัดการเลือกตั้งแบบสมัยก่อนกล่าวคือ
ประชาชนจะเป็นคนเลือกสสของตนเองแบบแต่ก่อน สมมุติว่าให้มีจำนวนสสทั่วประเทศได้
๕๐๐ คน มีสสแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ได้ ๓๐๐ คน ใครได้คะแนนสูงสุดในเขตตามแบบ
การเลือกตั้งเดิมก็ได้เข้ามาเป็นสสอีก ๒๐๐ คนที่เหลือให้คัดจากผู้มีคะแนนสูงสุดตามลำดับ
โดยเอามาจัดอันดับจากคะแนนเสียงที่ได้รับจากประชาชนจากทุกเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ
โดยตัดสามร้อยคนแรกที่ได้รับเลือกแล้วออกไป
สมมุติว่าประเทศไทยแบ่งเป็นร้อยเขตการเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้งออกมาเขตละสามคน
ได้สส มาสามร้อยคนแล้ว อีกสองร้อยคนคัดจากผู้มีคะแนนเสียงลำดับสูงสุดของผู้สมัครที่เหลือ
(ในร้อยเขตที่ว่าไม่ระบุว่าเป็นเขตใดแต่ดูจากจำนวนคะแนนมากเป็นหลักเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
ทั่วประเทศ) ดังนี้ผู้ที่สอบตกรอบแรกแต่มีคะแนนเสียงมากกล่าวคือมีประชาชนออกเสียงเลือก
มากก็ยังสามารถถูกเลือกเข้ามาเป็นสสได้ไม่เสียคะแนนเปล่าๆ ตรงนี้จะทำให้เป็นคนของประชาชน
จริงๆเพราะมีคะแนนเสียงที่ถูกเลือกเป็นตัวเลขที่มองเห็น ยกตัวอย่างการเลือกตั้งในเขตกทม
หลายๆเขตในหลายๆจังหวัด สสสอบตกเป็นจำนวนมากมีคะแนนเสียงที่ได้รับเลือกหลายหมื่น
คะแนน หากเอาพวกที่สอบตกมาจัดลำดับคะแนนเสียงแล้วเอาโควต้าที่จะไปให้สสสัดส่วนแบบ
เดิมเอามาให้สสสอบตกรอบแรกแบบนี้น่าจะดีกว่าเพราะอย่างน้อยก็เป็นผู้ที่ประชาชนเลือกเข้ามา
โดยตรงตามลำดับคะแนนเสียง
ขอให้รัฐบาลนำวิธีการที่ผมเสนอไปศึกษาดูเทียบกับผลการเลือกตั้งที่ผ่านๆมา น่าจะเป็นวิธีหนึ่งใน
การกำจัดการแบ่งพวกอย่างถาวร และเป็นการกำจัดสสที่ประชาชนไม่ได้เลือกและไม่ต้องการให้เข้า
มาในรัฐสภาอีกวิธีหนึ่งด้วยเพราะหากยังมีระบบสสสัดส่วนตามเปอร์เซ็นต์อยู่ก็อาจจะมีพวกตะกวด
การเมืองหลุดเข้ามาในสภาได้อีก
นอกจากนั้นบรรดากลุ่มการเมืองกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องสังกัดพรรคใหญ่ๆและ
ตกอยู่ใต้อิทธิพลของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านๆมานักการเมืองสสภายใต้ระบบสสสัดส่วนนั้น
ไม่มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นอย่างในสมัยก่อน
หากสมาชิกท่านอื่นมีวิธีการอื่นก็ช่วยเสนอกันเข้ามานะครับ