องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/33145515
บุตรชายคนโตแห่งตระกูลหยวน ด้วยชาติกำเนิดตระกูลสูงส่ง ทรัพย์สินของบรรพบุรุษมีมากมายใช้ได้อีกสิบชั่วคนยังไม่หมด อะไรที่อยากได้มิเคยไม่ได้มาก่อน แม้จะคิดคำนวนอย่างดีถึงเหตุการณ์ที่จะสร้างความประทับใจต่อหน้าสตรีที่หมายปอง แต่เรื่องราวกลับกลายเป็นตรงข้าม เมื่อต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มตัวผอมตายซากท่าทางโง่งม แม้ทราบดีว่ามิใช่ความผิดของอาจารย์ แต่ก็อดที่จะแสดงฤทธิ์ให้เห็นไม่ได้ว่า ความมั่งคั่งสุขสบายของอาจารย์นั้นเป็นด้วยวาจาที่บอกกล่าวต่อบิดาตัวเอง ฝ่ายหวงถู่ซานก็ช่ำชองยิ่งนัก หาเรื่องหลบหน้าไปก่อนค่อยคิดหาทางเกลี้ยกล่อม "คุณชายเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว ขอเชิญพักผ่อนให้สบายก่อน" ว่าแล้วก็หมุนตัวกลับที่พัก
"ข้าพเจ้าตื่นยามสอง ก็ลุกขึ้นฝึกกระบี่" ความที่ไป่หยุนถูกมองว่าทำความเข้าใจบทเรียนได้ช้า เนื่องจากไม่มีนิสัยปล่อยผ่านสิ่งไม่เข้าใจลึกซึ้งให้ผ่านไป บางครั้งซักถามศิษย์ผู้พี่ก็ถูกว่าโง่เง่าเข้าใจอะไรยาก "เฉพาะกระบวนท่าแรก ข้าพเจ้าฝึกฝนมาแล้วหลายหมื่นครั้ง อีกเรื่องหนึ่งนิทานที่เล่าถึงบรรพชน พอย่ำรุ่งก็จับดาบขึ้นฝึกปรือเพื่อหวังกอบกู้ชาติ จับใจข้าพเจ้ายิ่งนัก" เจ้าสำนักซุนพยักหน้าด้วยความพอใจ คงไม่แปลกใจเท่าใดที่ไม่มีผู้ใดบอกให้อาจารย์ฟัง ด้วยคนบอกเกรงว่าหากอาจารย์เห็นดีตามจะต้องลำบากตื่นมาฝึกตั้งแต่ยามสอง "เอาล่ะ เจ้าตามอาจารย์มา" ซุนเมิ่งหยุนจับดาบในท่าตั้งรับ "เจ้าจงฟันออกด้วยกระบวนท่าที่หนึ่งสุดกำลัง ไม่ต้องเกรงใจอาจารย์ ฝีมือเจ้าไม่อาจทำอันตรายอาจารย์ได้" ท่าทีเซื่องซึมของไป่หยุนเปลี่ยนเป็นกระฉับกระเฉงขึ้นมา ฟันออกด้วยประกายกระบี่เจิดจ้า แววตาแกร่งกล้าวาววับไม่แพ้กระบี่ ซุนเมิ่งหยุนรู้สึกได้ถึงความเร็วและพละกำลังในขณะดาบกระบี่ปะทะกัน ท่านต้องลอบเกรงกำลังภายในขึ้นต้านทานถึงสองส่วน กระนั้นยังรู้สึกสะท้านทั้งท่อนแขน "จงใช้กระบวนท่าต่อเนื่องไม่ต้องหยุด จนกว่าอาจารย์จะบอก" กระบวนท่าที่สอง ยิ่งรวดเร็วและรุนแรง ฝ่ายอาจารย์ต้องเร่งเร้าพลังภายในขึ้นถึงสามส่วน "กระบวนท่าที่สาม..."
หยุนซิงบุตรีคนโตสำนักเมฆวายุ หน้าหนาวนี้จะครบสิบหกปี งดงามไม่มากแต่กริยาเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี ด้านหนังสือหรืองานครัวไม่บกพร่องแถมยังมีวิชาฝีมือ ด้วยเจ้าสำนักและเจ้าสำนักหญิงถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้แก่บุตรสาวจนหมดสิ้น "ไฉนคุณชายหยวนใช้ไม่ได้อย่างยิ่ง" ด้วยรูปร่างและใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรของหยวนจิน ย่อมเป็นที่หมายปองของบุตรีตระกูลต่างๆ กว่าครึ่งค่อนเมือง แต่ในสายตานาง กลับเป็นเพียงเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง สำหรับนางในตอนนี้เรื่องราวระหว่างบุรุษสตรีดูเหมือนจะไกลเกินความเข้าใจ หากแต่นางก็มีบุรุษที่ฝันใฝ่ ครั้งเมื่อนางยังเป็นเพียงทารกหญิงได้เคยติดตามบิดาไปธุระที่เมืองหลวง ขณะที่นางกำลังก้มลงเก็บของเล่นขบวนม้าขุนนางผ่านมา เห็นชัดว่ากำลังจะเหยียบย่ำลงไปบนตัวนางด้วยเพราะมองไม่เห็นหรือไม่ใส่ใจก็แล้วแต่ ทันใดนั้นมีขุนพลท่านหนึ่งออกมาขวางไว้แล้วฟาดฝ่ามือใส่ตัวม้า ม้านั้นสะท้านร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังแล้วล้มลงไปด้านข้าง จากนั้นเขาจึงอุ้มนางมาส่งแก่บิดา ด้วยเวลาเนิ่นนาน นางไม่อาจจดจำนามของขุนพลท่านนั้นได้ บิดาก็ดูเหมือนจะหลงลืมไปแล้ว
กระบวนท่าที่สามสิบหกของกระบี่เมฆวายุโดยศิษย์โง่งมถูกใช้ออกแล้ว เมิ่งหยุนต้องเร่งเร้าสภาวะถึงขีดสุดจึงสะกดกระบี่ไว้ได้ "พอแล้ว" ควรทราบว่าเมื่อฝั่งหนึ่งตกเป็นฝ่ายรับก็มักจะอ่อนล้าเพราะเป็นฝ่ายรับแรงปะทะเพียงอย่างเดียว ถึงตอนนี้รูปร่างของซุนไป่หยุนดูไปคล้ายกลับกลายเป็นล่ำสันสูงใหญ่ "เจ้ารู้สึกอย่างไร" "ศิษย์รู้สึกว่า เมื่อจับกระบี่จะมีความมั่นใจมาก รู้สึกปลอดโปร่ง จะเคลื่อนไหวอย่างไรก็คล่องแคล่ว" เจ้าสำนักวัยกลางคนแอบสะดุ้งใจที่บุตรชายศิษย์น้องที่ล่วงลับไป กลับบรรลุถึงขั้นกระบี่กับคนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ใจหนึ่งก็ยินดี อีกใจหนึ่งก็ไม่ได้เตรียมตัวกับเรื่องนี้ หากในการประลองกับคุณชายหยวน หวงถู่ซานไม่ได้ขัดขวาง ผลคงร้ายสุดคาดคิด แต่ไม่อาจโทษว่าศิษย์ตัวเอง เนื่องจากไม่ได้เคยประมือกับผู้ใดมาก่อน ทำให้ไม่รับทราบพลังฝีมือตัวเอง "เอาล่ะ เจ้ากลับไปพักผ่อนได้"
หวงถู่ซานเดินวนไปมากลางห้องพัก ครุ่นคิดหาเหตุผล ว่าเพราะเหตุใดศิษย์น้องตัวเองจึงเล่นลวดลายโดยส่งลูกศิษย์ฝีมือในระดับทัดเทียมกับหัวหน้านักบู๊ประจำตึก จะด้วยเป็นการจงใจหักหน้าศิษย์รักก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะความนัยที่แท้จริงในการประลองไม่มีผู้ใดทราบนอกจากศิษย์อาจารย์คู่นี้ หรือจะจงใจอวดโอ่ฝีมือศิษย์ในสำนัก ในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ว่าใครก็อธิบายไม่ได้ เนื่องจากตัวแปรซึ่งก็คือไป่หยุนนั้นมีพฤติกรรมเหนือความคาดหมายจริงๆ
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 2
บุตรชายคนโตแห่งตระกูลหยวน ด้วยชาติกำเนิดตระกูลสูงส่ง ทรัพย์สินของบรรพบุรุษมีมากมายใช้ได้อีกสิบชั่วคนยังไม่หมด อะไรที่อยากได้มิเคยไม่ได้มาก่อน แม้จะคิดคำนวนอย่างดีถึงเหตุการณ์ที่จะสร้างความประทับใจต่อหน้าสตรีที่หมายปอง แต่เรื่องราวกลับกลายเป็นตรงข้าม เมื่อต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มตัวผอมตายซากท่าทางโง่งม แม้ทราบดีว่ามิใช่ความผิดของอาจารย์ แต่ก็อดที่จะแสดงฤทธิ์ให้เห็นไม่ได้ว่า ความมั่งคั่งสุขสบายของอาจารย์นั้นเป็นด้วยวาจาที่บอกกล่าวต่อบิดาตัวเอง ฝ่ายหวงถู่ซานก็ช่ำชองยิ่งนัก หาเรื่องหลบหน้าไปก่อนค่อยคิดหาทางเกลี้ยกล่อม "คุณชายเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว ขอเชิญพักผ่อนให้สบายก่อน" ว่าแล้วก็หมุนตัวกลับที่พัก
"ข้าพเจ้าตื่นยามสอง ก็ลุกขึ้นฝึกกระบี่" ความที่ไป่หยุนถูกมองว่าทำความเข้าใจบทเรียนได้ช้า เนื่องจากไม่มีนิสัยปล่อยผ่านสิ่งไม่เข้าใจลึกซึ้งให้ผ่านไป บางครั้งซักถามศิษย์ผู้พี่ก็ถูกว่าโง่เง่าเข้าใจอะไรยาก "เฉพาะกระบวนท่าแรก ข้าพเจ้าฝึกฝนมาแล้วหลายหมื่นครั้ง อีกเรื่องหนึ่งนิทานที่เล่าถึงบรรพชน พอย่ำรุ่งก็จับดาบขึ้นฝึกปรือเพื่อหวังกอบกู้ชาติ จับใจข้าพเจ้ายิ่งนัก" เจ้าสำนักซุนพยักหน้าด้วยความพอใจ คงไม่แปลกใจเท่าใดที่ไม่มีผู้ใดบอกให้อาจารย์ฟัง ด้วยคนบอกเกรงว่าหากอาจารย์เห็นดีตามจะต้องลำบากตื่นมาฝึกตั้งแต่ยามสอง "เอาล่ะ เจ้าตามอาจารย์มา" ซุนเมิ่งหยุนจับดาบในท่าตั้งรับ "เจ้าจงฟันออกด้วยกระบวนท่าที่หนึ่งสุดกำลัง ไม่ต้องเกรงใจอาจารย์ ฝีมือเจ้าไม่อาจทำอันตรายอาจารย์ได้" ท่าทีเซื่องซึมของไป่หยุนเปลี่ยนเป็นกระฉับกระเฉงขึ้นมา ฟันออกด้วยประกายกระบี่เจิดจ้า แววตาแกร่งกล้าวาววับไม่แพ้กระบี่ ซุนเมิ่งหยุนรู้สึกได้ถึงความเร็วและพละกำลังในขณะดาบกระบี่ปะทะกัน ท่านต้องลอบเกรงกำลังภายในขึ้นต้านทานถึงสองส่วน กระนั้นยังรู้สึกสะท้านทั้งท่อนแขน "จงใช้กระบวนท่าต่อเนื่องไม่ต้องหยุด จนกว่าอาจารย์จะบอก" กระบวนท่าที่สอง ยิ่งรวดเร็วและรุนแรง ฝ่ายอาจารย์ต้องเร่งเร้าพลังภายในขึ้นถึงสามส่วน "กระบวนท่าที่สาม..."
หยุนซิงบุตรีคนโตสำนักเมฆวายุ หน้าหนาวนี้จะครบสิบหกปี งดงามไม่มากแต่กริยาเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี ด้านหนังสือหรืองานครัวไม่บกพร่องแถมยังมีวิชาฝีมือ ด้วยเจ้าสำนักและเจ้าสำนักหญิงถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้แก่บุตรสาวจนหมดสิ้น "ไฉนคุณชายหยวนใช้ไม่ได้อย่างยิ่ง" ด้วยรูปร่างและใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรของหยวนจิน ย่อมเป็นที่หมายปองของบุตรีตระกูลต่างๆ กว่าครึ่งค่อนเมือง แต่ในสายตานาง กลับเป็นเพียงเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง สำหรับนางในตอนนี้เรื่องราวระหว่างบุรุษสตรีดูเหมือนจะไกลเกินความเข้าใจ หากแต่นางก็มีบุรุษที่ฝันใฝ่ ครั้งเมื่อนางยังเป็นเพียงทารกหญิงได้เคยติดตามบิดาไปธุระที่เมืองหลวง ขณะที่นางกำลังก้มลงเก็บของเล่นขบวนม้าขุนนางผ่านมา เห็นชัดว่ากำลังจะเหยียบย่ำลงไปบนตัวนางด้วยเพราะมองไม่เห็นหรือไม่ใส่ใจก็แล้วแต่ ทันใดนั้นมีขุนพลท่านหนึ่งออกมาขวางไว้แล้วฟาดฝ่ามือใส่ตัวม้า ม้านั้นสะท้านร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังแล้วล้มลงไปด้านข้าง จากนั้นเขาจึงอุ้มนางมาส่งแก่บิดา ด้วยเวลาเนิ่นนาน นางไม่อาจจดจำนามของขุนพลท่านนั้นได้ บิดาก็ดูเหมือนจะหลงลืมไปแล้ว
กระบวนท่าที่สามสิบหกของกระบี่เมฆวายุโดยศิษย์โง่งมถูกใช้ออกแล้ว เมิ่งหยุนต้องเร่งเร้าสภาวะถึงขีดสุดจึงสะกดกระบี่ไว้ได้ "พอแล้ว" ควรทราบว่าเมื่อฝั่งหนึ่งตกเป็นฝ่ายรับก็มักจะอ่อนล้าเพราะเป็นฝ่ายรับแรงปะทะเพียงอย่างเดียว ถึงตอนนี้รูปร่างของซุนไป่หยุนดูไปคล้ายกลับกลายเป็นล่ำสันสูงใหญ่ "เจ้ารู้สึกอย่างไร" "ศิษย์รู้สึกว่า เมื่อจับกระบี่จะมีความมั่นใจมาก รู้สึกปลอดโปร่ง จะเคลื่อนไหวอย่างไรก็คล่องแคล่ว" เจ้าสำนักวัยกลางคนแอบสะดุ้งใจที่บุตรชายศิษย์น้องที่ล่วงลับไป กลับบรรลุถึงขั้นกระบี่กับคนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ใจหนึ่งก็ยินดี อีกใจหนึ่งก็ไม่ได้เตรียมตัวกับเรื่องนี้ หากในการประลองกับคุณชายหยวน หวงถู่ซานไม่ได้ขัดขวาง ผลคงร้ายสุดคาดคิด แต่ไม่อาจโทษว่าศิษย์ตัวเอง เนื่องจากไม่ได้เคยประมือกับผู้ใดมาก่อน ทำให้ไม่รับทราบพลังฝีมือตัวเอง "เอาล่ะ เจ้ากลับไปพักผ่อนได้"
หวงถู่ซานเดินวนไปมากลางห้องพัก ครุ่นคิดหาเหตุผล ว่าเพราะเหตุใดศิษย์น้องตัวเองจึงเล่นลวดลายโดยส่งลูกศิษย์ฝีมือในระดับทัดเทียมกับหัวหน้านักบู๊ประจำตึก จะด้วยเป็นการจงใจหักหน้าศิษย์รักก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะความนัยที่แท้จริงในการประลองไม่มีผู้ใดทราบนอกจากศิษย์อาจารย์คู่นี้ หรือจะจงใจอวดโอ่ฝีมือศิษย์ในสำนัก ในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ว่าใครก็อธิบายไม่ได้ เนื่องจากตัวแปรซึ่งก็คือไป่หยุนนั้นมีพฤติกรรมเหนือความคาดหมายจริงๆ