[๓๑๕] ครั้งนั้น เวลาเช้า
ท่านพระอานนท์นุ่งแล้วถือบาตรจีวร
เข้าไปยังนิเวศน์ของอุบาสิกาชื่อมิคสาลา แล้วนั่งบนอาสนะที่ได้ปูไว้
ครั้งนั้น อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ กราบไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้ถามท่านพระอานนท์ว่า
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้ ที่เป็นเหตุให้
คน ๒ คน คือ
คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์ และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร
คือ
บิดาของดิฉันชื่อปุราณะเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ประพฤติห่างไกล งดเว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน
ท่านทำกาละแล้วพระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
บุรุษชื่ออิสิทัตตะผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน เป็นผู้ไม่ประพฤติพรหมจรรย์ (แต่) ยินดีด้วยภรรยาของตน
แม้เขากระทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้ ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร ฯ
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูกรน้องหญิง ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้อย่างนั้นแล ฯ
.................................................................................................................................................
...............................................................
ดูกรอานนท์
อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
มีความโกรธและความถือตัวบางครั้งบางคราว วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
เขา
ไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง
ไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต
ไม่ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย เมื่อตายไปแล้ว เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ เป็นผู้ถึงทางเสื่อม ไม่เป็นผู้ถึงทางเจริญ ฯ
ดูกรอานนท์
อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้
มีความโกรธและความถือตัวบางครั้งบางคราว วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
เขาได้ทำกิจแม้ด้วยการฟัง ได้ทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไปแล้ว เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม เป็นผู้ถึงทางเจริญ ไม่เป็นผู้ถึงทางเสื่อม
ดูกรอานนท์
พวกคนที่ถือประมาณ ย่อมประมาณเรื่องนั้นว่า
ธรรมของคนนี้ก็เหล่านั้นแหละ ธรรมของคนแม้อื่นก็เหล่านั้นแหละ เหตุไฉนบรรดาคน ๒ คนนั้น คนหนึ่งเลว คนหนึ่งดี
ก็การประมาณของคนผู้ถือประมาณเหล่านั้น ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน
ดูกรอานนท์
ใน ๒ คนนั้น
บุคคลใดมีความโกรธและความถือตัว และบางครั้งบางคราว วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
เขาได้ทำกิจแม้ด้วยการฟัง ได้ทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
บุคคลนี้เป็นผู้ดีกว่าและประณีตกว่าบุคคลที่กล่าวข้างต้นโน้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้
ใครเล่านอกจากตถาคตจะพึงรู้เหตุนั้น
เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ เธอทั้งหลายอย่าเป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
เพราะผู้ถือประมาณในบุคคล ย่อมทำลายคุณวิเศษของตน เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้
ดูกรอานนท์ ก็อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเป็นพาล ไม่ฉลาดเป็นสตรี รู้ตัวว่าเป็นสตรี เป็นอะไร
และพระสัมมาสัมพุทธะเป็นอะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล
ดูกรอานนท์ บุคคล ๖ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
ดูกรอานนท์ บุรุษชื่อปุราณะเป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นใด บุรุษชื่ออิสิทัตตะก็เป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นนั้น
บุรุษชื่อปุราณะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่ออิสิทัตตะก็หามิได้
อนึ่ง บุรุษชื่ออิสิทัตตะเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นใด บุรุษชื่อปุราณะก็ได้เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นนั้น
บุรุษชื่ออิสิทัตตะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่อปุราณะก็หามิได้
ดูกรอานนท์คนทั้ง ๒ เลวกว่ากันด้วยองคคุณคนละอย่างด้วยประการฉะนี้ ฯ
------------------------
เนื้อหาบางส่วนจาก
มิคสาลาสูตร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ บรรทัดที่ ๘๑๙๙ - ๘๓๐๒. หน้าที่ ๓๕๙ - ๓๖๓.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=22&A=8199&Z=8302&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=315
เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ เธอทั้งหลายอย่าเป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
เข้าไปยังนิเวศน์ของอุบาสิกาชื่อมิคสาลา แล้วนั่งบนอาสนะที่ได้ปูไว้
ครั้งนั้น อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ กราบไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้ถามท่านพระอานนท์ว่า
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้ ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน คือ
คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์ และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร
คือ บิดาของดิฉันชื่อปุราณะเป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ประพฤติห่างไกล งดเว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน
ท่านทำกาละแล้วพระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
บุรุษชื่ออิสิทัตตะผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน เป็นผู้ไม่ประพฤติพรหมจรรย์ (แต่) ยินดีด้วยภรรยาของตน
แม้เขากระทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคลเข้าถึงหมู่เทวดาชั้นดุสิต
ข้าแต่ท่านพระอานนท์
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วนี้ ที่เป็นเหตุให้คน ๒ คน คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์
และคนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร ฯ
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูกรน้องหญิง ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้อย่างนั้นแล ฯ
.................................................................................................................................................
...............................................................
ดูกรอานนท์
อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีความโกรธและความถือตัวบางครั้งบางคราว วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
เขาไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่ได้กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ไม่ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ
ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย เมื่อตายไปแล้ว เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ เป็นผู้ถึงทางเสื่อม ไม่เป็นผู้ถึงทางเจริญ ฯ
ดูกรอานนท์
อนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ มีความโกรธและความถือตัวบางครั้งบางคราว วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
เขาได้ทำกิจแม้ด้วยการฟัง ได้ทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
เมื่อตายไปแล้ว เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม เป็นผู้ถึงทางเจริญ ไม่เป็นผู้ถึงทางเสื่อม
ดูกรอานนท์
พวกคนที่ถือประมาณ ย่อมประมาณเรื่องนั้นว่า
ธรรมของคนนี้ก็เหล่านั้นแหละ ธรรมของคนแม้อื่นก็เหล่านั้นแหละ เหตุไฉนบรรดาคน ๒ คนนั้น คนหนึ่งเลว คนหนึ่งดี
ก็การประมาณของคนผู้ถือประมาณเหล่านั้น ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน
ดูกรอานนท์
ใน ๒ คนนั้น บุคคลใดมีความโกรธและความถือตัว และบางครั้งบางคราว วจีสังขารย่อมเกิดแก่เขา
เขาได้ทำกิจแม้ด้วยการฟัง ได้ทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ได้แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้ที่เกิดในสมัย
บุคคลนี้เป็นผู้ดีกว่าและประณีตกว่าบุคคลที่กล่าวข้างต้นโน้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้
ใครเล่านอกจากตถาคตจะพึงรู้เหตุนั้น
เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ เธอทั้งหลายอย่าเป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล
เพราะผู้ถือประมาณในบุคคล ย่อมทำลายคุณวิเศษของตน เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้
ดูกรอานนท์ ก็อุบาสิกาชื่อมิคสาลาเป็นพาล ไม่ฉลาดเป็นสตรี รู้ตัวว่าเป็นสตรี เป็นอะไร
และพระสัมมาสัมพุทธะเป็นอะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล
ดูกรอานนท์ บุคคล ๖ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
ดูกรอานนท์ บุรุษชื่อปุราณะเป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นใด บุรุษชื่ออิสิทัตตะก็เป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นนั้น
บุรุษชื่อปุราณะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่ออิสิทัตตะก็หามิได้
อนึ่ง บุรุษชื่ออิสิทัตตะเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นใด บุรุษชื่อปุราณะก็ได้เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นนั้น
บุรุษชื่ออิสิทัตตะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่อปุราณะก็หามิได้
ดูกรอานนท์คนทั้ง ๒ เลวกว่ากันด้วยองคคุณคนละอย่างด้วยประการฉะนี้ ฯ
------------------------
เนื้อหาบางส่วนจาก มิคสาลาสูตร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ บรรทัดที่ ๘๑๙๙ - ๘๓๐๒. หน้าที่ ๓๕๙ - ๓๖๓.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=22&A=8199&Z=8302&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=315