สัตว์:..ผู้อริยสาวก-ผู้สกทาคามี..ตอนที่ 4:..ตัวอย่างของ..สกทาคามี...ผู้ไปได้กายชั้นดุสิต

กระทู้คำถาม


https://etipitaka.com/read/thai/24/122/
 มิคสาลาสูตร
...
...
บิดาของดิฉันชื่อปุราณะ เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกล งดเว้นจากเมถุนอันเป็นธรรมของชาวบ้าน 
ท่าน กระทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคล เข้าถึงชั้นดุสิต 

บุรุษ ชื่ออิสิทัตตะ ผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน ไม่เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ (แต่) ยินดีด้วยภรรยา ของตน 
แม้เขาทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคล เข้าถึงชั้น ดุสิต 

ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ธรรมนี้ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว 
อันเป็นเหตุให้คนสองคน คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์คนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ 
จักเป็นผู้มีสติเสมอกันใน สัมปรายภพ อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร ฯ 

ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูกรน้องหญิง ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้อย่างนั้น แล 
...
...
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า 
ดูกรอานนท์ ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาลไม่ฉลาด เป็นคนบอด มีปัญญาทึบ เป็นอะไร 
และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอะไร 

ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่ง และหย่อนแห่งอินทรีย์ของบุคคล

ดูกรอานนท์ บุคคล ๑๐ จำพวกนี้มีอยู่ในโลก 
๑๐ จำพวก เป็นไฉน?
...
...(บุคคล 10 จำพวก  ลองไปอ่านใน link นะครับ)
...
ดูกรอานนท์ ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาล ไม่ฉลาด เป็นคนบอดมีปัญญาทึบ เป็นอะไร 
และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของ 

บุคคล ดูกรอานนท์ บุคคล ๑๐ จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก ดูกรอานนท์ 

บุรุษชื่อปุราณะ เป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นใดบุรุษชื่ออิสิทัตตะก็เป็นผู้ประกอบด้วยศีลเช่นนั้น 
บุรุษชื่อปุราณะ จะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่ออิสิทัตตะก็หามิได้ 
บุรุษชื่ออิสิทัตตะเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นใด บุรุษชื่อปุราณะก็เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาเช่นนั้น
บุรุษชื่ออิสิทัตตะจะได้รู้แม้คติ ของบุรุษชื่อ ปุราณะก็หามิได้ 

ดูกรอานนท์ คนทั้งสองนี้เลวกว่ากันด้วยองค์คุณคนละอย่าง ด้วยประการฉะนี้ ฯ 

จบสูตรที่ ๕


สรุป

1. เรื่องมันเกิดจาก...นางมิคสาลา..ไปท้วงคำพยากรณ์ของพระศาสดา..
    ว่าบิดาของตน..กัน..เพื่อนของบิดา  ตายแล้วไปสู่ดุสิตทั้งคู่
    แบบค้านสายตาของตนเอง  ว่าบิดาของตนไม่เสพเมถุนธรรมแล้ว..แต่เพื่อนของบิดายังอยู่กับภรรยาอยู่
    อย่างนี้...กระทำเหตุไม่ดหมือนกัน....ทำไมถึงให้ผลเหมือนกัน!!!

2. พระศาสดาท่านจึงกล่าวว่า... ในเรื่องนี้..นางมิคสาลานี้..เป็นผลคนพาลคนหลง... เป็นคนโง่
    มาแย้ง..พระสัมมาสัมมาสัมพุทธ.. 
    คือนางคิดเอาตาม..การตรึนึกคิดของตน👈..อันนี้หละ " มา ตกฺกเหตุ "..หละ

    พระศาสดาท่านจึงแสดงว่า... มันมีบุคคล 10 จำพวก..  พวกนี้แลดูดี... แต่ไปเลว
    บางพวกแลดูเลว... แต่ที่สุดก็ไปดี..  ให้ไปอ่านเอาเองแล้วกันครับ..

3. ในตอนท้าย... พระศาสดาท่านกล่าวว่า..
     ท่านอิสิทัตตะ..กับ..ท่านปุราณะ  ท้ง 2 มีทั้ง ศีลและปัญญาเสมอๆ กัน...
     แต่มีอินทรีย์ที่หย่อนกันคนละอย่าง...  แต่สัมปรายไปที่เดียวกัน...

     ถ้าจำได้... พระศาสดาท่านกล่าวว่า 
     พระโสดาบัน..และ,,พระสกทาคามี คือผู้ที่มี..ศีลบริบูรย์ - สมาธิพอประมาณ - ปัญญาพอประมาณ

     จะเห็นว่ามิคสาลาสูตรนี้...พระศาสดาท่านอ้างอิงถึง..ศีลและปัญญาของสกทาคามีทั้ง 2 ท่านนี้

4. ท่านอิสิทัตตะ..กับ..ท่านปุราณะ  ทั้ง 2 เป็นช่างไม้ของพระเจ้าปเสนทิโกศล..
    พระเจ้าปเสนทิโกศล..เคยกล่าวกับพระศาสดาว่า.. ช่าง 2 ท่านนี้..ทำงานกับท่านใช้ของของท่าน
    แต่.. เมื่อใดมีเหตุที่ต้องพักอยู่ในห้องเดียวกัน... เมื่อตอนนอนก็หันหัวไปทางพระผู้มีพระภาค..
    แม้นจะหันเท้ามาทาง..มาทางพระเจ้าปเสนทิโกศล..ก็ตาม(ไม่สน)...

    พระเจ้าปเสนทิโกศล..ทึ่งมาก...ว่าทำไมช่างทั้ง 2 นี้จึงเคารพพระผู้มีพระภาคอย่างมาก..
   (หันเท้ามาทางพระเจ้สแผ่นดินอาจจะหัวขาดได้)... 

    เรืองนี้ไม่แปลก... เพราะว่าท่านทั้ง 2 คือ.. พระสกทาคามีนั่นเอง.. ท่านจึงเคารพพระผู้มีพระภาคอย่างมาก..

🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼🌼
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่