ขอขอบพระคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ
*-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-*
รักเอ๋ย..รู้ไหมใครตามหาอยู่
(เปลี่ยนจากชื่อเดิม: พัลวันความรักผิดสูตร)
*-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-*
ความเดิมตอนที่แล้ว:
http://ppantip.com/topic/33043010
เวลารับประทานอาหารค่ำของบ้านนี้สองทุ่มตรง พัดชาปลดผ้ากันเปื้อนออกและล้างมือล้างไม้จนเรียบร้อย เห็นสองหนุ่มเดินหอบแปลนงานเข้ามาในบ้าน รณรงค์เหลือบไปเห็นผู้ช่วยคนเก่งของอิสรภาพช่วยแม่ครัวลำเลียงอาหารมาจัดวางบนโต๊ะในห้องรับประทานอาหาร นอกจากไม่ได้รู้สึกชื่นชมใดๆ แล้วเขายังคิดว่าเธอสร้างภาพว่าขยันขันแข็งได้แนบเนียนดี
ครู่เดียวหลังจากที่ทุกคนพร้อมเพรียงอยู่ในห้องรับประทานอาหาร รถก็พาแขกสำคัญอีกคนเข้ามาจอด วีนัสเดินกรุยกรายมาในชุดราตรีสีเลือดนกโชว์ความเลิศหรูสมใจหลังจากค้างเติ่งไปหลายรอบ
ทันทีที่แขกคนสำคัญก้าวเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร นอกจากบานเช้าที่ทำหน้าเหม็นโดดเด่นกว่าใครเพื่อนแล้ว ยังมีพัดชาที่อ้าปากค้างและเจ้านายหนุ่มของเธอที่ถึงกับเลิกคิ้วสูงมองอย่างไม่เชื่อสายตา เสียงอุทานของผู้เกี่ยวข้องแทบเปล่งออกพร้อมกัน
"พี่วีนัส"
“วีนัส!”
"ยัยพิงค์... อูฐ!”
อาการที่ต่างคนต่างตกตะลึงนั้นปรากฏอยู่เพียงเสี้ยวนาที ความที่วีนัสคร่ำหวอดในสถานการณ์รถไฟชนกันแบบนี้เสมอๆ ก็เลยปั้นสีหน้าและวางตัวได้อย่างปกติ
“คุณพิงค์รู้จักวีนัสด้วยเหรอครับ” อิสรภาพเหลียวไปหาคำตอบชวนฉงนยังผู้ช่วยสาวซึ่งอ้าปากค้างยังไม่หาย แต่วีนัสชิงเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“ยัยพิงค์เป็นลูกพี่ลูกน้องของวีนัสเองค่ะ”
“โลกกลมดี” รณรงค์เปรยกับตัวเอง แต่คำว่าโลกกลมคงไม่พอ แบบนี้ต้องเรียกว่าโลกแคบ วีนัสแค่นยิ้ม และเลือกที่นั่งให้ตัวเองเสร็จสรรพเป็นเก้าอี้ตัวว่างข้างๆ น้องสาว
“วีนัสคือหุ้นส่วนธุรกิจของผมเอง” รณรงค์หันไปบอกกับอิสรภาพ แต่แวบหนึ่งปรายตาไปมองใบหน้ายิ้มแป้นของพัดชา
สุดท้ายแล้ว มื้อค่ำหน้าตาน่ารับประทานซึ่งหลายจานเป็นผลงานพัดชาแม่ครัวสมัครเล่นเลยเฝื่อนสนิทสำหรับเจ้านายหนุ่มของเธอ จานข้าวของยัยหนูบานเช้าพร่องไปไม่ถึงครึ่งก็ลุกขึ้นขอตัวกลับห้องไปดูการ์ตูน รณรงค์คุยแผนธุรกิจกับวีนัส สลับกับที่วีนัสหันมาไต่ถามความเป็นไปเป็นมาของพัดชาที่กลายมาเป็นผู้ช่วยของอิสรภาพ อิสรภาพเป็นคนเดียวที่ไม่เอ่ยอะไรเลยตลอดการรับประทาน ขณะที่พัดชาไม่ได้ข้องใจเรื่องทฤษฎีโลกกลม เธอยิ้มอารมณ์ดีและสบายใจกว่าเดิมหลายเท่า มาอยู่ไกลถึงที่นี่ก็ยังโชคดีเจอพี่สาวให้เธอได้อุ่นใจ
เสร็จจากมื้อค่ำแสนอิหลักอิเหลื่อของใครๆ พัดชาอารมณ์ดีสุด อาสาช่วยป้าสมรเก็บจานชามไปล้าง รณรงค์ไม่ได้ใส่ใจอะไร เดินออกมากับวีนัสเพื่อคุยกันต่อถึงเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนอิสรภาพซึ่งอยู่ในอาการนิ่งเฉยมาเป็นชั่วโมงๆ ก็ขอตัวกลับห้องไปเงียบๆ
จากในตัวบ้านมายังลานน้ำพุระยะทางกว่าสองร้อยเมตรเป็นสวนสวย แยกตัวออกจากอิสรภาพและผู้ช่วยสาวมาได้รณรงค์ไม่อ้อมค้อม รีบถามเรื่องที่เป็นปัญหา “ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินอีกคนคือน้องสาวคุณคนนี้หรือเปล่า”
วีนัสอึกอัก ไม่อยากให้รณรงค์มองว่าคำพูดเธอไม่มีน้ำหนัก ไม่มีปัญญาโน้มน้าวให้ยัยน้องสาวหัวดื้อยอมขายที่ดินผืนนั้นสักที
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ” วีนัสปั้นหน้าเศร้าประกอบเรื่องราว“ความจริงคุณตาคุณยายตั้งใจยกที่ดินผืนนั้นให้วีนัส แต่น้าพงษ์พ่อยัยพิงค์นะสิคะ ติดการพนัน สิ้นเนื้อประดาตัว พอน้าพงษ์ยิงตัวตาย คุณตาคุณยายเลยเปลี่ยนใจให้ยัยพิงค์ถือกรรมสิทธิ์ด้วยอีกคน”
รณรงค์ขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ซักไซ้ต่อ มือที่ไพล่หลังยกมาดูเวลา เพียงสามทุ่มเศษ แต่นอกจากเรื่องที่ดินก็ไม่มีประเด็นอื่นที่เขาอยากจะพูดอีก
“กลับเถอะ ผมจะให้คนไปส่งที่บังกะโล” สั้นๆ เพียงเท่านั้นก็เดินกลับเข้าบ้าน วีนัสเกาแขนยิกๆ อุตส่าห์ทนโดนยุงกัดตามรณรงค์ออกมาคุยนอกบ้านคิดว่าจะได้สานต่อความสัมพันธ์บางอย่าง เขากลับเอาแต่พูดเรื่องที่ดิน ต้นเหตุเป็นเพราะพัดชาคนเดียวเลยที่ดื้อด้านไม่ยอมขาย
วีนัสเดินหนียุงตามรณรงค์กลับเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์เสีย พลันสมองฉลาดๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ ชำเลืองแลไปที่ท้ายครัว เห็นยัยพิงค์โชว์ความเป็นกุลสตรีศรีประเทศช่วยแม่บ้านล้างจานอยู่ในนั้น ไม่คิดนาน เดินรี่เข้าไปหาทันที
“ยัยพิงค์”
ผู้ช่วยคนขยันของป้าสมรละมือจากผ้าเช็ดเจนหันไป เห็นพี่สาวคนสวยยืนกอดอกยิ้มแปลกๆ
“มาข้างนอกกับพี่หน่อย มีธุระสำคัญจะคุยด้วย”โดยไม่ต้องรอนาน พัดชารับคำและเดินอ้อมท้ายครัวตามพี่สาวมายังสวนสวยหน้าบ้านอย่างว่าง่าย
“สรุปแกจะเอายังไง เรื่องที่ดินผืนนั้น” วีนัสเข้าเรื่องแบบตรงประเด็น พัดชาส่ายหน้าถอนลมหายใจเบาๆ นึกว่าเรื่องอะไร
“พิงค์ยืนยันคำเดิมค่ะ”
วีนัสฉุนกึก "ยัยพิงค์! ที่ดินนั่นเป็นของแกคนเดียวซะเมื่อไหร่”
“แต่ปู่ย่าย้ำนักย้ำหนาว่าอยากจะให้มันตกทอดสู่ลูกหลานเหลนโหลน”พัดชาว่า “หรือพี่วีนัสเห็นเงินดีกว่าคำสั่งเสียของปู่ย่า”ระดับเสียงใสๆ ของหญิงสาวเผลอสูงขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
นังน้องงี่เง่า เห็นแก่ตัว!
“คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกละครน้ำเน่าหรือไง แล้วเอาจริงๆนะ อย่างแกจะมีปัญญาดูแลรักษาที่ดินผืนนั้นให้งอกเงยได้ยังไง” หัวเราะหึ “อย่าบอกนะว่าจะปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้และทำไร่มันสำปะหลังผลิตไบโอดีเซล”
“ค่ะ” เธอว่า และไม่ได้พูดประชด “พิงค์ตั้งใจจะทำงานเก็บเงินสักสองสามปี กลับไปปลูกผัก ทำไร่ ถ้ามีเงินมากอีกหน่อยก็จะทำฟาร์มปศุสัตว์”
วีนัสขำแทบกลิ้ง“โอ๊ยยยย ยัยเพ้อเจ้อ ยุคนี้ยังมีคนเส้นตื้นคิดเรื่องโง่เง่าแบบแกหลงเหลืออยู่อีก ให้ตาย!”
“ถ้าพี่วีนัสจะพูดกับพิงค์แค่เรื่องนี้ พิงค์ขอตัวค่ะ ง่วง จะไปนอน” เธอว่า กลับหลังหัน และจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่พี่สาวท้วงขึ้น
“เป็นผู้หญิงยิงเรือ มาอยู่บ้านชายโสดแบบนี้ แกไม่คิดบ้างเหรอ ใครรู้จะครหาเอาได้”
พัดชาหยุดฝีเท้า หันกลับมา “แต่พิงค์ไม่ได้อยู่กับคุณรณรงค์ลำพังนี่คะ มีทั้งคุณอูฐ” เรียกชื่อเล่นเขาอย่างสนิทสนม “มีทั้งหนูบานเช้า แล้วไหนจะป้าสมร พี่อิ่ม พี่กุ้ง...”
“โอ๊ย พอๆๆ” คนขี้เกียจฟังรีบขัดขึ้น“เอาตรงๆ เลยนะ แกจะว่าไง ถ้าฉันจะมาพักกับแกที่นี่ด้วย”
หน้าเฉยเมยบอกบุญไม่รับของพัดชาแผ่รอยยิ้มกว้างขวางดวงตาเบิกโตและกระตือรือร้น
“จริงเหรอคะ ดีค่ะ ดีๆ งั้นพิงค์เข้าไปขออนุญาติคุณรณรงค์ให้พี่วีนัสย้ายมาอยู่กับพิงค์ที่นี่ตอนนี้เลยได้ไหมคะ”
มันก็ต้องยังงั้นอยู่แล้ว วีนัสกอดอกยิ้มกริ่ม ก่อนจะมองเห็นน้องสาววิ่งดุ๊กๆ หายเข้าไปในบ้านอย่างว่องไว
นิยาย: รักเอ๋ย..รู้ไหมใครตามหาอยู่
*-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-*
รักเอ๋ย..รู้ไหมใครตามหาอยู่
(เปลี่ยนจากชื่อเดิม: พัลวันความรักผิดสูตร)
*-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-**-*-*-*
ความเดิมตอนที่แล้ว:
http://ppantip.com/topic/33043010
เวลารับประทานอาหารค่ำของบ้านนี้สองทุ่มตรง พัดชาปลดผ้ากันเปื้อนออกและล้างมือล้างไม้จนเรียบร้อย เห็นสองหนุ่มเดินหอบแปลนงานเข้ามาในบ้าน รณรงค์เหลือบไปเห็นผู้ช่วยคนเก่งของอิสรภาพช่วยแม่ครัวลำเลียงอาหารมาจัดวางบนโต๊ะในห้องรับประทานอาหาร นอกจากไม่ได้รู้สึกชื่นชมใดๆ แล้วเขายังคิดว่าเธอสร้างภาพว่าขยันขันแข็งได้แนบเนียนดี
ครู่เดียวหลังจากที่ทุกคนพร้อมเพรียงอยู่ในห้องรับประทานอาหาร รถก็พาแขกสำคัญอีกคนเข้ามาจอด วีนัสเดินกรุยกรายมาในชุดราตรีสีเลือดนกโชว์ความเลิศหรูสมใจหลังจากค้างเติ่งไปหลายรอบ
ทันทีที่แขกคนสำคัญก้าวเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร นอกจากบานเช้าที่ทำหน้าเหม็นโดดเด่นกว่าใครเพื่อนแล้ว ยังมีพัดชาที่อ้าปากค้างและเจ้านายหนุ่มของเธอที่ถึงกับเลิกคิ้วสูงมองอย่างไม่เชื่อสายตา เสียงอุทานของผู้เกี่ยวข้องแทบเปล่งออกพร้อมกัน
"พี่วีนัส"
“วีนัส!”
"ยัยพิงค์... อูฐ!”
อาการที่ต่างคนต่างตกตะลึงนั้นปรากฏอยู่เพียงเสี้ยวนาที ความที่วีนัสคร่ำหวอดในสถานการณ์รถไฟชนกันแบบนี้เสมอๆ ก็เลยปั้นสีหน้าและวางตัวได้อย่างปกติ
“คุณพิงค์รู้จักวีนัสด้วยเหรอครับ” อิสรภาพเหลียวไปหาคำตอบชวนฉงนยังผู้ช่วยสาวซึ่งอ้าปากค้างยังไม่หาย แต่วีนัสชิงเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“ยัยพิงค์เป็นลูกพี่ลูกน้องของวีนัสเองค่ะ”
“โลกกลมดี” รณรงค์เปรยกับตัวเอง แต่คำว่าโลกกลมคงไม่พอ แบบนี้ต้องเรียกว่าโลกแคบ วีนัสแค่นยิ้ม และเลือกที่นั่งให้ตัวเองเสร็จสรรพเป็นเก้าอี้ตัวว่างข้างๆ น้องสาว
“วีนัสคือหุ้นส่วนธุรกิจของผมเอง” รณรงค์หันไปบอกกับอิสรภาพ แต่แวบหนึ่งปรายตาไปมองใบหน้ายิ้มแป้นของพัดชา
สุดท้ายแล้ว มื้อค่ำหน้าตาน่ารับประทานซึ่งหลายจานเป็นผลงานพัดชาแม่ครัวสมัครเล่นเลยเฝื่อนสนิทสำหรับเจ้านายหนุ่มของเธอ จานข้าวของยัยหนูบานเช้าพร่องไปไม่ถึงครึ่งก็ลุกขึ้นขอตัวกลับห้องไปดูการ์ตูน รณรงค์คุยแผนธุรกิจกับวีนัส สลับกับที่วีนัสหันมาไต่ถามความเป็นไปเป็นมาของพัดชาที่กลายมาเป็นผู้ช่วยของอิสรภาพ อิสรภาพเป็นคนเดียวที่ไม่เอ่ยอะไรเลยตลอดการรับประทาน ขณะที่พัดชาไม่ได้ข้องใจเรื่องทฤษฎีโลกกลม เธอยิ้มอารมณ์ดีและสบายใจกว่าเดิมหลายเท่า มาอยู่ไกลถึงที่นี่ก็ยังโชคดีเจอพี่สาวให้เธอได้อุ่นใจ
เสร็จจากมื้อค่ำแสนอิหลักอิเหลื่อของใครๆ พัดชาอารมณ์ดีสุด อาสาช่วยป้าสมรเก็บจานชามไปล้าง รณรงค์ไม่ได้ใส่ใจอะไร เดินออกมากับวีนัสเพื่อคุยกันต่อถึงเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนอิสรภาพซึ่งอยู่ในอาการนิ่งเฉยมาเป็นชั่วโมงๆ ก็ขอตัวกลับห้องไปเงียบๆ
จากในตัวบ้านมายังลานน้ำพุระยะทางกว่าสองร้อยเมตรเป็นสวนสวย แยกตัวออกจากอิสรภาพและผู้ช่วยสาวมาได้รณรงค์ไม่อ้อมค้อม รีบถามเรื่องที่เป็นปัญหา “ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินอีกคนคือน้องสาวคุณคนนี้หรือเปล่า”
วีนัสอึกอัก ไม่อยากให้รณรงค์มองว่าคำพูดเธอไม่มีน้ำหนัก ไม่มีปัญญาโน้มน้าวให้ยัยน้องสาวหัวดื้อยอมขายที่ดินผืนนั้นสักที
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ” วีนัสปั้นหน้าเศร้าประกอบเรื่องราว“ความจริงคุณตาคุณยายตั้งใจยกที่ดินผืนนั้นให้วีนัส แต่น้าพงษ์พ่อยัยพิงค์นะสิคะ ติดการพนัน สิ้นเนื้อประดาตัว พอน้าพงษ์ยิงตัวตาย คุณตาคุณยายเลยเปลี่ยนใจให้ยัยพิงค์ถือกรรมสิทธิ์ด้วยอีกคน”
รณรงค์ขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ซักไซ้ต่อ มือที่ไพล่หลังยกมาดูเวลา เพียงสามทุ่มเศษ แต่นอกจากเรื่องที่ดินก็ไม่มีประเด็นอื่นที่เขาอยากจะพูดอีก
“กลับเถอะ ผมจะให้คนไปส่งที่บังกะโล” สั้นๆ เพียงเท่านั้นก็เดินกลับเข้าบ้าน วีนัสเกาแขนยิกๆ อุตส่าห์ทนโดนยุงกัดตามรณรงค์ออกมาคุยนอกบ้านคิดว่าจะได้สานต่อความสัมพันธ์บางอย่าง เขากลับเอาแต่พูดเรื่องที่ดิน ต้นเหตุเป็นเพราะพัดชาคนเดียวเลยที่ดื้อด้านไม่ยอมขาย
วีนัสเดินหนียุงตามรณรงค์กลับเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์เสีย พลันสมองฉลาดๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ ชำเลืองแลไปที่ท้ายครัว เห็นยัยพิงค์โชว์ความเป็นกุลสตรีศรีประเทศช่วยแม่บ้านล้างจานอยู่ในนั้น ไม่คิดนาน เดินรี่เข้าไปหาทันที
“ยัยพิงค์”
ผู้ช่วยคนขยันของป้าสมรละมือจากผ้าเช็ดเจนหันไป เห็นพี่สาวคนสวยยืนกอดอกยิ้มแปลกๆ
“มาข้างนอกกับพี่หน่อย มีธุระสำคัญจะคุยด้วย”โดยไม่ต้องรอนาน พัดชารับคำและเดินอ้อมท้ายครัวตามพี่สาวมายังสวนสวยหน้าบ้านอย่างว่าง่าย
“สรุปแกจะเอายังไง เรื่องที่ดินผืนนั้น” วีนัสเข้าเรื่องแบบตรงประเด็น พัดชาส่ายหน้าถอนลมหายใจเบาๆ นึกว่าเรื่องอะไร
“พิงค์ยืนยันคำเดิมค่ะ”
วีนัสฉุนกึก "ยัยพิงค์! ที่ดินนั่นเป็นของแกคนเดียวซะเมื่อไหร่”
“แต่ปู่ย่าย้ำนักย้ำหนาว่าอยากจะให้มันตกทอดสู่ลูกหลานเหลนโหลน”พัดชาว่า “หรือพี่วีนัสเห็นเงินดีกว่าคำสั่งเสียของปู่ย่า”ระดับเสียงใสๆ ของหญิงสาวเผลอสูงขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
นังน้องงี่เง่า เห็นแก่ตัว!
“คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกละครน้ำเน่าหรือไง แล้วเอาจริงๆนะ อย่างแกจะมีปัญญาดูแลรักษาที่ดินผืนนั้นให้งอกเงยได้ยังไง” หัวเราะหึ “อย่าบอกนะว่าจะปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้และทำไร่มันสำปะหลังผลิตไบโอดีเซล”
“ค่ะ” เธอว่า และไม่ได้พูดประชด “พิงค์ตั้งใจจะทำงานเก็บเงินสักสองสามปี กลับไปปลูกผัก ทำไร่ ถ้ามีเงินมากอีกหน่อยก็จะทำฟาร์มปศุสัตว์”
วีนัสขำแทบกลิ้ง“โอ๊ยยยย ยัยเพ้อเจ้อ ยุคนี้ยังมีคนเส้นตื้นคิดเรื่องโง่เง่าแบบแกหลงเหลืออยู่อีก ให้ตาย!”
“ถ้าพี่วีนัสจะพูดกับพิงค์แค่เรื่องนี้ พิงค์ขอตัวค่ะ ง่วง จะไปนอน” เธอว่า กลับหลังหัน และจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่พี่สาวท้วงขึ้น
“เป็นผู้หญิงยิงเรือ มาอยู่บ้านชายโสดแบบนี้ แกไม่คิดบ้างเหรอ ใครรู้จะครหาเอาได้”
พัดชาหยุดฝีเท้า หันกลับมา “แต่พิงค์ไม่ได้อยู่กับคุณรณรงค์ลำพังนี่คะ มีทั้งคุณอูฐ” เรียกชื่อเล่นเขาอย่างสนิทสนม “มีทั้งหนูบานเช้า แล้วไหนจะป้าสมร พี่อิ่ม พี่กุ้ง...”
“โอ๊ย พอๆๆ” คนขี้เกียจฟังรีบขัดขึ้น“เอาตรงๆ เลยนะ แกจะว่าไง ถ้าฉันจะมาพักกับแกที่นี่ด้วย”
หน้าเฉยเมยบอกบุญไม่รับของพัดชาแผ่รอยยิ้มกว้างขวางดวงตาเบิกโตและกระตือรือร้น
“จริงเหรอคะ ดีค่ะ ดีๆ งั้นพิงค์เข้าไปขออนุญาติคุณรณรงค์ให้พี่วีนัสย้ายมาอยู่กับพิงค์ที่นี่ตอนนี้เลยได้ไหมคะ”
มันก็ต้องยังงั้นอยู่แล้ว วีนัสกอดอกยิ้มกริ่ม ก่อนจะมองเห็นน้องสาววิ่งดุ๊กๆ หายเข้าไปในบ้านอย่างว่องไว