สวัสดียามบ่ายค่ะ..
☼ ☼ บ่ายนี้ขอเสนอตอนต่อของ “รักเอ๋ย.. รู้ไหมใครตามหาอยู่” นะคะ ☼ ☼
ความเดิมตอนที่แล้ว>>>
http://ppantip.com/topic/33062342
ตอนที่ ๖: เรื่องบนเตียง
กว่าทุกคนจะจบเรื่องวุ่นวายของพัดชากลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้ก็กินเวลาไปจนสามทุ่ม ที่ห้องรับประทานอาหารวีนัสจัดการกับมื้อค่ำแสนจืดชืดของตัวเองอย่างไม่แยแสใคร อิสรภาพไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วย เขาเข้าห้องกลับไปทำงานเงียบๆ เหลือรณรรงค์กับหลานสาวที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ครู่หนึ่งป้าสมรเดินเข้ามารายงานว่าพัดชาอาการดีขึ้นแล้ว วีนัสรับฟังแล้วรู้สึกเฉยๆ ขณะที่บานเช้ากับลุงรอนดูจะเป็นเดือดเป็นร้อน
“หาอะไรให้ทานรึยัง” นายหัวรอนวางมือจากมื้ออาหารของตน เห็นอิ่มกับกุ้งเดินตามป้าสมรเข้ามาสมทบก็ให้นิ่วหน้า เสียงเข้มขึ้นระดับหนึ่ง
“ลงมากันหมดแบบนี้ ใครอยู่ข้างบนคอยดูแลคนป่วยล่ะ”
ป้าสมรอึกอัก ลืมคิดเรื่องนั้นไปเสียสนิท
“คือป้าเห็นว่าคุณพิงค์เธออาการดีขึ้นแล้ว ก็เลยปล่อยไว้ตามลำพังน่ะค่ะ”
“อิ่มกับกุ้งจะลงมาช่วยดูแลอาหารให้คุณๆ น่ะค่ะ เผื่อว่าป้าสมรแกจะได้รีบไปเตรียมอะไรอุ่นๆ ให้คุณพิงค์ทาน” สองพี่เลี้ยงรีบออกตัวแก้ต่างอย่างกลัวๆ
“เอางี้ค่ะลุงรอน หนูทานอิ่มแล้ว ขอขึ้นไปดูอาพิงค์เองนะคะ”เด็กหญิงรวบช้อนทันทีและลงจากเก้าอี้อย่างกระตือรือร้น วีนัสหันไปบอกด้วยรอยยิ้มแสนดี
“ปล่อยอาพิงค์พักผ่อนดีกว่าไหมจ๊ะหนูบานเช้า หนูเองก็ควรรีบเข้านอน ดึกมากแล้ว เด็กๆ ไม่ควรนอนดึกนะจ๊ะ”
แต่คำพูดของวีนัสเหมือนสายลมว่างเปล่าไม่เข้าหูบานเช้าสักนิด บานเช้าหันมาบอกกับลุงรอนอย่างไพเราะน่ารักว่า
“ลุงรอนไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะไม่กวนอะไรอาพิงค์เลยค่ะรับรองได้” ก่อนจะวิ่งปุเลงๆ ออกจากห้องรับประทานอาหารขึ้นไปหาคนป่วยที่ห้องอย่างอารมณ์ดี ปล่อยโต๊ะอาหารให้เหลือเพียงวีนัสกับนายหัวรอน
“ยัยพิงค์ต่อให้เก่งกาจมีความสามารถทัดเทียมผู้ชายยังไงก็ยังถือว่าเป็นผู้หญิง วีนัสคิดว่าควรแจ้งคุณอูฐให้ส่งกลับไปดูแลสำนักงานที่กรุงเทพฯดีกว่านะคะ ส่วนตำแหน่งผู้ช่วยเนี่ย เดี๋ยววีนัสจะเป็นธุระช่วยหาเด็กหนุ่มจบใหม่ไฟแรงมาช่วยแทน”วีนัสเสนอแนะอย่างขันแข็ง แต่รณรงค์ไม่ได้ออกความเห็น เพราะพัดชาไม่ใช่ลูกน้องของเขา และที่สำคัญอิสรภาพคงไม่ยอมปล่อยพัดชาให้ห่างตัวไปไหนได้อีก
อิสรภาพแบกความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ผู้ช่วยคนขยันต้องล้มป่วย เดินออกจากห้องกลับมายืนเก้อๆ ที่ประตูหน้าห้องของเธอ ไม่รู้ว่าป้าสมรเช็ดตัวคนป่วยเสร็จหรือยัง ลังเลใจอยู่ไม่นาน กำปั้นใหญ่เคาะเบาๆ ลงบนบานประตู พร้อมๆ กับที่ได้ยินเสียงเพล้ง! ดังขึ้น และเสียงร้อง ว๊าย! ตามมา อิสรภาพละทิ้งความคิดเรื่องป้าสมรถือวิสาสะผลักประตูเข้าไป
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณพิงค์” เข้าไปก็พบว่าพัดชากำลังสาละวนอยู่กับการเก็บเศษแก้วที่แตกกระจัดกระจายเต็มพื้น พอชายหนุ่มโผล่พรวดเข้ามาพัดชาก็หันหน้าไปส่งยิ้มแห้ง อับอายขายหน้าเต็มที
“พิงค์ซุ่มซ่ามทำแก้วน้ำหล่นแตกน่ะค่ะ แก้วใบสวยเสียด้วย”เธอบอกอย่างรู้สึกผิด และนึกไปถึงสภาพเดิมอันสวยหรูของมัน แต่อิสรภาพรีบห้ามไม่ให้เข้าไปแตะเดี๋ยวเศษแก้วจะบาดมือ แต่น่าจะช้าเกินไปเพราะความซุ่มซ่ามคำรบสองของหญิงสาวตามมาแบบติดๆ
“อุ๊ย!” เศษแก้วบาดนิ้วเข้าให้จนได้ อิสรภาพรวบตัวเธอกลับมานั่งที่เตียง มือใหญ่ของเขาคว้ามือข้างที่มีแผลของเธอไว้ เลือดแดงไหลซิบและหยดติ๋งลงพื้น เขาไม่พูดไม่จาอีก ก้มลงประกบปากตัวเองบนบาดแผลที่นิ้วเล็กๆ ของเธอ พัดชาหัวใจเต้นอึกทึกและลืมความเจ็บไปเลย บานเช้าที่วิ่งขึ้นบันไดหมายจะเข้ามาเยี่ยมอาการคนป่วยพอเปิดประตูผลัวะเข้ามาเห็นฉากนี้เข้าไป
..หว๋าย! รีบยกมือทั้งสิบนิ้วขึ้นปิดเปลือกตาอย่างเร็วรี่ ฉากนี้ไม่เหมาะกับเด็ก ว่าแล้วเด็กหญิงก็กลับหลังหันรีบออกจากห้องกลับลงมาข้างล่าง รณรงค์เห็นหลานสาวที่เพิ่งคล้อยหลังไปไม่ถึงห้านาทีเดินกลับมาก็เลิกคิ้วเข้มๆ ไม่ได้ซักถาม บานเช้าเองที่เป็นคนพูดขึ้น น้ำเสียงเขินอายแบบเด็กแก่แดด
“อาพิงค์กับอาอูฐกำลังจู๋จี๋กันอยู่น่ะค่ะ เด็กไม่ควรเข้าไปยุ่ง”แล้วหัวเราะคริๆ เพียงขาดคำของเด็กหญิง วีนัสก็สำลักน้ำส้มคั้นเสียงไอดังแค่กๆ
บานเช้ากระเถิบตัวกลับขึ้นมาบนเก้าอี้ ยิ้มแป้นแล้น สลับกับเสียงพูดแจ๋วๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงอาพิงค์แล้ว หนูรอทานของหวานก่อนนอนดีกว่า”
รณรงค์เลื่อนมือคว้าแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มลวกๆ หันไปออกคำสั่งกับอิ่มและกุ้งเสียงขรึม
“ดูแลของหวานยัยบานเช้ากับคุณวีนัสให้ดีด้วย ฉันจะรีบกลับไปสะสางงานต่อ ถ้าไม่มีอะไร ไม่ต้องให้ใครเข้าไปกวน”
“ค่ะ นายหัว” สองพี่เลี้ยงประสานเสียงรับคำ บานเช้ามองหน้าดุๆ ของลุงรอนที่ลุกขึ้นเดินจากไปแบบงงๆ เมื่อบนโต๊ะเหลือกันอยู่แค่สองคน วีนัสกระแซะหน้าเข้ามาหาและถามกระซิบกระซาบ
“ที่ว่าสองคนนั้นกำลังจู๋จี๋กัน มันยังไงเหรอจ๊ะ หนูบานเช้าช่วยบอกพี่วีนัสหน่อยได้ไหม”
“จะอยากรู้ไปทำไมคะ เรื่องของอาอูฐกับอาพิงค์ ป้าวีนัสไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย”เด็กหญิงเอียงคอถามตาใส “ตอนเรียนหนังสือคุณครูไม่เคยบอกเหรอคะว่าการสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่น เป็นมารยาทที่ไม่ดี”
หน้าโดดเด้งของวีนัสเลยแตกยับ แกสิยัยเด็กไร้มารยาท! โวยวายหงุดหงิดในใจ ไม่กงไม่กินมันแล้วของหวานลูกตาลลอยแก้วเลี่ยนเอียนชวนให้อ๊วก วีนัสลุกจากโต๊ะเดินออกมาเลย
รณรงค์แม้จะรู้ว่าการสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นเป็นมารยาทที่ไม่ควรกระทำ แต่ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าเป็นบ้าอะไร แทนที่จะเดินขึ้นห้องทางปีกขวา กลับเลี้ยวมายังห้องทางปีกซ้าย เดินช้าๆ ผ่านหน้าห้องพัดชาแบบเงียบๆ แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากในห้องไม่วายฉุดเขาให้ต้องหยุดฟัง
“อุ๊ย เบาๆ สิคะคุณอูฐ” เสียงแผ่วของพัดชาทำให้ความรู้สึกด้านลบของคนที่หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องต้องคิดต่อยอดไกลไปอีก
“คุณพิงค์ก็อยู่นิ่งๆ สิครับ ตัวสั่นแบบนี้ผมทำไม่ถนัด”
“ก็คนมันไม่เคยนี่นา” เสียงเธอค่อนไปทางเคอะเขิน
อิสรภาพทำแผลให้พัดชาไปพลางก็อมยิ้มไปพลาง มือเล็กๆ ของพัดชาตอนนี้เย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง
“ปกติพิงค์ล้มเองเจ็บเองก็ทำแผลเอง ไม่เคยมีใครทำแผลให้” พัดชาบอกอย่างขัดเขิน มือข้างที่ไม่เจ็บยกขึ้นเกาหัวเก้อๆ
“อ้อ เคยอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่เอามอเตอร์ไซค์ไปจูบฟุตบาธจนถลอกปอกเปิกนั่นล่ะค่ะพิงค์ถึงยอมไปหาหมอ”เธอเล่า “แถมครั้งนั้นคุณหมอที่ช่วยทำแผลให้ก็เป็นหมอผู้หญิงเสียอีก”
อิสรภาพยิ้มเอ็นดู ใบหน้าขาวนวลของพัดชาตอนนี้แดงระเรื่อ ดวงตาซื่อสดใส ทำให้เขาย้อนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่สี่แยกไฟแดงในวันนั้น ต้องขอขอบคุณพระพรหมที่ลิขิตให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่มีโอกาสได้มาเจอะเจอกับผู้หญิงที่น่ารักจนทำหัวใจล้มเหลวของเขาสุขสดชื่นได้แบบตอนนี้
ผละจากประตูหน้าห้องพัดชากลับมายังห้องทำงานได้พักใหญ่แล้ว แต่ที่ตั้งใจว่าจะสะสางงานต่อให้เสร็จก็ทำไม่ได้ สมาธิไม่รู้หายไปไหนหมด อาการรุ่มร้อนผุดขึ้นแทนที่ เดินหงุดหงิดไปนอกระเบียง สายลมเย็นเยือกหอบเอากลิ่นหอมประหลาดปะปนเข้ามา สองมือยกขึ้นกอดอก พยายามสลัดความรู้สึกด้านลบที่มีต่อพัดชากับเจ้านายของเธอออกไปจากหัวสมอง แต่ไม่วายคิดเลยเถิดไปว่าไม่รู้ตอนนี้สองคนนั่นดูแลกันถึงไหน
ใครผู้หนึ่งซึ่งย้ายตนเองจากห้องเล็กๆ ของคนป่วยล่องลอยติดตามนายหัวหน้าเข้มมายังห้องทำงานกว้างใหญ่ เห็นเจ้าของห้องยืนใจลอยเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ตรงระเบียงก็ให้เดาความคิดของชายหนุ่มได้ ส่ายหน้ากับตนเองอย่างเหนื่อยหน่าย ...ก็เพราะพรหมลิขิตบันดาลให้เรื่องมันพัลวันพัลเกแบบนี้อย่างไรเล่า ข้าถึงต้องอยู่รอดูความสำเร็จของพวกเอ็งมาจนกระทั่งบัดนี้ แทนที่ข้าจะได้ไปผุดไปเกิดสักที เป็นเช่นนี้แล้วเห็นทีจะไม่ได้การ แล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ พลันตวัดปลายไม้ตะพดในมือไปยังกบาลแข็งๆ ของนายหัวหนุ่มดังโป๊ก หัวเราะขำๆ ขณะร่ายมนต์ขั้นต้นเบสิกสุดในบรรดามนต์ทั้งมวล
รณรงค์เปิดปากหาวหวอดทั้งๆ ที่ปกติเขาจะเข้านอนก็ต่อเมื่อหลังเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป จากระเบียงเดินกลับมาในห้องตรงไปที่เคาน์เตอร์เครื่องกาแฟ หยิบแก้วมารองกดกาแฟร้อนๆ ดื่มคลายง่วงสักถ้วย ปรากฏว่าเมล็ดกาแฟหมด ส่ายหัวทวีความหงุดหงิดขัดใจให้กับความละเลยไม่ใส่ใจของป้าสมรเพราะมัวแต่ไปยุ่งวุ่นวายกับคนจอมสร้างเรื่องอย่างพัดชา
ป้าสมรและสองพี่เลี้ยงอิ่มกับกุ้งช่วยกันลำเลียงอาหารและยาขึ้นมาให้ที่ห้องของคนป่วย เปิดประตูเข้าไปพบว่าอิสรภาพกำลังหยิบขวดเบตาดีนกับซองสำลียัดลงกระเป๋ายาก็รีบเข้าไปหา เจอเศษแก้วกระจายเต็มพื้น และเห็นนิ้วเรียวเล็กของคนป่วยบนเตียงพันหนาเตอะด้วยผ้าก๊อซขยุกขยุยก็ให้ตกใจอีกระลอก
“นั่นนิ้วมือคุณพิงค์ไปโดนอะไรมาคะ”
พัดชายิ้มเจื่อน “พิงค์ซุ่มซ่ามทำแก้วน้ำหล่นแตกน่ะค่ะ ป้าสมรกับพี่กุ้งพี่อิ่มเดินระวังๆ นะคะ เดี๋ยวจะถูกเศษแก้วบาด”
อิ่มกับกุ้งหัวไวรีบบอกว่าไม่ต้องห่วง จะลงไปเอาอุปกรณ์มาทำความสะอาดให้เอง แล้วสองพี่เลี้ยงก็พากันออกไป ป้าสมรถือถาดข้าวต้มหอมฉุยมาให้ คนป่วยยิ้มซาบซึ้งจนเกินบรรยาย
“พิงค์ขอโทษนะคะที่เป็นต้นเหตุให้ทุกคนต้องพลอยวุ่นวายกันไปหมด หนำซ้ำยังซุ่มซ่ามทำเรื่องไม่รู้จักจบสิ้นแบบนี้”
“โถ คุณพิงค์ อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นเลยค่ะ อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าจะกับใคร แล้วเรื่องทำแก้วแตกแค่นี้เอง คุณพิงค์ไม่บาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปมากกว่านี้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ”ป้าสมรกล่าวปลอบอย่างอารี คนอาศัยอย่างพัดชายิ่งทวีความซาบซึ้งตรึงใจจนต่อมดราม่ากำเริบ น้ำใสๆ ร่วงเผาะออกมาจากขอบตา
ใครจะหาว่าพัดชาขี้แย ต่อมน้ำตาตื้น หรือชอบเรียกร้องความสนใจก็ช่างเถอะนะ เธอชินเสียแล้ว ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ตั้งแต่ปู่ย่าเสียเธอก็ใช้ชีวิตลำพัง ล้มเองเจ็บเองทำแผลเองเป็นประจำ มาบัดนี้มีทั้งเจ้านายแสนดี และป้าสมร กับใครต่อใครในบ้านนี้คอยดูแลห่วงใยทั้งๆ ที่ไม่ใช่ญาติ จะไม่ให้เธอรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลยังไงได้
นายหัวหนุ่มที่พกพาความหงุดหงิดออกจากห้องทำงานลงบันไดมาเพื่อหาเมล็ดกาแฟ สวนกันพอดิบพอดีกับอิ่มและกุ้งที่กำลังวิ่งตึงๆ ขึ้นบันไดมาพร้อมด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดครบมือ
“จะหอบไปไหน ไม้กวาดไม้ถูพื้นพวกนั้น”
เสียงขรึมๆ ทำให้สองพี่เลี้ยงหยุดชะงัก ยืนตัวแข็งแถวตรง เอ่ยตอบพร้อมเพรียง
“ไปทำความสะอาดห้องของคุณพิงค์ค่ะ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้นนายหัวรอนถึงกับร้อนวูบขึ้นในหัวใจ
“ทำไมต้องไปทำตอนนี้ มีใครทำเรื่องสกปรกกันในห้องนั้นหรือไง”ถามเรียบๆ ไม่ได้ส่ออาการอยากรู้อยากเห็นมากมายนัก สองพี่เลี้ยงผลัดกันเอ่ยตอบ
“คุณพิงค์ทำแก้วน้ำตกแตกค่ะ เศษแก้วกระจายเต็มพื้นเลย” อิ่มบอก
“แล้วเศษแก้วก็บาดนิ้วมือของคุณพิงค์ด้วยค่ะ แต่ตอนนี้คุณอูฐกำลังช่วยทำแผลให้” กุ้งสมทบ
พลันอาการร้อนวูบในหัวใจของรณรงค์ก็ผลุบหาย เอ่ยขึ้นเรียบๆ กับสองพี่เลี้ยง
“ผู้ชายจะทำแผลดีแค่ไหนเชียว เกิดแผลติดเชื้อเสียงานเสียการ”เขาทำเสียงดุ สองพี่เลี้ยงยืนตัวตรงก้มหน้าคอหด
"แล้วเรื่องที่เป็นลมเมื่อตอนบ่าย อาการเป็นไงบ้าง" ซ่อนน้ำเสียงกระตือรือร้นไว้อย่างแนบเนียน สองสาวใช้ยิ้มพร้อมคำตอบสดใส
"ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ ฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่ถามว่านายหัวโกรธหรือเปล่าที่เธอเป็นต้นเหตุให้ต้องวุ่นวายไปกันหมด" อิ่มบอก แทบจะก๊อบปี้ทุกคำของพัดชามาพูด รณรงค์พยักหน้าเผลอยิ้มน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว
“ไปบอกให้ป้าสมรเป็นคนทำแผล ส่วนอิ่มกับกุ้งอยู่ดูแลคุณพิงค์จนกว่าอาการจะดีขึ้น” เกือบจะเดินกลับขึ้นห้องทำงานไปแล้วแต่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้อีกอย่าง
<แอบเข้ามาเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมนิดหน่อยนะคะ>
รักเอ๋ย..รู้ไหมใครตามหาอยู่
☼ ☼ บ่ายนี้ขอเสนอตอนต่อของ “รักเอ๋ย.. รู้ไหมใครตามหาอยู่” นะคะ ☼ ☼
ความเดิมตอนที่แล้ว>>>
http://ppantip.com/topic/33062342
ตอนที่ ๖: เรื่องบนเตียง
กว่าทุกคนจะจบเรื่องวุ่นวายของพัดชากลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้ก็กินเวลาไปจนสามทุ่ม ที่ห้องรับประทานอาหารวีนัสจัดการกับมื้อค่ำแสนจืดชืดของตัวเองอย่างไม่แยแสใคร อิสรภาพไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วย เขาเข้าห้องกลับไปทำงานเงียบๆ เหลือรณรรงค์กับหลานสาวที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ครู่หนึ่งป้าสมรเดินเข้ามารายงานว่าพัดชาอาการดีขึ้นแล้ว วีนัสรับฟังแล้วรู้สึกเฉยๆ ขณะที่บานเช้ากับลุงรอนดูจะเป็นเดือดเป็นร้อน
“หาอะไรให้ทานรึยัง” นายหัวรอนวางมือจากมื้ออาหารของตน เห็นอิ่มกับกุ้งเดินตามป้าสมรเข้ามาสมทบก็ให้นิ่วหน้า เสียงเข้มขึ้นระดับหนึ่ง
“ลงมากันหมดแบบนี้ ใครอยู่ข้างบนคอยดูแลคนป่วยล่ะ”
ป้าสมรอึกอัก ลืมคิดเรื่องนั้นไปเสียสนิท
“คือป้าเห็นว่าคุณพิงค์เธออาการดีขึ้นแล้ว ก็เลยปล่อยไว้ตามลำพังน่ะค่ะ”
“อิ่มกับกุ้งจะลงมาช่วยดูแลอาหารให้คุณๆ น่ะค่ะ เผื่อว่าป้าสมรแกจะได้รีบไปเตรียมอะไรอุ่นๆ ให้คุณพิงค์ทาน” สองพี่เลี้ยงรีบออกตัวแก้ต่างอย่างกลัวๆ
“เอางี้ค่ะลุงรอน หนูทานอิ่มแล้ว ขอขึ้นไปดูอาพิงค์เองนะคะ”เด็กหญิงรวบช้อนทันทีและลงจากเก้าอี้อย่างกระตือรือร้น วีนัสหันไปบอกด้วยรอยยิ้มแสนดี
“ปล่อยอาพิงค์พักผ่อนดีกว่าไหมจ๊ะหนูบานเช้า หนูเองก็ควรรีบเข้านอน ดึกมากแล้ว เด็กๆ ไม่ควรนอนดึกนะจ๊ะ”
แต่คำพูดของวีนัสเหมือนสายลมว่างเปล่าไม่เข้าหูบานเช้าสักนิด บานเช้าหันมาบอกกับลุงรอนอย่างไพเราะน่ารักว่า
“ลุงรอนไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะไม่กวนอะไรอาพิงค์เลยค่ะรับรองได้” ก่อนจะวิ่งปุเลงๆ ออกจากห้องรับประทานอาหารขึ้นไปหาคนป่วยที่ห้องอย่างอารมณ์ดี ปล่อยโต๊ะอาหารให้เหลือเพียงวีนัสกับนายหัวรอน
“ยัยพิงค์ต่อให้เก่งกาจมีความสามารถทัดเทียมผู้ชายยังไงก็ยังถือว่าเป็นผู้หญิง วีนัสคิดว่าควรแจ้งคุณอูฐให้ส่งกลับไปดูแลสำนักงานที่กรุงเทพฯดีกว่านะคะ ส่วนตำแหน่งผู้ช่วยเนี่ย เดี๋ยววีนัสจะเป็นธุระช่วยหาเด็กหนุ่มจบใหม่ไฟแรงมาช่วยแทน”วีนัสเสนอแนะอย่างขันแข็ง แต่รณรงค์ไม่ได้ออกความเห็น เพราะพัดชาไม่ใช่ลูกน้องของเขา และที่สำคัญอิสรภาพคงไม่ยอมปล่อยพัดชาให้ห่างตัวไปไหนได้อีก
อิสรภาพแบกความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ผู้ช่วยคนขยันต้องล้มป่วย เดินออกจากห้องกลับมายืนเก้อๆ ที่ประตูหน้าห้องของเธอ ไม่รู้ว่าป้าสมรเช็ดตัวคนป่วยเสร็จหรือยัง ลังเลใจอยู่ไม่นาน กำปั้นใหญ่เคาะเบาๆ ลงบนบานประตู พร้อมๆ กับที่ได้ยินเสียงเพล้ง! ดังขึ้น และเสียงร้อง ว๊าย! ตามมา อิสรภาพละทิ้งความคิดเรื่องป้าสมรถือวิสาสะผลักประตูเข้าไป
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณพิงค์” เข้าไปก็พบว่าพัดชากำลังสาละวนอยู่กับการเก็บเศษแก้วที่แตกกระจัดกระจายเต็มพื้น พอชายหนุ่มโผล่พรวดเข้ามาพัดชาก็หันหน้าไปส่งยิ้มแห้ง อับอายขายหน้าเต็มที
“พิงค์ซุ่มซ่ามทำแก้วน้ำหล่นแตกน่ะค่ะ แก้วใบสวยเสียด้วย”เธอบอกอย่างรู้สึกผิด และนึกไปถึงสภาพเดิมอันสวยหรูของมัน แต่อิสรภาพรีบห้ามไม่ให้เข้าไปแตะเดี๋ยวเศษแก้วจะบาดมือ แต่น่าจะช้าเกินไปเพราะความซุ่มซ่ามคำรบสองของหญิงสาวตามมาแบบติดๆ
“อุ๊ย!” เศษแก้วบาดนิ้วเข้าให้จนได้ อิสรภาพรวบตัวเธอกลับมานั่งที่เตียง มือใหญ่ของเขาคว้ามือข้างที่มีแผลของเธอไว้ เลือดแดงไหลซิบและหยดติ๋งลงพื้น เขาไม่พูดไม่จาอีก ก้มลงประกบปากตัวเองบนบาดแผลที่นิ้วเล็กๆ ของเธอ พัดชาหัวใจเต้นอึกทึกและลืมความเจ็บไปเลย บานเช้าที่วิ่งขึ้นบันไดหมายจะเข้ามาเยี่ยมอาการคนป่วยพอเปิดประตูผลัวะเข้ามาเห็นฉากนี้เข้าไป
..หว๋าย! รีบยกมือทั้งสิบนิ้วขึ้นปิดเปลือกตาอย่างเร็วรี่ ฉากนี้ไม่เหมาะกับเด็ก ว่าแล้วเด็กหญิงก็กลับหลังหันรีบออกจากห้องกลับลงมาข้างล่าง รณรงค์เห็นหลานสาวที่เพิ่งคล้อยหลังไปไม่ถึงห้านาทีเดินกลับมาก็เลิกคิ้วเข้มๆ ไม่ได้ซักถาม บานเช้าเองที่เป็นคนพูดขึ้น น้ำเสียงเขินอายแบบเด็กแก่แดด
“อาพิงค์กับอาอูฐกำลังจู๋จี๋กันอยู่น่ะค่ะ เด็กไม่ควรเข้าไปยุ่ง”แล้วหัวเราะคริๆ เพียงขาดคำของเด็กหญิง วีนัสก็สำลักน้ำส้มคั้นเสียงไอดังแค่กๆ
บานเช้ากระเถิบตัวกลับขึ้นมาบนเก้าอี้ ยิ้มแป้นแล้น สลับกับเสียงพูดแจ๋วๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงอาพิงค์แล้ว หนูรอทานของหวานก่อนนอนดีกว่า”
รณรงค์เลื่อนมือคว้าแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มลวกๆ หันไปออกคำสั่งกับอิ่มและกุ้งเสียงขรึม
“ดูแลของหวานยัยบานเช้ากับคุณวีนัสให้ดีด้วย ฉันจะรีบกลับไปสะสางงานต่อ ถ้าไม่มีอะไร ไม่ต้องให้ใครเข้าไปกวน”
“ค่ะ นายหัว” สองพี่เลี้ยงประสานเสียงรับคำ บานเช้ามองหน้าดุๆ ของลุงรอนที่ลุกขึ้นเดินจากไปแบบงงๆ เมื่อบนโต๊ะเหลือกันอยู่แค่สองคน วีนัสกระแซะหน้าเข้ามาหาและถามกระซิบกระซาบ
“ที่ว่าสองคนนั้นกำลังจู๋จี๋กัน มันยังไงเหรอจ๊ะ หนูบานเช้าช่วยบอกพี่วีนัสหน่อยได้ไหม”
“จะอยากรู้ไปทำไมคะ เรื่องของอาอูฐกับอาพิงค์ ป้าวีนัสไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย”เด็กหญิงเอียงคอถามตาใส “ตอนเรียนหนังสือคุณครูไม่เคยบอกเหรอคะว่าการสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่น เป็นมารยาทที่ไม่ดี”
หน้าโดดเด้งของวีนัสเลยแตกยับ แกสิยัยเด็กไร้มารยาท! โวยวายหงุดหงิดในใจ ไม่กงไม่กินมันแล้วของหวานลูกตาลลอยแก้วเลี่ยนเอียนชวนให้อ๊วก วีนัสลุกจากโต๊ะเดินออกมาเลย
รณรงค์แม้จะรู้ว่าการสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นเป็นมารยาทที่ไม่ควรกระทำ แต่ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าเป็นบ้าอะไร แทนที่จะเดินขึ้นห้องทางปีกขวา กลับเลี้ยวมายังห้องทางปีกซ้าย เดินช้าๆ ผ่านหน้าห้องพัดชาแบบเงียบๆ แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากในห้องไม่วายฉุดเขาให้ต้องหยุดฟัง
“อุ๊ย เบาๆ สิคะคุณอูฐ” เสียงแผ่วของพัดชาทำให้ความรู้สึกด้านลบของคนที่หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องต้องคิดต่อยอดไกลไปอีก
“คุณพิงค์ก็อยู่นิ่งๆ สิครับ ตัวสั่นแบบนี้ผมทำไม่ถนัด”
“ก็คนมันไม่เคยนี่นา” เสียงเธอค่อนไปทางเคอะเขิน
อิสรภาพทำแผลให้พัดชาไปพลางก็อมยิ้มไปพลาง มือเล็กๆ ของพัดชาตอนนี้เย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง
“ปกติพิงค์ล้มเองเจ็บเองก็ทำแผลเอง ไม่เคยมีใครทำแผลให้” พัดชาบอกอย่างขัดเขิน มือข้างที่ไม่เจ็บยกขึ้นเกาหัวเก้อๆ
“อ้อ เคยอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่เอามอเตอร์ไซค์ไปจูบฟุตบาธจนถลอกปอกเปิกนั่นล่ะค่ะพิงค์ถึงยอมไปหาหมอ”เธอเล่า “แถมครั้งนั้นคุณหมอที่ช่วยทำแผลให้ก็เป็นหมอผู้หญิงเสียอีก”
อิสรภาพยิ้มเอ็นดู ใบหน้าขาวนวลของพัดชาตอนนี้แดงระเรื่อ ดวงตาซื่อสดใส ทำให้เขาย้อนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่สี่แยกไฟแดงในวันนั้น ต้องขอขอบคุณพระพรหมที่ลิขิตให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่มีโอกาสได้มาเจอะเจอกับผู้หญิงที่น่ารักจนทำหัวใจล้มเหลวของเขาสุขสดชื่นได้แบบตอนนี้
ผละจากประตูหน้าห้องพัดชากลับมายังห้องทำงานได้พักใหญ่แล้ว แต่ที่ตั้งใจว่าจะสะสางงานต่อให้เสร็จก็ทำไม่ได้ สมาธิไม่รู้หายไปไหนหมด อาการรุ่มร้อนผุดขึ้นแทนที่ เดินหงุดหงิดไปนอกระเบียง สายลมเย็นเยือกหอบเอากลิ่นหอมประหลาดปะปนเข้ามา สองมือยกขึ้นกอดอก พยายามสลัดความรู้สึกด้านลบที่มีต่อพัดชากับเจ้านายของเธอออกไปจากหัวสมอง แต่ไม่วายคิดเลยเถิดไปว่าไม่รู้ตอนนี้สองคนนั่นดูแลกันถึงไหน
ใครผู้หนึ่งซึ่งย้ายตนเองจากห้องเล็กๆ ของคนป่วยล่องลอยติดตามนายหัวหน้าเข้มมายังห้องทำงานกว้างใหญ่ เห็นเจ้าของห้องยืนใจลอยเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ตรงระเบียงก็ให้เดาความคิดของชายหนุ่มได้ ส่ายหน้ากับตนเองอย่างเหนื่อยหน่าย ...ก็เพราะพรหมลิขิตบันดาลให้เรื่องมันพัลวันพัลเกแบบนี้อย่างไรเล่า ข้าถึงต้องอยู่รอดูความสำเร็จของพวกเอ็งมาจนกระทั่งบัดนี้ แทนที่ข้าจะได้ไปผุดไปเกิดสักที เป็นเช่นนี้แล้วเห็นทีจะไม่ได้การ แล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ พลันตวัดปลายไม้ตะพดในมือไปยังกบาลแข็งๆ ของนายหัวหนุ่มดังโป๊ก หัวเราะขำๆ ขณะร่ายมนต์ขั้นต้นเบสิกสุดในบรรดามนต์ทั้งมวล
รณรงค์เปิดปากหาวหวอดทั้งๆ ที่ปกติเขาจะเข้านอนก็ต่อเมื่อหลังเวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป จากระเบียงเดินกลับมาในห้องตรงไปที่เคาน์เตอร์เครื่องกาแฟ หยิบแก้วมารองกดกาแฟร้อนๆ ดื่มคลายง่วงสักถ้วย ปรากฏว่าเมล็ดกาแฟหมด ส่ายหัวทวีความหงุดหงิดขัดใจให้กับความละเลยไม่ใส่ใจของป้าสมรเพราะมัวแต่ไปยุ่งวุ่นวายกับคนจอมสร้างเรื่องอย่างพัดชา
ป้าสมรและสองพี่เลี้ยงอิ่มกับกุ้งช่วยกันลำเลียงอาหารและยาขึ้นมาให้ที่ห้องของคนป่วย เปิดประตูเข้าไปพบว่าอิสรภาพกำลังหยิบขวดเบตาดีนกับซองสำลียัดลงกระเป๋ายาก็รีบเข้าไปหา เจอเศษแก้วกระจายเต็มพื้น และเห็นนิ้วเรียวเล็กของคนป่วยบนเตียงพันหนาเตอะด้วยผ้าก๊อซขยุกขยุยก็ให้ตกใจอีกระลอก
“นั่นนิ้วมือคุณพิงค์ไปโดนอะไรมาคะ”
พัดชายิ้มเจื่อน “พิงค์ซุ่มซ่ามทำแก้วน้ำหล่นแตกน่ะค่ะ ป้าสมรกับพี่กุ้งพี่อิ่มเดินระวังๆ นะคะ เดี๋ยวจะถูกเศษแก้วบาด”
อิ่มกับกุ้งหัวไวรีบบอกว่าไม่ต้องห่วง จะลงไปเอาอุปกรณ์มาทำความสะอาดให้เอง แล้วสองพี่เลี้ยงก็พากันออกไป ป้าสมรถือถาดข้าวต้มหอมฉุยมาให้ คนป่วยยิ้มซาบซึ้งจนเกินบรรยาย
“พิงค์ขอโทษนะคะที่เป็นต้นเหตุให้ทุกคนต้องพลอยวุ่นวายกันไปหมด หนำซ้ำยังซุ่มซ่ามทำเรื่องไม่รู้จักจบสิ้นแบบนี้”
“โถ คุณพิงค์ อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นเลยค่ะ อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าจะกับใคร แล้วเรื่องทำแก้วแตกแค่นี้เอง คุณพิงค์ไม่บาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปมากกว่านี้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ”ป้าสมรกล่าวปลอบอย่างอารี คนอาศัยอย่างพัดชายิ่งทวีความซาบซึ้งตรึงใจจนต่อมดราม่ากำเริบ น้ำใสๆ ร่วงเผาะออกมาจากขอบตา
ใครจะหาว่าพัดชาขี้แย ต่อมน้ำตาตื้น หรือชอบเรียกร้องความสนใจก็ช่างเถอะนะ เธอชินเสียแล้ว ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ตั้งแต่ปู่ย่าเสียเธอก็ใช้ชีวิตลำพัง ล้มเองเจ็บเองทำแผลเองเป็นประจำ มาบัดนี้มีทั้งเจ้านายแสนดี และป้าสมร กับใครต่อใครในบ้านนี้คอยดูแลห่วงใยทั้งๆ ที่ไม่ใช่ญาติ จะไม่ให้เธอรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลยังไงได้
นายหัวหนุ่มที่พกพาความหงุดหงิดออกจากห้องทำงานลงบันไดมาเพื่อหาเมล็ดกาแฟ สวนกันพอดิบพอดีกับอิ่มและกุ้งที่กำลังวิ่งตึงๆ ขึ้นบันไดมาพร้อมด้วยอุปกรณ์ทำความสะอาดครบมือ
“จะหอบไปไหน ไม้กวาดไม้ถูพื้นพวกนั้น”
เสียงขรึมๆ ทำให้สองพี่เลี้ยงหยุดชะงัก ยืนตัวแข็งแถวตรง เอ่ยตอบพร้อมเพรียง
“ไปทำความสะอาดห้องของคุณพิงค์ค่ะ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้นนายหัวรอนถึงกับร้อนวูบขึ้นในหัวใจ
“ทำไมต้องไปทำตอนนี้ มีใครทำเรื่องสกปรกกันในห้องนั้นหรือไง”ถามเรียบๆ ไม่ได้ส่ออาการอยากรู้อยากเห็นมากมายนัก สองพี่เลี้ยงผลัดกันเอ่ยตอบ
“คุณพิงค์ทำแก้วน้ำตกแตกค่ะ เศษแก้วกระจายเต็มพื้นเลย” อิ่มบอก
“แล้วเศษแก้วก็บาดนิ้วมือของคุณพิงค์ด้วยค่ะ แต่ตอนนี้คุณอูฐกำลังช่วยทำแผลให้” กุ้งสมทบ
พลันอาการร้อนวูบในหัวใจของรณรงค์ก็ผลุบหาย เอ่ยขึ้นเรียบๆ กับสองพี่เลี้ยง
“ผู้ชายจะทำแผลดีแค่ไหนเชียว เกิดแผลติดเชื้อเสียงานเสียการ”เขาทำเสียงดุ สองพี่เลี้ยงยืนตัวตรงก้มหน้าคอหด
"แล้วเรื่องที่เป็นลมเมื่อตอนบ่าย อาการเป็นไงบ้าง" ซ่อนน้ำเสียงกระตือรือร้นไว้อย่างแนบเนียน สองสาวใช้ยิ้มพร้อมคำตอบสดใส
"ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ ฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่ถามว่านายหัวโกรธหรือเปล่าที่เธอเป็นต้นเหตุให้ต้องวุ่นวายไปกันหมด" อิ่มบอก แทบจะก๊อบปี้ทุกคำของพัดชามาพูด รณรงค์พยักหน้าเผลอยิ้มน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว
“ไปบอกให้ป้าสมรเป็นคนทำแผล ส่วนอิ่มกับกุ้งอยู่ดูแลคุณพิงค์จนกว่าอาการจะดีขึ้น” เกือบจะเดินกลับขึ้นห้องทำงานไปแล้วแต่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้อีกอย่าง
<แอบเข้ามาเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมนิดหน่อยนะคะ>